ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
สายรุ้ง-สายน้ำ-สายหมอก : น้ำตกทีลอซู น้ำตกทีลอซู (Thi Lo Su Waterfall) จ.ตาก
    • โพสต์-1
    ให้ภาพพาไป •  ธันวาคม 16, 2560
    • โพสต์-2
    ให้ภาพพาไป •  ธันวาคม 17 , 2560

    สายรุ้ง-สายน้ำ-สายหมอก : น้ำตกทีลอซู

     

     

    "น้ำตกทีลอซู" หรือ ภาษากะเหรี่ยง แปลว่า "น้ำตกดำ" ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในประเทศไทย 

     

    การเดินทางมาน้ำตกทีลอซูไม่ยากอย่างที่คิด สามารถติดต่อกับที่พักใน อ.อุ้มผาง ในเลือกแพ็คเก็จเดินทางมาน้ำตกได้ โดยหากมาในช่วงที่ปิดไม่ให้รถเข้า (ส่วนใหญ่ช่วง มิ.ย.-พ.ย.)จะต้องนั่งแพยางและเดินเท้าต่อประมาณ 10-12 กม. แต่ในช่วงเปิดให้รถเข้าได้สามารถเลือกเดินทางได้ว่าจะล่องแพแล้วต่อรถ หรือจะนั่งรถอย่างเดียวเลยก็ได้ และสามารถเลือกแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือแบบพักเต็นท์ 1 คืนบริเวณที่ทำการอุทยานก่อนถึงน้ำตกก็ได้

    *** แนะนำหาสมาชิก 8-10 คนจากนั้น เหมาแพ็คเก็จกับที่พักจะมีรถตู้มารับที่กทม. หรือตามแต่ที่ตกลง และแนะนำให้ล่องแพแต่เช้า เพื่อจะเจอได้อีกหนึ่งไฮไลท์ คือ "น้ำตกสายรุ้ง"***

    - วันแรก - ทริปนี้ก็รวบรวมสมาชิกได้ 7 คน (หากหาสมาชิกได้ 7-10 คนก็จะมีเฉพาะกลุ่มเรา ก็จะมีความเป็นส่วนตัวและระหว่างจะมีการแวะเที่ยวที่ต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามที่ตกลงกับคนขับ)  ซื้อแพ็คเก็จกับที่พักที่ อ.อุ้มผาง โดยจะมีรถมารับที่ กทม.เริ่มออกเดินทาง เวลา 20.00 น.พอเข้าสู่ อ.อุ้มผาง ระหว่างทางหมอกลงหนามาก ซึ่งเส้นทางมาอุ้มผางค่อนข้างคดเขี้ยว และรถใหญ่ค่อนข้างเยอะ ต้องใช้ความระมัดระวัง

     

    - วันที่ 2 - พอประมาณ 7.00 น.ก็มาถึงที่พัก รับประทานอาหาร จากนั้นเตรียมตัวลงแพ (แนะนำให้รีบลงแต่เช้า หากเลย 10.00 น.อาจไม่ได้เห็นน้ำตกสายรุ้ง) เริ่มการล่องแพก็จะไปตามสายน้ำไม่แรงมาก ได้สัมผัสบรรยากาศขุนเขา และสายน้ำตลอด 2 ข้างทาง ล่องมาเรื่อยๆก็มาถึงจุดไฮไลท์ คือ "น้ำตกสายรุ้ง" ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์มาก เป็นสายธารไหลหล่นลงมาจากหน้าผาสะท้อนกับแสงตะวัน ปรากฎเป็นรุ้ง 2 ชั้น เป็นความงดงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ จากนั้นล่องแพต่อระหว่างทางก็จะมีจุดให้แวะพักเป็นบ่อน้ำพุร้อน สามารถไปแช่ขาได้ และมีร้านค้าขายของเล็กๆน้อยๆ และล่องแพต่อมาจนถึงผาเลือด ก็แวะรับประทานอาหาร

     

     

    เดินทางต่อโดยการนั่งรถกระบะ 4*4 ทางค่อนข้างชันและคดเคี้ยวมาก ถนนเป็นดิน หากนั่งหลังต้องเกาะดีๆ  ระยะทางประมาณ 10-12 กม.ก็มาถึงที่ทำการอุทยานฯ(พอถึงปวดเอวและแขนมาก)

    สำหรับที่พักคืนนี้ จุดกางเต็นท์ และห้องน้ำ   

    พักผ่อนซักพัก ก็เดินทางไปชมน้ำตกซึ่งหากจากจุดกางเต็นท์ประมาณ 1.5 กม.เป็นทางเดินคอนกรีตเดินง่าย ระหว่างก็จะมีน้ำตกเล็กให้แวะชม จากนั้นก็มาถึงน้ำตกสิ่งที่เห็นก็ยิ่งใหญ่สวยงามตามคำร่ำลือ หากมาในจังหวะดีๆก็จะได้เห็นรุ้งที่น้ำตกด้วย พยามจะถ่ายให้ใกล้น้ำตกมากที่สุด แต่สายน้ำที่แรงและละอองน้ำเยอะมากทำให้ไม่ค่อยได้ภาพมุมใกล้ ถ่ายภาพซักพักก็เดินทางกลับมาที่พัก กินข้าว อาบน้ำ นอน

     

    - วันที่ 3 ตื่นแต่เช้าหมอกลงบริเวณที่พักหนามาก ได้เดินเข้าไปเก็บบรรยากาศที่น้ำตกอีกครั้ง ก็จะได้บรรยากาศแตกต่างจากช่วงเย็นเมื่อวาน จะมีสายหมอกบางๆไหลผ่านด้านบนน้ำตก งดงามไปอีกแบบ

     

    จากนั้นเดินทงกลับมาที่พัก เก็บของกินข้าว และเดินทางกลับมานอนที่รีสอร์ทใน อ.อุ้งผาง ระหว่างทางก่อนถึงรีสอร์ทก็จะแวะไปที วังปลาปุง และ วัดป่าสักวิปัสสนา

    ที่พักใน อ.อุ้งผาง ก็ถือเป็นโชคดีได้พักกลุ่มเดียวในบ้านหลังใหญ่ และอยู่ไม่ไกลจากถนนคนเดิน ซึ่งเป็นถนนคนเดินเส้นเล็กๆระยะเดินไม่ไกลมาก มีของกินขาย แวะชิมแวะช็อป เสร็จก็กลับเข้าที่พัก

    - วันที่ 4 พอรุ่งเช้าก็เดินทางไปชมหมอก ณ "ดอยหัวหมด" ระหว่างทางหมอกลงจัดมาก การเดินขึ้นดอยหัวหมดระยะทางเดินเท้าไม่ไกลมากและไม่สูงมากนัก

     

    แต่สิ่งที่เห็นหมอกเยอะมาก ดั่งคำว่ามาชมทะเลหมอกจริง ซึ่งเคยมาที่นี่ครั้งนึ่งแล้ว ครั้งนี้ก็ยังประทับใจเช่นกัน ไม่คิดว่าเขาที่ไม่สูงมากนักจะได้เห็นทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงาม

    จากนั้นเตรียมตัวเดินทางกลับกทม.ระหว่างทางก็ได้แวะน้ำตกพาเจริญ ซึ่งเป็นอีกน้ำตกที่สวยงามและเดินทางง่ายเดินไม่ไกลจากจุดจอดรถมากนัก ตามแพ็คเก็จต้องแวะตลาดแม่สอดด้วย แต่เกรงว่าจะถึงกทม.ดึก จึงไม่ได้แวะและเดินทางกลับสู่กทม.เลย