โอบกอดฉันไว้ด้วยขุนเขา ' ดอยหลวงเชียงดาว '

ทริปนี้เป็นทริปที่เริ่มมาจากที่รุ่นน้องในเมเจอร์ชวนเราไป เราตอบตกลงแบบไม่คิดเลย 
แค่ได้ยินค่า 'ดอยหลวงเชียงดาว'

น้องจัดแจงติดต่อจองกับเจ้าหน้าที่ทางอุทยาน เตรียมอาหารแห้ง อาหารสดทุกอย่าง เราแค่หารตังค์กับน้อง

เป็นทริปเดินป่าครั้งแรก เราเลยไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ ได้แต่หารตังค์กับน้องอย่างเดียว555555555

เราเริ่มเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ มาตามถนนสายหลักขึ้นเหนือ ทล.107 มาทางเบี่ยงบายพาร์ตเชียงดาว เลี้ยวซ้ายเข้าทางไปถ้ำเชียงดาว สักแปปก็จะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายขึ้นมายังที่ทำการอุทยาน
ก่อนอื่นเราก็ต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ทำการลงทะเบียนและประกันค่าขยะต่างๆ และต้องรอเจ้าหน้าที่นำทาง
ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ..........คราวนี้แหละ เริ่มออกเดินทางจ้าาาาา
 

เราเลือกเดินขึ้นทางเส้นเด่นหญ้าขัด ซึ่งเป็นทางที่เดินง่ายอยู่นะ แต่ยาว 8.5 กิโล
รถเจ้าหน้าที่จะพาเรามาเริ่มจากจุดนี้...เส้นทางเดินเป็นทางสบายๆ ไปเรื่อยๆ เดินขัดหญ้าไปมา
อากาศก็เย็นสบายตลอดทางเลย แต่เหงื่อก็ยังออกตลอดทางเช่นกัน
ลืมบอกไปทริปนี้เราหยิ่งคะ ไม่พึ่งลูกหาบ 55555555 อยากลองไงล่ะ เป็นไงเมื่อยทั้งร่างเลยทีเดียว
  บรรยากาศรอบข้างตอนเดิน เหมือนเดินเข้าในสวรรค์เลย
อุณหภูมิตอนกลางวันประมาณ 18 องศาได้ มีหมอกคลอเคลียภูเขาหินปูนตลอดการเดิน
คือฟินมากจริงๆ เดินไปถึงจะเหนื่อยแต่ก็ทำให้ยิ้มได้ตลอดทางเลย

ช่วงสุดท้ายเป็นทางค่อยๆชันก่อนถึงบริเวณที่พัก ' อ่างสลุง '
เป็นช่วงที่เหนื่อยเอามากๆเลย แรงขาที่ล้าบวกกับกระเป๋าที่แบกไรมาเยอะแยะไม่รู้ ทำเอาหาบทุก 5 ก้าวเลย
ทรมานจริงๆ ดมยาดมตลอดทางจนมาถึงแคมป์
เรามาถึงอ่างสลุงประมาณ 4 โมงเย็น เริ่มเดินประมาณ 10 โมง รวมๆก็ราวๆ 6 ชั่วโมง
กางเต๊นท์ เตรียมข้าวของ นอนพักนิดหน่อย แล้วก็ถึงเวลาขึ้นยอดสูงสุด 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล

จากที่ว่าดอยหลวงอยู่สูง อ่างสลุงก็ปาไป 2,059 เมตร จากระดับน้ำทะเลแล้ว
ทางที่เดินมาก็จะชุ่มชื้นไปด้วยไอน้ำ อีกทั้งมันเป็นบริเวณหินปูน จึงทำให้ทางเดินมันค่อยข้างที่จะลื่นอยู่บ้าง
แต่ดีที่ได้เดินตัวปลิวซะที เพลียมาตลอดทาง
ตอนเดินขึ้นยอดเลยต้องระวังกันสุดๆ หันหลังกลับมามองนี่คือขาสั่นอ่ะ สวยนะ แต่ก็กลัว

เห็นสีน้ำเงินๆนั้นปะคะ นั่นคือบริเวณกางเต๊นท์คะ มองจากข้างบนนี้ เราก็เพียงจุดเล็กๆเองเนอะ..
 

วันที่เราไปฟ้าออกจะไม่สดใสเท่าไหร่ ฟ้าแอบปิด เราก็เกือบถอดใจละว่าขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกคงมองไม่เห็นแน่ๆ 
แต่อยู่ดีๆ ฟ้าก็เปิดเฉยเลย เหมือนสวรรค์เป็นใจ ร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน เพียงมาเห็นบรรยากาศที่อยู่โดยรอบตอนนั้นคือ บอกได้คำเดียวว่า ' มีความสุขมากกกก ' อยากจะยกภูเขานี้ไปไว้หน้าบ้านจริงๆ จะเดินขึ้นทุกวันเลย
ก็เว่อร์ไปเนอะ 55555
หลงรักที่นี่ระดับ 10 <3
 

เราก็นั่งเพลินๆ มองไปยิ้มไปเหมือนคนบ้าเลย
นั่งไปเรื่อยๆ จนมืด เริ่มลำบากละ ทางลงชันและลื่น ทีนี้ละเกร็งขาจ้าาา กลัวล้ม มือก็ถือไฟฉายส่องทาง ทุลักทุเลมาก แต่ทุกคนก็พากันมาถึงแคมป์โดยสวัสดิภาพทุกคน

บริเวณอ่างสลุง เวลาเราอยากขับถ่ายทั้งหนักเบา ตอนเราไปเจ้าหน้าที่ได้สร้างห้องน้ำหลุมไว้ให้
จะไปเข้าก็ดูกันดีๆนะ ยิ่งมืดยิ่งน่ากลัว กลัวไปเหยียบใส่อะไรเข้า 5555
เอ่อ มีเรื่องที่อยากจะฝากหน่อยคะ คือการรักษาความสะอาดบริเวณนั้น คือเราไปปลดทุกข์ของเรากันแล้ว ก็อย่าลืมเอาอุปกรณ์ทำความสะอาด ขยะ ทิชชู่อะไรต่างๆของเราไปทิ้งด้วยนะ 
ที่เราเจอคือ ก็ปล่อยทิชชู่ทิ้งไว้งั้นอ่ะ มันดูไม่ดีเลย... ช่วยกันเนอะ :)

อากาศตอนกลางคืนช่วงนั้นที่เราไปประมาณ 8 องศา
เราตื่นเช้ากัน 6 โมง เพื่อจะเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ทุกคนก็สั่นค่ะ งัวเงียกันใหญ่ ไม่อยากตื่น
อยากขดในถุงนอนอุ่น แต่ไหนก็มาแล้วก็ต้องไปดูดิ
ตอนขึ้นไปยังมืดอยู่เลย ก็เลยต้องช่วยๆกันส่องทางไป เดินไปก็เปียกน้ำค้างไปด้วย
สักพักพระอาทิตย์เริ่มขึ้นจากขอบฟ้า เหล่าช่างกล้องก็รัวชัตเตอร์เลยจ้า สวยจริงๆ
ละยิ่งมองกลับมายังทางแอ่งนะ แสงอาทิตย์ที่ลอดช่องเขานี่ มันเป็นภาพที่ยังเก็บในใจไม่ลืมเลย สวยจริงๆ
เอ่อเค้ามีบริการน้ำร้อนให้ด้วยนะตอนนั้น จากลูกหาบกรุ๊ปอื่นๆ เอาโจ๊ก กาแฟ โอวัลตินมาต้มกินกัน
รับแสงยามเช้า อือหือ ไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย.. ต้องลองละคะ

ทริปนี้เราไป 2 วัน 1 คืน เลยไม่ได้เดินเที่ยวยอดอื่นๆ
ใครที่ชอบแบบนี้แนะนำเลยคะ 3 วัน 2 คืนน่าจะโอเค แต่แค่นี้ก็ฟินสุดๆละ

ขาลงเราเลือกลงทาง ' ปางวัว ' 6.5 กิโล 
ทางลงนี่ก็ลงอย่างเดียวจริงๆแหละคะ สภาพเขาไปหมดเลย 

แต่สำหรับทริปนี้ อิ่มจริงๆค่ะ อิ่มอดอิ่มใจ อิ่มมิตรภาพ 
ทริปแห่งความทรงจำจริงๆ ถึงแม้จะขึ้นมาแล้วตั้งแต่ปี 2556 ทุกวันนี้คนถามว่าชอบทริปไหนที่สุด 
ก็ยังจะตอบว่าเป็น ทริปดอยหลวงเชียงดาวนี้ :)