ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
#นาขั้นบันได : บ้านป่าบงเปียง จ่าย 5 ร้อย วิว 5 ล้าน ไปนอนกระท่อมกลางนา กับบรรยากาศสุดจะฟิน! บ้านป่าบงเปียง (Ban Pa Bong Piang) จ.เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    CHAILAIBACKPACKER •  กันยายน 07 , 2559

    นาขั้นบันได : บ้านป่าบงเปียง

    บ้านป่าบงเปียง เป็นหมู่บ้านของ ชาวปกาเกอะญอ  ที่ทำอาชีพปลูกข้าวโพด และข้าว ซึ่งการปลูกข้าวของที่นี่จะปลูกแบบเป็นนาขั้นบันได ซึ่งเมื่อบวกกับทิวทัศน์ที่อยู่รอบด้าน และบรรยากาศดีๆ หมอกบางๆ ยามเช้า จึงทำให้ใครหลายคนอยากมาเยือน

     

     

    สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบท่องเที่ยวแบบประหยัด แวะมาทักทาย ติดตามกันได้นะครับ

    CHAILAIBACKPACKER : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

     

     

    นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง ..ไปเที่ยวช่วงไหนดี?

     

    ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาเที่ยวชม จะมี 3 ช่วง ก็คือ

     

    ช่วงดำนา(ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - ปลายเดือนสิงหาคม) ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เริ่มปลูกข้าว โดยชาวบ้านจะปักต้นกล้าลงไปในท้องนา ที่มีน้ำขัง ทำให้เห็นภาพสะท้อนของท้องฟ้า จากน้ำในท้องนา เป็นภาพที่สวยงาม

     

    ช่วงนาข้าวสีเขียว(ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม - กลางเดือนตุลาคม) เป็นช่วงที่ต้นข้าวเติบโตเขียวขจีขึ้นอัดแน่นเต็มท้องทุ่ง มองไปทางไหนก็ดูเขียวสบายตา รู้สึกสดชื่น ทำให้ช่วงนี้มีคนมาเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ

     

    ช่วงนาข้าวสีทอง(ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน) เป็นช่วงที่ข้าวออกรวงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง เตรียมพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่สวยงามไปอีกแบบเช่นกัน เพราะจะเห็นนาขั้นบันได มีสีเหลืองทองอร่าม เหมือนถูกอาบไปด้วยสีทองฉาบไปทั้งผืนนา..

     

    ที่พักบ้านป่าบงเปียง

     

    บ้านป่าบงเปียง จะมีที่พักไม่กี่หลังเท่านั้น ซึ่งแต่ละหลัง.. ก็จะเป็นกระท่อมบ้านพักแบบง่ายๆ ไร้ซึ่งเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ได้อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยจะนอนที่ “มาฉิโพ” ของพี่วิชัย ราคาที่พักจะคิดเป็นคน คนละ 500 บาท (ที่พัก 1 คืน + อาหาร 2 มื้อ เย็น-เช้า)

     

    • ไม่มีไฟฟ้า
    • ไม่มีทีวี ไม่มีพัดลม ไม่มีตู้เย็น ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น
    • แต่มีคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ และ เนต(พอให้เล่นได้)
    • เมื่อได้เวลาอาหารเช้า-เย็น จะมีคนหิ้วปิ่นโตอาหารมาให้ถึงหน้ากระท่อมที่พัก

     

     

    การเดินทาง สามารถเดินทางมาได้ 2 ทาง คือ

     

    1.มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ ผ่านอำเภอจอมทอง มาตามเส้นทางสู่ยอดดอยอินทนนท์ เมื่อถึง ด่านจุดตรวจที่ 2 ก็แล้วซ้ายไปทางอำเภอแม่แจ่ม เส้นทางนี้ช่วงท้าย 1-2 กิโลเมตรสุดท้าย ทางเละและลำบาก แต่สามารถโทรให้ที่พักเอารถ 4WD ออกมารับได้(ค่าบริการไป-กลับ 700 /คัน)

     

    รถโดยสาร

    •  จากเชียงใหม่ สาย เชียงใหม่-จอมทอง 35 บาท
    •  จากนั้น ต่อรถสองแถวสาย จอมทอง-แม่แจ่ม 70-80 บาท
    •  ลงที่ทางแยก ด่านจุดตรวจที่ 2 แล้วโทรให้รถ 4WD มารับเข้าไป

     

    2. มาจากตัวอำเภอแม่แจ่ม เส้นทางนี้ค่อนข้างสะดวก สภาพถนนชัน เป็นถนนลาดยางอย่างดี จนเกือบถึงหมู่บ้าน ยกเว้นช่วงสุดท้ายแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ที่ทางค่อนข้างเละ (ในหน้าฝน)

     

    สำหรับทริปนี้ผมจะเช่ามอเตอร์ไซค์แว๊นซ์ จากตัวเมืองเชียงใหม่ไป บ้านป่าบงเปียง เลยครับ!

     

     

    เส้นทางที่ 1 (เส้นสีเขียว) จะขึ้นทาง หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน เมื่อเลยหน่วยพิทักษ์ฯ ไปแล้ว เส้นทางจะค่อนข้างเละ(เส้นสีแดง) ซึ่งเป็นระยะทางประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร

    เส้นทางที่ 2 (เส้นสีฟ้า) จะเข้าป่าบงเปียงโดยวนผ่านตัวอำเภอแม่แจ่มก่อน ซึ่งจะเห็นว่าเป็นเส้นทางที่อ้อมพอสมควร เส้นทางจะเป็นถนนอย่างดี แต่มีความชันและคดโค้ง จนถึงช่วงสุดท้ายที่ทางค่อนข้างเละ(เส้นสีแดง) แต่ก็เป็นทางลำบากแค่ช่วงสั้นๆ และสั้นกว่าเส้นทางแรก

     

     

    • โพสต์-2
    CHAILAIBACKPACKER •  กันยายน 07 , 2559

    DAY 1 - เดินทางสู่ "บ้านป่าบงเปียง"

    11 : 30 น. ออกเดินทาง!

     

    เริ่มต้นออกเดินทางลุยเดี่ยว สู่ จังหวัดเชียงใหม่ จากสนามบินดอนเมือง ในเวลาเกือบเที่ยง สภาพอากาศในช่วงนี้ ที่ กทม. อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าใส ไร้วี่แววของเมฆฝน ซึ่งเมื่อได้ลองเช็คกับ สภาพอากาศที่ปลายทางแล้ว ได้ข่าวมาว่าที่นั่นฝนตกบ่อยๆ มาเร็วไปเร็ว

     

    13 : 05 น. สวัสดี..เชียงใหม่!

     

    เดินทางมาชั่วโมงเศษๆ ก็มาถึง สนามบินเชียงใหม่ ซึ่งก่อนเดินทาง ผมได้ติดต่อ เช่ามอเตอร์ไซค์ กับ BikkyChiangmai เอาไว้ โดยเลือก Honda Zoomer X เป็นพาหนะ และเพื่อนร่วมทางในทริปนี้ ซึ่งรถรุ่นนี้เช่าในราคา วันละ 300 บาท ถ้าลงทะเบียนเป็นสมาชิก ลดอีกวันละ 25 บาท ดังนั้น การเช่ารถมอเตอร์ไซค์เที่ยวในวันนี้ ผมจ่ายไป 275 บาท (ไม่มีมัดจำ และใช้บัตรประชาชนในการเช่าเท่านั้น)

     

    ผมมาแวะ..พัก เก็บภาพ ชมบรรยากาศที่ “บ้านแม่กลางหลวง” สักหน่อย ช่วงนี้นาทุกที่ก็เริ่มจะเขียวแน่นเต็มท้องนา และ นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวงนี่เอง ก็เป็นนาขั้นบันไดอีกจุดหนึ่งที่มีความสวยงาม และเดินทางมาได้ง่าย

    ฝนเพิ่งจะหยุดตกไปไม่นาน ทำให้เห็นหมอกลอยบางๆ อยู่ตามยอดเขา เมื่อได้เห็นภาพความเขียว ของต้นไม้ และผืนนาแบบนี้เป็นภาพที่ดูสบายตา

    การเดินทางเป็นไปอย่างไม่รีบร้อน ตรงไหนน่าสนใจก็หยุดพัก ถือว่าได้พักทั้งคน ทั้งรถ พร้อมชมวิวสองข้างทาง ในบรรยากาศชื้นๆ แบบนี้ ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก แวะถ่ายรูปกับป้าย “อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” เป็นที่ระลึกซะหน่อย!

    ระหว่างทางจะผ่านด่านจุดตรวจทั้งหมด 2 จุด ด่านจุดตรวจที่ 1 จะผ่านมาโดยไม่ต้องตรวจอะไร แต่เมื่อมาถึง ด่านจุดตรวจที่ 2  เจ้าหน้าที่จะกั้นรถ เพื่อให้ซื้อตั๋วค่าเข้าอุทยานเสียก่อน แต่ก็สามารถบอกได้..ว่าจะเดินทางไปเส้นทาง “แม่แจ่ม” ก็จะ ไม่เสียค่าเข้า ตรงจุดนี้

    เลย ด่านจุดตรวจที่ 2 ไม่ไกล จะเจอทางแยกให้เลี้ยวซ้ายขึ้นไป ซึ่งเส้นทางนี้จะไปสู่ อำเภอแม่แจ่ม

    เส้นทางช่วงนี้ สองข้างทางดูจะเป็นป่าทึบมากขึ้น ต้นไม้โดนละอองฝน ดูชื้นๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างกับสภาพถนน ที่จะดูชื้นๆ ลื่นๆ จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ

    ละอองฝนปะทะกับใบหน้าตลอดการเดินทางในช่วงนี้

    จากแยกตรง ด่านจุดตรวจที่ 2 มาอีกประมาณ 6-7 กิโลเมตร จะเจอทางแยกไป หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน ซึ่งป่าบงเปียงจะไปตามเส้นทางนั้น ดังนั้น เมื่อเจอแยกนี้ก็ให้ไปทางขวา

    จากแยกเข้ามา.. ทางจะดูแคบลงถนัดตา เป็นถนนเล็กๆ ที่สภาพถือว่ายังดีอยู่ แต่ก็ควรใช้ความระมัดระวัง เพราะถนนค่อนข้างจะลื่น

    เมื่อมาถึงทางแยกตรงนี้ น่าจะเป็นแยกสุดท้าย ก่อนถึงบ้านป่าบงเปียงแล้ว และตรงจุดนี้ จะต้องมุ่งหน้าตรงไป เหมือนผ่านเนินนี่ไปแล้ว จะเป็นทางลาดลงครับ

    พอผ่านเนินดังกล่าว จะเป็นถนนช่วงสุดท้ายที่ถือว่า โหดสุดๆ สภาพเส้นทางจะเป็นทางลูกรัง(ที่โดนฝนแล้ว..) เนื่องจากเมื่อเช้าฝนได้โปรยปรายลงมาอยู่พักหนึ่ง ทำให้ตอนนี้สภาพถนนทั้งเละ และลื่น จนต้องจอดพัก(ทำใจ) เป็นระยะๆ..

    ระหว่างทางมีรถคันแรกในเส้นทางลูกรังนี้สวนมาคันแรก ซึ่งน่าจะเป็นคนในพื้นที่หรือหมู่บ้านใกล้เคียง พอหลุดโค้งมาก็ล้มโชว์ให้ดูเลย เพราะดูแล้ว.. ทางมันลื่นจริงๆ ขนาดมาไม่เร็วมาก พอเห็นภาพแบบนี้ ก็รู้สึกว่าต้องระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น

    เส้นทางโหดๆ ในช่วงตอนท้ายนี้ จะมีระยะทางแค่ 1-2 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ก็เป็นระยะทางที่ผ่านไปช้าเสียเหลือเกิน กว่าจะผ่านไปได้แต่ละ สิบเมตร ร้อยเมตร ต้องพยายามประคองรถให้ดี ซึ่งนอกจากทางจะเละแล้ว บางจุดก็มีน้ำขังเป็นแอ่งน้ำใหญ่ขวางทั้งถนนเลย

    ช่วงนี้ก็เลยได้หยุดพักบ่อยขึ้น ยังดี.. ที่ว่าเข้ามาถึงในช่วงที่ไม่เย็นมาก ยังพอมีเวลาก่อนที่แสงสว่างวันนี้จะหมดไป

    ตลอดระยะทาง 1-2 กิโลเมตรในช่วงท้าย จะมีแอ่งน้ำอยู่หลายจุดเหมือนกัน ในบางช่วงชันและลื่น บางช่วงเป็นถนนเละๆ บางช่วงขอบถนน เป็นเหมือนเหว ดังนั้น จึงควรระมัดระวังในการขับขี่ด้วยนะครับ

    • โพสต์-3
    CHAILAIBACKPACKER •  กันยายน 07 , 2559

    บ้านป่าบงเปียง!

    17 : 00 น. ถึงแล้ว.. นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง!

     

    มันเป็นภาพ.. ที่เห็นแล้วรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย เจอกันจนได้ นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง

    ถนนเข้าหมู่บ้านนั้นจะเป็นเส้นทางบนเขาอยู่สูงกว่าผืนนา และผืนนาจะอยู่ลาดต่ำลงไป ดังนั้น เมื่อเข้ามาถึงหมู่บ้าน ก็จะเห็นภาพแบบนี้ เป็นภาพที่สวยงาม และ ดูสดชื่นมากๆ คุ้มค่ากับการดั้นด้นมาจริงๆ

    ผมจอดรถมอเตอร์ไซค์ และวางเป้ลงที่ขอบคันนามุมนึง พร้อมถือกล้องลงไปเดินเล่น ถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ของ นาขั้นบันได บรรยากาศในช่วงเย็นดีมากๆ

    ภายในหมู่บ้านจะมีที่พักเปิดให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการโดย มีทั้งหลังเล็ก นอนได้ 3-4 คน ไปจนถึงหลังใหญ่ นอนได้หลายคน ซึ่งถ้าจะมาพักก็ต้องมีการจองล่วงหน้ามาก่อน เพราะ ในวันหยุดที่พักมักจะเต็ม และ ที่บ้านป่าบงเปียงแห่งนี้มีที่พักไม่กี่หลังเท่านั้น

    บรรยากาศที่นี่จะเงียบสงบ เสียงนึงที่จะได้ยินตลอดก็คือ เสียงน้ำไหล โดยเป็นน้ำที่ไหลมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ไหลเข้าสู่ท้องนา และ น้ำเหล่านี้ก็จะเป็นน้ำที่สำหรับไว้ใช้ด้วย

    ใน นาขั้นบันได สามารถเดินตามคันนาลงไปถ่ายรูป หรือ เดินเล่นก็ได้ แต่ก็ต้องระวังลื่นกันสักหน่อยนะ

    มีเพื่อนสี่ขาโผล่มาเดินเล่นเป็นเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งตัว ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว กึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าไปหลายช่วงตัวทีเดียว

    น้ำที่ไหลมาจากแหล่งต้นน้ำธรรมชาติไหลเข้าสู่นา ก่อนปล่อยไหลไล่ลงไปตามสเตปของนาขั้นบันได้ ..ทำให้ต้นข้าวได้รับน้ำกันอย่างทั่วถึง

    กระท่อมกลางนา ที่เป็นเหมือนศาลานั่งพักผ่อน เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้แวะไปนั่งพักผ่อน เหมาะกับช่วงยามเย็นเช่นนี้

    น้ำไหลเข้าสู่นาขั้นบันไดไล่ระดับมาทีละชั้น ..เห็นได้ถึงความอุดมสมบูรณ์

    ท้องนาสีเขียวขจี มองแล้วสบายตา บรรยากาศแบบนี้แหละที่ควรมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง

    เม็ดฝนที่ยังคงค้างอยู่ตามยอดต้นข้าว มองดูแล้วรู้สึกชุ่มชื้น สดชื่นดี

    ช่วงเย็น ณ เวลานี้ เหมือนจะมีหมอกลงจัด ที่ทิวเขาไกลๆ สีขาวของหมอก ตัดกับสีเขียวของต้นข้าว เป็นภาพที่สวยงามดีครับ

    มุมถ่ายรูป..ตรงนี้ หลายคนคงจะพอเห็นผ่านตากันมาแล้วบ้าง ใครมาต้องไม่พลาดนะ!

    ภาพบรรยากาศในมุมต่างๆ ของ นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง

    ยามเย็นแบบนี้นั่งดูพระอาทิตย์ตก จากกระท่อมที่พัก คงได้บรรยากาศสุดบรรยายครับ!

    พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว!

    ภาพ นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง ในมุมสูง เห็นหมอกบางๆ กับทิวเขาเป็นฉากหลัง

    ภาพ นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง ในมุมสูง

    • โพสต์-4
    CHAILAIBACKPACKER •  กันยายน 07 , 2559

    นอนเปลี่ยวในกระท่อมกลางนา!

    18 : 15 น. เข้าสู่ที่พักกลางนาขั้นบันได!

     

    เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้าไปหลบอยู่หลังภูเขาไปแล้ว.. ก็ได้เวลาอันพอสมควรที่ผมจะต้องเข้าที่พัก เตรียมที่หลับที่นอนพักผ่อนสำหรับค่ำคืนนี้  เป็นกระท่อมที่พักหลังที่อยู่กลางนา (ซึ่งตามภาพจะเป็นหลังฝั่งขวาของภาพครับ)

    อีกมุมหนึ่งของกระท่อมที่พักจะเห็นว่า.. หันหน้าออกไป เป็นวิวนาขั้นบันได และมีภูเขาเป็นฉากหลัง โดยเฉพาะในยามเย็นเช่นนี้ บรรยากาศดีมาก สำหรับค่าที่พัก ก็จะคิดเป็นคน คนละ 500 บาท (ที่พัก + อาหาร 2 มื้อ เย็น-เช้า)

    แบกเป้เดินลงทุ่ง ไปตามคันนา มุ่งตรงไปที่กระท่อมที่พักสำหรับคืนนี้ ก็คือหลังนี้นี่เอง!

    มุมด้านหน้าของที่พัก เป็นเหมือนกระท่อมที่พักแบบง่ายๆ มีระเบียงเล็กๆ ข้างหน้าไว้นั่งเล่น และ จะเห็นว่ามี ทางน้ำไหลขนาดเล็กแต่ไหลแรงพอสมควร อยู่ข้างกระท่อมด้วย ได้ยินเสียงน้ำไหลชัดเจนรู้สึกเพลินดีเหมือนกัน

    เปิดประตูเข้ามาดูสภาพข้างใน จะมีห้องเดียว สามารถนอนได้ประมาณ 3-4 คน มีที่นอน ฟูก หมอน มุ้ง เตรียมพร้อมไว้ให้ ผนังเป็นไม้ไผ่ที่มีช่องลมเล็กเหมือนที่ระบายอากาศไปในตัว นานๆ ทีได้มีโอกาสมานอนแบบนี้มันก็ได้อารมณ์ดีนะครับ

    อีกมุมหนึ่ง.. มีข้าวของเครื่องใช้นิดๆหน่อยๆ เอาไว้ให้ ที่สำคัญก็คงจะเป็น เทียนไข เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ มีน้ำเปล่า แก้วน้ำ ทิชชู่ และ ยากันยุง.. นี่ก็สำคัญเหมือนกัน เพราะช่วงเย็นๆ ยุงเยอะเหมือนกัน ได้จุดใช้แน่นอน

    มาดูในส่วนห้องน้ำ จะตั้งอยู่ข้างๆ กับกระท่อมที่พักเลย ไม่ต้องเดินไกล เป็นห้องน้ำของที่พักหลังใครหลังมัน มีฝักบัวที่น้ำไหลเย็นเหมือนกับน้ำที่ไหลข้างที่พัก เพราะต่อน้ำเข้ามาใช้จากแหล่งน้ำเดียวกัน

    ที่หน้ากระท่อมที่พัก มี ปิ่นโต วางอยู่ ตามที่พี่วิชัยได้บอกเอาไว้ ..ตอนนี้ก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี

    จัดการเปิดปิ่นโตดู ก็ลุ้นดีเหมือนกันว่าแต่ละชั้น จะมีกับข้าวอะไรให้ได้ลิ้มลองกันบ้าง ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่า อาหารในแต่ละมื้อ ก็จะเป็นอาหารแบบง่ายๆ สไตล์ชาวบ้านๆ แต่เข้ากับบรรยากาศริมท้องทุ่งแบบนี้ยิ่งนัก

    สิ้นแสงอาทิตย์ของวันแล้ว.. ผมจึงนำเทียนไขที่เขาเตรียมมาให้ จุดเพื่อให้แสงสว่างในการทานมื้อเย็นมื้อนี้ สำหรับอาหารมื้อนี้ก็เป็นเมนูง่ายๆ มีอยู่ 3 อย่าง คือ ผัดผักน้ำมันหอย ต้มจืด และ ไข่เจียว ดูเหมือนว่าเป็นเมนูธรรมดาๆ แต่ก็เป็นมื้อที่อร่อยใช้ได้เลยแหละครับ!

    อิ่มแล้ว ก็นอนฟังเสียงธรรมชาติ เสียงน้ำไหลข้างกระท่อม เสียงกบ เสียงเขียดร้องระงมรอบกระท่อมที่พัก กล่อมจนหลับใหลไปโดยไม่รู้ตัว.....

    • โพสต์-5
    CHAILAIBACKPACKER •  กันยายน 07 , 2559

    DAY 2 - ยามเช้า ณ บ้านป่าบงเปียง!

    06 : 00 น. สวัสดียามเช้า.. บ้านป่าบงเปียง!

     

    รู้สึกตัวตื่นมาอีกครั้ง ก็เช้าซะแล้ว.. เมื่อคืนคงหลับสบายจริงๆ ไม่มีตื่นมากลางดึกเลย ผมลุกขึ้นนั่งแล้วมองลอดผ่านช่องเล็กๆ ของผนังกระท่อม เพื่อเช็คสภาพอากาศภายนอก เพราะยังขี้เกียจลุกขึ้นไปเปิดประตูดู เมื่อพบว่า..ข้างนอกอากาศดีและพระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว ก็เลยเปิดประตูรับอากาศดีๆ ด้านนอก และนอนเล่นชมบรรยากาศยามเช้าสักพัก

    ไม่นาน.. ก็มี คนหิ้วปิ่นโตมาให้ถึงหน้ากระท่อมที่พัก เป็นปิ่นโตอาหารสำหรับมื้อเช้านี้

    เป็นเช้าที่สงบเงียบ และบรรยากาศดี ..นั่งจิบกาแฟร้อนๆ หน้ากระท่อมที่พัก

    บรรยากาศด้านหน้ากระท่อมที่พัก ..เริ่มมีสายหมอกเคลื่อนลงมาอยู่ด้านหน้า

    สายหมอกยามเช้า เคลื่อนกาย อยู่เหนือผืนนาขั้นบันได การได้เอาตัวเองมาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ .. บอกได้เลยว่า วันเดียวก็คงไม่พอ!

    นั่งเล่น นอนเล่น ชมท้องนาสีเขียว สบายตา

     

     

     

     

    08 : 00 น. ทานมื้อเช้ากับสายหมอก

     

    ช่วงเช้า ออกไปเดินเล่นสูดอากาศดีๆ กลางทุ่งนาสักพัก ก็เริ่มเข้าสู่ โหมดหิว อีกครั้ง เดินกลับมากระท่อมที่พักเพื่อจัดการกับอาหารมื้อเช้า โดยเช้านี้จะนั่งทานมื้อเช้าที่ระเบียงตรงนี้เช่นเคย

    สายหมอกก็ยังคงก่อตัวกันหนาอยู่ ตรงเบื้องหน้า คงเพิ่มรสชาติในอาหารของเช้าวันนี้ไม่น้อยเลยนะ

    สำหรับมื้อเช้าวันนี้ ก็เป็นอาหารเมนูง่ายๆ 3 อย่างเช่นเคย ขณะเปิดดูก็ลุ้นไป ..ว่าจะมีกับข้าวอะไรบ้าง? ซึ่ง เช้านี้ ก็มี ไข่พะโล้ หมูยอทอด และ แคปหมู

     

    • โพสต์-6
    CHAILAIBACKPACKER •  กันยายน 07 , 2559

    อำลา..ป่าบงเปียง!

    10 : 00 น. อำลา..ป่าบงเปียง!

     

    เนื่องจากว่ามีโปรแกรมจะแวะเที่ยวต่อตามรายทางในช่วงขากลับ ทำให้ต้องรีบเช็คเอาท์ก่อนเวลาที่กำหนด ผมจัดการอาบน้ำอาบท่า กับอุณหภูมิของน้ำที่เย็นจับใจ แต่ก็ทำให้สดชื่นดี! ใช้เวลาเก็บข้าวของไม่นานก็เตรียมกลับ เดินออกมาจากกระท่อมที่พัก หันกลับไปเก็บภาพที่ระลึกสักหน่อย ก่อนจะเดินขึ้นไปเอารถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ มีโอกาสคงได้กลับมานอนที่นี่อีกนะ!

    ขากลับ จะเดินทางกลับอีกทาง โดยอ้อมไปทางตัวอำเภอแม่แจ่มครับ ระยะทางที่ออกจากป่าบงเปียง.. ในช่วงแรกๆ ก็ยังคงเละเทะเหมือนเดิม ทั้งชันและก็ลื่น บางช่วงก็มีน้ำขัง แต่ก็เป็นระยะทางช่วงสั้นๆ เท่านั้น ถ้าเทียบกับตอนขามา ซึ่งช่วงที่เละๆ เท่าที่ลองกะระยะคร่าวๆ น่าจะไม่ถึง 1 กิโลเมตร พอพ้นทางลูกรังเล็กๆ มาแล้วคราวนี้ก็เป็นถนนอย่างดีเลย ภาพนี้เป็นรอยต่อกับทางลูกรังที่มาจากบ้านป่าบงเปียง

    ช่วงนี้ก็เลย.. เป็นช่วงแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ กินลม ชมวิวไป เรื่อยๆ ครับ ไปตามถนนที่ลัดเลาะตามเชิงเขา

    เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ถือว่าสวยงามมาก สองข้างทางวิวทิวทัศน์นี่สุดยอดเลย จึงทำให้ต้องจอดรถอยู่บ่อยๆ

    นี่เป็นภาพ นาขั้นบันได ของบ้านป่าบงเปียงในอีกหนึ่งมุมครับ

     

     

    11 : 00 น. แวะชมนาขั้นบันไดบ้านตีนผา

     

    ห่างจากบ้านป่าบงเปียงไม่ไกล ประมาณ 1-2 กิโลเมตร ก็จะถึง จุดชมวิวนาขั้นบันไดบ้านตีนผา ถนนเส้นนี้ก็อยู่ในระดับสูงดีเหมือนกัน จอดรถแล้วก็ชมวิว ถ่ายรูปได้เลย ..ไม่ต้องเดินไปไหนไกล

    ความเขียว ของต้นไม้ ทำให้การเดินทางรู้สึกสดชื่นตลอดเส้นทาง ..มองทีไรก็รู้สึกสบายตา

    นาขั้นบันไดเบื้องล่าง ไล่ระดับ ตามเชิงเขา ..ซึ่งด้านซ้ายจะเห็นบ้านเรือนของชาวบ้านด้วย

    ต้นข้าวเขียวขจี ซึ่งอีกไม่นานก็จะโตขึ้นแน่นขนัดเต็มท้องนา

    นาขั้นบันไดบ้านตีนผา ถือเป็นอีกจุดที่น่าแวะมากๆ เมื่อมีโอกาสมาที่บ้านป่าบงเปียง เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านป่าบงเปียง และถนนหนทางถือว่าดีเลย ห้ามพลาดครับ!

    เลยจากหมู่บ้านตีนผาไม่ไกล ก็มาถึง บ้านป่าตึง ซึ่งจะมาแวะเติมน้ำมันที่นี่แก้ขัดไปก่อน ก่อนที่จะเข้าไปสู่ ตัวอำเภอแม่แจ่ม และอ้อมวกกลับไปที่ ด่านจุดตรวจที่ 2 อีกครั้ง ซึ่งระหว่างทางก็จะพบกับนาขั้นบันไดให้แวะพัก หรือ ถ่ายรูปตลอดทาง

    และก็สมควรแก่เวลาที่จะแว๊นซ์ยิงยาวกลับตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อคืนรถที่เช่ามา เป็นการสิ้นสุดของทริปนี้ครับ!

     

    สรุปค่าใช้จ่าย (จากตัวเมืองเชียงใหม่)

    ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ วันละ 275 บาท (ค่า รับ-คืน รถที่สนามบิน 100 บาท) = 375 บาท

    ค่าน้ำมันรถ = 140 บาท

    ค่าที่พักมาฉิโพ บ้านป่าบงเปียง = 500 บาท(รวมอาหาร 2 มื้อ)

     

    การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

    Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

    Instagram : CHAILAIBACKPACKER

    Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9