ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ไปสัมผัสวิถีชุมชน คนไร้แผ่นดิน ต.บางชัน อ.ขลุง
    • โพสต์-1
    Asd_Somsak •  เมษายน 25 , 2560

                วันนี้ขอรีวิวโฮมสเตย์ในจังหวัดจันทบุรี  เป็นชุมชนที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2410 รวมระยะเวลาเกือบ 150 ปี อยู่ปากแม่น้ำเวฬุ ก่อนที่จะไหลออกสู่อ่าวไทย เดิมบริเวณนี้เป็นป่าชายเลนพื้นที่หลายหมื่นไร่  ชาวบ้านอยู่กระจายตามริมน้ำ ลำคลอง เกาะต่างๆ อาชีพหลักคือตัดไม้โกงกางมาส่งโรงถ่าน  ในปี 2539 สัมปทานตัดไม้โกงกางถูกยกเลิกไป ชาวบ้านก็หันมาทำอาชีพประมง โดยปลูกบ้านใต้ถุนสูงบนพื้นที่ป่าชายเลน จับสัตว์น้ำ เลี้ยงสัตว์น้ำขาย ชาวบ้านมีสองกลุ่มใหญ่ๆ คือคนไทยที่อาศัยอยู่ริมฝั่งน้ำ และกลุ่มคนจีนที่อพพยพมาจากแดนไกล ชุมชนนี้รวมเรียกว่า "หมู่บ้านไร้แผ่นดิน" จนหลายปีที่ผ่านมา กระแสโฮมสเตย์กำลังมาแรง คนท่องเที่ยวก็หาที่พักที่ไกลผู้คน ได้กิน ได้ดู ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ สถานที่นี้ตอบโจทย์เหล่านั้นได้หมด คนก็เริ่มเข้ามาเที่ยวในพื้นที่นี้มากขึ้นโฮมสเตย์ก็เกิดขึ้นในชุมชนไร้แผ่นดินนี้ไม่ต่ำกว่าสิบห้าแห่ง  โดยเฉพาะในฤดูท่องเที่ยวต้องจองล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ  การบริหารจัดการระหว่างโฮมสเตย์ทำได้ดีมาก  มีการกระจายรายได้ให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วม ตั้งแต่เรือโดยสาร อาหาร ของฝาก การเที่ยวชมธรรมชาติโฮมสเตย์ทุกที่เมื่อแขกเข้าพัก จะจัดอาหารกลางวันหนึ่งชุด อาหารเย็นหนึ่งชุด และข้าวต้มตอนเช้า มีทริปล่องเรือชมทะเลแหวก และชมเหยี่ยวแดงด้วย 

    • โพสต์-2
    Asd_Somsak •  เมษายน 25 , 2560

       ราคาต่อหัวจะพอๆ กันอยู่ที่คนละ 1500-2000 บาท ราคานี้รวมอาหารกลางวัน อาหารเย็น ที่พัก เรือท่องเที่ยวทะเลแหวก ชมเหยี่ยวแดง อาหารเช้า ถูกแพงตามฤดูกาล ที่ชอบคืออาหารเติมได้ไม่อั้นหลังมื้อเที่ยงก็ free time เดินเที่ยวเล่น ดูวิถีชาวบ้าน ใครจะนอนอ่านหนังสืออยู่ริมระเบียง รับลมเย็นๆ ก็ตามสะดวกเดินไปจนสุดทางที่วัดบางชัน วัดยังอยู่ในระหว่างพัฒนา โบสถ์ยังไม่เสร็จ ก็มีนักท่องเที่ยวมาทำบุญอยู่เรื่อยๆ ก็ยังมีภาพเรือแจว เรือพายให้ได้ชม คุณลุงนำห่อหมกทะเล ที่ครอบครัวทำไปส่งให้โฮมสเตย์ และต้นโกงกางที่ยังมีเหลืออยู่ในวันนี้ก็เดินชมบ้านไร้แผ่นดิน ได้เห็นการเป็นอยู่ของผู้คนที่วันๆ อาจจะไม่ได้เหยียบแผ่นดินเลยเวลาน้ำลงก็มีดินแบบที่เห็น ก็คงไม่มีใครอยากลงไปเดินนะ

    • โพสต์-3
    Asd_Somsak •  เมษายน 25 , 2560

       สีสัน บรรยากาศ เป็นธรรมชาติมาก เหมาะสำหรับคนที่อยากให้เวลาเดินช้าๆ ไปดู ไปเห็นสิ่งที่ไม่มีในเมืองกรุงบางบ้านก็ทำให้บ้านมีชีวิตชีวา มีต้นไม้ ใบไม้ เหมือนบ้านอยู่บนพื้นดินทั่วไป บางบ้านก็ใช้ระเบียงเป็นที่ตากอาหารทะเลประมาณสี่โมงเย็น คาราวานก็ออกจากที่พักด้วยแพลาก ชาวบ้านเรียกแพเปียก  เพื่อชมทะเลแหวก และเหยี่ยวแดงบางโฮมสเตย์ไกลหน่อยลากไม่ไหวก็มาเรือหางยาว  แต่ทุกโฮมสเตย์ก็มุ่งหน้ามาที่ดอนทราย หรือทะเลแหวก วันนี้น้ำเยอะ ไม่ถึงกับแห้งให้เห็นดอนทราย แต่ก็ยืนได้ระหว่างเรือแล่น ชาวเรือจะนำอาหารเหยี่ยวลอยน้ำพวกไส้ไก่ เพื่อให้เหยี่ยวแดงบินมาโฉบกิน นักท่องเที่ยวก็จะได้ถ่ายภาพกันแพลากจะลากมาจุดลึกหน่อยเพื่อให้ได้เล่นน้ำ และพายเรือเล่น ก่อนที่จะลากกลับโฮมสเตย์ เพื่อรับประทานอาหารเย็นชุดนี้สำหรับสี่คน หมดเติมได้ไม่อั้น ถือเป็นไฮไลท์ของทริปเลยครับ จัดกันแบบอิ่มมาก

    • โพสต์-4
    Asd_Somsak •  เมษายน 25 , 2560

      หลังจากอิ่มหนำสำราญบางคนก็เข้านอน บางคนก็นั่งฟังเพลง บางคนก็นั่งดื่มด่ำกับธรรมชาติยามค่ำคืน  จวบจนเช้าวันใหม่อันสดใส ใครอยากตื่นสายก็ตามสบาย บางคนก็เดินไปใส่บาตรที่วัดตอนเช้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลที่พัก สำหรับผม ขอเฝ้าชื่นชมกับพระอาทิตย์ดวงโต แล้วนางก็มาตามนัดเป็นทริปที่สโลว์ไลท์มากๆ อยากให้มาลองนะ บอกได้เลยว่าไม่อยากกลับ           หลังมื้อเช้า ข้าวต้มทะเล หลายครอบครัวก็ทะยอยกันกลับ สำหรับผมก็ต้องกลับเช่นกัน รายละเอียดการเข้ามาที่นี่คงหากันได้ไม่ยาก ผมไม่ขอบรรยายเพื่อให้ซ้ำกับคนอื่นนะครับ ถ้าอยากได้คำแนะนำอะไรเพิ่มเติมหลังไมด์ได้ครับ สำหรับทริปนี้ขอกล่าวคำว่า สวัสดีครับ