ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ปลายนาสุดขอบฟ้า ที่ “บ้านระเบียงนา ป่าบงเปียง” บ้านระเบียงนา ป่าบงเปียง - เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    การเดินทางหน้าฝนสำหรับบางคนคงคิดแต่เรื่องเฉอะแฉะ ลำบาก ไม่สะดวก ผมก็คิดคล้าย ๆ กัน แต่ถ้าได้ลองสัมผัสจริง ๆ มองให้ลึกลงไป กลับรู้สึกว่า หน้าฝนเป็นฤดูหนึ่งที่เดินทางได้สนุกที่สุด ไม่ร้อน ไม่เย็นเกินไป แดดไม่แรง หมอกเยอะ น้ำตกสวย วิวสีเขียวช่ำตา มีเรื่องบันเทิงเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ แต่มันแลกมากับการเดินทางอย่างไม่เร่งรีบ กินบรรยากาศไปเรื่อย ๆ และเฝ้ารอวันเมฆสวย ๆ ฟ้าสวย ๆ ยามหน้าฝน ซึ่งก็ต้องวัดทั้งดวง และวัดทั้งใจ

    [ที่เห็นนั้นไม่ใช่หมอก ขาว ๆ นั้นไม่ใช่เมฆ แต่มันเป็นฝนที่กำลังไล่เข้ามาหายามเรามองอยู่ไกล ๆ ฝนที่อยู่สูง และเราก็อยู่สูง สายฝนจึงดูขาว]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO100 / 122mm. / f7.1 / 1/125sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [พล่าม]

    ทุกปีเมื่อเข้าหน้าฝน ผมมีนัดกับเด็กหนุ่มชาวบ้าน กับสถานที่ที่น่าจะเป็นพื้นนาขั้นบันไดที่กว้างที่สุดในประเทศไทยอย่าง ‘ป่าบงเปียง’ บางปีอาจจะแวะไป 2 - 3 ครั้ง อยู่รวม ๆ กันนานเกือบเดือน


    หนุ่มชาวบ้านที่เรียนจบด้านเกษตรกลับมาพัฒนาบ้านของตนที่ป่าบงเปียงด้วยชื่อที่ผมเรียกเขาว่า ‘บัติ’ ซึ่งเขาทำโฮมสเตย์ ‘บ้านระเบียงนา ป่าบงเปียง 080-7946883 บัติ’ (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/u476s3kwm4N2) เป็นเหมือนน้องที่รู้จักกันมานาน ทั้งที่ผมนับชั่วโมงการรู้จักกันแล้วถือว่าน้อยมาก แต่ผมก็เริ่มชินกับการพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักกันอยู่แล้วนับตั้งแต่เริ่มออกเดินทางถ่ายรูปบ่อยขึ้น
     

    บัติเป็นเด็กหนุ่มที่ผมยกย่อง เป็นคนซื่อ ๆ มีน้ำใจ ขี้เกรงใจ ตั้งใจดี แม้ว่าเราจะเจอหน้ากันแค่หลัก 100 ชั่วโมง แต่สิ่งเหล่านี้สัมผัสได้ตั้งแต่การเจอกันช่วงชั่วโมงแรกเมื่อปีที่แล้วด้วยซ้ำ
     

    ผมได้ช่วยเหลืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับภาพถ่าย และการสำรวจเส้นทางการเดินทางไปป่าบงเปียง ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการการเผยแพร่ข้อมูลที่พักของน้องบัติเองใน Social Media ซึ่งสำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทำแบบนี้กับหลายสถานที่ ๆ ไปอยู่แล้ว และทุกที่ ๆ ผมช่วยแนะนำ ผมก็มักจะได้รับน้ำใจกลับมาเหมือนกับน้องบัติให้ผม
     

    ปีนี้ผมเล็งไว้ 26 มิ.ย. 60 เป็นวันเริ่มเดินทาง แม้จะแว่วว่าอาจจะมีมรสุมเข้ามา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นนัก การขี่รถกลางสายฝนมันทำให้เรารู้สึกฟินได้ไม่ต่างจากเสียงลมที่ปะทะยามมอเตอร์ไซค์คู่ใจผมไหลผ่านแหวกอากาศ หรือเส้นสายของฝน
     

    ทริปนี้พิเศษขึ้นไปอีกเมื่อมีน้องที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ทักเข้ามาหลังจากผมโพสต์ใน Facebook (วุตตี้ ชอบใส่เสื้อหมีกับกางเกงสีชมพู (Natthawut Phurahong)) เพื่อประกาศหาเพื่อนร่วมเดินทางขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วยกัน แต่เขาจะรออยู่ที่เชียงใหม่ เจอกันที่นั้น เดินทางด้วยกันที่นั้น มันทำให้พิเศษกว่าทริปอื่นที่ผมมักออกทริปเดินทางคนเดียวเสมอ เคยมีแค่ 4 ทริปที่มีคนร่วมเดินทางด้วย ซึ่งทั้ง 4 ทริป เป็นเพื่อนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่ก็ได้ช่วยเหลือ ดูแล ไปด้วยกัน ไปนอนบ้านเขาบ้าง หรือไปนอนเต็นท์ด้วยกัน สนุก และได้ประสบการณ์ที่ดีมาก ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกับทุกคนทั้ง 4 ทริปนั้นอยู่เลย คุยเยอะบ้าง น้อยบ้างแล้วแต่โอกาส

    • โพสต์-2
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    [กว่าจะได้ภาพนี้ก็ใช้เวลานานพอสมควร เริ่มจากแกล้งยืนถ่ายรูปตรงคันนาติดกับที่เขามัดรวบต้นกล้า แล้วจึงขออนุญาตลงในพื้นนา แล้วก็ถ่ายเท่าที่ได้ จากนั้นก็นั่งใกล้ ๆ พี่คนนี้ รอนานซักหน่อยให้เขาคุ้นเคย แล้วขออนุญาตถ่ายจากมุมนี้ บอกพี่เขาว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม แต่ถ้าเขาอนุญาต ผมก็ขอขอบคุณมาก พี่เขายิ้มแบบไม่มองหน้า แล้วบอกว่าไม่เป็นไร ถ่ายได้ แต่รู้สึกเสียดายที่เรายังขี้เกรงใจเกินไป มุมนี้ถ่ายมา 7 - 8 ภาพ แต่ไม่ได้ใช้เวลาเช็คภาพให้ดี เพราะการยืนถ่ายอยู่ในจุดที่ไม่มั่นคง ยืนกล้องออกไปถ่าย องค์ประกอบภาพนี้ดีสุดในเซ็ตภาพนี้ แต่จังหวะการใช้มือของแบบไม่สมบูรณ์ มองแล้วดูยากว่ากำลังถอนต้นกล้าอย่างคล่องแคล้วมามัดรวมกันอยู่]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO400 / 15mm. / f5.6 / 1/500sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [ตื่นตัว]

    ตีอะไรละ ตื่นขึ้นมามองนาฬิกาไม่รู้กี่รอบตั้งแต่ยังไม่ถึงตี 2 พลางคิดในใจว่าคงตื่นเต้นเหมือนกับการเดินทางไกล 4 - 5 ครั้งก่อนหน้านี้ นึกขำตัวเองในใจ แต่ก็พยายามข่มตาให้หลับพักผ่อน เพราะเคยหลับในระหว่างเดินทางมาแล้วครั้งนึง มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกเพราะการนอนหลับไม่พอ


    แต่.. มันไม่ยอมหลับ เลยลุกมาอาบน้ำ เตรียมตัว แพ็คของส่วนที่เหลือจากเมื่อวานที่ยังแพ็คขึ้นมอเตอร์ไซค์ไม่หมด รอบนี้นอนเยอะพอสมควรแล้ว แล้วก็คิดจะตัดการเดินทางออกเป็นช่วง ๆ ไปแวะค้างคืนถ่ายรูปอีก 2 จังหวัด ไม่ได้ขี่ตรงไปเชียงใหม่ น่าจะไม่มีปัญหาเรื่องหลับใน ก็พร้อมออกเดินทางอีกทีตอน ตี 3.40 น.

    วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดที่เคยไปถ่ายรูปแล้วครั้งนึง ตอนนั้นไปถ่ายแสงหัวค่ำ (แสงเย็นสวยมากในบางฤดู ต้องดูเดือนดี ๆ ว่าพระอาทิตย์ลงตรงไหน) แต่ครั้งนั้นไม่ได้ถ่ายแสงเย็น ไปสายก็ถ่ายตอนช่วง Blue Hour แทน สวยมาก รอบนี้เลยอยากมาลองถ่ายตอนเช้าดู

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    Google Maps บอกว่าผมต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาทีออกจากบ้านเพื่อไปถึงจุดหมายแรกสำหรับการถ่ายแสงเช้าที่ อยุธยา - วัดไชยวัฒนาราม (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/J56YCQ81Dcz)

    • โพสต์-3
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    [ตรงข้ามเป็นเหมือนวังหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งในหลวง ร.9 สร้างไว้ให้พระราชินี เราเข้าไปไม่ได้ ตอนแรกไม่ได้หาข้อมูล กะว่าจะไปฝั่งโน้นเพื่อถ่ายรูปสวนกลับมาฝั่งวัดนะเนี้ย]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO100 / 28mm. / f7.1 / 1/200sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [วัดไชยวัฒนารามเปลี่ยนเวลาเปิดเข้าเยี่ยมชม]

    เอาจริง ๆ ก็กะไว้แล้วว่าสถานที่ลักษณะนี้ น่าจะไม่ได้เปิดให้เข้าเยี่ยมชมเช้านัก แต่ไม่เป็นไร ยังไม่เปิดก็หามุมถ่ายได้ นั่งรอได้ ชิวอยู่แล้ว ผมไปถึงตอน ตี 5.20 น. มีกรวยจราจรตั้งขวางทางเข้าแสดงให้เห็นว่าสถานที่ยังไม่เปิดให้เข้า และฟ้ายังมืด ๆ เป็น Blue Hour พอดี ก็รีบเลย พยายามถ่ายรูปแบบไม่ใช้ขาตั้ง เพราะอุปกรณ์อยู่ในช่องใต้เบาะรถที่มีของเต็ม แถมมีเป้ใบใหญ่แพ็คทับเบาะอยู่ กลัวจะไม่ทันช่วงเวลา Blue Hour ลองถ่ายดูก่อน เผื่อจะถ่ายไหว

    [คุยแทรก] ช่วง Blue Hour เป็นช่วงที่พระอาทิตย์เพิ่งตกดินไป หรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ท้องฟ้าจะมีสีน้ำเงินเข้มสักพักก่อนจะเป็นฟ้ามืด ๆ หรือก่อนฟ้าสว่าง ซึ่งกินระยะเวลาอยู่ร่วม 30 นาทีได้ เป็นช่วงที่เวลาถ่ายภาพท้องฟ้าจะได้สีฟ้าเข้มจัดมากจนหลาย ๆ คนเข้าใจผิดคิดว่าปรับแต่งสีเกินจริง แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นสีแบบนั้นของมันแบบที่ตาเห็นนั้นแหละ แนะนำลองไปถ่ายภาพพระธาตุดอยสุเทพช่วงที่พระธาตุเปิดไฟตอนกลางคืน ช่วงนั้นแหละมันใกล้ Blue Hour ละ สีทองเวลาพระธาตุเปิดไฟ กับแสงท้องฟ้ายาม Blue Hour มันทำให้ภาพมีสีสันจี๊ดจ๊าดมาก ถ่ายอย่างไงก็สวย

    [ภาพนี้เป็น RAW ยังไม่ได้ปรับแต่งสีอะไร แต่จะเห็นว่าสีท้องฟ้านั้นน้ำเงินเข้มจัดมาก ๆ ขณะที่สีของเป้ดูจืดเลย แสดงให้เห็นว่าภาพนี้มันสีจัดจ้านอยู่แล้ว แต่ว่าคุณภาพของภาพไม่ดีพอ เพราะ ISO สูง และโฟกัสไม่คมชัดพอ เอาจริง ๆ กล้อง Nikon D750 จัดการเรื่อง noise ได้ดีอยู่แล้ว ผมไม่น่างก ISO ดันไปแตะ 8000 ก็อาจจะได้ภาพชัดกว่านี้ถ้าโฟกัสได้คมอยู่แล้ว]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 24-70mm. F2.8 / ISO6400 / 24mm. / f2.8 / 1/30sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    สรุปว่าไม่ไหว คุณภาพของภาพไม่ดี ก็เลยต้องรีบรื้อเป้ หยิบเอาขาตั้งกล้องออกมาอย่างเร็วเท่าที่จะทำได้ ก่อนมันจะพ้นช่วง Blue Hour แต่นั้นแหละ ไม่ทันละ แสงสว่างทำให้รู้ว่าพระอาทิตย์เริ่มพ้นขอบฟ้ามาแล้ว เสียดายนิด ๆ เพราะหลังจากที่คุยกับเจ้าหน้าที่ ๆ ดูแลอยู่ตรงป้อมยาม เขาก็บอกว่า ผู้อำนวยการที่ดูแลสถานที่นี่คนใหม่ เขาเปลี่ยนเวลาให้เข้าได้ตอน 8 โมงเช้าแล้ว (ถ้าจำไม่ผิดนะ) การจะถ่ายแสงเช้าก็ทำไม่ได้แล้ว แต่ Blue Hour ไปถ่ายช่วงหัวค่ำได้อยู่นะ แค่ว่าแดดเช้าก่อน 8 โมงจะทำไม่ได้แล้ว

    [เจ้า Big Scooter ตัวอวบ ๆ ขาว ๆ นี้เป็นยี่ห้อ SYM รุ่น GTS 300i ABS ซึ่งถือว่าเป็นทริปแรกของมันที่วิ่งยาวเกิน 500 กิโลภายใน 1 ทริป (ทริปนี้ยาวรวมแล้ว 2000 กว่ากิโลนิด ๆ)]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 24-70mm. F2.8 / ขาตั้งกล้อง / ISO100 / 24mm. / f7.1 / 1.3sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ต้องขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ที่เห็นผมนั่งรออยู่นาน แล้วอนุญาตให้เข้าไปถ่ายได้แป๊บนึง ช่วงนี้แดดก็ออกมาไวด้วย 6 โมงแดดก็มาแล้ว แสงก็ถือว่าสวยงามเลยทีเดียว เมฆก็สวยใช้ได้ แต่รู้สึกว่าเร่งรีบไปหน่อย ถ่ายได้มุมไม่น่าสนใจนัก อีกอย่าง ผมคิดว่าถ้ามีคนเข้ามาอยู่ในฉาก แต่งตัวสีสันจัด ๆ หน่อย ยิ่งถ้าเป็นช่างต่างชาติด้วย ยิ่งให้เนื้อเรื่องกับภาพได้ดีเลย ประมาณว่าชาวต่างชาติมาเที่ยว มาดูวัดเก่าของเรา


    ได้ภาพมาบ้าง แต่ไม่รู้สึกว่ามีภาพไหนที่ถูกใจเลย จะมีความรู้สึกกับภาพไหนมากสุดในตอนนั้นก็คงเป็นภาพที่จอดรถแล้วถ่ายคู่กับเงาของวัดนั้นแหละ แม้ว่าจะไม่ได้แสงสีอย่างที่ต้องการ แต่ก็เป็นฉากที่อยากถ่ายไว้กับทุก ๆ สถานที่ ๆ ได้ไปถึงตั้งแต่เช้ามืดเลย เพราะรู้สึกว่า รถเวลาเปิดไฟ กับสถานที่สวย ๆ พวกนี้ มันดูมีเรื่องราวไปอีกแบบนะ

    เริ่มเข้าไปถ่ายรูปภายในวัดก็ตั้งแต่ 6 โมง 5 นาที แต่ภาพนี้ตอน 6 โมง 14 นาทีได้ แดดออกชัดเจนแล้ว

    [เริ่มเข้าไปถ่ายรูปภายในวัดก็ตั้งแต่ 6 โมง 5 นาที แต่ภาพนี้ตอน 6 โมง 14 นาทีได้ แดดออกชัดเจนแล้ว]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO400 / 15mm. / f7.1 / 1/320sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [ถ่ายย้อนแสงก็มีเสน่ห์ของมันดี น่าเสียดาย อยากได้คนมาประกอบฉากโว้ยยย]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO100 / 18mm. / f7.1 / 1/160sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเดินในวัดแม้แต่คนเดียว แต่ผมเห็นคนมาออกกำลังกายเดินอยู่ในวัดตรงริมน้ำอยู่นะ แปลว่ามันจะเข้าทางอื่นก็เข้าได้ แต่เป็นทางที่ชาวบ้านเขาใช้กัน]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO400 / 15mm. / f7.1 / 1/250sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [ใครมากลางวันก็เตรียมครีมกันแดดไว้ เพราะร่มเงามีไม่มากนัก]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO400 / 15mm. / f7.1 / 1/500sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [ตอนเย็นคนเยอะกว่าตอนเช้ามาก อีกอย่างผมว่าวัดส่วนใหญ่ถ่ายแสงเย็นสวยอยู่นะ เพราะโบสถ์จะหันไปทางทิศตะวันออก เราก็จะได้ภาพหน้าโบสถ์กับฉากพระอาทิตย์ตกได้กับวัดบางวัด]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO100 / 18mm. / f7.1 / 1/320sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [ใครมาเที่ยวก็ดูคำแนะนำในการเยี่ยมชมสถานที่ด้วยะนครับ เขาไม่ให้ปีนป่ายนะ ผมเห็นบ่อยที่นักท่องเที่ยวชอบปีนขึ้นไปในจุดที่เขาไม่ให้ปีน]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO100 / 15mm. / f7.1 / 1/200sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [วัดนี้ติดแม่น้ำเจ้าพระยาเลย เช้า ๆ เย็น ๆ เห็นคนมาวิ่งออกกำลังกาย มาเดินเล่นเยอะ แต่ตอนเย็นที่เคยมา ขอบอกเลย ยุงเยอะมาก ๆ เตรียมทายากันยุงไว้ได้เลย]

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO100 / 15mm. / f7.1 / 1/100sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    จริง ๆ กะจะไปวัดอื่น ๆ ที่ใกล้ ๆ กันเพื่อถ่ายรูปอีก 2 วัด แต่ขี้เกียจนั่งรอละ อีกอย่างเผื่อฝนมันจะตก รีบไปจุดหมายถัดไปซึ่งจะเป็นที่พักค้างคืนแบบกางเต็นท์เป็นคืนแรกของผมด้วย น่าจะเป็นความคิดที่ดีกว่านะ ว่าแล้วก็ออกเดินทางต่อ

    • โพสต์-4
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    ติดตามการท่องเที่ยวของผม เรื่องราวการถ่ายภาพ และวิดีโอต่าง ๆ ได้จากเพจของผมนะครับ "บันทึกการเดินทางของข้าพเจ้า"

    มีความเห็น คำแนะนำอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้นะครับ ยินดีครับ

    • โพสต์-5
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    มุมนี้เป็นมุมที่คาดไม่ถึงเมื่อปีที่แล้วตอนที่หมอกลงเยอะมาก กลับมารอบนี้ มีแต่เมฆ กับฝน ลองเลื่อนไปดูภาพถัดไป จะเป็นภาพเก่าของปีที่แล้วในมุมคล้ายกันนี้ยามมีฝนตอนเช้า

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 24-70mm. F2.8 / ขาตั้งกล้อง / ISO100 / 14mm. / f14 / 30sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [ทุ่งแสลงหลวง ฟ้าสลัว ๆ ตลอดเวลา]

    เป็นครั้งที่สองที่ได้มาเยี่ยมเยียนทุ่งแสลงหลวงในพื้นที่หนองแม่นา (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/9PJGidW1Zzj) ครั้งก่อนถ้าจำไม่ผิด จะมาปลายฝน แต่ไม่ปลายสุด ทำให้ทางเละเทะพอสมควร รอบนั้นมากับ Yamaha M-Slaz วิ่งไปอยากไปดูทุ่งนางพญา แต่ก็ต้องล้มเลิกแม้ว่าคราวนั้นใกล้จะถึงทุ่งนางพญาแล้วก็ตาม เพราะทางมันแย่เกินไป ผมเดินทางคนเดียวคราวนั้น และดูแล้วน่าจะไม่มีใครตามเข้ามาอีก เกิดรถล้มเอาขึ้นคนเดียวไม่ได้จะลำบาก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ไม่ต้องคิดจะไปทุ่งนางพญาเลย เพราะเจ้า SYM เป็นรถแนวนี้ จะผ่านไปลานดุสิตามันน่าจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะตรงนั้นก่อนถึงลานดุสิตาจะเป็นทางเถื่อนลื่น ๆ ถนนพัง ๆ ถึงระยะจะสั้นแค่ไม่หลัก 10 เมตร แต่เจ้า ‘ขาวอวบ’ (ชื่อของเจ้ามอเตอร์ไซค์ SYM ของผม) น่าจะผ่านยากเกินไป ไม่เสี่ยงดีกว่า เพราะคืนนี้ทั้งอุทยาน ก็น่าจะมีผมนอนเต็นท์อยู่คนเดียวเหมือนปีที่แล้วเลย

    อันนี้แสงตอนเย็นในมุมเดียวกันกับภาพด้านบน แต่ภาพนี้ผมไปมาช่วงกลางเดือนกันยายนปีที่แล้ว ฝนไม่เยอะแล้ว

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 24-70mm. F2.8 / ISO50 / 34mm. / f13 / 1/80sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    มุมใกล้กันในวันถัดมาของภาพด้านบนปีที่แล้วตอนที่หมอกลงหนาจนถึงขั้นที่จุดชมวิว 'ลานดุสิตา' มีหมอกหนาเป็นเม็ดใหญ่ ๆ มากเกินไปจนเลยจังหวะแสง ไม่ได้ภาพเด่นของทุ่งแสลงหลวงที่คนนิยมไปถ่ายกัน แต่ผมกลับได้ภาพนี้มาแทน ซึ่งน่าประทับใจเหมือนกัน

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 24-70mm. F2.8 / ISO100 / 55mm. / f8.0 / 1/10sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    เอาจริง ๆ ก่อนจะเย็นจนมืด มีกลุ่มช่างภาพมากัน 4 - 5 คน กับรถยนต์ 3 คัน เขาว่าจะมากางเต็นท์ใกล้ ๆ ผม แต่สุดท้ายก่อนจะกางเต็นท์เขาก็เปลี่ยนใจ ฝนเริ่มตกแล้วด้วยตอนนั้น เต็นท์ที่เขาเอามาเห็นว่าไม่กันฝน แล้วไม่รู้อย่างไง เห็นว่าจะไปนอนที่ ‘จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ’ (พิกัด GPS :https://goo.gl/maps/syjpJX2XNjS2) แทน ซึ่งที่นั้นผมยังไม่ได้ไปเลยซักครั้ง เคยแค่ขับผ่านไปมาหลายรอบ เห็นว่ามีบริการให้เช่าเต็นท์ด้วย มีค่าบริการไม่แพง มองเห็นวิวได้ 360 องศา เห็นทะเลหมอกได้ถ้าโชคดี เพราะฉะนั้นคืนนั้นผมก็ได้นอนคนเดียวจริง ๆ

    เส้นทางบนเขาค้อก่อนจะถึงทุ่งแสลงหลวง ถนนตัดใหม่หลายจุด สภาพถนนดีมาก แต่ฝนตกเกือบตลอดทาง ดีว่าตกไม่หนักมาก เพียงแต่เมฆข้างหน้าดูท่าทางจะดุเอาเรื่อง

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ใจหวังอยากได้วิวแบบปีที่แล้วที่สวยมาก ๆ ผมประทับใจมาก ๆ จึงเลือกมานอนที่นี่แม้จะรู้ว่าส่วนใหญ่นอนที่นี่ จะต้องนอนคนเดียวแน่ ร้านค้าสวัสดิการผมไม่เคยได้ใช้บริการเลย เพราะไม่เคยเปิด แต่ไม่ได้ลำบากอะไร เพราะหน้าทางเข้าอุทยานไม่ไกลนักมีร้านขายของชำของชาวบ้านอยู่ หลังกางเต็นท์เสร็จผมก็ออกมาซื้อน้ำตุนไว้ แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ หน้าฝนอยากได้ภาพสวย ๆ อาจจะต้องใช้เวลาอยู่กับสถานที่นั้นนานหลายวันหน่อย ถ้าจะมาวันเดียว มันก็ต้องใช้ดวงเยอะ บังเอิญไม่มีดวงไง ก็ไม่ได้ภาพอะไรที่รู้สึกประทับใจตนเองเลย

    กางเต็นท์เสร็จตั้งแต่มาถึงก็เตรียมออกไปสำรวจเส้นทางไว้ก่อน แม้จะเดาได้ว่าทางจะเป็นอย่างไงก็เหอะ แต่เห็นเมฆแล้วรู้สึกเดาได้เลยว่า รอบนี้น่าจะไม่ได้ภาพถูกใจเท่าไหร่

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 24-70mm. F2.8 / ISO125 / 26mm. / f5.6 / 1/200sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ถนนจากอุทยานสู่แก่งวังน้ำเย็นทำใหม่เกือบถึงแก่งวังน้ำเย็นเลยทีเดียว ถนนเรียบร้อยดีมาก แต่อีก 1 - 2 กิโลก่อนถึงแก่งวังน้ำเย็นยังเป็นทางดินแดงอยู่ น่าจะขับไปไม่ยาก

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO100 / 200mm. / f2.8 / 1/800sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    สภาพถนนในมุมที่ผมชอบมาถ่ายที่ทุ่งแสลงหลวง จุดนี้อยู่ห่างจากป้อมยามไม่ไกลเลย

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO400 / 70mm. / f7.1 / 1/400sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    เส้นทางไป 'ลานดุสิตา' ยังคงเป็นทางดินแดง แต่เหมือนจะไม่เละมากในช่วงต้น คงเพราะว่าเพิ่งเข้าต้นฤดุฝน

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 24-70mm. F2.8 / ISO100 / 30mm. / f2.8 / 1/1250sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ทางคดไปมาดินแดงระยะทางไม่ไกลนักก่อนถึง 'ลานดุสิตา' แต่ช่วงก่อนถึงจะมีเนินสูงทางเละ ๆ อยู่ รอบนี้ผมไม่ได้ไปที่นั้น แค่สำรวจเข้ามาหน่อยก็กลับ เพราะคิดไว้ในใจละว่า พรุ่งนี้คงไม่ได้เห็นตะวันแน่ ๆ เมฆฝนคงมาตลอด ถือว่ามาจอดค้างคืนพักก่อนเดินทางไปเชียงใหม่ดีกว่า

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO100 / 70mm. / f7.1 / 1/200sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ผมลาจากทุ่งแสลงหลวงไปอย่างที่คาดไว้นั้นแหละ คือไม่ได้ภาพที่ถูกใจ มีแต่เมฆฝน เอาจริง ๆ มีเมฆฝนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ภาพไม่ดีหรอกนะ ถ้าใช้เวลาเฝ้ารอดูไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะมีจังหวะสวย ๆ ของเมฆฝนก็ได้ แต่ตอนกลางคืนผมนอนคิดไปคิดมา มุ่งตรงไปเชียงใหม่เลยดีกว่า จะได้คุ้นเคยกับน้องที่จะร่วมเดินทางที่เชียงใหม่ด้วย

    จากทุ่งแสลงหลวงมาจุดชมวิวกังหันลมเขาค้อ กับถนนที่มีหมอกเข้าปกคลุมในบางช่วง

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    แต่ก่อนกลับผมแวะไปดูกังหันลมที่เขาค้อดูซักหน่อย (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/brqsQJFvuyE2) ไม่เคยแวะไปมาก่อน แต่จุดที่ไปนั้นเขาห้ามลงไปต่อ มุมที่ได้มีจำกัด น่าจะต้องหาทาง หามุมจากถนนเส้นอื่น ซึ่งจะว่าไปจุดนี้ก็เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปนะ เพราะด้านล่างถึงเขาจะไม่ให้รถผ่านเข้าไป แต่เราเดินไปต่อได้มั้ง ไม่ได้ลองเดินไป แถมด้านบนก็มีที่จอดรถซึ่งจอดรถได้ไม่เยอะนัก และมีร้านของฝากให้นักท่องเที่ยวซื้อของอีกหลายอย่าง แต่อย่างที่บอก ถ้าผมจะมาอีกรอบ คงต้องสำรวจรอบ ๆ หาจุดอื่น มุมอื่น น่าจะได้มุมภาพถูกใจกว่านี้

    ถนนด้านซ้ายของภาพ คือเส้นทางที่เราจะวิ่งไปสู่จุดชมวิงกังหันลม

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO100 / 112mm. / f6.3 / 1/320sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ยืนกินบรรยากาศเพียงสักพัก ผมก็ออกเดินทางยาวสู่เชียงใหม่ ซึ่งค่อนข้างต้องรีบซักหน่อย เพราะต้องการไปถึงเชียงใหม่ก่อนค่ำ ที่พักก็ไม่ได้จองเพราะเปลี่ยนแผนกระทันหันนั้นแหละ กะว่าก่อนถึงเชียงใหม่จะโทรหาไอ้น้องที่นัดกันไว้ แล้วจะหาที่พักอย่างไงค่อยว่ากันอีกที

    น่าจะก่อนเข้าเชียงใหม่ คงอยู่ในลำพูนอยู่ ตรงแถวเขตแดนเชื่อมต่อจังหวัด รถค่อนข้างติด ผมหาโอกาสแวะปั้มเติมน้ำมันให้เต็มถัง แล้วโทรหาเจ้าวุธ น้องที่นัดไว้ สอบถามสถานที่ว่าเขาพักอยู่แถวไหน ผมจะได้ไปหาที่พักใกล้ ๆ กัน ตอนแรกก็ว่าจะไปนอนพักที่หอเดียวกับวุธเลย แต่ว่าที่หอห้องน้ำเสียพอดี ก็เลยหาที่สะดวก ๆ ใกล้ทางขึ้นดอยสุเทพ ไม่ไกลจากวุธมากนัก

    • โพสต์-6
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    ฝนถล่มเมืองเชียงใหม่ เรามองจากจุดชมวิวด้านบนก่อนถึงพระธาตุดอยสุเทพ ตรงที่พักรถที่มักจะมีมอเตอร์ไซค์มาจอดคุยกัน ภาพนี้ทำภาพออกมาไม่ดีนัก ภาพเป็นแถบ ๆ สี ไว้ว่าง ๆ จะกลับมาทำภาพใหม่ เพราะภาพนี้ถ่ายจาก 3 - 4 ภาพมาประกอบกัน ถ้าทำภาพดี ๆ มันไม่ควรจะเกิดแถบสีแบบนี้ได้ง่าย ๆ

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO100 / 90mm. / f7.1 / 30sec./ 20sec. / 6.0 sec. / 5.0 sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [คืนแรกกับที่พัก ลา เบลล์ นุย เฮาส์]

    เชียงใหม่ หาที่พักไม่ยากหรอก แต่ถ้ามองเรื่องราคาด้วยอาจจะต้องตามหากันหน่อยสำหรับบางพื้นที่ ผมจองที่พักผ่าน Agoda หลังจากโทรหาเจ้าวุธเสร็จ ก็ได้ที่พักเป็นห้องเดียวจากที่พักที่ชื่อว่า ‘ลา เบลล์ นุย เฮาส์’ (La Belle Nuit House) (น่าจะเป็นภาษาฝรั่งเศส เพราะเจ้าของผู้หญิงเป็นคนไทย มีแฟนเป็นชาวฝรั่งเศส และเขาไปอยู่ที่ฝรั่งเศสมานานหลายปีอยู่ก่อนกลับมาทำที่พักที่เชียงใหม่พร้อมกับสามี) (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/cr4Lk2BmjPJ2) จาก GPS จะเห็นว่า อยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นดอยสุเทพเท่าไหร่เลย ถือว่าสะดวกดีมากถ้าจะไปดอยสุเทพขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อย ๆ ร้านอาหารก็หาไม่ยาก และไม่ไกลจากห้างแถวนั้นด้วย 7-11 ก็ใกล้ อีกทั้งแทบจะติดกับศูนย์รถมอเตอร์ไซค์ของ Honda เจ้าหนึ่งด้วย

    ตึกแถว 4 ชั้นดัดแปลงโฉมไว้ดูดีพอสมควร และอาจจะเป็นที่พักห้องเดียวราคาถูกสุดหรือเปล่าที่เป็นแอร์ (ห้องน้ำรวมทั้งชั้น) ในพื้นที่แถบนี้ อันนี้ต้องถามเจ้าถิ่น แต่ที่ผมหาจาก Agoda ได้ในวันนั้นคือที่นี่ ที่จอดมอเตอร์ไซค์อยู่ริมฟุตบาท ไม่กว้างนัก

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ด้านหน้าของที่พักมีโต๊ะให้นั่งเล่น ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไป ซึ่งถ้าเราเข้าพักจะมีกุญแจล็อกเกอร์เล็ก ๆ ให้เก็บรองเท้าอยู่ด้านใน ตัวประตูใช้รหัสในการเข้า

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ที่นี่มีห้องหลายขนาด ผมคงเลือกห้องขนาดเล็กสุด ราคาไม่แพง เป็นห้องเดี่ยว เตียงเดียว ทุกห้องเหมือนกันหมดคือ เป็นห้องแอร์ ทั้งชั้นจะใช้ห้องน้ำร่วมกัน ซึ่ง 1 ชั้นก็มีห้องประมาณ 2 - 3 ห้อง ถือว่าไม่แออัดอะไร ห้องน้ำ กับห้องส้วมแยกกัน และห้องส้วมก็แยกชายหญิงเกือบทุกชั้น

    ตกแต่งดูทันสมัย แบบเรียบ ๆ ไม่มีอาหารว่างให้ ที่พักนั้นติดถนนหลักเลย ที่จอดรถมอเตอร์ไซค์จอดได้ตรงฟุตบาทหน้าที่พักนั้นแหละ ที่จอดรถยนต์ผมไม่เห็นนะ ลืมถามด้วย

    หน้าตาล็อกเกอร์เก็บรองเท้าก่อนเดินขึ้นด้านบน แต่จากประตูทางเข้าก็ต้องเดินถือรองเท้าเข้ามานะ ห้ามใส่เข้ามา

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องส้วมแยกชายหญิงอย่างละ 1 ห้องในแต่ละชั้นที่ใช้ร่วมกัน มีบางชั้นที่ห้องส้วมไม่แยกชายหญิง ห้องอาบน้ำกว้างใช้ได้เลย

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    Wi-Fi ฟรีทุกห้อง แต่ว่าการเชื่อมต่อบางครั้งจะใช้เน็ตไม่ได้ต้องตัด ๆ ต่อ ๆ ใหม่หลายรอบถึงจะได้บางการเชื่อมต่อที่ใช้เน็ตได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

    ด้านข้างห้องน้ำมีอ้างล้างหน้า มีไดร์เป่าผมให้บริการ แต่ห้ามใช้ตอนดึก

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ทางเดินจะดูแคบ ๆ แบบนี้แหละ เพราะเป็นที่พักคูหาเดียว

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ผ้าเช็ดตัวมีให้นะ แล้วก็เปลี่ยนใหม่ทุกวันด้วย อาหารก็สั่งกินได้ที่ชั้นล่าง แต่เจ้าของจะไม่อยู่หลังจาก 2 - 3 ทุ่มไปแล้ว และจะเข้ามาใหม่ตอนประมาณ 9 โมงเช้า

    สถานที่สะอาดมาก เพราะทุกคนจะต้องถอดรองเท้าเก็บไว้ในล็อคเกอร์ที่มีกุญแจล๊อคของใครของมัน พื้นที่เลยสะอาดมาก เจ้าของก็คุยได้ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และฝรั่งเศส

    ห้องผมน่าจะเป็นห้องเล็กสุด ชอบตรงที่มีชั้นวางของ และมีโต๊ะทำงานด้วย แต่ตำแหน่งปลั๊กนั้นไม่ได้อยู่ใกล้โต๊ะทำงานเลย กับไฟในห้องมีดวงเดียว สว่างพอได้ แต่เวลานอนถ้าจะเปิดไฟ ตำแหน่งไฟแยงตา กดตาสุด ๆ เลย แต่ถ้าปิดไฟจะมืดแบบมองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ทั้งหมดนี้ราคาที่ผมจ่ายไปคือ 313 บาท นอนคืนเดียวในวันที่ 27 มิ.ย. 60 แต่ผมมาจองปากเปล่าในวันรุ่งขึ้นโดยติดต่อกับเจ้าของโดยตรงว่าจะอยู่ต่ออีกคืน ซึ่งเจ้าของก็ถามว่าผมจ่ายผ่าน Agoda เท่าไหร่ เขาจะคิดราคานั้นให้ ก็เลยได้ราคาเดิม เอาจริง ๆ จะอยู่ต่อคืนที่ 3 แต่ผมจองไม่ทัน เต็มเสียก่อนละ

    มองจากหัวเตียงออไปหน้าห้อง สภาพห้องเละหน่อย ข้าวของผมเยอะ 555 ตรงปลายเตียงด้านล่างนั้น ของวางเพียบเลย

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    • โพสต์-7
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    พระที่วัดบนดอยสุเทพ ผู้เป็นนักเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เราฟังอย่างเป็นมิตร

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [อารมณ์นักเดินทางปะทุเมื่อได้คุยกับพระในวัดป่า]

    หลังจากเอาของเก็บเข้าห้อง อาบน้ำอาบท่า ก็ออกมาหาเจ้าวุธ เด็กสายวิศวะ ม.เชียงใหม่ ที่นัดกันไว้ในเน็ตตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง ให้เจ้าถิ่นพาไปหาอะไรยัดเข้าท้องหลังจากที่ซัดแต่มาม่ามาตั้งแต่เมื่อวาน

    ก็ได้ไปกินที่ตลาดหน้า ม.เชียงใหม่ ที่เขาเรียกว่า ‘กาด มาลิน’ (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/GWPe4wZc1rm) ซึ่งภาพผมถ่ายจากมือถือมาภาพเดียว ไม่รู้เพราะหิวหรืออะไร แถมยังเบลออีก ในเย็นวันถัดมาก็เลยให้วุธพามาอีกรอบ เพราะที่นี่มีอะไรที่ผมไม่เคยเจอที่กรุงเทพนอกจากเมนูอาหารด้วย ก็ข้ามมาตอนเช้าวันที่ 28 มิ.ย. 2560 กันต่อดีกว่า

    สภาพอากาศเป็นแบบนี้ทุกวันที่อยู่ในตัวเมือง แต่เอาจริง ๆ สภาพอากาศเป็นแบบนี้ทั้งทริปเลยเสียมากกว่า ซึ่งทริปนี้ผมใช้เวลา 8 วัน

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ไม่ค่อยอยากรีบตื่น เพราะคิดว่าท้องฟ้าไม่เปิดแน่ กว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปจุดชมวิวที่ศาลาชมวิวตัวเมืองเชียงใหม่บนดอยสุเทพ (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/QYdAtBeWVsD2) ก็ปาไปตี 5.35 น.ได้ละ ฟ้าปิด มีแต่เมฆ ถ่ายไปแล้วรู้สึกหมดอารมณ์ไปเลย ก็ถ่ายภาพได้แป๊บเดียวก็ลง แต่ก่อนลง เหมือนได้ยินเสียงเครื่องบิน ก็นึกได้ว่า สนามบินมันก็อยู่ในตัวเมืองนั้นแหละ มองไปก็เห็นอยู่ เพียงแต่ตอนแรกไม่นึกถึง เลยรอถ่ายภาพเครื่องบินเล่น ๆ ก่อนจะรีบลงไปที่พักเพื่อขอจองห้องพักเพิ่มอีกคืนก่อน

    ที่จุดชมวิวตรงนี้เป็นศาลา อยู่ตรงโค้งหนัก ๆ ในทางในดอยสุเทพนั้นแหละ นักท่องเที่ยวที่เป็นทัวร์จะแวะที่นี่น่าจะทุกคน แต่ก็แวะไม่นาน เพราะเป็นศาลาไม่ใหญ่มากนัก

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    มีร้านของชาวบ้านน่าจะมาจากหมู่บ้านม้งบนดอยนั้นแหละ มาขายของทีระลึก แล้วก็มีของกินเล่นนิดหน่อยอยู่ใกล้ ๆ กัน

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    นอนพักก่อนจะออกมาอีกทีแถว ๆ หน้าม.เชียงใหม่ เพื่อนัดกับวุธจะไปวัดป่าบนดอยสุเทพกัน วุธก็เพิ่งเคยรู้จักวัดนี้ทั้งที่ขี่รถผ่านไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่เมื่อไม่นานนี้ วุธเพิ่งจะถึงวันคล้ายวันเกิด เลยนึกอยากทำบุญหรือไงไม่รู้ แวะเข้าไปในวัด เห็นสงบดี ก็เลยชวนผมมาด้วยในตอนเย็น

    ถนนบนดอยสุเทพเป็นที่นิยมอย่างมากของนักปั่น ถ้ามาเช้า ๆ หรือเย็น ๆ จะเห็นนักปั่นทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติปั่นกันเพียบเลย เดินก็มี

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    รอไม่นานมากเกินไปนักก็จะเห็นเครื่องบินขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่เรื่อย ๆ ว่าแต่มองเห็นเครื่องบินกันไหมเนี้ย

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ‘วัดดอยปุย (ภูพิงค์)’ (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/vRMJ4z5ecE82) ซึ่งหลังจากได้คุยกับพระที่วุธเคยคุยด้วย ก็ได้รู้ว่า จริง ๆ ก็มีคนมานอนเต็นท์กันให้เห็นเรื่อย ๆ คนไม่ได้เยอะ ทางเข้าเป็นทางปูนซีเมนต์ แต่แคบมาก บางจุดอาจจะมีมอสขึ้น ขับขี่อย่าเร็วนัก เพราะด้านข้าง ๆ คือหน้าผา

    พระท่านที่จำวัดอยู่ประจำในวัดดอยปุย ซึ่งรูปนี้ท่านคุยเก่ง ชวนคุย เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    รูปนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 28 ตอนวิ่งกลับออกมาจากวัด เลยแวะถ่ายป้ายวัดตรงถนนที่แยกเข้าสู่ตัววัด ในภาพนี้จะ 19.00 น.ละ แสงน้อยมาก ส่วนภาพถนนด้านล่างนั้นเป็นภาพของวันที่ 29 ซึ่งผมแวะกลับมาใหม่เพิ่มถ่ายรูปถนนทางเข้าวัดโดยเฉพาะ เพราะชอบแสงที่มันส่องผ่านตามช่องว่างระหว่างต้นไม้

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ตลอดทางเข้าตัววัด เป็นถนนซีเมนต์ที่มีมอสขึ้นหนาแน่นบ้าง เบาบางบ้าง ถนนแคบ ขับขี่ให้ระวัง แม้รถจะไม่เคยเจอสวนเข้าออกเลย แต่ถ้าประมาทแล้วเจอรถสวน ประกอบกับทางแคบ อาจจะหล่นไปข้างทางที่เป็นทางลาดชัน หรือเรียกว่าเหวก็ได้อยู่

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO800 / 200mm. / f2.8 / 1/640sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    บางจุดด้านข้างมีทางดินมากหน่อย ก็จอดพัก ชมความเขียวได้อยู่ แต่ถ้าอากาศชื้นมาก หมอกลงมานี่ บางทีอาจจะมองทางยากขึ้นมากเลย ภาพนี้จริง ๆ ถ่ายตอน 18.04 น. แล้ว หมอกเริ่มมาก อากาศเย็น และแสงน้อยมาก

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO5000 / 75mm. / f2.8 / 1/400sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ต้นไม้หนาบาง ทึบบ้าง มีช่องบ้าง แสงลอดลงมาหน่อยก็ทำให้ถนนดูสวยดี

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO5000 / 70mm. / f2.8 / 1/1000sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    รูปจาก Samsung Galaxy S7 รีบจับภาพให้ดูว่าช่วงที่ขี่รถออกจากทางในวัดช่วงหนึ่งมีหมอกไหลผ่านมา เย็นหวิว ๆ เลยทีเดียว แล้วหมอกแบบไหลเร็วแบบเห็นได้ชัดเลยครับ

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ในหลวง ร.9 ท่านเคยเสด็จมาเพียงลำพังที่วัดนี้ด้วย แล้วตอนกลับออกจากวัดก็เคยขี่รถชนก้อนหินใหญ่ด้วย เพราะมืดแล้วตอนท่านเสด็จกลับ พระสังฆราชท่านก็เคยมาจำวัดที่นี่ มีตำหนักสมเด็จพระสังฆราชด้วยนะ

    ตำหนักเก่าของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งปัจจุบันเป็นที่จำวัดของพระท่านที่คุยกับเราอยู่

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    อันนี้เป็นตำหนักใหม่ของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งท่านไม่ได้แวะมาบ่อยนัก แต่มาทีก็อยู่เป็นเดือน

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ศาลาที่ทางการมาสร้างให้ หลังจากที่ในหลวง ร.9 เสด็จมาเพียงลำพังเพื่อมาเยียมวัดนี้ เพราะเอาที่จริง ตัววัดเลยตำหนักภูพิงค์ขึ้นมาไม่มากนัก ก็ไม่แปลกที่ในหลวงท่านจะเสร็จมาเยือนด้วยองค์เอง แต่ศาลานี้ ในหลวงท่านไม่เคยได้เข้ามาเห็น เพราะสร้างหลังจากท่านแวะมาครั้งนั้น ท่านไม่ได้แวะกลับมาใหม่อีก

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    คนมากางเต็นท์ที่นี่มีชาวต่างชาติด้วย พระท่านเล่าให้ฟังอย่างสนุกสนานเรื่องต่าง ๆ จริง ๆ ก็มีบ้านพักเล็ก ๆ หลายหลังอยู่นะ ให้ญาติโยมเข้าพักได้ฟรี แต่ต้องสงบ สำรวม เพราะบางทีก็มีพระ และชีจากที่อื่นมาพำนัก มาเดินจงกรม

    ที่นี่อากาศดีมาก ๆ หน้าฝนนี่เห็นหมอกตลอด พระท่านเล่าให้ฟังว่า ร้อนสุดก็ 20 กว่าองศาเท่านั้น อากาศเย็นตลอดทั้งปีนั้นแหละ แล้วก็คุยเรื่องป่าบงเปียงให้ท่านฟัง ท่านก็อยากไป คุยไปคุยมาก็เล่าให้ถึงการรู้จักชาวบ้าน หรือคบกันเป็นเพื่อนแบบต่างศาสนาด้วย

    บ้านพักเกือบ 10 หลังเห็นจะได้ มีทางเดินในบ้านยาว ๆ สำหรับเดินจงกรมได้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็กางเต็นท์ได้ภายในวัด เห็นว่าฝรั่งมากางเต็นท์ ก็มาเดินช่วยพระบิณฑบาตรในตอนเช้าด้วย

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    บริเวณห้องครัวของวัด มีกอไผ่สูงใหญ่มาก ในภาพนี้ดูไม่ออกหรอกว่ามันใหญ่และสูงขนาดไหน

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    หอระฆังเก่า ทางขึ้นเป็นบันไดไม้ทำแบบคร่าว ๆ ชวนน่าหวาดเสียวตอนขึ้นไปตีระฆังไม่น้อย แต่ปัจจุบันมีหอระฆังใหม่แล้ว

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ท่านเล่าให้ฟังว่า หมู่บ้านที่สามารถเดินทะลุจากวัดลงไปด้านล่าง ก็มีบางคนนับถือศาสนาแตกต่างกันไป แต่เห็นพระเดินมา ก็ถวายอาหารให้ นั่งคุยกันได้ สนิทกันก็มี พระท่านเล่าให้ฟังว่ามีจุดสวย ๆ พลางมือชี้ไปให้ดูในขอบเขาด้านหนึงของดอยสุเทพที่เป็นต้นไม้เต็มไปหมด ท่านว่าตรงนั้นวิวสวย ขี่รถไปได้อยู่ถ้ารถลุย ๆ แต่รถผม SYM GTS 300i ABS มันไปไม่ไหวแน่ ฟังแล้วรู้สึกอยากจะหารถวิบากออกมาลุยไปเรื่อย ๆ ตามคำลอบเล่าของคนในพื้นที่แบบนี้เลย

    วงกลมแดงกับเส้นทางเข้าออกวัดที่เป็นทางซีเมนต์ยาวประมาณกิโล สองกิโล ซึ่งเจ้าวงกลมนี้คือจุดที่ในหลวง ร.9 ขับรถมาชนนั้นเอง ด้านขวาของภาพนั้นเป็นเหวนะ

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    จอดรถมายืนดูชัด ๆ หน่อย

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อที่คุยกับเรา ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร อารมณ์อยากสำรวจเส้นทาง อยากเดินทาง อยากไปลุยในทางที่ไม่มีใน Google Map ได้พูดคุยกับชาวบ้าน ถามทาง ขอน้ำกิน จนอาจจะได้เพื่อนใหม่ มันปะทุขึ้นมาในใจ ตอนนั้นรู้สึกอย่างเดียวแม้ว่าชีวิตนี้แทบไม่เคยรู้สึกเลยว่า ต้องการรถมอเตอร์ไซค์แนว ๆ วิบาก

    • โพสต์-8
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    ท่องไปในเว็บ ทั้งบทความไทย อังกฤษ มองหารูปภาพรถแบบต่าง ๆ ที่คิดว่าเหมาะ ดูวิดีโอรีวิว ไปถึงวิดีโอประสบการณ์ท่องเที่ยวด้วยรถลักษณะนี้เต็มไปหมด แล้วก็มาตั้งกระทู้ใน pantip.com ก็มีหลายท่านเข้ามาตอบ มาแนะนำ หรือมางงกับความต้องการของผม (แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าเขางงอะไร ผมเขียนไว้ละเอียดอยู่นะ 555 ถึงแม้ว่ามันจะดูแปลก ๆ ก็เหอะ)

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [ลางสังหรณ์กำเนิดรถวิบาก]


    มันจำเป็นไหมที่ต้องเป็นวิบาก ก็อาจจะไม่ขนาดนั้น บางที่รถทั่วไปอาจจะไปได้ แต่มันอาจจะลำบากมาก และอาจจะทำให้เราใช้พลังไปกับเงื่อนไขมากเกินไป ต่างจากวิบากกับการสำรวจทางแบบนี้ ผมว่ามันจะทำให้เราได้รับรู้กับประสบการณ์อื่น ๆ ได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปใช้พลังกับเงื่อนไขของรถมากนัก

    นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ ณ.เวลานี้ 25 ก.ค. 2560 ผมเปิดแท๊ปในหน้าบราวเซอร์ของผมรวม ๆ ไม่ต่ำกว่า 500 แท๊ปที่ผ่านมา เพื่อหาข้อมูลมอเตอร์ไซค์วิบากที่น่าจะเหมาะ หาข้อมูลอุปกรณ์สำคัญที่จะเอามาติดรถเพื่อให้ผมใช้ขนข้าวของผมไปได้ ... อืม จากคนที่เคยคิดถึงรถวิบากแค่ครั้งเดียวในชีวิต ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่คาดว่า เจ้าวิบากน้อย ๆ ผมของมันน่าจะคลอดออกมาแน่ ๆ และที่เล็งไว้ก็คือ Honda CRF 250L ตัวโฉมล่าสุด (2017) หรือไม่ก็อาจจะไป Kawasaki KLX 150 แทน

    เมื่อ 1 - 2 สัปดาห์ก่อนเห็นจะได้ นั่งหาข้อมูลวิบาก (จริง ๆ หาแมร่งตั้งแต่กลับมาจากทริปตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว) จนไปเจอคลิปหนึ่งซึ่งเป็นคลิปแนวโฆษณาของ CRF 250L โดยใช้นักเดินทางสาวที่เขาเดินทางจริง ๆ ไปทั่วโลก เห็นแล้วก็รู้สึกว่า เออ มันสวยดีนะ มันดูดีในแบบของมัน แล้วก็ทำให้มั่นใจในเรื่องการแบกของเยอะ ๆ ไปกับรถแนวนี้จากที่ตอนแรกไม่มั่นใจกับมันมากนัก


    แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนเห็นจะได้ ไล่ดูคลิปมันทุกวัน หาข้อมูลตลอด ประมาณว่า ก่อนนอน ผมจะ search ใน Google ด้วยคำว่า CRF250 แล้วกำหนดผลการค้นหาแบบภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุด เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ เกี่ยวกับเจ้านี่กันเลยทีเดียว แล้วตอนนั้นได้เห็นคลิปของสาวอีกคน ที่เดินทางไปทั่วเหมือนกัน แต่เขาใช้รถหลายคัน หลายยี่ห้อ แต่ลุยมาก ๆ

    เขาลุยแบบที่ผมยังไม่เคยลุยขนาดนั้นเลย (จริง ๆ คนลุยมากกว่านั้นก็มีเยอะแยะ) ใจผมชอบแบบนั้นมากนะ แต่เราเหมือนปิดกั้นตัวเองให้ห่างจากจุดนั้น จนเราคิดว่า เราไม่ได้เป็นแบบนั้น คงไม่ได้ทำแบบนั้น แบบมันลึกจนแทบระลึกไม่ถึงเลย แต่เมื่อได้เห็นคลิปนั้น (คนอื่นเห็นอาจจะไม่รู้สึกแบบผม) มันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า เฮ้ย อยากไปนอนข้างทางแบบนั้นบ้าง อยากไปรถล้มแบบนั้นบ้าง อยากไปเจอประสบการณ์แบบนั้นบ้าง บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกนะ แต่ผมก็เคยผ่านประสบการณ์แย่ ๆ จากการเดินทางมาบ้างแล้ว ซึ่งบอกตรง ๆ ว่า มันไม่ได้แย่ในความรู้สึกผมเลย ทั้งประสบอุบัติเหตุ แล้วผมยังมานั่งยิ้มทั้งที่มอเตอร์ไซค์คอเบี้ยวไปหน่อยแล้ว (ขอแค่รู้ว่ากล้องไม่พังก็ดีใจละ 555 ตอนที่รถล้ม ขยับตัวได้ สิ่งแรกที่ถามหาคือ กล้องเป็นอย่างไงบ้าง ไม่ได้รักมันหรอกนะ แต่มันแพง)

    คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
    มันทำให้ผมรู้สึกดีนะ ผมรู้สึกได้ถึงประสบการณ์การเดินทางใหม่ ๆ ที่จะได้จากรถวิบาก ความรู้สึกนั้นใกล้ชิดกับใจผมมากเกือบจะสัมผัสได้ เหลือแค่ลองจริงเท่านั้นแล้วแหละ

    ภาพขุนเขาต่าง ๆ ภายในวัดที่เห็นหมอกลอยผ่านไปมาได้ไม่ยากเลยในหน้าฝน

    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 70-200mm. F2.8 / ISO1600 / 122mm. / f7.1 / 1/500sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    • โพสต์-9
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 28 ตอนที่เพิ่งออกมาจากวัด ซึ่งฝนตกหนักระหว่างทางลงมา ตอนแรกว่าจะไม่แวะละ แต่พอลงมาใกล้ถึงพระธาตุ ฝนไม่ได้ตก ถนนแห้งเลย เหมือนแกล้งให้เปียกเล่น ๆ 555 แล้วก็ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง เลยดัน ISO เยอะ ภาพสูญเสียรายละเอียดไปพอสมควรจากการลด noise
    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO2000 / 15mm. / f3.2 / 1/100sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    [พระธาตุดอยสุเทพ]

    คุยกันได้พักใหญ่ก็ขอตัวลาหลวงพ่อกลับก่อนจะมืดมาก เพราะใกล้จะ ทุ่มแล้ว ต้องแวะลงไปถ่ายรูปที่พระธาตุดอยสุเทพด้วย แต่เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้หวังอะไรมาก เคยมาถ่ายตอนนั้นฟ้าเปิด ฟ้าในช่วง Blue Hour สวยงามมาก แต่ตอนนี้มีแต่เมฆ อาจจะได้ภาพน่าสนใจไปอีกแบบ แต่ไม่หวังละ หวังจะลงไปกินข้าวที่เดิม เพื่อไปถ่ายรูปกลับมาให้ชมว่าร้านอาหารในตลาดเป็นอย่างไงมากกว่านะตอนนี้

    เลยได้ถ่ายภาพพระธาตุดอยสุเทพไปไม่กี่ภาพ ไปช่วงเขากำลังจะปิดพอดี เลยมีบางช่วงที่คนไม่มีเลย แบบไม่เห็นในภาพเลยนอกจากเจ้าวุธเท่านั้น แต่ตอนช่วงคนมาก็จะมาแบบเป็นกลุ่มใหญ่เลย คงจะเป็นกลุ่มทัวร์ละมั้งนะ

    เป็นรูปท้าย ๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถเพื่อไปหาข้าวกินที่หน้า ม.เชียงใหม่
    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO2000 / 17mm. / f2.8 / 1/160sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ฟ้าเมฆเยอะ ไม่เหมือนกับที่ได้เคยถ่ายพระธาตุดอยสุเทพครั้งแรกในชีวิตเมื่อปีที่แล้วที่ฟ้าเปิดใส คราวนั้นถ่ายทุกภาพใช้ขาตั้งกล้องหมด ภาพดีกว่านี้มาก อารมณ์หิวปนมาอีกต่างหาก 555

    อยู่ตัวเมืองเชียงใหม่นี่ผมกินข้าวเย็นทีละ 2 จานตลอด ให้เจ้าวุธพาไปกินทั้งตลาดหน้า ม.เชียงใหม่ หลัง ม.เชียงใหม่ก็ไป รวมทั้งใน ม.เชียงใหม่ก็ได้ไปกินด้วย

    ตอนลงจากพระธาตุดอยสุเทพ ผ่านจุดชมวิวด้านบนที่มักจะมีรถมอเตอร์ไซค์มาจอดชมวิวกันเยอะ ๆ แต่ตอนนี้แทบไม่มีคนอยู่เลย คงเพราะเป็นหน้าฝน ซึ่งตัวเมืองเชียงใหม่ก็กำลังโดนฝนถล่มอยู่
    [ข้อมูลภาพ] Nikon D750 / Tamron SP 15-30mm. F2.8 / ISO100 / 24mm. / f7.1 / 13sec.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ฝนถล่มตัวเมืองเชียงใหม่ ผมก็เลยไม่รีบร้อนลง รอให้ฝนมันผ่านไปก่อน ก็เลยได้นั่งถ่ายรูปเล่นไปซักพัก็มีชาวจีน 2 คน เป็นแฟนกันเขามาขอดูรูป พูดภาษาอังกฤษได้ แล้วมีขอให้ผมส่งรูปให้เขาด้วยนะ เขาก็ให้ email มา แต่ด้วยความขี้เกียจ รูปที่ถ่ายเมฆฝนที่เขาขอนั้น เพิ่งจะทำภาพเสร็จวันนี้เอง (27 ก.ค. 60) 555 ก็ว่าจะส่งภาพไปให้เขาแหละ ถ้า email เขายังอยู่นะ

    รออยู่พักใหญ่ ๆ เลย เห็นว่าฝนกำลังผ่านไปละ จึงตัดสินใจลงไปหาอะไรกินที่ตลาดหน้า ม.เชียงใหม่ แล้วก็เย็นอีกวันผมไปกินที่หลัง ม.เชียงใหม่ด้วย

    • โพสต์-10
    พิรุณ •  กรกฎาคม 29 , 2560

    สั่งอาหารที่ตลาดกาดมาลิน หน้า ม.เชียงใหม่ ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำมาอีกรอบ พวกผมนั่งกินแบบไม่สนใจละอองฝนเท่าไหร่ เพราะจริง ๆ ตัวก็เปียกอยู่แล้วตั้งแต่ตอนลงมาจากดอยสุเทพละ

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    [ตลาดของกินแถว ม.เชียงใหม่]

    มาตัวเมืองเชียงใหม่ 2 ครั้งในชีวิต ครั้งแรกนั้นอยู่แถวประตูท่าแพ กินอาหารในตลาดแถวนั้น ซึ่งตอนเย็นบอกตรง ๆ ว่า ชาวต่างประเทศเยอะกว่าคนไทยเสียอีก ต่างกับครั้งนี้ ให้วุธพาไปหาอะไรกิน วุธเลือกพามากินแถว ๆ ม.เชียงใหม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติแทบไม่เห็นเลย อาหารก็ถูกดีอยู่ จะว่าไปมันก็มีหลายราคาให้เลือก

    เจียวดาว ร้านนี้ถูกสุดเลยมั้ง 15 บาทถ้าจำไม่ผิด

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    วุธบอกว่า ตลาดหน้า ม.เชียงใหม่ อาหารจะมีราคาสูงกว่า แต่ก็ให้เยอะนะ ส่วนหลัง ม.เชียงใหม่ อาหารจะมีราคาถูกกว่า แต่ก็ไม่ได้ถึงกับให้เยอะมาก แล้วแต่ร้านด้วย ผมลองไปกินทั้งหน้า ม. และหลัง ม. โดยที่เลือกกินกันคนละวัน

    หม่าล่า อาหารที่เขาว่ามาจากจีน ขออภัยที่มันอยู่ในถุงดูไม่ถนัด แต่อร่อยนะ เผ็ด ๆ ชา ๆ หน่อย ๆ

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ตอนมาหลัง ม. วุธพาไปกิน “หม่าล่า” ซึ่งอร่อยดี มีหลายร้านเลยที่หลัง ม.เชียงใหม่ (พิกัด GPS https://goo.gl/maps/iAS8wQY4tCH2) ของวางอยู่ในถาดต่าง ๆ ให้เราเลือกว่าอยากกินอะไรบ้าง ก็มีตั้งแต่เนื้อ หมู เห็ด และอะไรอีก เยอะแยะ หลากหลาย เลือกได้ก็เอามาให้เขาปิ้ง แล้วเด็ดตรงน้ำราด หรือน้ำจิ้มเนี้ยแหละ มันจะเผ็ด ๆ แบบมีลักษณะเฉพาะของมัน ไม่เหมือนพริก เขาใช้เครื่องเทศที่เรียกว่า “ ฮวาเจียว” มันจะเผ็ด ๆ ชา ๆ กินแล้วอร่อยดี คนมาซื้อเยอะมาก ถึงกับต้องให้บัตรคิวกันเลยตอนรอปิ้ง แล้วเราก็ไปเดินหาของกินอื่นก่อนจะกลับมาเอาบัตรคิวให้เขาแลกของกินกลับมา

    ตอนเดินอยู่ในตลาดกาดมาลิน หน้า ม.เชียงใหม่เพื่อไปหาของกิน ฝนมันก็พล่ำ ๆ ตลอด แต่ยังกินข้าวไม่ทันเสร็จดี ฝนเทลงมาอย่างหนัก

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ซึ่งที่หลัง ม. ผมยังไปกิน “ข้าวไข่เจียวดาว” อาหารคนยาก เพราะจานนึงราคา 15 บาทก็อิ่มได้ละ บางร้านให้เยอะ บางร้านให้น้อยหน่อย แล้วก็เพิ่มออฟชั่นเสริมให้เจียวดาวได้นะ เพิ่มหมูสับ เพิ่มอะไรก็ว่าไป

    ช่วงเด็กมหาลัยเปิดเทอม ร้านอาหารพวกนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก การสั่งด้วยการติ๊กรายการอาหารที่ต้องการกินแล้วส่งรายการให้เมื่อเราพร้อม ทำให้ประหยัดเวลาร้านอาหารไปได้มาก

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ตอนกินที่หน้า ม. ที่ “ตลาด กาดมาลิน” (พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/9dGcFbLkGes) มันจะเหมือนตลาดใหญ่ ๆ มีทั้งของใช้ และของกิน ที่นี่มีร้านพวกบุฟเฟ่อยู่รวม ๆ กันด้วย ซึ่งราคาถูกกว่าในกรุงเทพอยู่นะ แต่ผมไม่ได้ไปกินบุฟเฟ่ เลือกมากินข้าวแบบคล้าย ๆ โรงอาหาร ซึ่ง วุธบอกว่า บางทีคนเยอะมาก เวลาเราสั่งอาหารเราจึงต้องติกลงในกระดาษสั่งเมนูอาหารของแต่ละร้านที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วส่งเมนูให้เขา ไม่ใช่สั่งเขาปากเปล่า ๆ แต่ติดใส่กระดาษเมนูแทน

    ที่น่าสนใจอีกอย่างที่ผมไม่เคยเจอคือ หลาย ๆ ร้านที่ตลาดแห่งนี้ เขาจะมีของแถมให้กินฟรีด้วย บางร้านก็เป็นขนมหวาน บางร้านก็เป็นน้ำหวานต่าง ๆ แต่บางร้านก็ไม่มีนะ

    บุฟเฟ่อยู่ในโซน ๆ หนึ่งของตลาดกาดมาลิน ราคาถือว่าไม่แพงเลย แต่จะว่าไปในกรุงเทพเองผมก็ไม่ได้กินบ่อยนัก ราคามันเท่าไหร่กันแล้วละ

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    อยู่ตัวเมืองเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 27 ออกเดินทางสู่จุดหมายต่อไปก็ปาไปวันที่ 30 นั้นแหละ ซึ่งจริง ๆ เป้าหมายต่อไปคือ ป่าบงเปียง แต่ว่าผมจะแวะไปหาชาวบ้านที่ทำหน้าที่เป็นไกด์ท้องถิ่นที่ผมเคยช่วยเหลือพวกเกี่ยวกับ Social ให้เขาที่บ้านแม่กลางหลวงก่อนเสมอ ครั้งนี้ก็ไม่ลืมแวะไปเช่นกัน เผื่อว่าเขาจะมีอะไรให้ช่วย

  1. โหลดเพิ่ม