ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ข้ามสะพานสายรุ้ง-พุ่งไปหาทะเล-เดินเซริมป่าชายเลน.... ตำบลกาหลง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
    • โพสต์-1
    Taya@ •  พฤษภาคม 13 , 2562

    อยากปลดปล่อย

    เบื่ออออ เครียดดด !!!!!

    เพื่อนสาวกริ๊ง กร๊าง มาตามสาย ว่างกันไหม??? อยากไปปลดปล่อย

    เมื่อเพื่อนเรียกร้อง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาสถานที่ ตามสโลแกน 

    "ไม่ไกลจากกรุงเทพ บรรยากาศดี อาหารอร่อย และราคาไม่แพง"

    นัดแนะกันแบบเร่งด่วน ตั้งต้นกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต ขึ้นทางด่วนปักหมุดกันไป>>>>

    สะพานไม้สายรุ้ง ตำบลกาหลง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

    ระยะทาง "ทางด่วนด่านกำแพงเพชร 2 - ถนนพระราม 2 ออกถนนทางหลวงหมายเลข 35 เลี้ยวซ้ายไปยังถนนทางหลวงชนบท สค.2028 บ้านชายทะเลกาหลง ตรงผ่านหมู่บ้าน เลียบชายทะเลนาเกลือ 

    เราออกเดินทางกันประมาณบ่าย 4 โมงครึ่ง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งกับระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร เพราะมีการปรับปรุงพื้นถนน รถติดเล็กน้อยถึงปานกลาง 

    รีบพุ่งตรงดิ่งโดยไม่ได้แวะถ่ายรูปนาเกลือที่มีกองเกลือขาวโพลน เสียด๊าย++++ เสียดาย แต่รีบไปให้ถึงจุดหมายก่อนพระอาทิตย์ตกดินดีกว่า

    เมื่อเลี้ยวเข้าถนนทางหลวงชนบท เราขับตรงถึงหมู่บ้านเลี้ยวขวาในซอยเล็กๆ ตรงข้ามกับโรงเรียนบ้านกาหลง สังเกตจะมีป้ายบอกไปทางพื้นที่อนุรักษ์ป่าชายเลน ไปไม่ย๊ากกกก หร๊อกกก แต่ ..... พวกเราก็หลงเล็กน้อยให้สมชื่อตำบล กาหลง ขนาดกายังหลง แล้วพวกเราเป็นใครจะไม่หลง 5555555 แนะนำให้เปิด GPS Google Maps ไปด้วยจะดีมาก 

    เลยเข้าซอยในหมู่บ้านเล็กน้อย จะถึงเส้นทางข้ามรถไฟ แล้วเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาไปทางวัดแก้วมงคล จนสุดทางถนน แพร๊บเดียวถึง และสามารถจอดรถหน้าร้านอาหารตามสั่งได้ 

    มีที่จอดรถตรงสะพานแรก คือสะพานปูน หรือ "สะพานกาหลง" (สะพานชายทะเลกาหลง)

    เราไปถึงเวลา 6 โมงเย็นกว่าๆ รีบสิคะ รอไร??? เหมือนจะเหาะมา เพราะแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนกำลัง เสียดายที่เมฆก้อนใหญ่ปิดบังแสงหมด แต่.....ไม่หวั่นคร้า พุ่งทะยานกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปให้ถึงสะพาน ถ่ายรูปกันอย่างไวคนละ 16 แอ๊ค นักท่องเที่ยวมีบ้างพอหยุมหยิม แต่อุปสรรคของเราคือ "แรงลม" ที่ไม่ค่อยเป็นใจพัดเอาผมกระเซอะกระเซิงปืดหน้าปิดตา รูปที่ออกมาเลยกลายเป็นสภาพหน้าตาเหยเก เอาออกสื่อไม่ได้กันเลย 55555 

       
    • โพสต์-2
    Taya@ •  พฤษภาคม 13 , 2562

    ตามหาสะพานไม้สายรุ้ง

    ถ่ายรูปกันไป ถ่ายรูปกันมา เอ๊ะ!!!! สะพานไม้สายรุ้งอยู่ไหนหว่า ??? ......... 

    นึกขึ้นได้ หันไปเห็นใกล้ๆ กัน มีสะพานไม้ทอดยาวแต่ห่างไปประมาณ 600 เมตร รีบสิคะ เด๋วแสงหมด 555555

    สอบถามชาวบ้านว่าจะไปตรงสะพานนั้นยังไง?? ก็ได้ความว่า สามารถเอารถเข้าไปทางซอยซ้ายมือ และต้องเดินเท้าต่อไปเพราะเป็นเส้นทางเดินป่าชายเลน โอเคคร้า ไปต่อกัน>>>>

    ขับรถออกจากสะพานปูนเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทาง ประมาณ 200 เมตร ก็ต้องจอดรถตรงพื้นที่ว่างหน้าบ้านของชาวบ้านแล้วเดินต่อเข้าไป ผ่านสะพานปูนเลียบป่าชายเลน เข้าไปในพื้นที่อนุรักษ์ป่าชายเลน ตำบลกาหลง เดินตามรอยพ่อสอน

    ทะเลอยู่ในช่วงน้ำลดทำให้เห็นอีกบรรยากาศหนึ่ง นักท่องเที่ยวมารุมกันที่เชิงสะพาน เพราะต้องรอให้คิวในการถ่ายรูปกัน ทุกคนต้องการจุดถ่ายในแบบฉบับของตน

    รู้สึกเหนื่อยกะการที่ต้องรีบถ่ายรูปเพื่อแข่งกับแสงพระอาทิตย์และต้องคอยสะบัดผมสู้ลม เมื่อยคอกันไปตามๆ กัน ขอบอกว่าเราไม่มีการเตรียมตัวกันก่อนที่จะมา รีบจนไม่ได้หยิบกล้องถ่ายรูปคู่ใจมาด้วย เลยได้แต่รูปจากมือถือเท่านั้น 

    พระอาทิตย์ตกขอบฟ้าไปสักพักแล้วแต่ยังพอมีแสงให้เราถ่ายรูปกัน ก็...เอา...ว่ะ 5555 ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว

    จุดหมายต่อไปของเราคือ "อยากกินปลาทูและปู" 5555 นางๆ เรียกร้องกันมา ก็จัดไป หาร้านอาหารที่อยู่ในพิกัดไม่ไกลจากที่นี้ สรุปตกลงปลงใจกันไปร้าน "แมกไม้ชายเลน" ที่อยู่ไม่ไกล ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร เส้นทางกลับกรุงเทพ เราย้อนออกมาทางเดิม เมื่อออกถนนทางหลวงหมายเลข 35 เลี้ยวซ้ายกลับรถใต้สะพานข้ามรถไฟเพื่อกลับกรุงเทพ แต่เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางหลวงชนบทหมายเลข 2055 ซอยเอกชัย-สมุทรสงคราม ประมาณ 3 กิโลเมตร ตรงไปตามทาง (ขอบอกว่าให้พึ่ง อากู๋ กูเกิลแม็พ ดีที่สุดคร้า เพราะตอนนั้นมืด จำเส้นทางไม่ค่อยได้ 5555)

    มาถึงที่ร้านประมาณทุ่มครึ่งเกือบ 2 ทุ่ม หิวโซกันมากมาย ดูเมนูออนไลน์และสั่งกันเสร็จสรรพในรถ 5555 โชคดีที่ร้านปิดครัว 3 ทุ่ม (ถ้าจะให้ดีโทรถามที่ร้านล่วงหน้าโดยตรงจะดีกว่านะคะ ที่เบอร์ 08 1826 6285 หรือ 08 0450 0588) มาถึงร้านก็สั่งโดยที่ไม่ต้องดูเมนู แต่เสียดาย (รอบที่ 3 5555) กุ้งหมด เลยได้กินเฉพาะ หอย ปู และปลา 

    ระหว่างรออาหาร เราจึงมีโอกาสเดินชมรอบๆ ร้าน บรรยากาศค่อนข้างดี ถึงแม้ยุงจะค่อนข้างเยอะเพราะอยู่ป่าชายเลน แต่หายห่วงเพราะทางร้านมีพัดลมและสเปย์กันยุงเตรียมไว้ให้แล้ว เลยทำให้ไม่เสียอารมณ์ในการดินเนอร์ 

    และแล้วอาหารจานแรกก็ทยอยมา หืมมม!!! จังหวะนั้น เงียบสิคะ ไม่มีเสียงใดๆ นอกจาก ซื้ดดด ซ้าดดดด 

    อืม+++ อร่อย สมกะการรอคอย แถมราคาก็จับต้องได้ไม่แพง 

    รอบนี้มาแบบฉุกละหุก แต่รอบหน้า นางๆ บอก ขอจัดเต็ม และเพิ่มสถานที่ในการถ่ายรูปด้วย หืมมม !!! จร้าาาา เมื่อเพื่อนอยากไป ก็จะจัดให้ 5555 ทริปนี้จึงหมดไปเฉลี่ยแล้วคนละประมาณ 400 กว่าบาท ถือว่าคุ้ม ไงหละ ได้ปลดปล่อยแล้วน้า ทริปหน้ารออยู่ เบื่อ เครียด ก็บอกมา จะหาที่ระบายให้เสมอ ฮิฮิ ^=^