ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ตะลุยเมืองตาก2วัน1คืน สอยมาลัยหน้าฝน ไปกับ CRF250Rally และผองเพื่อน ดอยสอยมาลัย หลังคาเมืองตาก จ.ตาก
    • โพสต์-1
    Boy •  สิงหาคม 12 , 2560

    รีวิวนนี้เปลี่ยนโหมดการเดินทางเป็น2 ล้ออีกแล้ว รีวิวที่2ของเจ้า CRF250Rally ยังไม่เลิกเห่อตั้งแต่ออกมาจะใกล้ไกลใช้เจ้านนี้ประจำ555 หลายทริปแล้วแต่จะเล่าแค่บางทริปละกันรีวิวทั้งหมดคงไม่ไหว ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะอยากไปดอยสอยมาลัย ที่เขาว่าสวยมากชาวสองล้อฮิตจริงๆ ในเมื่อมีรถพร้อมแล้ว เวลาว่างแล้ว หน้าฝนก็ไปวะ เอ้าา ลุยย ทริปนนี้หมดคนละ1300บาท เฉพาะคันผมหาร2

     

    โปรแกรมทริปนี้ เดินทางวันที่ 27-28/5/2560

    วันแรกออกเย็นวันศุกร์ไปนอนตัวเมืองตาก เช้าขี่รถผ่าฝนสายหมอก ขึ้นดอยสอยมาลัย ทั้งหมอกทั้งฝนมันส์ลื่นสนุกมาก ลงมาเย็นแล้วขึ้นดอยเปเปอร์ตอน2ทุ่มแต่ไม่ไหวเลยลงกลับมาหาที่นอนท่าสองยาง

    เช้าวันที่สอง ขี่รถไปดูหมอกที่ม่อนครูบาใส แวะถ้ำแม่อุสุแล้วกลับวิ่งเลาะรายทาง ถ่ายรูปศูนย์อพยพ ร้านกาแฟชิคๆ แวะตลาดริมเมย ต่อด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านดินยิงกลับแวะสักการะศาลเจ้าพะวอ พักเหนื่อยที่อุทยานแห่งชาติตากสิน แวะวัดวิวมุมสูงและสะพานวังเจ้า ลุยฝนตั้งแต่กำแพงเพชรถึงกทม 

     

    ทริปนนี้ประเดิมกล้องใหม่ตัวเก่าพัง ยังคงเป็นสาวก Nikon D7200 kit 18-140เพิ่มเลนส์ใหม่ได้ส่วนลดตอนซื้อเลยเสียดายจัดมา Fix 50 1.8G ถอยมาสดๆก่อนออกทริป3วัน จะไหวไหมลองไปดู และ Gopro hero 4 silver ลองชมคลิปจากโกโปรก่อนได้จ้า ฝาก เหลี่ยมพาเที่ยว ด้วยจ้า

    • โพสต์-2
    Boy •  สิงหาคม 12, 2560
    • โพสต์-3
    Boy •  สิงหาคม 12 , 2560

    เริ่มออกเดินทางคืนวันศุกร์ตามเดิม ทริปมีด้วยกันทั้งหมด 4 คัน แลลี่ 2 เวฟ1 และสแมช1 แต่สแมชเดี่ยวขี่ตามมาเรื่อยๆ 3 คันเราตรงดิ่งกันก่อนออกจากกทม เกือบ 2 ทุ่ม 4ทุ่มกว่าๆก็มาพักรถกันที่นครสวรรค์แล้วยิงยาวต่อไปถึงตัวเมืองตากประมาณตี 2กว่าๆได้ คืนนี้เราไปหาที่กางเต็นกันแถวศาลาในตัวเมืองแถวๆสะพานแขวนเมืองตากมีศาลาเยอะเลย ไปหลายคนปลอดภัยไร้กังวล ประมาณตี5ก้มีลุงๆป้าพ่อค้าแม่ขายมาตั้งแผงขายของกันแล้ว

     

     

    หลังจากงีบกันสัก3ชั่วโมงก็เช้าพอดี พอมีเรี่ยวแรงลุยต่อ ระหว่างนอน สแมชก้ตามมาถึงตอนตี 5 เล่นได้ว่าคันนี้ไม่หลับไม่นอนกันเลย จากนั้นเราก็เก็บเต็น ล้างหน้าแปรงฟันที่ปั้ม งานนี้ไม่มีใครอาบน้ำ 555

     

     

    ออกจากปั้มมุ่งหน้าจุดหมายแรกของวันนี้ดอยสอยมาลัยแวะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำสวยขอจอดถ่ายหน่อย

     

     

    โฉมหน้าผู่ร่วมขบวนการทริปนนี้

     

    คันแรกช่างเอกซ์ดอนคลัง มาจากราชบุรี

     

    หนุ่มปอ มาจากปทุมหรือรังสิตนะ 555 พึ่งเจอกันทริปแรกทั้งสองคันครับ

     

     

    ตานกมหาชัย ตานี่เจอบ่อยแล้วตั้งแต่รถยนต์มามอไซด์

     

    ส่วนคนนี้ผมเอง บอยดอนเมือง

     

    และคนนี้คนคอยสกิดทุกโค้ง ปวดเอวหมดแล้วเห้นโค้งไม่ได้ต้องสกิด ขับเร็วหน่อยก็สกิด 555สาวฟางลาดพร้าว

     

     

    ไปกันต่อ สอยมาลัยอีกไม่ไกลแล้ว

     

     

    เลยสามแยกนี่ได้ไม่นานเราก็แวะกินข้าวเช้ากันที่ ครัวลุงชา ป้าหน่อง ร้านอาหาร กับบรรยากาศวิวทุ่งท้องนา

     

     

    แต่วิวที่เด็ดๆนี่อยู่ที่ห้องน้ำครับ ขี้กันแบบฟินมากเช้าๆมีหมอกไกลๆด้วย

     

     

    ออกจากร้านข้าไปกันต่อ ถนนหนทางสวยงามบรรยากาศสดชื่นสุดๆ เมื่อคืนมีฝนตอนถึงตากพอดีจนถึงเช้าทำไห้เช้านี้มีหมอกปกคลุมไปทั่ว

     

     

    กล้องใหม่ยังไม่คุ้นมีมีเบลอกันบ้าง

     

     

     

     

    ขี่มาเรื่อยเจอน้ำตกริมถนนข้างทางแวะพักกันก่อน

     

     

     

    ช่วงใกล้ถึงทางเข้าดอนสอยมาลัย หมอกลงจัดมากๆระยะมองเห็นประมาณไม่ถึง50เมตร

     

    และแล้วก็มาถึงทางเข้าดอยสอยมาลัย ที่ใครๆเขาก็มากัน

     

     

    เวลาตอนนี้เกือบ10 โมง หมอกยังหนามากหนาวด้วย เราฝากของทั้งหมดไว้ข้างล่างขึ้นไปกันแบบตัวปลิวๆ เพราะเมื่อคืนฝนตกเส้นทางมันต้องไม่หมูแน่ๆ 555

     

    เอาของลงแล้วก็เตรียมเสบียงไปกินมื้อเที่ยงข้างบนมีร้านค้าอยู่ตรงข้ามพอดีเลือกซื้อก่อนขึ้นได้ครับ

     

     

    ถ้าพร้อมกันแล้วก็ลุยกันเลย เราให้ เวฟกับสแมชนำทางก่อนครับ แลลี่สองคันปิดท้าย ทางเป้นดินตั้งแต่แรกเลย มีความลื่นไม่เบา

     

    ขับมาได้สักพักเรื่อยๆก็มาถึงเนินนี้ เนินนี้ชันพอสมควรและลื่นดคตร เวฟกับสแมช แรงไม่พอต้องลงมาเข็น

     

     

    ส่วนแลลี่เหมือนว่าจะสบาย แต่ไม่ใช่ 555 ทางก็มีแต่ขี่ไปลงหลุมซะงั้น ขึ้นก็ไม่ได้ เอ้าา ตายกลางทางแต่เริ่มแล้ว555

     

     

    หลังจากขึ้นจากหลุมได้ยังไม่สุดเนินเอาอีกแล้ว อันนี้ขับมาตรงๆนะแต่หนังหมูมันลื่นมากๆ ปัดไปปัดมาล้มแปะซะเลย ล้อเต้มไปด้วยดิน

     

     

    ลำบากกันทั้งคณะ แหมมือใหม่เนาะ แลลี่คันมันหนักจริงๆครับ ต้องช่วยกันหลายคน 555

     

    พ้นเนินนี้ไปก็ไม่ชันเท่าไหร่ไปเรื่อยๆได้ อย่าจอดบ่อยด้วยเพราะทากเยอะมาก ยั่วเยี่ยสุดๆ

     

     

    และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

     

    งัดยางกันกลางป่า 

    ก่อนขึ้นสอยมาลัยทักช่างเอ็กซ์ว่าไม่เอาเครื่องมือไปด้วยเดี่ยวยางรั่วจะทำยังไง ช่างบอกว่ารถผมไมเคยรั่ว

    พอขี่เข้าไปได้สัก2โลเท่านั้นแหละ รั่วจนได้ แต่ความเป็นช่างมีแน่นอน มีที่งัดยางที่เหยียบลมพร้อม จัดแจงงัดยางกลางป่าไม่สนทากแม่มันจะกระโดดดูดยังไงช่างมัน555

    พีคกว่านั้น พองัดยางออกมาเสร็จ ยางในสำรองอยู่ในวะ อ่อมันอยู่ในกล่องเครื่องมือข้างล่างนี่เองงง หมดกันที่งัดยางมาา ต้องใส่เข้าไปใหม่ เลยตกลงว่าจะค่อยๆขี่ขึ้นไปทั้งแบนๆนี่แหละ 

     

     

    เราทั้งสามเลยร่วงหน้าไปก่อนขี่ไปเรื่อยๆ เอ้าลื่นล้มอีกและ ตลอดข้างทางหมอกเยอะมากมองไม่เห็นอะไรเลย 

     

     

    มีบางช่วงฟ้าเปิดให้เห็นวิวบ้าง ลมแรงพัดหมอกไปมา

     

     

    และเนินสุดชันอีกเนิน

     

     

     

     

    และแล้วก็มาถึงกระท่อมนี่แปลว่าอีกไม่ไกลแล้วล่ะ พักรอสแมชขึ้นมาก่อน

     

     

    แต่รออยู่นานมากครึ่งชั่วโมงกว่าได้ ยังไม่ขึ้นมา เราเลยคิดว่าช่างจะลงไปรอข้างล่างหรือไม่ก็ลงไปเปลี่ยนยางแล้วขึ้นมาใหม่แน่ๆ เลยคุยกันว่าไปกันต่อถ้าตอนกลับเจอสแมชขึ้นมาถึงไหนก็จะขึ้นกันใหม่อีกรอบ  

    จากตรงนนี่ไปทางไม่ยากแล้ว มีแค่เนินชันลงจากตรงกระท่อมนี่เท่านั้น

     

     

    เจอต้นไม้ล้มระหว่างทาง

     

    ขากลับเราช่วยกันตัดแล้วยกแอบข้างเพื่อให้รถผ่านได้

     

     

     

     

    ในที่สุดเราก็มาถึง แต่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ หมอกยังคงหนา ฟ้าเดี่ยวเปิดปิด ตลอดมีให้เห็นวิววับๆแววๆ

     

     

     

     

    เรามาจอดพักตรงที่หินที่เขามากันบ่อยๆที่เห็นในรูปอ่านะ

     

    พวกเราต้มมาม่ากินกันระหว่างระสแมช อยู่พักใหญ่ เลยสงสัยว่าสแมชคงจะไม่ได้ขึ้นมา เลยเตรียมตัวกลับ

     

    ถ้าฟ้าเปิดมันต้องสวยมากแน่ๆ

     

     

    แปบเดียไม่นานพอกำลังจะกลับ ฝนก้ตกลงมาอีกรอบแรงเลยคราวนนี่

     

    ตกอยู่สักพักก็หยุดไป เราเลยขี่ลงกัน

     

     

    แต่ขี่ลงมาได้สักพัก ก็พบกับสแมชที่มากับใจเต็มร้อยสรุปว่าขี่ลงไปเปลี่ยนยางในแล้วดันขึ้นมาใหม่คนเดียว พวกเราไม่รอช้าสานฝันสแมชกันต่อ ดันกลับขึ้นไปอีกรอบ พาสแมชไปให้ถึงจุดที่พวกเราไปกันเมื่อกี้

    และแล้วก็มาถึงครบทั้งสี่คัน สมใจอยาก

     

     

    แล้วสิ่งที่เรารอคอยก็เกิดขึ้น

     

     

    หลังจากเราขึ้นมาใหม่กับหลังหันหัวลงแล้วท้องฟ้าก็ได้พัดหมอกหายไป ทำให้เราได้พบกับวิวอันสวยงาม

     

     

    ถ้าสแมชไม่ขึ้นมาอีกรอบเราก็คงไม่ได้เห็น ทุกความดชคร้ายมักมีโชคดีซ่อนอยู่ ขอบคุณสแมชที่ยางรั่ว 555

     

     

    ถึงฟ้าจะไม่ได้เปิดกว้างไกลแต่ก็ทำให้หัวใจพองโตได้อีกครั้ง

     

     

     

    ถ่่ายกันรัวๆไม่รู้หมอกจะมาอีกไหม 555

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ว่าจะย้อนกลับไปที่หินจุดเดิมก็เดี่ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านนี้ตอนนี้ก้บ่าย2กว่าแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แต่น่าเสียดายที่เวฟไม่ได้ขึ้นกลับมาอีกรอบ ขอขับไปรอแถวข้างล่างก่อน

     

     

     

     

     

    หลังจากถ่ายรูปกันจนหน่ำใจ

    ก็ได้เวลาโบกมือลาสอยมาลัย

     

    แล้วจะกลับมาใหม่ วันที่ฟ้าเปิดกว่านี้ อิอิ

     

     

     

     

     

     

    ขาลงเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็มีเรื่องทำให้ใจเต้นผิดจังหวะจนได้ เมื่อตอนที่เจอกับสแมช สาวฟางแฟนผมบอกขี้เกียจขึ้นเดี่ยวเดินไปเรื่อยๆเพราะทางมันชัน ผมก็เลยเอางั้นก็ได้ แต่เราก็ดันไปถ่ายรูปขึ้นไปซะนาน พอลงถึงหนุ่มปอ นอนรออยู่บอกไม่รู้ฟางเดินไปไหนแล้ว ผมก็เลยขี่กลับกันเรื่อยๆ พอจนถึง กระท่อมเสาธงตอนแรก ยังไม่เจอ เอาแล้วไง ใจคอเริ่มไม่ดี คราวนนี้ขี่ลงคนเดียวไม่รอใครเลย กลัวเขาจะเป็นอะไรหรือป่าว ผมขี่ลงอย่างไว เนินตรงก่อนถึงกระท่อมนั้น ด้วยความเป็นห่วงเขา เราก็รีบลง ทางก็โคตรชัน กลิ้งสิครับ ตัวตีลังกา รถล้มล้อลอย ชิวหน้าหลุด ยังดีนะมันไม่แตกแค่หลุด ตอนแรกลองยก ไม่ขึ้นเว้ย สงสัยต้องรอเพื่อนๆ แต่ใจก็เป้นห่วงมันร้อนรนทนไม่ไหว ยกซ้ายทีขวาที จนรถตั้งตรงได้ก็ขึ้นคร่อมขี่ต่อ แล้วก็ก็วนลูปเดิม พอเรารีบก็เลยเผลอบิดคันเร่งแล้วมันก็แรงไปทางมันชันลง พอเบรคไม่อยู่ก็ลื่นล้มแปะ ซ้ายบ้างขวาบ้าง ล้มไปเกือบ 10 รอบ แต่พลังโคตรเหลือตอนนั้นอะ อะดรีนาลีน คงหลั่งเต็มที่ ยกได้ทุกรอบไม่ว่าจะล้มท่าไหน ปกติ ยก3รอบก้หมดแรงแล้ว นี่ยกได้ไม่อั้น

     

    สุดท้ายลงมาจนถีงเห็นเธอยืนยิ้มอยู่ โอโห้ โล่งใจ สรุปว่าเธอเดินมาเรื่อยๆ แล้วเจอ มอไซด์เจ้าหน้าที่กับชาวบ้าน 2คัน มีผู้หญิงด้วย คันนึงว่างเขาเลยชวนว่าลงไปรอข้างล่างก็ได้ ยัยนี่ก็บ้ายอลงมากะเขาเฉยๆ บอกว่านึกว่าปอ จะรู้เพราะมอไซด์ขี่ผ่านปอมา แต่ปอบอกเผลอนอนอยู่ไม่ทันได้มอง แถมยังบอกลงมาทางลัดอีกตะหากเวฟขี่พริ้วเลย 555 แต่ใส่โซ่ที่ล้อด้วย

    สภาพรถก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ไฟเลี้ยวแหก ใบการ์ดแตกทั้งสองข้าง ริ้วรอยทั้งซ้ายขวา เฟรมแตกอีกตะหาก แหมใจนึงก็โมโหลงมาได้ยังไงอีกใจก็เห็นเขาปลอดภัยก็พอใจแล้ว

     

    แต่รอบนนี้ก็ทำให้รู้ว่าพวกอุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆนี่มันช่วยได้จริงๆ พวกการ์ดแฮนการ์ดเข่าข้อศอกผมล้มกลิ้งหลายรอบมาก ไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนเลย บางทีล้มและตีลังกาก็มี ส่วนการ์ดแฮนนี้ช่วยได้มาก นี่ถ้าไม่มีคงจะมีเจ็บตัวกันบ้างครับ

     

     

     

     

     

    ไป แพคของขึ้นรถลุยกันต่อ ต้องไปอีกไกล

    • โพสต์-4
    Boy •  สิงหาคม 12 , 2560

    เวลาตอนนั้นเกือบ 4 โมงแล้ว ผิดแผนไปพอสมควร เป้าหมายต่อไปที่ตั้งใจคือขุ่นห้วยโป่ง

     

    ระหว่างทางวิวสวยๆก็จอดก่อน

     

     

     

    ถึงอุทยานขุนพะวอ แวะเข้ามาถ่ายรูปสักนิด ใกล้เย็นแล้ว

     

    เรามาพักกินข้าวเตรียมเสบียงกันอีกทีที่แม่ระมาดตอนนั้น 6โมงกว่าแล้ว หลังจากเตรียมเส็ดออกจากแม่ระมาดได้เกือบทุ่ม เลยคุยกันว่า คงเอาแค่เปเปอเพราะขุนห้วยโป่งเลยไปอีกไกลเดี่ยวจะดึกมาก เลยลุยกันต่อ แต่พอถึงทางเขาดอยเปเปอร์ เส้นทางที่โคตรชันมากๆ อีกทั้งเป็นช่วงกลางคืน ขับขึ้นนี้ไฟส่องมองไม่เห้นถนน บิดๆๆๆๆกันอย่างเดียวไม่รู้เนินมันสุดตรงไหน เวลา สองทุ่มกว่า ผมแลลี่สองคันขึ้นมาถึงจุดพักเนิน ที่เป็นทางชันขึ้นยาวๆ เกือบโลได้มั้ง จอดกันอยู่ในความมืด อยู่เกือบ10นาที เวฟและสแมชยังขึ้นมาไม่ถึง เลยตัดสินใจว่า ขอยอมแพ้ก่อนก็ได้ เพราะต้องไปอีหหลายโลถ้าชันๆแบบนนี้ อีกสองคันไม่ไหวแน่ เลยขับย้อนลงไป เจอเวฟกับสแมชกับลังเข็นดันกันอยู่ สภาพ หมดแรงกันทุกคน ทั้งผมและคนอื่นๆ

     

     

    เลยหันหัวกลับลงมา เลี้ยวขวามาท่าสองยาง คราวนนี้เลยตกลงว่าหาที่พักก็ได้เอาที่ไม่แพง เพราะคงหาที่กางเต้นไม่ได้แล้วตอนนี้ เลยไปเจอรีสอร์ทระหว่างทาง ราคาห้องละ 500 บาท เลยตกลงเอาที่นนี้แหละ ขี่กันมั้งตั้งแต่ 6 โมงเช้านี่3ทุ่มกว่าแล้ว ยอมจ่ายกัน เลยเปิดสองห้องผมนอนกะแฟนและหนุ่มๆสามคน คืนนั้นก้นอนกันด้วยความเพลีย หมดแรงกันหมด 555

     

     

    เช้าวันอาทิตย์ ตกลงแต่เมื่อคืนว่าผมจะขี่ไปดูหมอกที่ม่อนครูบาใส ประมาณ 50 โล แต่ไม่มีใครมา ผมก็เลยบินเดี่ยวมาตั้งแต่ 6โมง มาถึงม่อนครูบาใส 7โมงนิดๆ

     

    หมอกมีพอประมาณแต่อยู่ไกลๆนู้น ซูมๆๆเข้าไป

     

     

     

    หมอกไม่เยอะมากแต่ก็สวยน่ารัก พอเป็นรางวัลของการเดินทางเช้านี่

     

     

    ผมอยู่แค่ม่อนครูบาใสไม่ได้ไปต่อเพราะนัดทีมไว้ 9 โมง กว่าๆจะเดินทางกลับ

     

    เลยขี่กลับแวะชมธรรมชาติสองข้างทาง

     

     

     

     

     

    และถนนสวยๆตลอดเส้นทางที่แม่เมยนี้น่าจะมากางเต็นสักครั้ง

     

     

     

     

     

     

    ออกจากแม่เมยยิงกลับแวะถ้ำแม่อุสุ

     

    แต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะยังเช้าไม่มีใครเลยเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยู่เลยไม่ได้ได้เข้าไปอีกอย่างแดดยังไม่มาคงไม่มีแสงลอดช่อง

     

     

    ฝูงควายดำเนินชีวิตกันตามปกติ

     

     

     

    นอนจมปลักอย่างมีความสุข จะเกิดเป็นคนหรือควายก็มีความสุขได้ถ้ารู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมี

     

    กลับมาที่พักกินมื้อเช้าง่ายๆมาม่าปลากระป๋อง เตรียมเดินทางกันต่อ

     

    ขากลับวันนี้ไม่มีไรมากแวะเลาะรายทางเจออะไรสวยก้จอด

     

    ที่แรกก็ ศูนย์อพยพแม่หละ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ที่ต่อไป ร้าน กาแฟ Wisdom Field

     

    ที่นนี้มีจุดถ่ายรูปอาทๆเพียบ

     

     

     

    ไม่รู้ว่าตรงนนี้แต่ก่อนเป้นตึกอะไรสักอย่าง หรือเขาทำให้เป็นแบบนนี้เลยก็ไม่ทราบนะครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ไปกันต่อ สุดประจิมที่ริมเมยมาจอดเช็คอินกันหน่อย

     

     

    เข้าตัวแม่สอด มาแม่สอดทีไรต้องไม่พลาดร้านนี้ครับ ก๋วยเตี่ยวบ้านดิน รอบก่อนมาปุ๊ตุ๊โกรติดใจรอบนนี้มาเลยต้องโดน

     

     

     

    มีหลากหลายเมนูรสชาติอร่อยมีดรยชิสด้วยแต่วันนั้นชีสหมดแล้วไปถึงบ่ายแก่ๆ

     

    ออกจากแม่สอดอย่าลืมแวะไหส้สักการะศาลเจ้าพ่อพะวอ

     

     

    แต่ถ้าไม่เยี่ยว แวะเที่ยวถ่ายรูปก็ได้

     

     

     

    มีจุดชมวิวร้านกาแฟอยู่

     

     

    แต่ถ้าปวดขี้แวะอุทยานตากสินมหาราชเลย ห้องน้ำดีมีที่ฉีดตูด สบายท้อง ที่นนี้บรรยากาศดีเลยละน่ามานอนสักคืนครับ

     

    ไปกันอย่างไว แต่ความจริงไม่ไหว โอเอ้แต่ละที่นานพอสมควร ถึงอุทยานตากสินก็ปาเข้าไปบ่าย4โมงกว่าแล้ว 

     

    ออกจากอุทยานตากสินต้องร่ำลาสมาชิก เวฟกับสแมชจะขอนอนต่ออีกคืนแถวกำแพงเพชร เลยจะแยกคนละทาง เลยแยกกันตรงนนี้ ผมต้องกลับไปทำงานเช้าวันจันทร์อันแสนน่าเบื่อกันต่อ

     

    ถนนอยู่ระว่างขยายเส้นทาง

     

    ออกจากเมืองตาก วนมาขี่เส้นเก่าวังเจ้า ถนนสองเลน

     

    แวะวัดมุมสุงอีกที่ ที่นี้วัดเขาลาน้ำ

     

     

    ทางขึ้นไม่สูงมาก แต่มีวิวเปิดกว้างสวยงามเลย

     

     

     

    แต่ดูเหมือนที่นนี้จะไม่ค่อยมีคนรู้จัก และไม่เจอนักท่องเที่ยวคนไหนเลย แม่แต่พระก็ไม่เจอ

     

     

     

     

    ต่อกันที่สุดท้ายแล้ว บอกแล้วว่าวันนี้เที่ยวเลาะรายทาง ไม่เดินให้เหนื่อย รถถึงทุกที่ ปิดท้ายด้วยสะพานวังเจ้าครับ

     

     

     

     

    ฝนก็เหมือนจะมาดำๆ แต่เราก้ไม่หวั่นจอดถ่ายกันอยู่นาน

     

    มีขี่วนไปวนมาเสียด้วย

     

     

     

    ออกจากวังเจ้าประมาณ 6 โมงกว่าๆ

     

    หลังจากออกจากสะพานวังเจ้าวิ่งกำลังจะเข้าเส้นหลัก ก็เจอฝนชุดใหญ่เทลงมา เราก็ไม่กลัวใส่เสื้อกันฝนลุยกันต่อหวังว่าไปข้างหน้าเดียวมันก็หยุด แต่แหมผิดคาด พี่ฝนก้ตกกันตั้งแต่ออกจากวังเจ้า จนถึงสุพรรณบุรี ตกกัยแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่โชคยังดีที่ว่าตกไม่แรงมากลมไม่แรง ขับลุยกัยที่ความเร็ว 100 ได้เรื่อยๆ ทั้งเปื่อยทั้งแฉะ ขากลับนี่ตูดเริ่มชา

     

    จนสุดท้ายออกจากสุพรรณมันก็ยังตก ไปจบกันที่บางเลน เกือบ5ทุ่ม แวะกินบะหมี่เกี้ยวเติมพลังแก้หนาวปิดท้ายทริปนนี้กันหน่อย ถึงบ้านอย่างปลอดภัย เที่ยงคืนพอดี กับระยะทาง 1435 กิโล

     

    สรุปค่าใช้จ่ายหาร2กะแฟน

    ค่าน้ำมัน 1360บาท

    ค่าที่พัก500

    ที่เหลือค่ากิน ประมาณ 600 กว่าบาท

    รวมทั้งหมดหาร 2 ตกคนละ ประมาณ 1300 บาท กับสองวัน2คืนที่โคตรคุ้มเลยครับ

    สำหรับทริปนนี้เจ้า แลลี่ยังคงทำหน้าที่ได้ดีแรงดีไม่มีตก พร้อมลุยทุกทางแต่คนจะพร้อมหรือเปล่าแค่นั้นเอง555 ทริปนนี้ขับไม่เร็วเพราะขาไปเวฟไปด้วยยืนพื้น100ตลอดทางขากลับฝนก็ตกอีกวิ่ง100เดียวทั้งไปกลับ มาหมดน้ำมันเยอะบนสอยมาลัยนี่แหละ แต่ก็ยังโอเคโลละ เกือบบาท ยังคงเชียร์คนที่สนใจตัวนนี้อยู่นะครับไม่ผิดหวังแน่นอน ดำก็ได้ฝุ่นก็ดี แล้วคุณจะหลงรัก CRF250Rally

     

    แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ ทริปหน้าจะไป2ล้อหรือ4ล้อ หรือ10ล้อเดี่ยวว่ากันน อิอิ สวัสดีครับ