ฮัลโหลสวัสดีกะผมนี้จะบอกว่าเสาร์นี้ไปม่อนจอง

ฮัลโหลสวัสดีกะผมนี้จะบอกว่าวันเสาร์นี้ไปม่อนจอง ที่ชื่อนี้เพราะเกิดจากการตั้งชื่อกลุ่มเฟสรวมแก๊งที่จะไปม่อนจองกัน กรุณาอ่านเป็นทำนองเพลงชินจัง

....... ถ้ามีคนมาถามเราว่า ชอบทะเลหรือภูเขา เราตอบได้หนักแน่น เสียงดังฟังชัดว่าภูเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบทะเลหรือสถานที่อื่นๆนะ เราชอบหมดถ้าเป็นการท่องเที่ยว แต่ถ้าให้เลือกคงเป็นภูเขาซะส่วนใหญ่ เราชอบความสูง ลมเย็นๆที่มาปะทะหน้ากับไอหมอกที่ลอยไปลอยมา หรือบางทีเราชอบ ความท้าทายที่ต้องฝ่าฟันปีนมันขึ้นไปเหมือนมันมีเรื่องเล่าเรื่องราว มีอะไรให้ทำในระหว่างการเดินทาง …. เราเสพติดการเข้าป่า เดินเขาขึ้นดอยตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็อยากไปเดินมันทุกดอยเลยอ่า มาถึงครั้งนี้เราไปเดินมา สามดอย ถ้าไม่นับการเดินระยะสั้นๆอย่างกิ่วแม่ปาน กับเขาแดง  ก็มีภูสอยดาว ผาหินกูบ ล่าสุด ดอยม่อนจอง ต่อจากม่อนจอง เราทำการจองขึ้นดอยหลวงเชียงดาวไว้ … เรารู้สึกตื่นเต้น ตาลาลาทุกครั้งที่ได้จัดกระเป๋าเป้ใบใหญ่ พร้อมกับเต็นท์และถุงนอน ใจจดใจจ่อทุกที

26 ธันวาคม 2558        เรากับสมาชิก 8 คน ได้มารวมตัวกันยังที่นัดหมายอย่างพร้อมเพียงเรียงกันไป ณ บิ๊กซีสะพานควาย เพื่อเดินทางไปยัง ดอยม่อนจอง อำเภออมก่อย จังหวัดเชียงใหม่ มันเป็นดอยที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยเชียวนะ  การไปครั้งนี้เราได้เจอเพื่อนใหม่หลายๆคนที่รู้จักการผ่าน facebbook  แอบคิดเยอะว่าจะทำตัวยังไง จะเข้ากะเพื่อนได้ไหม กลัวตัวเองจะบ้าบอจนเพื่อนรำคาญ 555  

27 ธันวาคม 2558      หลังจากนั่งเม้านั่งโม้ แนะนำตัวกันก่อนขึ้นรถตู้ จนล้อหมุน จนกระทั่งหลับเก็บแรงไว้ปีนกัน เราก็ถึง อำเภออมก่อย ที่ที่รถ 4WD จะมารับเราไปยังจุดเริ่มขึ้นดอย และเป็นที่ที่เราต้องซื้ออาหารการกิน ของสัมภาระที่ลืม ที่ตกหล่นซื้อกันที่ตรงนี้ได้เลย  อ่อ ลืมไปว่าจริงๆเรามีสมาชิกทั้งหมด 9 คน อีกคนอยู่เชียงใหม่อยู่แล้ว แต่เหมาสองแถวแดงตามมา

………..  เราล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าวทำทุกอย่างเรียบร้อย รถ 4WD มาทำการรอรับเราเปิดท้ายขนของให้เป็นอย่างดี … เริ่มแล้วซินะ นึกแล้วน่าสนุก

การไปดอยม่อนจองเราต้องติดต่อกับทางเขต รักษาพันธ์สัตว์ป่าอมก๋อยหน่วยมูเซอก่อน มีค่ารถ 4WD ค่าคนนำทาง ค่าลูกหาบ 

พอติดต่อจ่ายตังกันเรียบร้อย เราต้องนั่ง 4WD ไปต่ออีก 16 กิโล กับเส้นทางคลุกฝุ่น กับการนั่งตัวโยกเยกเป็นตุ๊กตาล้มลุกกับพื้นถนนที่ไม่ค่อยจะราบเรียบเท่าไหร่

 

พอถึงจุดหมายเริ่มเดิน ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางจริงๆ เราก็แบ่งของให้ลูกหาบจัดสัมภาระเอาที่ตัวเองจะแบกไหวไว้

 

จากนั้นพวกเราก็ยืดเส้นยืดสาย  ออกลุยกันโลด

 

ระหว่างทางกับสิ่งที่เจอ หลายคนอาจคิดว่าที่จุดหมายปลายทางอาจจะสวยงามที่สุด แต่ระหว่างทางบางทีความสวยงามมันก็ซ่อนอยู่ รอให้เราได้สัมผัส บางครั้งระหว่างทางมันก็อาจจะสำคัญพอๆกับจุดหมายปลายทางนะ เราว่า

 

เราขอแนะนำลูกหาบสุดหล่อ น้องไม้ เป็นทั้งลูกหาบและคนนำทาง นิสัยน่ารัก รอตลอดทาง คอยถามว่าไหวมะคับๆ

 

เดินมาได้ซักพักเจอวิถีแห่งการปีน เพิ่มความชันเข้าไป สองเท้าก้าวเดินไล่ระดับความชัน ขาลากกันเลยทีเดียว แต่วิวระหว่างความสูงความชัน คือมันช่างงามตามากมายหลายเหลือ

พอฝ่าฟันจุดเนินความชันมาได้ เราก็จะเจอวิวภูเขาสูงสลับซับซ้อน พร้อมทุ่งหญ้า เขียวๆเหลืองๆ ปนกันไป  ตัดกับเส้นขอบฟ้า ดูโล่งๆ น่าวิ่งเล่นชะมัด

 

 

เหลืองอร่ามตาเลยทีเดียว เพลินกับการถ่ายรูปได้แปปๆ ต้องรีบไปจองที่กลางเต็นท์เดี๋ยวกลับมาสูบเสพใหม่

 

กางเต็นท์เสร็จ เลยรีบปีนขึ้นไปชมวิวเบื้องบน แล้วค่อยมาทำอาหารกันฮับ

 

โน่นไงๆ หัวสิงห์ ที่เรียกว่าหัวสิงห์เพราะตรงยอดตรงโน่น คล้ายกับหัวสิงโตนั้นเอง

 

 

พอพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ฟ้าเริ่มมืด เราเลยเดินกลับไปที่เต็นท์ เพื่อทำอาหาร ทุกคนคงท้องร้องหิวกันอยู่เป็นแน่ พวกเราก็จัดการทำกับข้าว เมนู กระปล่ำผัดน้ำปลา ,ต้มยำซี่โครงกระดูกหมู,ไข่เจียวแหนม,ใส้กรอกทอด อร่อยลืม

กินอิ่มตาจะหลับ เข้าเต็นท์เปลี่ยนเสื้อผ้าซะหน่อยกลัวจะเน่าซะก่อน ไม่ได้อาบน้ำมา 1คืน 1วัน แต่เราพกแป้งตราเต่าเยียบโลกมานะ ทาแล้วเย็นสบาย กลิ่นหายห่วง 555

ตกดึกมานิดๆเริ่มภารกิจดูดาวกัน แล้วเล่นส่องไฟฉายไฟมือถือเล่นกัน คราวนี้ดาวไม่ได้เยอะอลังเหมือนที่คิดไว้ เพราะพระจันทร์เต็มดวง แสงสว่างไปทั่วฟ้า  แต่ก็ดูสวยนั่งเพลินอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นดาวตกด้วย

 

เวลาล่วงเลยมาจนดึกพอสมควร กับอากาศที่เริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนเริ่มบ่นง่วง จะพักเอาแรงเพื่อไปหัวสิงห์ดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ไปนอนกันเถอะ

 

...... เวลา ตีสี่ครึ่ง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น รู้สึกว่านอนหนาวเหน็บตัวชาอากาศเย็นมาก รู้สึกขี้เกียจเจอน้ำ แต่ทำไงได้ต้องต่อสู้กับมัน ทุกคนทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ  ถือไฟฉายส่องทาง พร้อมอุปกรณ์กันหนาวอย่างหนาแน่น มันหนาวจริงๆวุ้ย ระยะทาง 2 กิโล มองดูตอนเมื่อวาน หัวสิงห์แค่ตรงนี้สองกิโลชิวๆ ที่ไหนได้ ขึ้นลงเนินเป็นว่าเล่น เดินอยู่นาน สักพักพระอาทิตย์เริ่มเปล่งแสงระเส้นขอบฟ้า ทุกคนรีบเดินเพื่อที่จะไปถึงทันพระอาทิตย์ขึ้น

 

ในที่สุดก็ถึงยอดหัวสิงห์กันแล้ว ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,929 เมตร ข้างบนหนาวจับใจมากมาย  วิวกินใจน้ำตาจะหลั่งรินไหลเป็นลำคลองแสนแสบ คิดในใจจะถ่ายยังไงให้สวยเท่ากับตาเห็น

 

ทุกคนใจจดจ่อกับการถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น  พระอาทิตย์เคลื่อนผ่านความมืด เปล่งแสงประกายสีส้มกระทบกับภูเขาที่สลับซับซ้อน พวกเรานั่งเสพซึมซับความสวยงามความอลังวังกา พร้อมกับตั้งกาต้มน้ำ จิบชา กับขนมปังฟาร์มเฮา ทา นูเทลล่า

อิ่มเอมกับธรรมชาติ ถึงเวลาลงกันแล้ว ใกล้ถึงเวลาหมดสนุกแล้วจิ เตรียมเก็บของกลับบ้าน 

ก่อนกลับ พวกเราทานอาหารเช้า ต้มม่าม่าใส่หอยกระป๋อง เป็นอาหารเช้าที่เด็ดดวงพอตัว

 

........ สุดท้าย เราขอบคุณธรรมชาติที่แสนสวยงามนี้ให้เราได้มาสัมผัส ขอบคุณมิตรภาพดีๆที่ทุกคนหยิบยื่นมาให้  นายแบงค์ , เฮียพี่กอล์ฟ , เหมียว ,วิว ,น้องแบง , น้องปุ๊ก, น้องเติ้ล , พี่บ๊วย ขอบคุณ เพื่อนร่วมทาง ที่เดินผ่านไปมาแล้วส่งยิ้มทักทายกัน ขอบคุณลุงขับรถตู้ที่พาเหวี่ยงโค้งจนมึนหัว ขอบคุณร่างกายตัวเองที่ไม่งอแง

     

      ....... ฝึกหัดรีวิว  ติชมได้ฮับบบบบบบบบบบบบบ