มีวันหยุด ๑ วัน กับเงิน ๑,๐๐๐ บาท ก็ไปเที่ยวเขาใหญ่ได้

  • ฉันทำงานประจำ
  • ฉันหยุดแค่เสาร์-อาทิตย์
  • ฉันมีเงินไม่พอ
  • ฉันรอเพื่อนว่าง
  • ฉันกลัว

และ อื่นๆ อีกมากมายหลายร้อยเหตุผล
อันเป็นกำแพงความคิดที่เราก่อขึ้นมาล้อมกรอบความเป็นอิสระของเรา
ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้โบยบิน
ทำให้เราพลาดที่จะได้ทำตามใจตัวเอง
และทำให้เราพลาดที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ต้องใช้การเดินทางเก็บเกี่ยว

หากใครยังติดอยู่กับสิ่งที่ผมร่ายยาวมา
ก็เอาเป็นว่าอย่าพึ่งน้อยใจครับ
วันนี้ผมจะมาแนะนำที่เที่ยวใกล้ๆ ไม่ไกลกรุงเทพฯ
วันเดียวก็เที่ยวได้  ใช้ตังน้อย แถมฟินที่ระดับเวอร์ ๆ
นั่นคือ “น้ำตกเหวสุวัต เขาใหญ่

ใครเคยไปมาแล้วบ้างครับ สำหรับผมนี้เป็นครั้งแรก
ในความรู้สึกผมคือมันต้องไกลแน่ๆ และต้องค้างคืนอะไรประมาณนั้น
แต่ไม่จริงครับ มันคือการมโนล้วนๆ
เพราะจริงๆ แล้วเขาใหญ่ห่างจากกรุงเทพฯ
เพียง ๑๖๔  กิโลเมตร จากสวนจตุจักร ( ระยะทางจาก google map )
สามารถไปเที่ยวเช้า-เย็นกลับได้สบายๆ

 

ด้วยความไม่รู้ว่าใกล้ เราเลยเตรียมเสื้อผ้าไปด้วยเพื่อที่จะค้างคืน
เริ่มออกจากกรุงเทพฯ ก็หลังจากกินมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว
โดยใช้ google map นำทาง  ไปตามถนนหมายเลข ๓๐๕  มุ่งหน้าสูนครนายก
จากนั้นใช้ถนนหมายเลข ๓๓  และถนนหมายเลข ๓๐๗๗
ไปจนถึงด่านเก็บค่าบริการเนินหอม

 

 

อัตราค่าธรรมเนียม
ผู้ใหญ่คนไทย ๔๐ บาท  เด็ก ๒๐ บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ ๔๐๐ บาท เด็ก ๒๐๐ บาท
รถจักรยาน  ๒๐ บาท จักรยานยนต์  ๓๐ บาท
รถเก๋ง ปิคอัพ รถตู้  ๕๐ บาท
รถมินิบัส ไม่เกิน ๒๔ ที่นั่ง  ๑๐๐ บาท
รถบัส ตั้งแต่ ๒๔ ที่นั่งขึ้นไป ๒๐๐ บาท
รถบรรทุกไม่เกิน ๔ ตัน ๖ ล้อ  ๓๐๐ บาท

จ่ายค่าเข้าชมเสร็จก็ขับต่อไปอีกประมาณ ๔๐๐ เมตร
ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มีห้องน้ำให้ใช้   มีที่ให้ถ่ายรูป  และมีแผนที่เที่ยวให้
เราแวะเอาแผนที่เที่ยว
ไว้กันเหนียวในช่วงที่สัญญาณอินเตอร์เน็ตขาดหาย
เพราะไม่อยากหลงเสน่ห์ของการหลงทางในช่วงเวลาที่จำกัดแบบนี้ (แฮ่)

 

ขับรถไปเรื่อย ๆ เจอถนนสวย ๆ ก็จอดเก็บภาพ
ชมนก ชมไม้ไป  ชิลล์ ชิลล์  ไม่รีบ
นาน ๆ ได้ออกจากป่าคอนกรีต
มาสัมผัสป่าสีเขียว มีชีวิตชีวา ต้องเอาให้คุ้ม ว่าไหม?

 

อ้อ ก่อนถึงน้ำตกเหวสุวัต จะผ่านน้ำตกเหวนรกก่อน
แต่เราไม่ได้แวะ ตั้งใจไว้จะแวะขากลับ แต่ดั้นกลับทางปากช่อง อดเบย..

 

เราถึงน้ำตกเหวสุวัตประมาณ ๑๕.๓๐ น.
มีเวลาแค่ ๑.๓๐ ชั่วโมงเพื่อเที่ยวชมน้ำตก เพราะปิดเวลา ๑๗.๐๐ น.
รอไรหละ!!  รีบโกยด่วน ก่อนเวลาจะหมด

ถึงใกล้จะได้เวลาปิดแล้ว นักท่องเที่ยวยังทยอยกันมาเรื่อย ๆ
และที่น้ำตกยังคงหนาแน่นแทบไม่มีที่ให้เก็บภาพ

 

 

ปล่อยให้สาวน้อยได้ใช้เวลากับตัวเอง จะเซลฟี่ โพสต์เฟส แชทอวดเพื่อน
เอาที่เธอสบายใจเลยจ๊ะ พี่ไม่ว่าง (แฮ่)

ผมไม่รู้ว่าน้ำตกเหวสุวัต มีกี่ชั้น ชั้นที่สวยที่สุดอยู่ตรงไหน
เพราะไม่มีข้อมูลใด ๆ เนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวมา
เวลานี้ เดี่ยวนี้ ผมรู้แค่ว่า…ผมชอบชั้นนี้จัง
มีหินก้อนใหญ่ๆ ทรงสวยๆ ไว้นั่งเล่น นั่งถายรูป
มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ไว้หลบแดดยามแดดจ้า
มีละอองน้ำเย็นๆ  ฟุ้งกระจายตามแรงลม ให้สดชื่น
แค่นี้ก็ฟินแล้วสำหรับผม…

 

ตรงนี้ก็สวย ตรงนั้นก็สวย เก็บภาพเพลินเลยผม
อยากรู้ไหม? ว่าเพลินแค่ไหน?  เพลินจนลืมเธอคนนั้นคนที่พาผมมา
กว่าจะนึกขึ้นได้ หันไปหาเธออีกที เธอก็สบัดบ๊อบหันหลังให้ (แฮ่)

 

เดินตามช่างภาพท่านอื่น ๆ ไป ไม่รู้จะไปไหนกัน
คิดเอาไว้ว่าน่าจะมีมุมงามๆ สวย ๆ หรือไม่ก็มุมไฮไลท์ของน้ำตกนี้อย่างแน่นอน
และก็ไม่ผิดหวัง เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ

 

ถึงภาพผมจะดูธรรมดา เพราะฝีมือยังงูๆ ปลาๆ
แต่สำหรับของจริงขอบอกว่ามันสวยมาก มากจริง ๆ
ทั้งแสง ทั้งสี  ทั้งองค์ประกอบ เป๊ะ!!
มันไม่ใช่ถ้ำครับ ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร
คล้ายๆโพลงขนาดใหญ่ไม่ลึก พอหลบแดด หลบฝนได้

 

เก็บภาพจนเต็มอิ่มก็เดินกลับออกมา
มาเจอ “เธอ” คนนี้
อยู่กับ “เขา” คนนั้น
ผมไม่รู้ระหว่าง “เธอ”  และ “เขา”  ใครเหงากว่ากัน
แต่สำหรับผมยิ้มแก้มปริกันเลยที่เดียว (แฮ่)

 

 

กลัวเธองอล กลัวเธอด่า กลัวเธอน่าบึ้ง ทำไงหละครับ!!
ตีเนียน เรียกจะถ่ายรูปให้ มุมนี้งาม มุมนั่้นสวย
เธอมายืนซิ เค้าจะถ่ายให้
รอดครับ เธอไม่บึ้ง เธอไม่งอล  ผมได้ไปต่อครับ (แฮ่)

กำลังเพลินกับบรรยากาศ และสนุกกับการเก็บรูป
เจ้าหน้าที่ก็เดินลงมาบอกว่าหมดเวลาเที่ยวแล้ว
น่าเสียดาย ๑ วันเราได้เที่ยวแค่ชั้นเดียว
ไว้โอกาสหน้าจะกลับมาแก้มือใหม่นาจ๊าาาา!!!
( จริงๆ แล้วผมมารู้ทีหลังว่ามันมีแค่ชั้นเดียว 55555++)

 

ธุระส่วนตัวเสร็จก็มุ่งหน้าออกไปทางปากช่อง
ระหว่างทางจะผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ คือ
อ่างเก็บน้ำสายศร โป่งชมรมเพื่อน
จุดชมวิว กม. ๓๐  และ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ซึ่งแต่ละจุดสวยเหมาะกับการถ่ายรูปมาก
สาวๆ ไม่ควรพลาดขอบอก
แต่เรารีบเลยแวะแค่  จุดชมวิว กม. ๓๐

 

จากนั้นก็ยิงยาวตะเวนหาที่พัก
เพื่อพรุ่งนี้จะได้กลับเข้ามาเที่ยวอีกรอบ
แต่…แต่…หาที่พักไม่ได้
พอดีขับรถผ่านร้าน The Chocolate Factory Restaurant Kao Yai
ร้านสวย ตกแต่งน่ารัก  มีที่ถ่ายรูปเยอะ
มีเพลงร้องสดเพราะๆให้ฟัง
เลยแวะทานมื้อเย็นกัน

 

ทานเสร็จเห็นว่ามืดแล้ว
หาที่พักคงลำบาก เลยชวนกันกลับกรุงเทพฯ
ถึงกรุงเทพฯ ก็ราวๆ ๔ ทุ่มกว่าๆ
เป็นอันจบทริป แบบแฮปปี้เอนดิ้ง …อย่างงงๆ

 สรุปค่าใช้จ่าย  

  • ค่าแก๊ซแอลพีจีไป-กลับ   ๖๐๐ บาท
  • ค่าเข้าชมอุทยาน ๑๓๐ บาท ( ผุ้ใหญ่ ๒ คน รถ ๑ คัน)
  • ค่าอาหารมื้อเย็น  ๘๑๔ บาท ( ทานหรูไปหน่อย)

รวมเป็นเงินทั้งหมด ๑,๕๔๔ บาท
เฉลี่ยตกคนละ  ๗๗๒  บาท

ฝากติดตามเพจด้วยเราด้วยนะครับ  http://www.facebook.com/SnapshortNotes