บ้านป่าบงเปียง - แม่แจ่ม เช่ามอเตอร์ไซค์แว้นไปทุ่งนา

ว่างสามวันไปไหนดี คุณเธอลาพักร้อน (ในหน้าฝน) ได้สามวันสองคืนในวีคที่สองของเดือนกันยายนที่ผ่านมา ชวนไปเที่ยวน่านก็ไม่ไป ชวนไปแพร่ก็ไม่ไป แต่พอบอกไปเชียงใหม่เท่านั้นแหละ เธอพยักหน้าตกลงทันที ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปตรงไหนของเชียงใหม่ นี่สินะแรงดึงดูดของจังหวัดที่ชื่อว่า “เชียงใหม่”

แล้วไปตรงไหนของเชียงใหม่ดีล่ะ นั่นคือหน้าที่ของผม ชำเลืองมองฟ้าฝนที่ตกได้ตกดีทุกวัน ครั้งนี้แหละคงเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ไปเที่ยวนาขั้นบันได อำเภอแม่แจ่ม หลังจากปล่อยเวลาปีผ่านปีผ่านปี จะไปจะไปแล้วก็พลาดทุกครั้งไป

มันจะมีตอนไหนเหมาะไปกว่านี้ ไม่ต้องรีรอ จองตั๋วรถทัวร์แล้วเก็บกระเป๋ากันเลย ปลายทางอยู่ที่อำเภอแม่แจ่ม เชียงใหม่ ถึงผมจะไม่เคยไปมาก่อนแต่ก็คุ้นเคยเส้นทางอย่างดี ตัดสินใจจะวนให้รอบอำเภอเพื่อดูว่ามีทุ่งนาตรงไหนสวยๆ ทว่าจะพักที่ไหนวนยังไง เที่ยวไปคิดไปแล้วกัน ซึ่งสุดท้ายขอเอาเส้นที่เราเดินทางให้ดูก่อนเลยว่ามีหน้าตาประมาณนี้

------------------------------------------------------------------------

(1)

เราเริ่มต้นทริปเที่ยวเชียงใหม่เหมือนกับแทบทุกครั้งคือลงรถทัวร์ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่หรือที่คุ้นปากเรียกกันว่าอาเขต แล้วก็เดินต๊อกๆ ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ร้านประจำ BIKKY

ด้วยเพราะเป็นวันเสาร์เลยพลุกพล่านนิดหน่อย แต่ก็ยังพอมีฮอนด้าเวฟ 125 ซีซี เหลืออยู่ครับ ราคาวันละ 300 บาท ไม่ต้องมีมัดจำอะไรแค่ต้องทิ้งบัตรประชาชนไว้ ทุกขั้นตอนง่ายๆ และพนักงานก็ยังดูแล ขยันขันแข็ง

เอาล่ะพร้อมแล้วก็ออกรถ ปกติวิ่งเส้นลงใต้ ดอยอินทนนท์ จอมทอง ฮอด ผมจะใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองหางดง-สันป่าตอง เกือบทุกครั้ง และต้องแวะทานข้าวซอยร้านโปรดที่ถนนราชพฤกษ์ ข้าวซอยฟ้าฮ่าม เชฟยุ่น ด้วยเสมอ มาเส้นนี้แล้วไม่แวะผมอาจโดนคุณเธอตีกบาลแตกได้ครับ (ฮา...)

โดยส่วนตัวผมไม่ต้องสนใจลิ้นคนอื่น ตั้งแต่ตระเวนชิมข้าวซอยทั่วเชียงใหม่ยกให้ร้านนี้เด็ดสุด ทั้งข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีนแกงเนื้อ ของกินเล่นก็อร่อยเหมือนกัน ลองมาดูครับว่าผมโม้หรือเปล่า

ท้องอิ่มแล้วไปต่อ ถนนเลี่ยงเมือง หางดง-สันป่าตอง เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน ช่วงเลียบคลองชลประทานที่เคยแคบก็ขยายถนนเสร็จเรียบร้อย วิ่งฉิวทำความเร็วและเวลาได้เลิศมาก ก่อนเที่ยงก็ถึงจอมทอง แยกขึ้นอินทนนท์แล้วล่ะ

แต่แทนที่จะขึ้นอินทนนท์ ผมกลับเปลี่ยนใจดื้อๆ ไปเข้าอำเภอแม่แจ่มทางอำเภอฮอดดีกว่า เพราะขากลับจะได้กลับทางอินทนนท์ ซึ่งใกล้กว่าคุมเวลาง่ายๆ

ขี่มาเรื่อยๆ เลี้ยวขวาที่ตัวอำเภอฮอด ผ่าน อช.ออบหลวง เลี้ยวขวาอีกครั้งที่แยกออบหลวง เข้า ทล.1088 แถวนี้เป็นปลายอำเภอแม่แจ่มแล้วล่ะ นับจากจอมทองมาถึงตรงนี้ก็ราว 60 กิโลเมตร นับจากอาเขตก็สัก 120 กิโลเมตร

ก่อนถึงบ่อน้ำพุร้อนเทพพนมไม่ไกล (เส้นนี้ผมเคยมาไกลสุดที่บ่อน้ำร้อน) ต้องเบรกรถเอี๊ยดเพราะเจอทุ่งนาสวยๆ เป็นจุดแรก บอกเลยว่าว้าวมาก เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเลยแหละ แต่ไม่ใช่ถ่ายรูปนานนะครับ เพราะฝนตกต่างหาก (ฮา...)

ถ่ายรูปแค่สองนาทีฝนก็ลงเม็ดใหญ่ รอจนเริ่มซาออกไปถ่ายรูปอีกสองนาทีก็ตกหนักอีก เป็นแบบนี้อยู่ทั้งชั่วโมงแหละครับ

จากตรงนี้ยิงยาวแบบไม่ต้องเลี้ยวแยกไหนอีกประมาณ 35 กิโลเมตร จะถึงตัวอำเภอแม่แจ่ม อย่างที่บอกครับว่าเป็นทางอ้อมกว่าอินทนนท์

ติดฝนอยู่นานเสียเวลาเลยต้องรีบหน่อย ผมไม่เคยมาเส้นนี้จึงคิดว่าอาจจะได้เห็นทุ่งนาเป็นระยะ แต่เรื่องจริงกลับปรากฏว่านับจากจุดที่เราถ่ายรูปกันแล้วก็ไม่ได้เห็นทุ่งนาอีกเลย เจอแต่ไร่ข้าวโพดกับกะหล่ำปลี

ขี่ไปเรื่อยๆ ฝนตกปรอยๆ เป็นระยะ ก่อนถึงตัวอำเภอแม่แจ่มไม่นานก็เจอป้าย มนต์เมืองแจ่ม เลี้ยวขวา 1 กิโลเมตร ทำเอารีบแตะเบรกเลยทีเดียว เพราะคุ้นๆ เคยอ่านข้อมูลเจอว่าที่นี่น่าพักและเป็นจุดชมวิวสวยดี ไหนๆ เราก็ยังไม่มีที่พักลองเลี้ยวรถเข้าไปดูสักหน่อยจะเป็นไร

โอ้โห วิวที่มนต์เมืองแจ่มสวยสมราคาคุย ที่พักอยู่บนที่สูงมองเห็นวิวทุ่งนาเขียวขจี บรรยากาศยามเย็นหลังฝนตก สวยสงบ ประทับใจมากครับ

ที่เด็ดกว่านั้นคือทั้งที่เป็นวันเสาร์แท้ๆ กลับไม่มีลูกค้าสักห้อง ราคาห้องดีที่สุดคืนละ 800 บาท ลดจาก 1,500 บาท ในช่วงไฮซีซั่น น่าแปลกดีครับ หน้าฝนคือโลว์ซีซั่นราคาห้องพักลดลงเกือบครึ่งจากหน้าหนาว ทั้งที่ความจริงช่วงสวยที่สุดของแม่แจ่มคือตอนนี้แหละ

ที่นี่ไม่มีบริการอาหาร แต่เพราะเรามีแค่สองคนเลยขอให้เขาทำให้หน่อย อะไรก็ได้แบบง่ายๆ เลยจบที่กระเพราหมูสับไข่ดาวสองกล่อง กล่องละ 30 บาท สบายกระเป๋าไป

------------------------------------------------------------------------

(2)

ยามเช้าวันใหม่อากาศดี๊ดีระดับสิบ ไม่มีอาหารเช้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำคัญกว่าการกินข้าวคือการถ่ายรูปครับ กดชัตเตอร์เข้าไปไม่ต้องยั้ง

เก้าโมงเช้าเราเก็บของมุ่งเข้าตัวเมืองแม่แจ่ม แวะกินก๋วยเตี๋ยวสักหน่อย เห็นร้านสะอาดสะอ้านดูน่านั่ง และอย่างที่ร้านโฆษณาครับคือยังไม่มีช่องไหนมาสักช่องแต่อร่อยแน่ (ฮา...) ต้มยำเข้มข้น เครื่องแน่น ราคาไม่แพง

กินข้าวแล้วต้องต่อด้วยกาแฟ คุณเธอเสิร์ชแม็พหาร้านเด็ดๆ จนได้มาที่นี่ ABOUT A BEAN อยู่ตรงข้ามที่ทำการไปรษณีย์แม่แจ่ม ขอบอกว่าผมไม่ได้เจอร้านกาแฟที่ทำให้รักขนาดนี้มานานแล้ว ไม่รักได้อย่างไรเพราะที่นี่มีกาแฟต้มจากโมกาพอตด้วย แค่ 60 บาท

กาแฟเย็นมาตรฐาน เอสเปรสโซ่ ลาเต้ ม็อคค่า 40 บาท ส่วนกาแฟร้อนนอกจากต้มโมกาพอต ยังมีต้มด้วยแอโร่เพรส และดริป มีร้านกาแฟเล็กๆ แบบนี้ในตัวอำเภอเล็กๆ สุดยอดไปเลย เจ้าของร้านเป็นครูหนุ่มสอนอยู่ที่โรงเรียนแม่แจ่มนี่แหละครับ

อิ่มแล้ว กาแฟแล้ว ฟินแล้ว ไปต่อสิ ผมได้ข้อมูลจากเจ้าของมนต์เมืองแจ่มแล้วว่าให้ลองไปเที่ยวบ้านแม่กองกาน ตรงนั้นทุ่งนาสวยใช้ได้

เปิดแม็พแล้วไปโลด ตั้งพิกัดวัดบ้านกองกาน แล้วขับเลยไปเรื่อยๆ สักพักก็เจอจุดที่ทำให้ตาโตเป็นไข่ห่าน จอดรถริมทาง หยิบกล้อง แล้วลงไปถ่ายภาพโลด เดินเล่นในทุ่งนาอาจจะลำบากนิดหน่อยแต่ฟิลมันได้

พอใกล้เที่ยงก็เข้าไปหาข้าวกินในตัวอำเภอ แล้วสูดหายใจลึกๆ เพราะจุดหมายต่อไปคือบ้านป่าบงเปียง

ถามว่ามอเตอร์ไซค์ขึ้นได้ไหม นั่นแหละครับคือคำถามที่ผมถามเจ้าของมนต์เมืองแจ่ม คำตอบคือไปได้สบายแต่ต้องขึ้นทางบ้านทุ่งยาว ฝั่งอำเภอแม่แจ่ม เท่านั้นนะ เป็นถนนคอนกรีตพังๆ แต่รถเครื่องซิ่งได้โลด ส่วนทางที่ว่าโหดคือจากแม่ปาน ดอยอินทนนท์ ตรงนั้นต้องกระบะสูงหรือโฟร์วีลถึงจะรอด มอเตอร์ไซค์ไม่ควรเสี่ยง

จำดีๆ นะครับ บ้านทุ่งยาว หรือหากกลัวผิดทางก็ตั้งไปน้ำออกฮูก็ได้ครับ ผ่านทางนั้นอยู่แล้ว น้ำออกฮูเป็นน้ำผุดใสแจ๋วน่าเล่นมาก

พอถึงบ้านทุ่งยาวจะเจอป้ายบอกทางขึ้นบ้านป่างบงเปียง 8 กิโลเมตร อย่างที่บอกคือถนนเป็นคอนกรีตพังๆ หลุมบ่อบางช่วงดั่งกับโลกพระจันทร์ แต่มอเตอร์ไซค์หลบไปหลบมาไม่ยาก

เราไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนมาเจอทุ่งนาตรงนี้ ไม่รู้จะบรรยายความฟินยังไง จอดถ่ายรูปสักนิด

เขยิบไปอีกหน่อยก็ถึงจุดที่เรียกว่าบ้านตีนผา เป็นหมู่บ้านก่อนถึงป่าบงเปียง วิวสวยมาก มีที่พักริมถนนตรงนี้แห่งหนึ่ง คิดหัวละ 500 บาท พร้อมอาหารเย็นและเช้า วันนี้ว่างอยู่ด้วยทำให้เราค่อนข้างโล่งใจ ถ้าข้างในป่าบงเปียงไม่มีที่พักจะได้ออกมานอนตรงนี้

จากบ้านตีนผา อีกแค่ 2 กิโลเมตร ก็ถึงบ้านป่าบงเปียง ทุ่งนาขั้นบันได้ในตำนานมันเป็นแบบนี้นี่เอง ว้าวมากๆ

ที่พักที่ป่าบงเปียงมีเรียงรายอยู่พอสมควรเลยล่ะ แต่คุณนายเธอเสิร์ชในเน็ตแล้วบอกว่าอยากพักบ้านระเบียงนา ป่าบงเปียง ว่าไงก็ว่ากันแหละนะ ที่นี่ทางไปต้องลุยโคลนนิดหน่อย (หากเข้าจากทางแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จะถึงฝั่งนี้ก่อน) แต่ไม่ยากมาก

บ้านพักของบ้านระเบียงนาไม่ได้อยู่กลางนาข้าวเหมือนหลายแห่งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ (ดังสุดเห็นจะเป็น มาฉิโพ & ทีฉี่เชอ) แต่ข้อดีคือวิวมุมนี้เห็นดอยอินทนนท์เต็มๆ เห็นทุ่งหญ้าบนกิ่วแม่ปานด้วยครับ

จริงๆ นาขั้นบันไดที่นี่ก็มีเหมือนกัน แค่ตัวบ้านไม่ได้อยู่ในนาเท่านั้นเอง

ในบ้านพักแบบเรียบง่ายสุดๆ ราคาเข้าพักคนละ 500 บาท พร้อมอาหารเย็นและเช้า ไฟฟ้าใช้โซลาร์เซล มีให้เราดวงไฟหนึ่งดวงทีระเบียง และอีกดวงในห้องน้ำที่อยู่ข้างบ้าน อยู่กินบนเขาเท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ

พักจนหายเหนื่อย เราก็แว้นมอเตอร์ไซค์ไปถ่ายรูปนาขั้นบันไดแถวๆ มาฉิโพ ทุ่งนาตรงนั้นบรรยากาศคือดี คือสวย แม้ในความจริงจะไม่อลังการเท่าที่ผมจินตนาการไว้ก็เถอะ (คือผมคิดเอาไว้เว่อร์มาก ฮา...) สรุปคือฟินเลยล่ะครับ

กลับจากทุ่งนาก็มีสำรับมารออยู่ตรงระเบียงบ้าน ผัดผัก หมูทอด ไข่เจียว ยำปลากระป๋อง ถึงไม่ใช่อาหารถิ่นอะไรแต่ก็รสชาติอร่อย กินกับวิวสวยๆ อิ่มเชียว

ช่วงค่ำเมฆครึ้มเชียว ผมไม่ได้หวังจะเห็นดาวอะไรหรอก อาบน้ำอาบท่านั่งอาบลมอยู่ระเบียง สักสามทุ่มปรากฏว่าลมแรงมีจังหวะฟ้าเปิด โอ้โฮ ดาวระยับมาก ทางช้างเผือกเผยให้เห็นแบบชัดเจนด้วยตาเปล่า รีบตั้งกล้องหามุม ถ่ายภาพมาแชะแรกโฟกัสยังไม่เข้า กดแชะอีกรอบเมฆก็มาเรียบร้อย แถมฟ้าแล่บอีกต่างหาก

เวลาของเรากับช้างเผือกช่างสั้นจริงๆ (ฮา...)

------------------------------------------------------------------------

(3)

เช้าวันใหม่ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้หกโมง ตื่นปุ๊บก็เปิดประตูห้องออกมาดูว่าจะมีอะไรดีหรือเปล่า และภาพที่เห็นคือภาพนี้ ทะเลหมอก นาขั้นบันได ดอยอินทนนท์ รวมพลังกลายเป็นสามประสานขั้นเทพ มีร้อยให้ร้อย มีล้านให้ล้าน

ถ่ายภาพแถวที่พักสักแป๊บก็สตาร์ตมอเตอร์ไซค์ไปเก็บภาพที่อื่นต่อ ข้อดีของการขี่มอเตอร์ไซค์มาเองมันเป็นอย่างนี้แหละ หาจุดสวยๆ เลือกมุมได้เต็มที่ หมอกฟุ้งบาง จางบ้าง เป็นเช้าที่วิเศษสุดไปเลย

กลับมาถึงที่พัก สำรับมาวางไว้อีกแล้ว อาหารง่ายๆ ข้าวผัด ไข่ดาว ไส้กรอก แต่พอกินคู่กับวิวที่เห็นแล้วกลายเป็นอร่อยเลิศเหลือเกิน

ทั้งที่ใจยังไม่อยากไปไหน แต่นาฬิกามันบอกว่า เฮ้ย เก็บของได้แล้ว ชีวิตต้องดำเนินต่อไป สตาร์ตรถแล้วไปต่อสิครับ ชักช้ามันจะกลับไปขึ้นรถที่เชียงใหม่ไม่ทันนะ (ฮา...)

อย่างที่บอกครับว่าขากลับผมจะกลับทางดอยอินทนนท์ และอย่างที่บอกอีกนั่นแหละคือถึงอินทนนท์จะอยู่ใกล้ แต่เพราะถนนเละรถมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ไหว เราจึงต้องอ้อมลงไปตัวอำเภอแม่แจ่ม แล้วค่อยวกกลับขึ้นอินทนนท์

วิ่งดิ่งขึ้นดอย ขอเปิดอากู๋แป๊บนึงนะ โกวิท กระท่อมปลายนา ที่พักนาขั้นบันไดแหล่มๆ อีกแห่งอยู่ระหว่างขึ้นอินทนนท์นี่นา จัดสักหน่อยจะเป็นไรไป แต่พอเจอเลี้ยวรถเข้าไปเท่านั้นแหละแทบร้องจ้าก (เข้าไปตามป้ายโรงเรียนบ้านแม่แรก) ถนนอย่างเละเป็นปลักโคลนทั้งนั้น

เอาไงดีน่ะเหรอ ถึงขั้นนี้แล้วความอยากเห็นไม่เคยปราณีใคร อยากพิสูจน์ว่าที่นี่แจ่มจริงเหมือนรีวิวหรือเปล่าต้องไปดูให้เห็นกับตา ฉุดกระชากลากถูกันไป ผ่านหนึ่งด่านเจอหนึ่งด่านเจออีกด่านและอีกด่าน ระยะทางใกล้ๆ สามกิโลเมตร ใช้เวลาเกินครึ่งชั่วโมง กว่าจะถึงเล่นเอาปาดเหงื่อเลยทีเดียว

ผมไม่ได้ถ่ายรูปเส้นทางมาครับเพราะต้องตั้งใจขี่รถ ความโหดตรงนี้เอาไป 8.5 เลย ไม่แนะนำถ้าไม่แข็งจริง ขนาดไปถึงที่หมายเจ้าของยังถามเลยว่าขี่เข้ามาได้ยังไงเนี่ย (ฮา...)

โกวิท กระท่อมปลายนา เป็นที่พักกลางนาขั้นบันไดในหุบเขาครับ พื้นที่ทุ่งนาอาจไม่ถือว่ากว้างมากเมื่อเทียบกับป่าบงเปียง แต่มีดีคือภูเขาล้อมรอบ มันฟินเพราะแบบนี้นี่เอง ที่นี่คิดคนละ 900 บาท หากใครไปเที่ยวทางจะมีรถรับส่งครับ

ออกจากโกวิท กระท่อมปลายนา ดิ่งตรงขึ้นทางดอยอินทนนท์ ถึงสามแยกด่านตรวจ (เลี้ยวซ้ายขึ้นยอดดอย) ก็เลี้ยวขวาไปทางที่ทำการอุทยานฯ จอดกินข้าวสักแป๊บ แล้วลงไปต่อที่บ้านแม่กลางหลวง ผ่าน อ่างกา ฟอเรสต์ วิว ด้านหน้านาขั้นบันไดสวยมากครับต้องขอจอดสักหน่อยล่ะ

พอถึงแม่กลางหลวงถ่ายรูปยังได้ไม่สะใจสักเท่าไหร่ ฝนดันตกกระหน่ำโครมคราม น่าเสียดายเพราะเพิ่งเก็บภาพมาได้ไม่กี่มุมกี่จุดเท่านั้นเอง

เราสองคนรอแล้วรอเล่าผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมง เห็นทีว่าฝนไม่หยุดตกแน่นอนก็ใส่เสื้อกันฝนแล้วรีบซิ่งลงดอย เพราะดูจากทิศทางเมฆบนท้องฟ้าแล้วเชื่อว่าคงตกเฉพาะแถวนี้

นั่นแหละครับ ไปได้ไม่เท่าไหร่ฝนก็หยุด พอถึงข้างล่างแดดส่องเปรี้ยงเสียจนอะไรต่อมิอะไรที่เปียกโชกกลับมาแห้งสนิท ผมขี่ยาวรวดเดียวกลับถึงอาเขตใกล้ห้าโมงเย็น คืนรถสบายหายห่วงใช้เวลารวดเร็วเหมือนเคย

หลังรอโอกาสมานานน้านนาน ในที่สุดปีนี้ก็ทำสำเร็จอีกหนึ่งความต้องการคือได้เห็นนาขั้นบันไดที่ร่ำลือกันที่แม่แจ่มสักที สวยงามสมใจแบบไม่มีต้องแก้มือ (ยกเว้นถ้าจะมาตอนนาทอง) ปีหน้าจะได้ไปล่าทุ่งนาสวยๆ ที่อื่นต่อ

ใครอยากตามรอยผมก็ตามสบายครับ อยากเห็นนาเขียวๆ ให้รีบไปตอนนี้เลย แต่หากอยากเห็นนาสีทองก็รอสักกลางเดือนหน้า แต่ที่แน่ๆ มอเตอร์ไซค์คันเดียวเอาอยู่แน่นอน ผมพิสูจน์ให้มากับตัวเองเรียบร้อยแล้ว

-------------------------------------------------------------------

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatraveller