เชียงใหม่ • แบงค์พันสองใบ กับใจพังพัง •

แบงค์พันสองใบก็ไปได้แอ่วได้ ที่เชียงใหม่ 

______________________________

แล้วเธอก็เลือก " เขา " ไง
______________________________

ไปบอกรัก " เขา " ก่อนที่เขาจะไม่อยู่ให้บอกรัก 
______________________________
การเที่ยวคนเดียวมันไม่ใช่เรื่องง่าย และมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก 

______________________________

ถ้าไม่เที่ยวตอนนี้ เเล้วจะไปเที่ยวตอนไหนหล่ะครับ 
______________________________

สวัสดีครับ...
วันนี้ผมจะมารีวิว อโลนทริป ครั้งที่สาม เช่นเคยครับ ทริปนี้ไม่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการอกหัก หรือว่าอารมเฮิร์ทแต่อย่าใด แต่เกิดขี้นจากกิเลศที่อยากเที่ยวนี้แหละครับ5555
หยุดยาวๆทั้งที่ ปลายฝนต้นหนาวนี้ก็คงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากภาคเหนือ
ต้องบอกเลยครั้งนี้ไปใช่แค่การท่องเที่ยวธรรมดา แต่มันคือการผจญภัยดีๆนี้เอง ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟไป-กลับ กว่า 1,400 กม. ขี่มอไซค์ตะลอนในเชียงใหม่ 400 กว่ากม.
อาจจะดูลำบากหรือน่ากลัว หน่อยน่ะครับแต่บอกเลย ว่า
มันส์ๆๆ !!!!!!!!!!!!! อย่าปล่อยให้ความลำบากมาปิดกั้นความสุขที่เราควรได้รับมันน่ะครับ 
เอาเป็นว่าผมจะไม่บรรยายมากล่ะเพราะมันไม่เห็นภาพ..
รออะไรหล่ะ ไปรับชมรีวิวได้เลยครับ !!

 

ตื่น 09.00 จัดกระเป๋า อาบน้ำปะแป้งแต่งตัวกินข้าวจนถึง 12.00 ก้าวท้าวออกจากบ้าน รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ เอาว่ะสู้ๆ 

 

12.45 น. นั่งรถเมย์มาถึงสถานรถไฟหัวลำโพง
เดินตรงดิ่งไปที่ขายตั๋ว ได้ตั๋วฟรีมามา รถออก 13.45 น. ถึง 04.05 เเล้วก็หาเตรียมเสบียงใส่กระเป๋าไว้กินบนรถ หลังจากที่ไม่ได้นั่งรถไฟมาเจ็ดแปดปี สภาพก็โอเคกว่าที่คิดเยอะ คนไม่แออัด (อาจเป็นเพราะเป็นสถานีต้นทาง55555)ประมาณ 05.00 น. ก็มาถึงเชียงใหม่ เลทมาหนึ่งชั่วโมงก็ถือว่าไม่เลว ภารกิจต่อไปคือการหาเช่ามอไซค์  พอหาร้านเช่ามอไซค์ได้ ก็หานู่นนี่นั่นกิน 
แล้วก็เเว้น ขี่รถออกมาจากตัวเมืองไม่ไกล มาที่แรก ที่ตั้งใจเอา นั้นก็คือ
แกรนแคนยอนนนน ! 
ตืนเต้นจังเลยยยยย วู้วววตอนนี้เราก็อยู่กันที่ อเมริกา ในรัฐแอริโซนา ถุ้ยยยย !!! 
นี่ไงครับแกรนแคนยอนเชียงใหม่ เข้าได้ (มี3เจ้าน่ะ)
เสียค่าเข้า50บาท ค่าใช้อื่นๆไม่รู้เพราะไม่เล่นน้ำ มาดูเฉยๆ 5555555

เป้าหมายต่อไปคืออำเภอเชียงดาว เพื่อที่จะไปดอยหลวงเชียงดาว ขี่รถไปไม่ยาก เพราะเรามี google map ไปยังไงก็หลง

วู้ววววววววว !
เเล้วก็มาถึงบ้านวิวดอยหลวง ต้องบอกว่าสวยมากๆ ในภาพสายแล้วความจริงสวยกว่าเยอะ อากาศบนนี้จะดีมากเลย อยากจะถามชาวบ้านแถวนี้จังว่าเคยร้อนกันบ้างมั้ย 55555 
เห็นแดดนั้นมั้ย ไม่ได้ทำให้ร้อนเลยน่ะครับ ราคาที่พักบนนี้จะเท่ากันหมดน่ะครับ นอนบ้านโฮมเสตย์ 500 บาท เต้น 350 บาท 
อาหารฟรี เย็นกับเช้า

แล้วก็ เราสามารถเดินเล่นในหมู่บ้าน ถ่ายรูปตามจุดต่างๆได้น่ะครับ 

สำหรับที่พักน่ะครับ จะไม่มีปลั๊กไฟ แต่จะมีปลั๊กรวมให้ที่จุดชาร์ต 

ตอนพระอาทิตย์ตกนี้จะไปอะไรที่สวยมาก แต่ไม่รู้จะให้เห็นถึงความสวยยังไง  -///-

ได้เวลากินข้าวเเล้ว เย้ยยยยยย
นั่งกินข้าวข้างๆเขา เป็นโมเม้นที่สุดย้อดดด
แล้วก็รีบนอน จะได้ตื่นมาดูทะเล06.00 น แคะขี้ตาตื่นมาดูทะเลหมอก...
เอ้ะ ทำไมม้ายยยยยมี....สรุปว่าเฟล
ไม่เป็นไรรีบกินข้าวรีบไปที่อื่นต่อ 
บ้ายยยยยยยไปเเล้วน่ะ เชียงดาว ไว้มีโอกาสหน้า จะมาใหม่อีกครั้งนี้นอน ! 
เป้าหมายต่อไปคือ แม่กำปอง ก่อนอื่นก็เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ก่อน น่ะครับ 
เเวะเช็คอินวัดบ้างไรบ้าง 555555

 

ถึงแล้ว หมู่บ้านแม่กำปอง 
เช่นเคยครับ เดินทางมาไม่ยาก แค่มี google maps มายังไงก็หลง 55555 

ส่วนนี่ก็คือ ร้านกาแฟ ใจแอ้นท์ !!! 
มันคือร้านกาแฟบนเขา กลางต้นไม้ใหญ่

 

.....

......

เเละเเล้วก็มาถึงจุดที่พีคที่สุดของทริป 
ณ ดอยอินทนนท์ เวลา 18.00 เนี่องจากติดฝนจากแม่กำปองทำให้เดินทางมาปงเปียง นั้นผิดจากที่วางไว้ และเเบตโทรศัพท์ก็ดันมาหมด มีเเต่กล้องที่เป็นเครื่องมือสื่อสาร แต่ก็คงจะโทรออกไม่ได้.. ที่พักก็ยังไม่ได้จอง เส้นทางก็ไม่ม่รู้จะไปทางไหน ก็เลยขี่ไปเรื่อยๆ จนเจอ ศูนย์อะไรสักอย่างจำไม่ได้ มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ก็เลยคิดว่ารอดว่ารอดเเล้ว คือไม่รู้ว่าปงเปียงไกลจากนี้เท่าไหร่ไง แต่คิดว่าถ้าไกลมากก็คงต้องนอนที่นี้ก่อนล่ะกัน แต่ก็ลองถามเจ้าหน้าที่ว่า ปงเปียงไปทางไหน ไกลจากที่นี้มากมั้ย พี่เขาก็บอกว่า มาถูกทางแล้ว แค่เลี้ยวซ้ายไปเจอสามแยกก็เลี้ยวขวาๆ บลาๆ... ไปอีกประมาณ 8 โล เราก็เลยคิดว่าคงไปไหวไม่ไกลมาก ก็เลยเดินทางต่อไป.... 
ขี่ไปได้สักพัก จากลาดยางก็เป็นคอนกรีต เส้นทางเริ่มเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ทางที่พี่เจ้าหน้าที่บอกมาก็จำไม่ได้ แล้วดันมาเจอเเยก จะเป็นแยกที่ทางนึ่งจะเป็นดิน อีกทางจะเป็นคอนกรีต ก็เลยลองขี่ตามไปทางคอนกรีตไป ปรากฎว่าทางตัน ไม่มีไรเลย ก็เลยต้องวนรถกลับไปหาแยกอีกประมาณ 500 เมตรได้ .. 
ขี่มาได้สักนิดก็เจอป้ายบอกปงเปียง 4.4 กม.
แล้วตำนาน4 กิโลเมตร หนึ่งชั่วโมงได้เริ่มขึ้น ระหว่างนั้นจะเป็นดินเเดงครับเป็นหิน เป็นบ่อ (อธิบายยากครับเดี๋ยวมีรูปให้ดูล่ะกัน) ระยะทางแค่4โล แต่ใช้เวลาประมาณชั่มโมงหนึ่ง ต้องลงมาลาก ดัน เข็น รถเองครับ มันมากๆ ...
สองข้างทางไม่รู้เลยว่าเป็นอะไรบ้างเพราะ มืดมาก จนขี่มาเห็นสองไฟ (น่าจะเป็นเทียน) ส่องสว่างอยู่ไกลๆ ก็เลยขี่รถเข้าไปหาครับๆ เข้าไปไกลๆก็เป็นบ้านคน ก็เลยลองเรียกดูว่ามีคนอยู่มั้ย สักพักก็มีพี่ผู้ชายเดินออกมาจากบ้าน ผมก็เลยบอกนู้นนี่นั่นไป (ตอนนั้นประมาณ 19.20 น.) เเล้วก็ถามว่าปงเปียงไปทางไหนครับ พี่เขาก็บอกนี้แหละถึงแล้ว(พอได้ยินคำนี้เท่านั้นแหละครับ เหมือนชีวิตผมได้เกิดใหม่เลย รอดตายแล้วกรู ) ทำไมพึ่งมา แล้วมาทางไหน มีที่พักยัง ผมก็เลยบอกว่ายังครับ เเล้วพอดีพี่แกก็เป็นเจ้าของที่พักพอดี บอกว่ามีเต้นท์ เหลือจะเอามั้ย บอกเลยครับว่าจังหวะนี้อะไรก็ได้หมดนอนพื้นเฉยๆยังได้เลยครับ แล้วพี่เขาก็บอกว่าทางที่ผมมานั้นมันสำหรับรถโฟวิลเท่านั้น ผมขี่ผ่านมาได้ไงก็รู้ 555555

..แล้วพี่เขาก็มาส่งที่ที่พัก จัดอาหารให้ ที่พัก เป็นเต้นท์ขนาดใหญ่เลย ราคาเท่ากันกับที่เชียงดาว อาหารสองมื้อ พี่เขาบริการเป็นกันเองมากๆ เลย
สำหรับคืนนี้ฝันดีครับ.... 

ว้าววววววว ! 
บอกเลยครับ ว่าโมเม้นที่ตื่นมาท่ามกลางนาขั้นบันได ที่มีทะเลหมอกปกคลุมนั้น เป็นโมเม้นที่ฟินแบบอธิบายไม่ถูกเลย 55555 เป็นเช้าวันใหม่ของชีวิตใหม่เลยทีเดียว

และนี้ก็คือบริเวรที่พัก ลืมบอกไปว่าอยู่ปงเปียงนั้นจะไม่มีไฟฟ้าใช้ แล้วก็มีแค่คลื่นAISกับDTAC เท่านั้นใครที่จะมาเตรียมตัวให้ดีด้วยและนี้ก็คือบริเวรที่พัก ลืมบอกไปว่าอยู่ปงเปียงนั้นจะไม่มีไฟฟ้าใช้ แล้วก็มีแค่คลื่นAISกับDTAC เท่านั้นใครที่จะมาเตรียมตัวให้ดีด้วย

อาหารมาส่งเเล้ว และนี่ก็คือข้าวเย็นของเรา
(พี่เขาบอกว่าที่นี้มีแต่ข้าวเย็นน่ะ ผมก็เลยถามไหนบอกว่าข้าวสองมื้อไงครับ พี่แกก็บอกว่า นั้นแหละมีแต่ข้าวเย็น เพราะกว่าพี่จะขี่ขึ้นมาส่งจากหมู่บ้านข้างล่าง ข้าวก็เย็นหมดเเล้ว สรุปว่าข้าวเย็นของแกจริงครับ )