ดอยหลวงพะเยา ขุนเขาและแรงศรัทธา
จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้เกิดจากบทสนทนากันบนรถระหว่างขากลับจากการทำงานที่เชียงใหม่
เป็นการพูดคุยกันเรื่องทั่วไป และด้วยความที่ใกล้กับช่วงปลายปี พี่หัวหน้าที่ไปด้วยกันจึงถามว่า
" หน้าหนาวพวกเอ็งไม่ไปไหนกันหรอ " ผมก็ตอบกลับไปว่า "ยังไม่ได้คิดเลยพี่ มีแนะนำมั้ย" พี่หัวหน้า
"เออ.... ลองไปดอยหลวงพะเยามั้ยหละ ไปไม่ยาก วิวสวยด้วยนะเว้ย" ผมก็แบบเดี๋ยวลองหาข้อมูลดูก่อนละกัน
หลังจากกลับมา ถึง กทม. ก็นั่งอ่านรีวิว ถามพี่ที่เคยไป แล้วก็ได้ข้อสรุปว่ามันน่าจะเจ๋งดี เลยป้ายยาด้วยการ
ส่งภาพสวยๆ ไปให้กับบรรดาเพื่อนฝูง (เหยื่อของผมนั่นเอง 555) ไปร่วมชะตากรรมกับผมที่นี่ ซึ่ง
ก็ได้สมาชิกกันมาถึง 8 คน หลังจากนั้นก็โทรจองกับทางเจ้าหน้าที่และสอบถามข้อมูล
และนี่แหละ...คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อไปพิชิตขุนเขาแห่งแรงศรัทธา
--------------------------------------------------------
ทริปนี้วางแผนไว้ว่า จะใช้ชีวิตในป่า 2 วัน 1 คืนเท่านั้น และลงมาคูลๆ ที่กว๊านพะเยาอีก 1 คืน
สรุปแล้ว ก็เป็น 3 วัน 2 คืน กับจังหวัดที่มีชื่อว่า " พะเยา "
จุดนัดพบ
พวกเรานัดรวมพลกันที่ สตาร์บัค ข้างสมบัติทัวร์ เพื่อรอเวลาล้อหมุน เวลา 20.20 น. เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดพะเยาปลายทางที่พวกเราจะไปกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง คืนนี้พวกเราก็นอนเอาแรงกันบนรถให้เต็มที่ เพื่อเตรียมตัวพิชิตยอดเขาในเช้าวันต่อไป
เช้านี้ที่พะเยา
ประมาณ 6 โมงกว่าๆ พวกเราก็มาถึง บขส.พะเยา กันแล้ว เมาขี้ตากันสุดๆ ลงจากรถ รับสัมภาระเสร็จแล้ว
ก็แยกกันไปทำธุระส่วนตัว หลังจากนั้นพวกเราก็ขอไปเติมพลังกันซักหน่อย แถว บขส. พอมีร้านอาหารอยู่บ้างหรือถ้าใครไม่ถูกปาก ก็ยังมี 7-11 คอยให้บริการอยู่ใกล้ ๆ ใครขาดเหลืออะไรก็เติมจากตรงนี้ได้เลย ก่อนมาพวกเราโทรนัดเจ้าหน้าที่กันไว้แล้ว พี่เค้าบอกจะมารับพวกเราประมาณ 7-8 โมงกว่าๆ
หาอะไรกระแทกท้องซักหน่อย เหนียวไก่แบบฉบับอาฉลอง 5555
เวลา 8.30 น.
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พี่เจ้าหน้าที่ของเรานั่นเอง พี่เค้าบอกว่าใกล้ถึงแล้ว และเพียงไม่ถึง 5 นาที
รถกระบะคันที่พวกเราจะใช้เป็นพาหนะ ก็มาจอดเทียบท่าอยู่ตรงหน้าพวกเรา อย่ารอช้าช่วยกันคนละไม้คนละมือ
ยกสัมภาระขึ้นรถ
หาที่เหมาะๆ หย่อนตูดลงนั่งให้เรียบร้อย แล้วก็ออกเดินทางกันเลย (ตื่นเต้นสุดๆ )
ประมาณ 9 โมงนิดๆ เราก็มาถึงจุดเริ่มเดินกันแล้ว แบ่งอาหารกลางวัน และจัดกระเป๋ากันอีกซักรอบ
ห้ามพลาดด้วยการแชะภาพซักรูปเป็นที่ระลึกก่อนจะก้าวเท้าไปพิชิตยอดเขากันซักหน่อย
(เป็นมุมที่ใครจะไปดอยหลวงต้อง ถ่ายกันเก็บไว้ไม่รู้ทำไม) และทีมของพวกเราก็ได้ฤกษ์เดินประมาณ 9.30 น.
ช่วงแรกยังเดินกันได้สบายๆ ไปเรื่อยๆ แต่สองข้างทางที่นี่จะมีหญ้าสูงท่วมหัวเกือบตลอดระยะทาง
(แนะนำให้ใส่แขนยาวเลยจ้า ไม่งั้นโดนหญ้าบาดกันแน่นอน)
ก็ยังเดินๆ พักๆ กันเป็นระยะ ระหว่างเดินก็จะเจอหมอกจางๆ สลับกับสภาพอากาศครึ้มๆ
พอเดินมาซักพักเราจะมาเจอกับป้ายป่าสนเขา เป็น Checkpoint แรกของพวกเรานั่งพักและถ่ายรูปเล่นกันสักครู่ก็แบกเป้เดินกันต่อ มุ่งหน้าสู่ดอยหลวง ซึ่งหลังจากนี้เราจะต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ ผ่านเขาสี่ลูกหลักๆ คือ
"สันหมูแม่ด้อง "ต่อมา "เด่นสะแกง" "บันไดก่ายฟ้า" และสุดท้ายคือเป้าหมายของเรา ดอยหลวง นั่นเอง
ระยะทางก่อนจะถึงสันหมูแม่ด้องก็จะมีเดินขึ้นเดินลงสลับกันไป แต่ที่นี่สิ่งที่ต้องเจอคือหญ้าที่สูงท่วมหัวเดินแล้วก็จะทิ่มหน้า ทิ่มตา จนต้องเอาผ้าบัฟ มาปิดหน้ามันซะเลย ระหว่างทางก็เริ่มจะได้ยินเสียงสมาชิกบ่นกันเล็กน้อย ว่า " ชันจังวะ 5555 " แต่ก็ต้องก้มหน้าเดินกันต่อไป
และในที่สุดเราก็เดินมาเจอกับป้ายสันหมูแม้ด้องแล้ว
จากตรงนี้ไปจะค่อนข้างชันและเป็นสันเขา วิวสองข้างทางจากตอนที่ได้คุยกับพี่ๆ เค้าบอกว่าสวยมาก แต่วันที่พวกเราไปก็อย่างที่เห็นในรูป ซ้ายก็เทา ขวาก็เทา ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอก 5555 วิวไม่เห็นงั้นก็ก้มหน้าก้มตาเดินต่อกันดีกว่า
พอเดินมาได้ซักระยะ มีเพื่อนสมาชิกบ่นว่าเริ่มหิวกันแล้ว มองนาฬิกานี่ก็ประมาณเที่ยงนิดๆ เลยถามพี่เจ้าหน้าที่ว่าพักกินข้าวตรงไหนกันดี พี่เค้าบอกว่าเดินต่ออีกหน่อย จะถึงเด่นสะแกง แล้วเราค่อยนั่งพักกันตรงนั้นดีกว่า ไม่รอช้ารีบเดินเลยทีนี้ 555 จะได้ไปนั่งพักกินข้าวกันไวๆ และพวกเราก็กัดฟันพร้อมกับเสียงท้องร้องยกทีมกันเดินต่อไปเป้าหมายคือ เด่นสะแกง
ก็เหมือนเช่นเคยเดินขึ้นๆ ลงๆ สลับกันไปเรื่อยๆ และในที่สุดผมก็เดินมาถึงเด่นสะแกง ประมาณ 13.00 น.
เนื่องด้วยผมมาถึงก่อนสมาชิกในทีม ก็เลยถ่ายรูปเล่นและหาทำเลเหมาะๆ ในการพักทานข้าว แต่ทว่า เพื่อนสมาชิกที่ตามมาทีหลังตะโกนมาว่า "มึง !!! ทำไก่หล่นป่าววะ" ไอเราก็ งง ไก่ไหนวะ ก็เสียงถุงมันยังได้ยินอยู่เลยแล้วไก่ใครวะ พอปลดเป้ลง เ-ียยย ถุงขาด มันบอกว่าตอนแรกก็ไม่กล้าเก็บเพราะตกอยู่ข้างต้นไม้ นึกว่าพี่ลูกหาบหรือพี่เจ้าที่แกไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา แต่มันบอกว่าดูแล้ว คุ้นๆ เหมือนไก่ที่ซื้อเมื่อเช้า 555 เกือบอดกินข้าวเที่ยงกันซะแล้วเรา
และนี่คือที่พักกินข้าวของพวกเรา กินไปชมวิวไปถึงแม้ฟ้าจะปิดแต่มันก็สวยไปอีกแบบนึงเหมือนกัน
พออิ่มท้องกันแล้ว ก็ต้องลุกไปกันต่อเพราะเป้าหมายสุดท้ายของเราคือ ยอดดอยหลวง
เมื่อท้องอิ่ม พลังก็กลับมา อีกไม่ไกลแล้วที่เราจะถึงจุดหมายของเรา แต่ก่อนจะถึงดอยหลวงเราต้อง ผ่านบันไดก่ายฟ้า เขาลูกนี้ไปซะก่อน ออกมาจากจุดกินข้าวซักพักเราจะเห็นป้ายทางไปยอดดอยหลวง
แสดงว่าใกล้ละ ฟ้าเริ่มเปิดบ้างเล็กน้อยให้พอแสงส่องลงมา พวกเราก็เดินๆ กันต่อไป ผ่านต้นไม้ ทุ่งหญ้า
ขึ้นๆ ลงๆ
จนในที่สุดก็มาเจอกับป้าย บันไดก่ายฟ้ากันแล้ว จุดนี้ถือได้ว่า วิวสวยมาก มีหมอกจางๆ ไหลผ่านภูเขา
เหมือนกำลังหยอกล้อกันอยู่เลย 555 ตรงนี้พวกเราก็หยุดพักและถ่ายรูปกันอย่างเมามันมาก
จากจุดนี้เราจะเห็นยอดดอยหนอกอยู่ไกลๆ ซึ่งเราจะไปในวันรุ่งขึ้น
หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าต่อจุดหมายสุดท้ายของเรา ยอดดอยหลวง สภาพทางก็เป็นอย่างในรูป ส่วนใหญ่จะเป็นหญ้าสูงต่ำสลับกันไปเดินขึ้นเนินเล็กๆ น้อยๆ บ้างจนมาถึงจุดลงไปเอาน้ำก่อนถึงทางขึ้นดอยหลวง ลูกหาบและพี่เจ้าที่ถามว่าอยากลงไปดูมั้ย พวกผู้ชายในทีมก็ไม่รอช้าวางเป้ลงแล้วก็ตามลงกันไปเลย ส่วนสาวๆ ก็นอนรอกันอยู่ด้านบน ระยะทางลงไปเอาน้ำไม่ไกลมาก แต่โครตจะชันเลย มีลื่นบ้างเป็นบางช่วง พี่ลูกหาบเติมน้ำเรียบร้อยก็มาถึงขาขึ้น พอมองขึ้นไป ชิบหาย กูลงมาได้ไงวะเนี่ย เอาวะลงได้ก็ขึ้นได้ ก็ค่อยๆ เดินขึ้นไป ระหว่างเดินขึ้นหัวใจเต้นแรงมาก รู้สึกเหนื่อย หอบ เมื่อย เหมือนตะคริวจะมา 555 พอมาถึงจุดที่สาวๆ รอกัน ผมพูดออกมาเลยว่า แมร่งเหนื่อยกว่าที่เดินมาทั้งหมดอีก รู้งี้ไม่น่าเดินลงไปเลย อยากลองแต่ไม่ดูสังขารตัวเองเลย 5555
จากนั้นพวกเราก็ขึ้นเป้แล้วมุ่งหน้าไปจุดตั้งแคมป์ของพวกเราคืนนี้
และแล้วพวกเราก็มาถึงกันแล้ว ดอยหลวงพะเยา มองหาทำเลและตั้งหลักปักฐานกันเลย
สมาชิกบางส่วนก็ขึ้นไปจุดสูงสุดของดอย เพื่อไปสักการะองค์พระ และถ่ายรูป ส่วนผมก็จัดการทำแคมป์
และเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็นกัน
พอตกเย็นก็มานั่งกินข้าวเติมพลังและพูดคุยกันตามประสาวัยรุ่น
พอพระอาทิตย์เริ่มตกอากาศก็เริ่มเย็น แต่ละคนก็ไปหาอุปกรณ์กันหนาวมาใส่กัน และนั่งเม้าท์กันต่อไป
จนได้เวลาประมาณ 4 ทุ่ม ทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน แต่ทว่าคืนนี้มันยังไม่จบหนะสิ .....
เพราะเมื่อเวลาเดินมาถึงประมาณเที่ยงคืนหน่อยๆ ...... ลมจากที่ไหนไม่รู้ พัดกระหน่ำมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งๆ ที่ช่วงหัวค่ำนี่ไม่มีที่ท่าว่าจะรุนแรงขนาดนี้ พี่เจ้าหน้าที่ก็คอยมาช่วยดูแล มาเช็คเต๊นท์ จำได้ว่าคืนนั้นสมอบกก็เอาไม่อยู่ พี่เจ้าหน้าที่ช่วยตอกอยู่ สองสามรอบ ส่วนผมเองก็ออกมาตอกสองรอบ จนเวลาประมาณ ตี 2 หน่อยๆ ฝนตก T T นี่เลือกเดือน เลือกวันแล้วนะเนี่ย ฝนมาจากไหนกันหละ เจอทั้งฝนทั้งน้ำค้าง แต่ฝนก็ตกเพียงไม่นานก็หยุด แต่ลมเจ้ากรรม ก็ยังซัดมาอย่างรุนแรงเหมือนเดิม จนในที่สุดเต๊นท์ขาดจ้า เสียงดังปึ้ก พอเปิดประตูเต๊นท์ไปดู คิดในใจช่างแมร่งละ นอนมันงี้แหละเอาถุงนอนคลุมทั้งตัวรวมถึงหน้าด้วย และเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ประมาณตี 3 ฝนตกลงมาอีก และมันหนักกว่ารอบแรง ไม่ต้องถามเลย เต๊นท์ขาด ฝนตก น้ำก็เข้าเต็นท์จ้านอนแช่น้ำ เลี้ยงปลากันในเต๊นท์ดีกว่า หลับๆ ตื่นๆ สลับกันไป จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น
พวกเราก็ออกมาดูสภาพความเสียหาย และทำอาหารเช้ากันเพื่อเตรียมแรงไปกันต่อ แพลนวันนี้ตอนแรกจะไปต่อดอยหนอกแต่ทางพี่เจ้าหน้าที่และพี่ลูกหาบบอกว่าเมื่อคืนฝนตก และสภาพอากาศปิดแบบนี้ เดินยากแถมไปแล้วก็ฟ้าเทาๆ แบบนี้เหนื่อยฟรีนะพวกเราเลยปรึกษากันว่างั้นเราตัดลงอีกทางเลยดีกว่า อย่าเหนื่อยฟรีแล้วไปยืนถ่ายรูปเหมือนอยู่ในสตูดิโอเลย 5555เราเลยต้องเปลี่ยนแพลนจากตอนแรกจะไปดอยหนอกแล้วลงทางน้ำตกเกร็ดนาค เราเลยเดินเส้นทางดอยหลวงแล้วหักลงขวา ไปทางน้ำตกสามโชค อ่างเก็บน้ำห้วยตุ่น แทนซึ่งระยะทางสั้นกว่า พอวางแผนเสร็จแล้วก็เก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวลงกัน
ก่อนลงจะลืมไม่ได้ที่จะถ่ายรูป ณ จุดสูงสุด และยอดที่เราจะมาพิชิตในตอนแรก กับยอดดอยหลวง 1694 เมตร
หลังจากนั้นเราเดินตัดลงไปทางน้ำตกสามโชค อ่างเก็บน้ำห้วยตุ่น ก็ลงกันยาวๆ ใครข้อเข่าไม่ดีมีร้องไห้กันเลยทีเดียวเริ่มลงกันประมาณ 8 โมงกว่า ระยะทางจำไม่ได้ 5555
ขาลงก็มีแวะถ่ายรูปเล่นบ้างเพราะเวลาเหลือๆ เดินกันเรื่อยๆ สักพักขาเริ่มสั่นโทรศัพท์ไม่ได้เข้านะ ก็มันเล่นลงยาวขนาดนี้
พอประมาณเที่ยงๆ พวกเราก็มาถึงน้ำตกสามโชค ก็นั่งพักผ่อนล้างหน้าล้างตาเพราะ เหลือระยะทางอีกนิดหน่อยก็ถึงจุดรถมารับแล้วและเป็นทางราบ สบายสิครับงานนี้ 555 หลังจากที่พักและถ่ายรูปกันพอใจแล้วก็ออกจากป่ากันดีกว่า
ตัดภาพมาที่กว๊านพะเยา พวกเราก็มาถึงตัวกว๊านประมาณ บ่าย 2 บ่าย 3 โดยประมาณ วานให้ลุงที่พาเราออกมาจากป่าแวะมาส่งที่บ้านพักในตัวเมือง พวกเราได้จองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว ติดริมกว๊านเลย เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ของกินเพียบ พูดมาตั้งยาวลืมบอกว่าที่พักของเราชื่อว่า บ้านอรุโณทัย พี่เจ้าของก็ใจดี โทรจองง่าย และใกล้กับ บขส ด้วยเดินไม่ถึง 15 นาที จบไปกับการรีวิวที่พัก
โปรแกรมสุดท้ายของทริปนี้ที่วางไว้คือ ผมจะต้องได้ไป ไหว้พระที่วัดติโลกอาราม
ซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางกว๊าน กลางรึป่าวไม่รู้ แต่ต้องนั่งเรือออกไป ซึ่งเรือไม่ใช่เรือยนต์นะ เรือแจวจ้า
แล้วที่พีคกว่าคือคนแจวอายุมี 60 70 มั้ง ค่าใช้จ่าย 30 บาทต่อคน ได้พวงมาลัย ธูปเทียนมาสักการะองค์พระ
พร้อมแล้วก็ใส่ชูชีพ ออกเรือกันเลย ลุยๆๆ
ตัดภาพมา ก็ยังนั่งอยู่บนเรืออยู่เลย สรุปการนั่งเรือครั้งนี้โครตสโลว์ไลฟ์สุดๆ แต่ก็แลกมากับวิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ ยามเย็น
พอไปถึงก็จุดธูปเทียนไหว้พระเสร็จแล้วก็ถ่ายรูปเล่นกันซักหน่อย
จากนั้นก็กลับเข้าฝั่งแล้วก็ไปหาไรกินกัน มื้อเย็นก็จัดร้านนี้เลย ถือว่าเด็ด แม่ทองสุขโภชนา ร้านจะเปิดเย็นๆ ค่ำๆ หน่อยแต่รับรองเด็ดทุกอย่าง หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้วก็ ไปหาร้านปาตี้คลายกล้ามเนื้อกันซักหน่อย ก็ไปจบที่ร้านชิลๆ จิบเบียร์เย็นๆพอได้เวลาซักเที่ยงคืนก็กลับที่พัก พักผ่อนเพื่อเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น
6.00 ริมกว๊าน
ตื่นมาเก็บข้าวของ และเดินถ่ายรูปเล่นยามเช้า 7.30 กินข้าวเช้าแล้วเตรียมตัวกลับ กทม.
จากที่พักเดินทางไปไม่ถึง 15 นาที ด้วยความที่ของพวกเราเยอะ พี่เจ้าของที่พักก็ใจดีอาสาขนของไปส่งให้ที่ บขส.
ขากลับพวกเราจัดรถที่ดีที่สุดเพื่อความสบายของพวกเรา 555 ทางสมบัติทัวร์เค้านำเสนอ รถสายเวียงพิงค์ เป็นรถทัวร์ที่เรียกได้ว่าเป็น super VVIP ของทางเค้าเลยหละ นั่งของสมบัติทัวร์มาก็นานแล้ว พึ่งจะได้ลองนั่งเวียงพิงค์ครั้งแรก ภายนอกดูเหมือนรถปกติทั่วไป แต่ภายในนี่อลังการงานสร้างมาก เบาะจากปกติฝั่งนึงจะมีสองที่ นี่ตีรวมเป็นที่เดียวเลยจ้า มีทีวี แอร์เย็นเจี๊ยบมาพร้อมผ้าหนานุ่มมีบริการขนม และเครื่องดื่มระหว่างทาง เก้าอี้นวดมาพร้อมกับการปรับเอนนอนได้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวคนข้างหลังด่าพ่อ และมีที่ชาร์จ USB ให้ถึงสองรู คุณพระ ดีไปอีก และจุดแวะพักกินข้าวก็หรูหราสุดๆ เป็นไลน์บุฟเฟ่ กินไม่อั้น อาหารอร่อย มีผลไม้ปิดท้ายด้วยโดยรวมแล้วใครมีโอกาสต้องลอง แค่ 800 กว่าบาทเอง
--------------------- จบทริป ---------------------
แล้วเจอกันใหม่เมื่อหัวหน้าสั่งให้ไปเที่ยว จะเป็นที่ไหนรอติดตามกันได้เลย
#Boss สั่งให้เที่ยว (สมาชิกครั้งนี้ 8 คน) 9-11 ธค. 17
ข้อมูลก่อนเดินทาง
ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง และลูกหาบ
ต้องมีการโทรจองกับทางเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเบอร์ติดต่อ 086-136-8389
จุดลงไปเอาน้ำลำบากมาก
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ สามารถมาที่ลงบขส.พะเยา ติดต่อเจ้าหน้าที่ให้มารับได้ (มีค่าใช้จ่าย)
มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต
รายละเอียดค่าใช้จ่าย
ค่าบริการเข้าเขตอุทยาน คนละ 20 บาท
ค่าบริการอำนวยความสะดวก(ค่าพักค้างแรม) คืนละ 30/คน
ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง คนละ 500 บาท/วัน
ค่าลูกหาบ คนละ 500 บาท/วัน
ค่าเช่าเหมารถรับ-ส่ง คันละ 1600 บาท
ค่ารถอีแต๋น คันละ 500 บาท
ใครอยากจะพูดคุยเรื่องท่องเที่ยวและอุปกรณ์ต่างๆ สอบถามข้อมูลได้เลย ยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
หรือจะมาชวนเที่ยวก็ได้นะ https://www.facebook.com/Boss-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7-356891494756211/?modal=admin_todo_tour