หมายเหตุ รีวิวนี้เขียนไว้ก่อนวันที่ 13 ตุลาคม 2559
ฝนเริ่มซาทีไรฮอร์โมนท่องเที่ยวก็แผ่ซ่านเข้าครอบงำผมทุกครั้งไป ภาพภูเขาสีเขียวกับสายหมอกสีขาวมันพลุ่งพล่านขึ้นมาในสมองขึ้นมาทันที … ปลายฝนต้นหนาวของปีนี้ก็เช่นกันความคิดถึงนาขั้นบันไดป่าบงเปียงที่อำเภอแม่แจ่มของเชียงใหม่กลับเข้ามากระตุ้นต่อมเดินทางของผมอีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2557 ได้ไปสัมผัสความงามมาแล้วรอบนึง แต่คราวนั้นไม่ได้พักด้านในป่าบงเปียงจึงพลาดโอกาสชมบรรยากาศยามเช้า … ทริปเชียงใหม่จึงถูกแพลนอีกครั้งโดยมีแผนว่าต้องเข้าไปพักด้านในให้ได้ การเดินทางทริปนี้ของผมใช้บริการสายการบิน Thai Smile – “รอยยิ้มคู่ฟ้า” ที่มีไฟลท์บินตรงจากภูเก็ตแบบสบายๆ ไม่ต้องต่อเครื่องให้ยุ่งยากเสียเวลา แถมเวลาการเดินทางก็ถือว่าดีทีเดียวเพราะออกจากภูเก็ตราวเที่ยง ไม่ต้องตาลีตาเหลือกตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางมาสนามบิน (ก็สนามบินภูเก็ตมันอยู่ไกลซะขนาดนั้น แถมรถติดอีกต่างหาก) ไปถึงเชียงใหม่ตอนบ่าย ยังเที่ยวได้อีกครึ่งวัน … ส่วนขากลับออกจากเชียงใหม่ช่วงเช้า แต่เนื่องจากสนามบินอยู่ใกล้เมืองจึงไม่ต้องรีบมาก เดินทางมาแบบสบายๆ
การเดินทางรอบนี้ผมยิ้มกว้างเลยครับ เพราะนั่งชั้น Smile plus ซึ่งก็คล้ายๆ กับ Business class นั่นแหละ… สะดวกสบายตั้งแต่ขั้นตอนการ check in ที่สามารถใช้ช่องทางพิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้น Smile plus โดยเฉพาะ โหลดกระเป๋าได้ 30 กก. (อันนี้เหมาะมากเช่นกันสำหรับการเดินทางต่อเนื่องไป-กลับ ต่างประเทศ) โดยทุกใบจะติด tag PRIOITY สามารถรับกระเป๋าที่สายพานได้ก่อนผู้โดยสารในชั้นปกติ … อันนี้ยังไม่รวมความสะดวกสบายของ Thai Smile ที่มีตัวเลือกทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิในกรณีเดินทางไปกรุงเทพฯ อีกด้วย
ความคุ้มค่าอีกอย่างของชั้น Smile plus คือสามารถถือ boarding pass เดินยืดเข้าไปใช้บริการ Royal Orchid Lounge ได้เลยจ้า … จะเข้ามานั่งๆ นอนๆ ใช้ Free WIFI หรือทานของว่างแบบไม่อั้นก็ได้ ซึ่งขนม, ชา-กาแฟ มาครบครับ ส่วนคนที่ซื้อตั๋วแบบปกติก็ไม่ต้องน้อยใจครับ เพราะยังได้รับบริการอย่างอื่นเหนือกว่าสายการบิน low cost อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักกระเป๋า 20 ก.ก., เลือกที่นั่งล่วงหน้า, สะสมไมล์ Royal Orchid Plus และของว่างบนเครื่องซึงทั้งหมดรวมอยู่ในค่าตั๋วแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติมหยุมหยิมให้หงุดหงิดใจ … สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่เวปไซต์ของ Thai Smile
Lounge ของ Royal Orchid ที่ภูเก็ต (ปัจจุบัน ณ 7 ธ.ค. 59 อยู่ระหว่างการปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร จึงอาจไม่เหมือนในภาพครับ แต่เชื่อว่าเมื่อแล้วเสร็จคงดูดีกว่านี้แน่นอน)

Blog : www.9mot.com
fb : @นายมด
youtube : @9Mot-Photography
ig : @9mot



จากนั้นพนักงานจะให้เลือกเมนูอาหาร ซึ่งแต่ละไฟลท์มี 2 แบบ … เนื่องจากไปกันสองคนก็เลยเลือกคนละอย่างครับจะได้ชิมดูทั้งสองเมนู … เมื่อเครื่อง take off ได้สักพักและสัญญาณแจ้งรัดเข็มขัดดับลง พนักงานก็เริ่มให้บริการ เริ่มตั้งแต่การแจกผ้าร้อน (ร้อนจริงๆ นะ ^ ^) ตามด้วยการปูผ้ารองโต๊ะและเสิร์ฟอาหารตามที่สั่งไว้ ซึ่งผมยกให้กุ้ง+ปูอัดผัดซอสราดข้าวจานของผมอร่อยกว่าพาสต้าปลาที่แฟนผมสั่งครับ (ถือโอกาสข่มคุณเธอเล็กน้อย อิอิ) 
เวลาหลังจากนี้ก็ชมวิวจากหน้าต่างเครื่องบินไปเรื่อยๆ จน landing ที่เชียงใหม่ … แน่นอนว่าได้รับกระเป๋ารวดเร็วกว่าใครเพื่อน 







พระอาทิตย์เริ่มคล้อยไปหลังยอดเขา ผมจึงออกเดินทางต่อไปยังแม่แจ่ม เพราะไม่อยากถึงที่พักค่ำเกินไป … ระหว่างทางสังเกตเห็นแสงสีรุ้งอยู่รอบๆ กลุ่มเมฆฝั่งทิศตะวันตกสวยงามมาก มาค้นข้อมูลภายหลังเจอว่านั่นคือปรากฎการณ์เมฆสีรุ้งที่เกิดจากการตกกระทบของแสงบนละอองน้ำที่มีขนาดต่างๆ กัน นับว่าโชคดีมากที่ได้เห็นปรากฎการณ์นี้ด้วยตาตัวเอง 
กว่าจะถึงที่พัก “เรือนแฮมแจ่มเมือง” ที่อำเภอแม่แจ่มก็ค่ำพอดี … หลังจากเก็บของเข้าที่พักเป็นที่เรียบร้อยก็ออกไปหามื้อเย็นทาน แต่เนื่องจากไฟดับทั่วอำเภอแทบจะดูไม่ออกว่าร้านไหนเปิดบ้าง ก็เลยอาศัย 7 Eleven เป็นที่พึ่งสำหรับมื้อนี้



จุดนี้ถือว่าลงตัวมาก … ยืนอยู่ที่เดียวเก็บภาพรอบๆ ได้หลายมุมเลย 



ผมถ่ายภาพอยู่นานมากก่อนจะเดินทางลง … โดยแวะถ่ายภาพที่จุดชมวิวแรกนิดหน่อย หมอกลงจัดแทบไม่เห็นวิวเลยต้องกลับที่พัก 



เสร็จจากมื้อเช้าผมนอนพักผ่อนเก็บแรงเล็กน้อย ก่อนที่จะ check out เพื่อออกไปเก็บภาพนาสีเขียวขจีในบริเวณใกล้เคียง ไม่ว่จะเป็นนาขั้นบันไดบ้านกองกาน ซึ่งรอบนี้บรรยากาศไม่ค่อยสวยเหมือนรอบก่อน อาจเป็นเพราะมาตอนเที่ยงด้วยทำให้ไม่เห็นแสงลอดผ่านใบข้าว ภาพจึงดูแข็งๆ ไปหน่อย 

จากนั้นก็แวะไหว้พระและดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพุทธเอ้น 
จากนั้นก็ขับไปดูนาเขียวๆ ใกล้วัดป่าแดด 







จุดชมวิวเหนือบ้านตีนผาก็สวยเหมือนกัน 


เลยจากบ้านตีนผาไปหน่อย เป็นอีกจุดที่มีไหล่ทางจอดรถถ่ายภาพได้สะดวก 







แสงยามเย็นวันนี้ที่ป่าบงเปียงสวยจริงๆ 














เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นตอน 6 โมงเช้า เดินออกมาก็เห็นสายหมอกปกคลุมอยู่บริเวณหุบเขาด้านล่างนาขั้นบันไดเต็มไปหมด รีบล้างหน้าลางตาขับรถไปยังจุดชมวิวเพื่อบันทึกภาพเบื้องหน้าที่งดงามราวกับอยู่บนสวรรค์ไว้ แต่ถ่ายภาพได้ไม่ถึง 20 นาที หมอกหนาๆ ก็ตีขึ้นมาปกคลุมบริเวณนาขั้นบันไดจนขาวโพลนไปหมด ผมถือโอกาสสั่งกาแฟที่ร้านอาหารกับมาม่าร้อนๆ มารองท้อง สองอย่างนี้แค่ 30 บาทเองไม่ขูดเลือดขูดเนื้อเหมือนแหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง นับว่าคุ้มแสนคุ้มกับวิวสวยๆ เบื้องหน้า 





















เดินชมห้องพักและ facilities แล้วก็ได้เวลาเติมพลังก่อนออกไปลุยถนนคนเดิน ซึ่งวันนี้ผมทานที่ห้องอาหาร Eat restaurant โดยเป็นเมนูโปรโมชั่นช่วงนั้น ได้แก่ชุดข้าวซอยและชุดอาหารเหนือ … แถมด้วย BBQ เสต๊ก เรียกได้ว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว 



Take off, Bye Bye เชียงใหม่ 
บน Flight ขากลับของ Thai smile เป็นช่วงเทศกาลกินเจพอดี เมนูที่เสิร์ฟบนเครื่องวันนี้เลยพิเศษหน่อย เป็นรายการอาหารที่ออกแบบโดยคุณพล ตัณฑเสถียร ดาราและเชฟชื่อดัง … เอาจริงๆ เลยผมแอบคิดในใจว่าจะทานได้มั้ยว้าาา แต่พอเห็นรูปก็เริ่มมีความหวัง เพราะข้าวเหนียวหมูน้ำตกน่าทานจริงๆ … เพื่อความชัวร์และจะได้แลกเปลี่ยนกันทาน เราสองคนเลยสั่งมาคนละอย่าง ปรากฎว่าเซอร์ไพร์ครับเพราะอาหารหลักอร่อยทั้งสองจาน โดยเฉพาะ Risotto ของผมที่ตอนแรกนึกว่าจะเลี่ยนๆ จืดๆ แต่ปรากฎว่าอร่อยถูกปากเลย … แถมเมนูปิดท้ายที่เป็นขนมหวานก็อร่อยมากเช่นกัน นับเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ด้านบริการที่ Thai Smile ทำได้น่าประทับใจมากจริง ๆ .. 
ผมขอส่งท้ายทริปนี้ด้วยภาพมุมสูงจากหน้าต่างเครื่องบินก่อน landing ที่ภูเก็ต แล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะคร้าบ 