3 วัน 2 คืน จากลำปางถึงแม่กำปอง

ขณะที่อากาศในเมืองกรุงกำลังทะยานสู่ 40 องศา

ทำให้เราคิดถึงการเดินทางเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาที่ผ่าน

 "ลำปาง" เมืองที่ไม่หมุนไปตามกาลเวลา และ "หมู่บ้านแม่กำปอง" หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี

27.02.16 หลงลำปาง

หลังจากยื่นใบลาพักร้อน เราก็ทำการเก็บกระเป๋า ครั้งนี้เราเดินทางด้วยเครื่องบินใบพัดของน้องนก ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงสนามบินลำปางแล้ว

หลังจากที่เอากระเป๋าเรียบร้อย เราก็เดินทางไปยังที่พัก คืนนี้เราเลือกพักที่ อาลัมภางค์ เกสเฮ้าส์สีเขียวสดใสริมแม่น้ำวัง ที่นี่มีห้องพักแตกต่างกัน แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน (อาลัมภางค์เดิมเป็นบ้านไทยโบราณ ที่นำมาปรับปรุงใหม่ในรูปแบบ Boutique Guest house) 

ลำปางเป็นเมืองที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เราจึงเลือกที่จะใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทางครั้ง ซึ่งเราเช่าจากที่พัก 

เกือบเที่ยงแล้ว จุดหมายแรกที่เราเลือกในวันนี้ คือ ร้านข้าวซอยอิสลาม แวะเติมพลังกันโหน่ยยย ที่นี่มีข้าวซอยไก่/เนื้อ ไก่/เนื้อสะเต๊ะ หอมกลิ่นเครื่องเทศแบบเต็มๆ 

จุดหมายที่สอง วัดปงสนุก วัดโบราณที่อยู่คู่ลำปางมาช้านาน 

จุดหมายที่สาม วัดประตูป่อง  และกำแพงโบราณ

เที่ยวมาสองวัดแล้ว ก่อนที่จะเบื่อ เปลี่ยนบรรยากาศไปเดินชมบ้านไม้เก่าแก่กันบ้าง บ้านเสานัก คือ จุดหมายที่สี่ของเรา อยู่เลยวัดประตูป่องไปนิดเดียว เป็นบ้านไม้สักโบราณอายุกว่า 100 ปี ซึ่งคำว่า เสานัก แปลว่า มีเสามาก เขาบอกว่ามีมากถึง 116 ต้นเลยทีเดียว ต้องลองไปนับดูนะว่ามีกี่ต้น

หลังจากที่ออกจากบ้านเสานัก เราไปเที่ยววัดกันต่อที่ จุดหมายที่ห้า วัดพระแก้วดอนเต้า มากราบพระบรมธาตุเจดีย์ ที่มีพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าบรรจุอยู่ และเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต

และในรั้วเดียวกันนั้น ยังมีวัดสุชาดาราม ซึ่งภายหลังรวมเป็นวัดเดียวกัน ชื่อเต็มเลยเป็น วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม 

กุบกับๆๆ ได้ยินเสียงมาแต่ไกล รถม้านี่เอง สัญลักษณ์ของเมืองลำปาง เราสามารถเห็นรถม้าได้บนท้องถนนทั่วไปในเมืองลำปาง 

อีกที่ที่พลาดไม่ได้ สะพานรัษฎาภิเศก หรือสะพานขาว เป็นสะพานข้ามแม่นำ้วัง มีอายุผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 รอดพ้นจากการโจมตีทิ้งระเบิดมาได้

สะพานสีขาว กับวิวพระอาทิตย์ตกดิน

และจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ เดินชิลๆ ที่ กาดกองต้า หรือตลาดจีน ตลาดโบราณของคนลำปาง ในอดีตเคยเป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าทางภาคเหนือ เสน่ห์ของที่นี่อยู่ที่สถาปัตยกรรมของบ้านเรือน มีทั้งแบบภาคกลาง ล้านนา พม่า จีน และเรือนขนมปังขิงแบบฝรั่งเศษ 

เป็นกาดที่ของกินเยอะมากกกกกกก หลังจากที่เดินมาสักพักเห็นคนทานขนมจีนน้ำเงี้ยวเยอะมาก อย่างนี้ต้องจัดสักหน่อยแล้ว

น้ำจีนน้ำเงี้ยว รสชาติเข้มข้น ไข่ป่ามหอมๆ ข้าวกั๊นจิ๊น อาหารของชาวไทใหญ่ เป็นข้าวที่หุงกับเลือด และปิดท้ายด้วยเคพกูดเบอร์รี่ผลไม้ชาวม้ง

สำหรับใครที่ชอบเขียนโปสการ์ดไม่ว่าจะเขียนหาเพื่อน เขียนมาตัวเอง ที่นี่ก็มีร้านโปสการ์ดน่ารักๆอยู่ด้วย มีกันให้เลือกหลายสิบแบบ ต้องร้านนี้เลย "ร้านม้าหมุน" 

28.02.16 เรื่องราวระหว่างทาง เรื่องราวระหว่างราง

วันนี้เราจะเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านแม่กำปอง โดยรถไฟ โดยเราเลือกเป็นรถไฟขบวนท้องถิ่นที่มาจากนครสวรรค์

สถานีรถไฟนครลำปางเป็นสถานีรถไฟรุ่นแรกๆ ที่สร้างขึ้นในประเทศไทย และยังคงเหลืออยู่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ออกแบบโยวิศวกรชาวเยอรมัน เป็นรูปแบบสภาปัตยกรรมโคโลเนียล มีการใช้โค้ง (arch) ประดับตกแต่งด้วยไม้ฉลุ และปูนปั้น

เส้รทางรถไฟสายเหนือเป็นอีกเส้นทางนึงที่บรรยากาศดีมากๆ  

แลนด์มาร์คแรกที่เราจะผ่าน คือ กลุ่มสะพานข้ามเหว เป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมทางรถไฟข้ามหุมเขาบนเส้นทางรถไฟสายเหนือ 

สะพานคอมโพสิต สะพานสามหอ และสะพานสองหอ

และจุดหมายถัดไป อุโมงค์ขุนตาน เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นจุดที่สูงที่สุดของเส้นทางรถไฟในประเทศไทยอีกด้วย โดยอุโมงค์เเหล่งนี้เป็นพระราชดำริของรัชกาลที่ 5 สร้างเพื่อต้องการย่นระยะทาง

หลังจากที่รถไฟวิ่งลงเนินสู่ทางราบได้สักพัก เราก็จะผ่าน สะพานทาชมภู สะพานโครงคอนกรีตเสริมเหล็กสีขาวสะดุดตา ตัดกับท้องทุ่ง และสีเขียวของต้นไม้

และหลังจากนั้นอีกไม่นานเราก็เข้าสู่สถานีเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ

เราเหมารถจากทางหมู่บ้านให้มารับ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงหมู่บ้านแม่กำปองแล้ว อากาศเย็นที่นี่สดชื่นมาก และด้วยมีความชื้นตลอดทั้งปี ทำให้เราพบเห็นมอสและเฟิร์นได้ทั่ว ที่สำคัญสามารถได้ยินเสียงธารน้ำได้ทั่วทุกจุดของหมู่บ้านเลยละ คืนนี้เราเลือกพักที่สำราญชนหลังจากจ่ายเงินที่เหลือ รับกุญแจห้อง พี่เค้าเขาก็แนะนำว่าให้ไปที่วัดคันธาพฤกษา และที่ร้านฮิมห้วยก่อน เพราะว่าเรามาถึงก็เย็นล่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยขึ้นไปน้ำตกด้านบนดีกว่า  

วัดคันธาพฤกษา หรือวัดแม่กำปอง สถาปัตยกรรมตามแบบฉบับล้านนา วิหารทำด้วยไม้สักทอง มีโบสถ์อยู๋น้ำ   สาเหตุที่อุโบสถหลังนี้ไปตั้งอยู่กลางลำธารก็เนื่องมาจากดำริของท่านเจ้าอาวาสรูปแรกที่สร้างวัดคันธาพฤกษา ที่ดำริให้สร้างอุโบสถตามพุทธหลักการ คือมีลำน้ำล้อมรอบแทนใบเสมาเหมือนวัดโดยทั่วไป

 ร้านฮิปๆ บ้านฮิมห้วย ลุงปุ๊ด ป้าเป็ง ตั้งอยู่ติดธารน้ำ บรรยากาศดีมากๆ 

ในส่วนของที่พัก "สำราญชน" เป็นบ้านไม้สามหลังที่เชื่อมต่อกัน อยู่ริมธารน้ำด้วย ตอนแรกไม่คิดว่าจะหนาวมาก แต่พอมืดลง แค่ประมาณหกโมง อากาศเย็นมาก น้ำก็เย็นมากเช่นกันแม้ว่าจะมีเครื่องทำน้ำอุ่นก็ตาม ที่พักเราจะมีอาหารให้สองมื้อ คือมื้อเย็น-มื้อเช้า ในส่วนของมื้อเย็น จะมีข้าว ไข่เจียว ต้มจืด น้ำพริกแดง(เผ็ดมาก) และที่ขาดไม่ได้เลย คือ ผัดฝักแม้ว  

ปล.คืนนี้ที่นี่เห็นดาวชัดเจนมาก

29.02.16 รักแม่กำปอง

หลังจากเมื่อซุกตัวอยู่ในผ้าห่มหลับไปตั้งแต่สามทุ่มครึ่ง วันนี้เลยตื่นเช้า สดชื่นมาก อุณหภูมิเช้านี้อยู่ที่ประมาณ 14 องศา เย็นสบายๆ มื้อเช้าที่นี้จะมีข้าวต้ม ไข่ต้ม และผลไม้ตามฤดูกาล หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ เราเดินขึ้นไปน้ำตกแม่กำปองด้านบน ประมาณสองถึงสามกิโล ชาวบ้านที่นี่ได้สร้างทางเดินขึ้นน้ำตกได้เป็นบันไดเพื่อความปลอดภัย ด้วยช่วงที่เรามาน้ำมีไม่มากนัก แต่ก้สวยไปอีกแบบ

กลับจากน้ำตกเราแวะมาที่ ร้านชมนกชมไม้ เป็นร้านที่สร้างระเบียงยื่นออกไป และอยู่สูงสุดของหมู๋บ้าน สามารถมองเห็นหมู่บ้านได้เกือบทั้งหมด มีชา กาแฟ ขนมเค้กต่างๆ  

มื้อกลางวันเราฝากท้องไว้กับร้านเฮือนกาแฟ และนัดให้พี่เขาไปส่งเราที่สนามบินตอนบ่ายสองโมง 

การเดินทาง 3 วัน 2 คืนครั้งนี้ คุ้มค่ามาก ได้เดินทางไปทั้งหมดถึง 3 จังหวัดด้วยกัน คือ ลำปาง ลำพูน(นั่งรถไฟผ่าน) และเชียงใหม่ ซึ่งหากมีโอกาสคงได้กลับมาอีก ^^