ทริปพิชิตโค้ง (วันที่ 3 ปางอุ๋ง)

วันที่ 3 วันนี้ผมตื่นเช้าตี 4 ครึ่ง เพื่อที่จะมาถ่ายดาว พอเปิดประตูออกมาข้างนอกมองซ้ายมองขวามืดสนิท กับอากาศที่หนาวมาก ไฟฉายเล็กๆ 1 อัน แบกกล้อง ขาตั้งกล้อง เดินออกมาสักพักก็ยังไม่เห็นแสงไฟเลย ก็เดินหาที่ถ่าย เดินไปเดินมาผ่านห้องน้ำมีเสียงน้ำไหล คิดในใจใครเข้าห้องน้ำตอนนี้วะ แต่ไม่มีแสงไฟ สงสัยคงเปิดทิ้งไว้ ความรู้สึกน่ากลัวว่ะ มืดสนิทเลย ก็เลยเดินกลับไปที่ห้องพัก ยืนอยู่หน้าห้องสักพัก รวบรวมความกล้า คิดว่าถ้าไม่ถ่ายก็ไม่ได้รูป เอาวะรอบนี้เดินไปที่ลานกางเต้นท์ ก็เดินไปแถวริมน้ำ ส่องไฟดูรอบๆ ในน้ำมีลมพัดไอหมอก ถ้าสว่างมันก็ไม่น่ากลัวหรอกเนอะ แต่ในความมืดนี่สิ น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย ทำไมไม่มีใครออกมาถ่ายรูปบ้างเลยนะ ยืนถ่ายอยู่คนเดียวก็รู้สึกหวิวๆนะ ไปถึงก็ตั้งกล้องริมถนนฝั่งที่พัก เริ่มถ่ายไปเรื่อยๆ และยังส่องไฟไปดูรอบๆ ตลอดเวลา

       ครั้งแรกในการถ่ายภาพดาวครับ หลังจากที่รวบรวมความกล้าอยู่พักนึง สุดท้ายก็ได้ถ่ายครับ บางภาพถ่ายติดฝนดาวตกด้วย

       นี่ถ้าก่อนหน้านี้ได้เห็นว่าตรงจุดนี้เป็นอะไร ผมคงไม่ต้องกลัวมาก555+ ถ่ายรูปไปสักพัก ก็มีคนเดินลงมาชมวิวและมีช่างภาพมารอถ่ายบ้างแล้ว เริ่มสว่างหน่อยผมก็กลับมาล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ลงไปถ่ายรูปกันต่อตรง บริเวณที่มีป่าสน เช้าวันนั้นโชคดีมากครับ ที่มีหมอกขึ้นเหนือน้ำเต็มเลย คนก็ทยอยนั่งแพชมวิวทิวทัศน์ แต่คนไม่เยอะมาก

       บรรยากาศที่เคยฝันว่าอยากไป ที่อยากเห็นด้วยตาตัวเอง ในที่สุดก็ได้มาเห็นแล้ว สวยมาก

       อยู่ เก็บภาพตรงป่าสนนานมาก เริ่มหิวแล้ว ก็เดินไปที่ชุมชน มีชาวบ้านแถวนั้นตั้งหน้าร้านขายอาหารเช้าเยอะเลยครับ ผมจัดไข่กระทะ โอวัลตินร้อน 1 แก้วเสร็จ จากทานข้าวเช้าประมาณ 10 โมง ออกไปเดินเล่นในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนซะหน่อย ถึงตัวเมืองเวลาประมาณเที่ยง ตามหาร้านอาหารแบบพื้นเมืองอยู่พักนึง ในที่สุดก็เจอร้านอาหารไข่มุก ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ติด 1 ในรีวิวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ถึง ร้านก็มีพี่พนักงานเสิร์ฟต้อนรับอย่างดีเลยครับ แนะนำเมนูอาหารน่าทานๆหลายเมนู แต่ผมสั่งเป็นกับข้าวมา 2 - 3 อย่าง อาหารรสชาติอร่อยมากครับ ผมเพิ่มข้าวอีก 1 จานเลย กับข้าวหมดเกลี้ยง ทั้งหมดค่าเสียหาย 400 กว่าบาทครับ อิ่มท้องกันแล้วก็วนรถตามหาซื้อของใช้ พวกผ้าเช็ดตัว(เมื่อคืนไม่ได้ใช้ อากาศหนาว555+) หาซื้อของเรียบร้อยก็ไปนั่งพักที่ร้านกาแฟ คอฟฟี่ มอร์นิ่ง อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเลยครับ เป็นร้านกาแฟสไตส์เก่าๆ ผมชอบมาก

       นั่งที่ร้านนี้อยู่พักใหญ่เลย จนเวลา 15.30 น. ถึงเวลาต้องกลับเข้าปางอุ๋งแระ

       ระหว่างทางกลับแวะสะพานไม้ซูตองเป เป็นสะพานไม้ไผ่ ยาวประมาณ 500 เมตร ข้ามแม่น้ำแม่สะงาทุ่งนา ถึงหมู่บ้านกุงไม้สัก เสียดายไม่ได้ไปเวลาช่วงเช้า และช่วงนาข้าวขึ้น ก็เลยได้ภาพมาน้อย

       แวะถ่ายได้ไม่กี่รูปเพราะแดดแรงมากๆ ก็เลยขับรถกลับเข้าปางอุ๋งกัน

       มื้อเย็นวันนี้มีพี่ที่ไปร่วมโครงการทำบุญ เค้ามาพักที่ปางอุ๋งด้วย พี่เขาเตรียมอาหารมาทำสุกี้ กับ ปิ้งย่างด้วย เตรียมมาพร้อมเลย ผมได้ฝากท้องด้วยเลย กับบรรยากาศหนาวๆ ฟินสุดๆ

นั่งทานกันไปเรื่อยๆ ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหนาว ประมาณ 3 ทุ่ม ก็แยกย้ายกันพักผ่อน

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัน ที่ 4 เป็นอีกเช้าที่ยังคงอยู่กันที่ปางอุ๋ง วันนี้ตื่นเช้ามืดเหมือนเดิมครับ เพื่อมาเก็บภาพดาวตรงมุมอื่นบ้าง เช้านี้ไม่กลัวแล้วครับ555+ แต่ตื่นสายกว่าเมื่อวาน ผมเดินออกมาจากห้องพักประมาณตี 5 ขณะที่กำลังเล็งหามุมอยู่มืดๆคนเดียว ก็เห็นมีคนมาวิ่งออกกำลังกาย เค้าก็คงเห็นผมแล้วนะว่าผมมาถ่ายรูป แต่ประมาณรอบที่3 หรือ 4 เนี่ยแหละ ตอนนั้นผมปิดไฟฉายกำลังเก็บขาตั้งกล้องเพื่อเปลี่ยนมุมถ่ายภาพทำให้เกิด เสียงแก็กๆๆ เป็นจังหวะที่เค้าคนนั้นกำลังวิ่งผ่านพอดี พี่เค้าคงได้ยินเสียง เค้าก็หยุดชะงักแล้วหันมาทางผม ไฟฉายก็ส่องมาหาผม ผมนี่ตกใจหมดเลย แต่พอเห็นว่าเป็นผมยืนถือกล้องอยู่ สักพักเค้าก็หันไปวิ่งต่อ ณ จุดๆนั้นนี่ ทั้งผมและเขาคงตกใจพอๆกัน 555 จากนั้นผมก็เดินหามุมถ่ายดาวอยู่คนเดียวไปเรื่อยๆที่บริเวณป่าสน

       จนสว่างก็เดินกลับ วันนี้มีหมอกน้อยมากแทบมองไม่เห็นหมอก อากาศหนาวกำลังดีหนาวน้อยกว่าเมื่อวานหน่อย  

วันนี้คนเยอะมากอาจเป็นเพราะตรงกับเสาร์-อาทิตย์ด้วย กางเต้นท์กันเต็มเลยอยากนั่งแพสักครั้งก็เลยไปต่อคิวเพราะวันนี้คนเยอะมากในที่สุดก็ถึงคิวซะที ค่าแพ แพละ 150 บาท นั่งได้ 2 คน ถ้าเป็นเด็กนั่งได้สามคนนั่งแพชมวิว ไป-กลับ ประมาณ 20-30 นาทีได้ครับ นั่งแพเสร็จก็เข้าที่พักเก็บของขึ้นรถ ประมาณ 08.30น. ขับรถออกมาแวะทานข้าวเช้าที่ชุมชนอีกครั้ง เช้านี้ทานโจ๊ก หมั่นโถ โอวัลติน

       จากนั้นก็มุ่งสู่ปาย แต่อยากไปดูวิวบ้านรักไทยก็ขอแวะสักหน่อยขับรถไปไม่นานก็ถึง วนรถเล่นรอบแอ่งน้ำ แวะถ่ายภาพนิดหน่อยก็กลับ

จบการเที่ยวที่ปางอุ๋งแล้วครับ รอบนี้เสียดายที่ว่าไม่มีทางช้างเผือก ครั้งแรกด้วยดูไม่เป็นรอบหน้าไม่มีพลาด