ป้อมปี่ I นอนเต็นท์ ชมดาว วิวพระอาทิตย์อัสดงสุดพีค ( 2 วัน 1 คืน ด้วยงบหลักร้อย )

กาญจนบุรี ได้รับการขนานนามว่า เป็นแดนสวรรค์ตะวันตก พอเพื่อน ๆ อยากมาเที่ยวบ้านเรา ๆ จึงต้องพาไปดูสวรรค์ตะวันตกของจริงกันสักหน่อย ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราเป็น สถานที่ ๆ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันตก สถานที่นั้นคือ "ป้อมปี่" นั่นเอง ไปแบบชิลล์ ชิลล์ เงินไม่ต้องพกไปเยอะ แต่เก็บเอาความสุขกลับมามาก มาก ก็พอ

 

---------------------------------

 

รู้จัก "ป้อมปี่"

 

 

จุดชมวิวป้อมปี่ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นชื่อเรียกที่เพี้ยนมาจากคำว่า "เปอปี่" ซึ่งเป็นภาษากระเหรี่ยง แปลว่า ต้นอ้อ ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้ตั้งริมอ่างเก็บน้ำ ในอาณาเขตพื้นที่ของเขื่อนวชิราลงกรณ ทำให้มีดงอ้อขึ้นกระจัดกระจายริมฝั่งน้ำในหลายจุด จนกลายเป็นที่มาของชื่อเรียกดังกล่าว   "จุดชมวิวป้อมปี่" พื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมไปด้วย สายน้ำ ขุนเขา และธรรมชาติสีเขียว ในช่วงฤดูน้ำลด จะเห็นก้านไม้โผล่พ้นผืนน้ำ เป็นความสวยงามทางธรรมชาติที่แปลกตาอีกแบบหนึ่ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ นิยมเดินทางมาเที่ยวพักผ่อน กางเต็นท์ค้างแรม กันอย่างคับคั่งตลอดทั้งปี

 

---------------------------------

 

การเดินทาง

( กรุงเทพฯ - ตัวเมืองกาญจนบุรี - อำเภอไทรโยค - อำเภอทองผาภูมิ - ป้อมปี่ )

 

 

ป้อมปี่ ตั้งอยู่ตรงไหน ?? ถ้าให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็ต้องบอกว่าเส้นทางเดียวกับทางไปอำเภอสังขละบุรี แต่ป้อมปี่จะถึงก่อนเล็กน้อย และถ้าไม่เคยไปสังขละบุรีหล่ะ ?? ก็ขอแนะนำว่าให้เริ่มต้นจากตัวเมืองกาญจนบุรี หาทางหลวงหมายเลข 323 (ไทรโยค - ทองผาภูมิ) ให้เจอ และดิ่งตรงไปตามเส้นทาง ป้อมปี่ จะตั้งอยู่ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 40 - 41  

 

การเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป ป้อมปี่ ระยะทางประมาณ 310 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 - 6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประเภทพาหนะที่ใช้เดินทาง สำหรับการเดินทางของเราและผองเพื่อนตลอดทริปนี้ เราเลือกใช้รถโดยสารสาธารณะเช่นเคย โดยเริ่มต้นจาก กรุงเทพฯ มาลงตัวเมืองกาญจน์ และต่อรถไปยังป้อมปี่   ขอสรุปรายละเอียดเส้นทางเดินรถ จากกรุงเทพฯ มาตัวเมืองกาญจนบุรี เป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ อีกครั้ง หลังจากเคยแนะนำไปแล้วครั้งหนึ่งในรีวิวเที่ยวสังขละบุรี ปัจจุบันการเดินทางมาจังหวัดกาญจนบุรี มีบริการรถโดยสารสาธารณะหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถบัส รถตู้ และรถไฟ โดยมีสถานที่ขึ้นรถจุดหลัก ๆ คือ

 

สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ตลิ่งชัน) มีรถบัส ปอ.1 / รถตู้ สาย 81 และแฮปปี้ จอดบริการ สิ้นสุดปลายทางที่ตัวเมืองกาญจนบุรี รถใช้เส้นทาง ถนนบรมราชชนนี - จังหวัดนครปฐม - อำเภอบ้านโป่ง - ตัวเมืองกาญจนบุรี  

 

สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) มีรถบัส รถตู้ จอดบริการ สิ้นสุดปลายทางที่อำเภอสังขละบุรีและด่านเจดีย์สามองค์ รถใช้เส้นทาง ถนนสายบางบัวทอง - อำเภอกำแพงแสน - อำเภอพนมทวน - จอดพักรถที่ บขส. กาญจนบุรี - ขึ้นสังขละบุรี

 

รถไฟสายน้ำตก มีรถไฟออกจากสถานีบางกอกน้อยทุกวัน วันละ 2 เที่ยว ส่วนวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดให้มีการเดินรถไฟสายท่องเที่ยวฟรี สามารถสอบถามได้ที่เบอร์โทร 1690    

 

---------------------------------

 

กำหนดการเดินทาง

 

DAY 1

 

05.00 น.

เจอกัน ณ จุดนัดพบ สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ตลิ่งชัน) เราเลือกใช้บริการรถตู้สาธารณะ วินแฮปปี้ เริ่มต้นการเดินทางด้วยความสุขกันเลยทีเดียว เที่ยวเวลา 05.30 น. ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ - บขส. ตัวเมืองกาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ เราก็เดินทางถึง บขส. กาญจนบุรี

 

08.00 น.

หลังจากเดินทางถึง บขส. กาญจนบุรี เราก็เดินหาจุดซื้อตั๋วต่อไปป้อมปี่ โดยเลือกใช้บริการรถบัส ไม่ปรับอากาศ สาย กาญจนบุรี - สังขละบุรี เลือกช่วงเวลารถออกเที่ยวประมาณ 10.20 น. เพราะมาถึงตัวเมืองกาญจน์แล้วอยากมีเวลาเดินชมเมืองสักหน่อย จึงพากันเดินไปที่บริเวณ "ถนนปากแพรก" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก บขส. ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ถนนสายนี้ทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และตึกรามบ้านช่องสไตล์เมืองเก่า ของกาญจนบุรีได้เป็นอย่างดี เราได้เห็น ศาลหลักเมือง ประตูเมือง ร้านกาแฟคลาสสิค ตึกรามบ้านช่องที่สวยงาม และยังได้อิ่มท้องจากของกินแสนอร่อยอีกด้วย

 

10.00 น.

เดินกลับมาขึ้นรถ เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางสู่ ป้อมปี่ ก็นั่งโต้ลมเย็นไปเรื่อย ๆ หลับไปหลายตะหลบเลยทีเดียว แต่เส้นทางที่รถวิ่งผ่านวิวข้างทางสวยมากเลยทีเดียว ก็ถ่ายรูปบ้าง นอนบ้าง เม้าส์มอยบ้าง

 

 

15.30 น.

เราเดินทางมาถึงปากทางเข้า "จุดชมวิวป้อมปี่" ต้องเดินเท้าเข้าไปด้านในอีกประมาณ 700 เมตร ถ้ามีรถส่วนตัวสามารถขับเข้าไปได้เลย เมื่อเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จะเจอจุดตรวจและจำหน่ายบัตรเข้าอุทยานฯ สรุปรายละเอียดค่าเข้าคือค่าเข้าอุทยานฯ ดังนี้ :

 

คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท / ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

ค่านำพาหนะเข้า : รถจักรยาน ฟรี / รถจักรยานยนต์ 20 บาท / รถ 4 ล้อ 30 บาท / รถ 6 ล้อ 100 บาท

ค่าบริการพื้นที่กางเต็นท์ : กรณีนำเต็นท์มาเอง ค่าพื้นที่กางเต็นท์หลังละ 30 บาท

 

 

บริเวณทางเข้าจุดชมวิว ต้องนำของ สัมภาระลงตรงนี้ แล้วเดินเข้าไป โดยมีรถเข็นสาลี่ ให้บริการฟรี เราพากันเข้าไปเดินหาทำเลสวย ๆ สำหรับตั้งเต็นท์พักแรมของเราคืนนี้ สำหรับใครที่ไม่สะดวกกลางเต็นท์ ในพื้นที่อุทยานฯ มีบ้านพัก เป็นหลังไว้บริการด้วย ส่วนคนที่จะกางเต็นท์ ก็มีเต็นท์ พร้อมเจ้าหน้าที่ช่วยกาง และอุปกรณ์การนอนต่าง ๆ ให้เช่า มีห้องน้ำรวมที่สะอาดสะอ้านไว้บริการ ส่วนไฟฟ้าสามารถใช้ได้ที่ศูนย์อำนวยการ มีบริการที่ชาร์ตไฟให้  


 

เราเดินหาทำเลเหมาะ ๆ สำหรับกลางเต็นท์ เพื่อจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินสวย ๆ มองไปรอบ ๆ พื้นที่มีคนกางเต็นท์กันเรียงราย ในรูปแรกนั้น เต็นท์พี่เค้าเจ๋งมากจริง แบบเฮ้ย !! มันได้ฟีลลิ่งมาก ๆ อ่ะ และก็เริ่มกิจกรรมกางเต็นท์ของเรา โดยใช้เต็นท์ของตัวเองส่วนหนึ่ง อีกส่วนเลือกเช่าเต็นท์ของอุทยาน ฯ

 

 

รายละเอียดค่าบริการต่าง ๆ ภายในอุทยาน   :  

ค่าเช่าเต็นท์ (นอนได้หลังละ 2-3 คน) หลังละ 225 บาท

ถุงนอน ชุดละ 30 บาท

แผ่นรองนอน ชุดละ 20 บาท หมอน ชุดละ 10 บาท

ชุดเตาปิ้งย่าง ชุดละ 100 บาท

 

 

18.00

เราเตรียมมานั่งรอชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติค และวิวสวย ๆ ของท้องน้ำ เป็นความเงียบสงบที่หาไม่ได้จากชีวิตในเมือง

 

 

ฝ่ายเสบียง ก็กำลังง่วนกับการจัดเตรียมอาหาร สำหรับรอบกองไฟคืนนี้ จริง ๆ แล้ว ที่ศูนย์อำนวยการ มีอาหารตามสั่งจัดจำหน่าย สำหรับใครที่ไม่อยากยุ่งยากเตรียมของมา สามารถทานที่นี่ได้เลย ส่วนใครต้องการบรรยากาศการ Camping จริง ๆ ก็สามารถหิ้ววัตถุดิบจากในตัวเมืองมาได้เลย

 

 

เราก็นั่งพูดคุยเสวนาพาเพลินกันไป ท่ามกลางหมู่ดาวนับล้านดวงที่รายล้อม อากาศช่วงกลางคืนกำลังดี ไม่หนาว ไม่ร้อน เกินไป ที่นี่มีข้อห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาด้วย

 

 

 

---------------------------------

 

DAY 2

 

06.00 น.

เราตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพื่อรับโอโซนสดชื่นและออกไปเดินบริหารร่างกายกันรอบ ๆ พื้นที่ บริเวณจุดชมวิวป้อมปี่ เราจะไม่เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นสักเท่าไหร่ เพราะมีภูเขาบังด้านพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็มีวิวคุ้งน้ำยามเช้าที่สวยงามเหลือเกิน

 

 

มีสะพานแขวนเก่า สำหรับเชื่อมไปอีกโซนของจุดชมวิว ซึ่งก็มีเด็ก ๆ มาวิ่งเล่น มีคู่รักมานั่งกระหนุงกระหนิงคุยกันยามเช้าด้วย ดูทุกคนมีความสุขกันท่ามกลางธรรมชาติ

 

 

อีกด้านหนึ่งมีพื้นที่สำหรับเล่นน้ำที่อุทยานฯ กั้นเขตไว้ให้ เล่นน้ำท่ามกลางวิวภูเขาโอบล้อม ฟินยิ่งกว่าไหน ๆ

 

 

สายปั่นก็มา เห็นหลายคนนำจักรยานเข้ามาปั่นเล่นยามเช้า รวมถึงนักปั่นจากข้างนอก ก็เข้ามาปั่นชมวิวบรรยากาศยามเช้าของที่นี่ด้วยเช่นกัน ครึกครื้นกันเลยทีเดียว

 

 

11.00 น.

เราส่งท้ายความสุขกันด้วยการเก็บภาพความประทับใจของ "ป้อมปี่" และเดินทางกลับเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี โดยไปรอรถโดยสารสาย สังขละบุรี - กาญจนบุรี บริเวณปากทางเข้าที่ลงรถก่อนหน้านี้

 

 

17.30 น.

เราเดินทางถึง บขส. กาญจนบุรี และซื้อตั๋ว รถตู้ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันด้วยรอยยิ้มและความสุข ซึ่งจะไม่ลืมว่าครั้งหนึ่ง "เราได้มา ป้อมปี่"

 

---------------------------------

 

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริป :

( ผู้ร่วมเดินทาง 7 คน เฉลี่ยคนละ 925 บาท )

 

ค่ารถตู้ ไป / กลับ กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี เที่ยวละ 100 บาท เป็นเงินคนละ 200 บาท

ค่ารถบัส ไม่ปรับอากาศ ไป / กลับ กาญจนบุรี - ป้อมปี่ เที่ยวละ 145 บาท เป็นเงินคนละ 290 บาท

ค่าเช่าเต็นท์ (นอนได้หลังละ 3 คน) หลังละ 225 บาท เฉลี่ยคนละ 75 บาท

ค่าถุงนอน เบาะรองนอน ผ้าห่ม คนละ 60 บาท

เงินกองกลางคนละ 300 บาท

---------------------------------

 

ท้ายที่สุดนี้ ถ้าชอบท่องเที่ยวสไตล์เรา

ติดตามได้ที่เพจ "บ้านฉัน กาญจนบุรี" เราทำขึ้น เพื่อนำเสนอสถานที่สวย ๆ เรื่องราวทุกแง่มุมของบ้านเรา กาญจนบุรี สามารถติดตามได้ที่ : www.facebook.com/baanchan.kanchanaburi/