แบกเป้ไปฟิน..กับคู่จิ้นบนดอยหลวง

ทริปดอยหลวงเชียงดาว วันที่ 17-18 มกราคม 2559 ก่อนหน้านั้น ในระหว่างหาข้อมูล “ผู้ชายพันทิป: ใครขับรถไปดอยหลวงเชียงดาวเอง สามารถเอารถขึ้นไปยังจุดสตาร์ทได้เลยครับ ลาดยางตลอดทาง ไม่ต้องเสียค่าจ้างรถไปส่งจุดสตาร์ทครับ ฉัน: เฮ้ย จริงดิ แสดงว่าทางไม่ยากเนอะแกรรร” วันไปจริง 17 มกราคม 2559 ท้ายที่สุดก็นั่งไปยังจุดสตาร์ทไปกับรถพี่คนนำเที่ยวขึ้นทางเด่นหญ้าขัด ทางลาดยางประมาณ 30% นอกนั้นทางลูกรังฝุ่นแดงผสมหินน้อยใหญ่ โยกตัวตลอดทาง เวียนหัวแทบอ้วกกกกกกกกกก ทุคคนบนรถหน้าซีดเซียว บอกบุญไม่รับอ่ะ ไหน ผช.ในพันทิปบอกทางลาดยางหมดไง ....มึงงง หลอกกก ดาววว เห้ออออ ฉี่แทบแตก คู่จิ้นก็บ่นไม่หยุด “เมื่อไรจะถึงอ่ะแกร เมื่อไรจะถึง และเมื่อไรจะถึง” และแล้วก็ถึงซะที โอเค ให้อภัยในหนทางอันน่ากลัวและไม่น่าเรียกว่าทาง เพราะที่จุดสตาร์ทมันดีงามมากกกกกกกกก มีดอกพญาเสือโคร่งบานเต็มไปหมด แนวทิวสนก็งดงามราวกับมาถ่ายละครเรื่อง ตามรักคืนใจ ขอมโนว่าเป็น คุณน้องแพ๊พพพ “น้ารามอยู่ไส ทำไมไม่มาปัดฝุ่นให้น้อง อิอิ” แนวต้นสนที่มีกลุ่มท่องเที่ยวมากางเต้นรอขึ้นดอยหลวงตั้งแต่คืนวันที่ 16 แล้ว สงสัยพวกนางมาเก็บบรรยากาศ บางคนก็มาไกลจากภาคใต้ เชียวนะแกรรรร ดีงามนะ เข้มๆคมๆดำๆ ฮี่ๆ แต่ไม่!!! น้ารามของชั้นต้องขาว ค่ะ   พญาเสือโคร่งคือดีงาม คือชมพูตัดกับท้องฟ้า สีของสาวอ่อนหวานเหมาะกับเราจริมๆ นะ อิอิ (ด่าได้แต่อย่าด่าแรงมาก) ลงจากรถกระบะที่พาเรามาส่ง ณ จุดสตาร์ทปุ้ป ก็ถ่ายรูปนู่นนี่นุ่น พญาเสือโคร่งพญาสิงโตอะไรก็ว่าไป แล้วก็กินข้าวกระเพราไข่ดาวกันก่อน อัดให้หนัก อัดให้แน่น เราต้องแข็งแกร่งและสวยดูดีที่สุดในทริปนี้ ว่าแล้วก็จกข้าวเหนียวหมูทอดคนละห่อ มัดเป้ขึ้นไปกินข้างบนโลดดดดด "เปิ้นบ่อยากอ่ะ" นางกล่าว แต่สิ่งที่เห็นคือ นางกินเกือบหมด คือไร??? #ใต้คำว่าไม่หิว #ใต้คำว่ากลัวอ้วน คือชิว คือยังไม่รู้ตัวง่ะ เราไม่ผิด ชุดลายพรางเข้ากับการเดินป่า เพราะสโลแกนในการเดินครั้งนี้ของเราคือ "เราต้องสวยที่สุดในป่า" แต่ห่อข้าวหมูทอดที่มัดอยู่ที่เป้นั่นคือ???? #ใต้คำว่าชุดลายพราง #ใต้คำว่าแมทชิ่ง ออกเดินทางในเส้นทางเด่นหญ้าขัด บรรยากาศคือดีงามเริ่ดดดด วิวสองข้างทางคือดีมากสวยมาก สวยทุกสิ่งอย่าง เป็นเหวลึกและไม้ป่าน้อยใหญ่ ตกลงไปศพก็ยังสวยเพราะมีหญ้าโอบอุ้มอยู่ สวยป๊ะล่าาา ...ฮึๆ ป่าสนบดบังแต่ยังเหลือช่องไฟให้เราได้มองเห็นภูเขาอยู่ ..แอ่นแล๊ะ อู้ดี ดอกไม้ข้างทางดอกน้อยดอกนิดก็ยังสวยอ่ะ ชื่อไรมิอาจทราบได้ขี้เกียจค้น ขี้เกียจถาม รู้ว่ามีอยู่ก็พอละ สวยนะ แต่ข้างล่างเป็นเหว มองบนอย่างเดียวอย่ามองต่ำ มันเสียวนะแกรรร ทางเรียบเดินง่ายจะตาย ใครบอกเหนื่อยยย หะ ยั่มมาโม้ กูไม่เชื่อออ ระยะสองกิโลเมตรแรกเริ่มจากจุดสตาร์ท คือ ชิว คือวัยรุ่นมาก เดินไปถ่ายรูปไป ทำตัวเยี่ยงฮิปสเตอร์(แต่ที่จริงคือ ล้านนาโมเดิ้น) ไม่มีเหนื่อยเลยสักนิดอ่ะ แต่พอผ่านสามแยกปางวัว ทางแยกระว่าง ทางขึ้นสองทางคือ เด่นหญ้าขัด และปางวัว มาบรรจบกัน เท่านั้นแหละ มึงเอ้ยยยยย ขึ้นอย่างเดียวค่ะ ปลีน่องปูดโปน พูดเลอ ไรง่ะ มันใช่หราาา พูดดดดดด!!!! ความงดงามของจริดการเดิน การบิดตูดและการชัดสีหน้า หายหมดค้าาาา กูเหนื่อยยยย แม่มมมมมม ดูเอาละกันนนนนนน ... ห้า สี่ สาม สอง ...Go ทางชันขึ้น หญ้าสูงท่วมหัว ต้นไม้ร่มเงาหายไปไหน ตอบบบบบ!!!!!! ชั้นร้อน ชั้นเหนื่อยยยยยยย เพื่อนร่วมเดินทางทริปนี้ ชื่อโอ๊ค นิ้ง ถ้าจำไม่ผิด คือชั้นเกลียดการปัดป้องกิ่งไม้ใบไม้ การสอนวางเท้าให้กันของแกรรรร คือแกรไม่ต้องหวานใส่กันมากก็ได้ แกเห็นใจชั้นบ้างงงงงง พักเป็นรอบที่ 100 เราเหนื่อย เราร้อน จักกะแร้เราเปียก เราจะไม่ทน ...ได้ป่ะ คงไม่ได้เนาะ ทางจากสามแยกปางวัวเริ่มชันขึ้น ต้องใช้กล้ามเนื้อขาเป็นพิเศษกล้ามเนื้อแขนในการจับ เกาะ ไตรเซบ ไบเซบ ได้ใช้หมด เย้ๆๆ ชั้นจะผอมมมมมม ขาชั้นจะเรียวววว แต่บรรยากาศโดยรอบก็ยังสวยนะ ว่าไม่ได้นะค๊าาา เขียวเหลือง ของใบไม้ ตรงจุดพัก สวยใช่ย่อย อยากถ่ายจริงๆ ไม่ได้อยากหยุดพักเลย จริงๆนะหล่อน ฟอซซิลหอย ห้าพันล้านปี(เดาเอา) สังเกตเอง ซูมเองนะ คือไม่มีอารมณ์ซูมจริงๆ อารมณ์ทั้งหมดจดจ่อไปกับการหายใจเข้าออก รัวๆ ยาวไป ยาวปายยยย เขาคือ ผู้ชายชื่อ ขุนเขา คือระหว่างที่ฉันกำลังหอบแห้กๆ เขาก็คอยโอบอุ้มและส่งสายตามา ทำให้หายเหนื่อยได้ 10% คุณอ่านไม่ผิด... 10% ค่ะ ต้นผักกูด(มโนเอา) ชั้นยอมแพ้ ชั้นสวยไม่พอ นั่งพักรอบที่ 132 บริเวณป่าที่ถ่ายทำหนังเรื่องฮอบปิท (คือเหมือนมากกก ได้อารมณ์มากกก) ในที่สุดดดด ในที่สุดดดดด ก็มาถึงบริเวณอ่างสะลุง ที่ตั้งแคมป์ของพวกเราาาาา คือเหนื่อยมากกกกก มาถึงก็จกข้าวเหนียววหมูทอดที่มัดติดเป้คู่จิ้นมา ทุกคนหิวกระหาย ประหนึ่งปอบละอองคำ เรื่องเจ้านาง ข้าหิววววววววว ข้าหิวววววววว คือ แม่ครัวต้องการอะไรจากสังคม ประท้วงราคากระเทียมหรืออะไร หนูไม่เข้าใจ ณ จุดนี้ คือ ขมคือ แต่ก็อะ กินก็กิน ใช่ซี้ ชั้นไม่มีทางเลือกกก .... เรเ อิ่ม พุงนิ่ม นอนพักแพพนุง ก็ไปปีนยอดดอยหลวงเชียงดาวเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน ขึ้นสี่โมง ชั้นกะคู่จิ้นอิดออดพอสมควร เพราะปวดขามากเนื่องจากไม่ออกกำลังกายไปเลย ก็ชั้นขรี้เกียจอ่ะ ทำมะ ...ป่ะ ไปก็ไป ทางคงชิวๆ นั่นคือสิ่งที่คิด เอิ่มมมม คือ บั๊บบบ มันใช่หราาาาาาา แต่พอมาถึงแล้ว สวยจร้า แต่ถามว่าหายเหนื่อยไหม ตอบเลย ไม่ ใช้เวลาปีนขึ้นมาประมาณ ครึ่งชั่วโมง แต่ก็ถือว่าคุ้ม ให้ 70% อ่ะ คือดีนะ ข้างบนสวยอากาศดีมากๆๆๆ และก็หนาวมากๆเช่นกัน แต่วันนี้คนขึ้นเยอะไปนิสนุง มุมนี้สวยจัดไปคนละช๊อต ฮิปสเตอร์ยังไม่รู้ตัวว่าคืนนี้จะหนาวจนนอนไม่ได้ ถ่ายตรง แลนด์มาร์ค ถ้าไม่ถ่ายเดี๋ยวว่าไม่มาจริง ถ่ายยังไงก็ได้ให้ขาเล็กและผอม นางกล่าว คู่จิ้น ดินถล่ม จร้าาาา อีกสักภาพนะพี่ น้องจะไม่มาอีกแล้ว ขอให้หนำใจ สวยมากกกกก ณ จุดนี้ ชั้นคือ โรสสสสสสส พี่เก๋ ทหารสาวจากเมืองกรุง เธอมาคนเดียววววว เธอช่างหาญกล้า ได้รู้จักพี่เก๋ นางมาจาก กทม มาคนเดียว ฉายเดี่ยวจร้า เจอกันตอนไต่ขึ้นมาแล้วก็มาเจอกันบนนี้เลยนั่งเม้ามอย ชมอาทิตย์ตกกัน โรแมนติกเว่ออ หลังจากรูปนี้ไม่กี่นาที เราก็พากันลงไปที่แคมป์เพราะอยู่ต่อไม่ได้จริงๆ มันหนาวอ่ะแกร ชั้นยอมแพ้ พอลงมาถึงพวกเราก็กินข้าวกัน มีไข่เจียวน้ำมันเยิ้ม ผัดกระหล่ำไม่สุก ต้มหมูเหนียว เมนูระดับภัตตาคารอาหารเจี่ยท้งเฮง พอกินเสร็จก็ไปเข้าส้วมหลุม ความเหม็นระดับ 8 เต็ม 8 กลั้นหายใจตลอดกิจกรรม คืนนี้นอนเต้นท์กันจร้า ตื่นเต้นนนนน เข้าเต้นท์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าว่ากันไป ไม่ต้องถามว่าอาบน้ำไหม เกือบ 4 องศาจร้าาาา ถึงแกบังคับชั้นก็ไม่อาบ ...เข้านอนกันประมาณ ทุ่มกว่าๆ เต้นท์ข้างๆออกมาไปดูดาวกัน เราสองคนขอบาย สมหนาวต้องกายชั้นขอลาก่อน....นอนจร้านอน นอนไม่หลับ อุณหภูมิคืนนี้ -4 องศา จร้าาาา กูนอนไม่ได้เว้ยยยยยยยย สรุปคือไม่ได้นอน พี่หริ่ง ลูกหาบมาปลุกตอนตีสี่ครึ่งเพื่อที่จะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วลมเหนือ ปีนๆๆๆๆๆๆแล้วก็ปีน ชั้นรั้งท้ายเพราะชั้นเหนื่อยและจะอ้วก แต่พอไปถึงก็สวยดีนะ ถามว่าหายเหนื่อยไหม ตอบเลยว่า ไม่ค่ะ !!!!!! ลงรูปรัวๆ การถ่ายรูปสำคัญที่สุดดดดดด พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น     ช๊อตนี้ กูตายว่ะ พอๆๆๆๆ ถึงเวลาลงละจร้าาาา ดีใจเบาๆ แต่หนทางที่พี่ลูกหาบพาลงช่างโหดร้ายกับพวกเรายิ่งนัก ชะง่อนหินทั้งนั้น เราลงทางกิ่วลมใต้ วิวสวยแต่ทางไม่สวยนะจ๊ะ ไม่สตรอง พูดเลย ทักษะการปีนเขาขั้น 0 ท่าสวย ลงถึงที่ตั้งแคมป์ก็กินข้าวแล้วก็เก็บของคือ อาหารระดับภัตตาคารเช่นเดิม ผัดหัวไชโป้ หมูยอทอด ผัดมะเขือยาว หุหุหุหุหุหุหุหุหุหุ ป่ะ เดินทางลงจร้า ลงทางปางวัว ทางชัน ดิ่งตลอดทาง รองเท้าที่ใส่มาอย่าหวังว่าจะได้ใช้ต่อ ปวดดดดดขาาาาาาาาไปหมดด ในที่สุดด ชั้นได้ยินเสียงแตรรถ ชั้นดีใจ ชั้นจะได้ไปต่อ ประหนึ่งว่าลากกระเป๋าออกจากบ้านเอเอฟ เพื่อกลับไปรับไออุ่นจากคุ่นพ่อ คุ่นแม่ จ๊ากกกกก ถึงแว๊ววววววว รถก็มารอรับลงไปที่ค่ายเยาวชนเพื่อเดินทางกลับบ้านย่ะ ค่าใช้จ่ายทริป ค่าแคมป์ 2 คน 3400 ค่าขนม ของใช้ 600 ค่าน้ำมันรถ 500 สรุปทริป 4500 บาท คำแนะนำจากประสบการณ์ตรง - ควรเตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พอ ถุงนอนควรมี อุณหภูมิติดลบ - ควรออกกำลังอย่างน้อย 1 อาทิตย์ เพราะมันค่อนข้างโหด แค่เนี้ย