สวัสดีครับ ห่างหายนานเลยกับการท่องเที่ยว เนื่องจากผมเส้นประสาทขาอักเสบ ต้องพักฟื้นอยู่ 6 เดือน ทริปนี้เป็นการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของไทยเรา  ผมพึ่งได้ดูละครนาคีย้อนหลังไป 6 ตอนรวด ได้ยินคนเค้าคุยกันมานานเลยลองดู เห้ย!!! สนุกแฮะ ยิ่งดูยิ่งติด บวกกับอยากไปเที่ยวภาคอีกสานอยู่ แล้วก็ช่วงนี้หน้าหนาวพอดี เห็นคนไปเที่ยวภาคเหนือกันเยอะ ผมเลยฉีกแนวไปอีสานซะเลย จัดไปซิครับวัยรุ่นนนนน!!!

นี่เป็นแผนที่ในการเดินทางคร่าวๆครับ ระยะเวลาทั้งหมด 15 วัน 3,202 กิโลเมตร งบประมาณ บาท 5,840 บาท

ยานพาหนะในการเดินทางของผม : Honda PCX 150

อุปกรณ์บันทึกภาพความทรงจำ : Fuji X-E1 + kit 18-55 f2.8-4

วันที่ 1 (17/11/59) จุดหมายแรกคือไปรษณีย์เขาค้อครับ ผมมาเขาค้อหลายรอบนะ แต่หาที่นี่ไม่เจอสักที ไม่รู้ทำไม มันก็ไม่ได้หายากหาเย็นขนาดน้านนนนน ผมออกจากบ้านประมาณ 10 โมง ถึงที่นี่บ่ายสาม 200 โล ผมใช้เวลา 5 ชั่วโมง ลีลาไหมละครับ ผมขับ 60 km/h เอง ไม่รีบไม่ร้อนนนน

หาที่กางเต็นท์เหมาะๆได้ก็นอนพักผ่อน สบายใจ แต่แดดร้อนไปนิด พอนอนได้แป๊บนึงมันไม่นิดละ โคตรร้อนเลย นอนไปเรื่อยๆ ได้สักพัก มันมีเสียงดัง “พึง!!!” ผมก็ตื่นมามองไปรอบๆ “เสียงไรวะ  เอ้า!!! เต็นท์ขาด” เล่นตั้งแต่ต้นเกมเลยรึ โหหหห รีบปฐมพยาบาลด่วนนนนนน โคตรเท่เลย นั่งเย็บเต็นท์ต่อหน้าสาธารณะชน

พอพระอาทิตย์เริ่มใกล้จะตกดิน ผมก็ค่อยออกมาชมวิวครับ แดดมันอ่อน ออกมาก่อนหน้าก็เกรียมกันพอดี

ฟ้าสวยเชียว วันนี้ 

ผมกำลังถ่ายรูปอยู่ ก็มีคุณลุงเอาสุกกี้มาให้กิน ลุงบอกว่า “เอ้า!! เอาไปกิน ว่างๆก็มานั่งคุยกัน สนุกๆ”ก่อนหน้านี้เราคุยกันถูกคอครับ เลยสนิทกัน น้ำตาไหลเลยผมอะ กำลังไอเดทอยู่ 555+ แต่ก็...กินซิครับวัยรุ่นนนนนนนน!!! มันหิวอะ พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน ผมไปล้างชามแล้วเอาชามไปคืนลุง เสร็จแล้วก็นอนละครับ อากาศเย็นดี จะเสียก็แค่พวกนักท่องเที่ยวที่มาทีหลัง เอะอะเสียงดังไม่เกรงใจคนอื่นจนเที่ยงคืนกว่าๆถึงจะเงียบ เพลียยยยยยย...

ค่าใช้จ่าย

น้ำมัน(สำรอง)                  140  บาท

น้ำมัน(บ้าน)                      60  บาท

เติมลม                              5   บาท

น้ำมัน(วังทอง)                   56 บาท 

แซนวิช+น้ำ                      26  บาท

ข้าวเหนียว+ไก่ย่าง+ส้มตำ   70  บาท

น้ำ                                  20  บาท

ค่ากางเต็นท์                      50 บาท

รวม                               427  บาท

วันที่ 2 (18/11/59)  ตื่นเช้ามา ไม่มีทะเลหมอกครับ ลมมันแรง ไม่เป็นไร ผมไม่ได้สนใจทะเลหมอกเท่าไรอยู่แว้วววว คุณลุงคนเมื่อคืนก็มานั่งแถวๆเต็นท์ผม วิวมันค่อนข้างสวยครับ

พอแปดโมง ผมก็เก็บเต็นท์เพื่อไปจุดหมายต่อไป อีตอนกำลังเข้าไปไปรษณีย์เขาค้อ ผมเห็นมีกังหันลมอันใหญ่ๆ กะว่าขากลับแวะสักหน่อย เห็นมันอยู่ใกล้ๆ หึๆ ใกล้แค่เอื้อม แต่พอขับไปจริงๆ มันจะอ้อมไปไหนของมัน เห็นมันอยู่ตรงหน้าเนี่ย ไม่ถึงสักที ซัดไปครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง แต่ก็สวยแปลกแหวกแนวดีครับ ผมไม่เคยเห็นกังหันลมใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มาก่อน

เป้าหมายต่อไปคือจังหวัดขอนแก่นครับ ผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่นพอดี ไปหรอยๆนอนกะมันสักคืนสองคืนดีกว่า ก่อนเข้าภาคอีสานขอแชะภาพสักหน่อย มาคราวแล้วลืมถ่าย       

กว่าจะมาถึงก็เกือบมืดละผมอะ สายลีลา ผมเป็นแขกที่ดีมาก นั่งดูเจ้าของบ้านทำความสะอาด สวดยอดจริมๆ

พอมืดๆก็ไปเที่ยวตลาดต้นตาลกัน หาอะไรกินด้วย

จัดไปชุดใหญ่ เพื่อนมันเลี้ยง ไม่ขัดศรัทธาซิครับ ^^ พอกินอิ่มปุ๊บก็กลับบ้านนอนเอาแรงไว้พรุ่งนี้ต่อ

ค่าใช้จ่าย

ไก่ทอด                  15  บาท

กะเพราเนื้อ+น้ำ        50  บาท

น้ำมัน (เขาค้อ)         80 บาท

น้ำมัน (ชุมแพ)          65  บาท

ฮ็อทด็อก+น้ำ           35  บาท

ลูกชิ้นปลาระเบิด        30  บาท

ขนม                        20  บาท

รวม                      295  บาท

รวมทั้งหมด (2 วัน)722  บาท

วันที่ 3 (19/11/59) ผมตื่นมาประมาณ 7 โมง กะออกไปสูดบรรยากาศเช้า เจอมันล็อคประตู เอ้า!! ไมทำกันอย่างนั้นเล้า โถ่ ต้องรอมันตื่นอีก

เล่นกับแมวมันไปพรางๆก่อนครับ วิ่งมันวุ่นทั้งคืน ไอ้ตัวนี้อะ

เพื่อนผมมันตื่นเก้าโมง รอจนจะคุยภาษาแมวได้อยู่ละ วันนี้มันจะพาไปสวนสัตว์ขอนแก่น พอ 10 โมงก็ออกเดินทางกันครับ

ที่นี่เค้ามีให้เช่ารถกอล์ฟครับ หรือจะนั่งรถรางก็ได้ รถกอล์ฟ 300 บาท 1 ชั่วโมง นั่งได้ 4 คน น่าจะประมาณนี้นะ ผมจำไม่ค่อยได้แล้วอะ

กะจะถ่ายรูปเยอะๆซะหน่อย แต่เอาเข้าจริงถ่ายแทบไม่ได้ จะร่วงรถ ยิ่งช่วงผ่านลูกระนาดก่อนเขาสวนกวางนะ นรกชัดๆ คนขับก็มุ้งมิ้งๆกันไม่สนใจผมเลย นี่ถ้าร่วงไปจะรู้กันไหมเนี่ยยยยย

แมลงทับ  ไม่เห็นมาตั้งนาน ^^

ต่อไปก็ไปเที่ยวเขื่อนอุบลรัตน์ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวครับ ผมเห็นเค้าเอาอาหารมานั่งกินบริเวณสนามหญ้าแบบปิคนิคกัน

หลังจากนั้นก็กลับบ้านครับ คืนนี้จะไปเดินถนนคนเดินขอนแก่นกัน วันเสาร์พอดี ถนนคนเดินขอนแก่นนี่ก็ใหญ่มากกกกกกก แต่คนไม่แน่นเท่าของเชียงใหม่ เดินสะดวกกว่าเยอะ เราหาอะไรกินกันที่นั่นแหละครับ แล้วก็กลับบ้านกัน ไปเล่นเกมกันแป๊บนึงก่อนแล้วถึงจะเข้านอน พวกผมมันอดีตเกมเมอร์กันครับ สมัยก่อนก็ DOTA หามรุ่งหามค่ำกันเลยทีเดียว

ค่าใช้จ่าย

ข้าวมันไก่ทอด             40   บาท

ค่าเข้าสวนสัตว์            100   บาท

ค่าเช่ารถกอล์ฟ           100   บาท

ก๋วยเตี๋ยวเรือ                40   บาท

ข้าวหมกไก่                  40   บาท

แมลงทอด                   20   บาท

ลูกชิ้น                         20   บาท

รวม                         360   บาท

รวมทั้งหมด (3 วัน)  1,082   บาท

วันที่ 4 (20/11/59) ตื่นเช้ามา เหมือนเดิมครับ มันล็อคประตู ต้องรอมันตื่นก่อน สักเก้าโมงเพื่อนมันก็ตื่น ผมเลยลามันแล้วเดินทางต่อไปจังหวัดอุดรธานี ระหว่างทางเห็นป้ายภูฝอยลม เลยลองแวะไปสักหน่อย  ที่ภูฝอยลมมีพื้นที่ให้บริการกางเต็นท์ มีร้านค้าสวัสดิการด้วยนะครับ แหล่งท่องเที่ยวก็จะมีจุดชมวิวต่างๆแล้วก็พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ 

จุดชมวิวที่สามารถเห็นตัวเมืองอุดรได้ครับ

แล้วผมก็มาถึงอุดรธานี ผมพักโฮสเทลครับ 250 บาท ตอนแรกผมกะจะไปคำชะโนด แต่มันอยู่ไกลจากเส้นทางไปหน่อยเดี๋ยวจะกลับเข้ามาไม่ทัน เลยไม่ไปดีกว่า

พอได้ที่พักเอาของไปเก็บผมก็ไปเที่ยวศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีนอุดรธานี ใกล้ๆศาลปู่ย่าอุดรธานีครับ

ภายในจะมีรูปปั้นท่านขงจื้อและหอประวัติของท่านครับ

หลังจากนั้นผมก็ไปศาลหลักเมือง กว่าจะมาถึงก็จะมืดแล้วครับ งงกับเส้นทาง

ต่อไปก็ไปสวนสาธารณะหนองประจักษ์ กว่าจะเจอทางเข้า วนมันอยู่นั้นแหละ หาไม่เจอสักที ที่นี่คนส่วนใหญ่เค้ามาออกกำลังกายกันครับ มีทั้งวิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน เตะตะกร้อ เต้นแอโรบิก

รอบๆก็จะมีตลาดร้านอาหาร

หลังจากเก็บภาพบรรยากาศที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์เสร็จผมก็ไป UD town ครับ ไปเดินดูของเล่นๆซะหน่อย 

ก่อนกลับที่พักระหว่างทางผมเห็นตลาดใหญ่ๆอยู่ที่หนึ่ง เลยแวะไปดู ของกินเยอะมากกกกก เดินจนเหนื่อยก็กลับไปนอน เพลียสุดๆ

ค่าใช้จ่าย

น้ำมัน (ขอนแก่น)                    50   บาท

ข้าวแกงปักษ์ใต้+น้ำ                 60   บาท

ค่าห้อง                                 250   บาท

ข้าวเหนียว+ส้มตำ+แคบหมู        50   บาท

รวม                                    410   บาท

รวมทั้งหมด (4 วัน)             1,492   บาท

วันที่ 5 (21/11/59) ตื่นมาผมไปที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ก่อนเลย ลืมถ่ายเป็ด!!! แหม่สัญลักษณ์เลยนะนั่น แล้วก็ไปวัดโพธิสมภรณ์ด้วยครับผม

หลังจากนั้นผมก็ไปเก็บของเตรียมเดินทางไปหนองคาย ไปภูห้วยอีสัน เพื่อนมันบอกว่าสวยเลยจะลองไปดู

ผมเลาะผ่านริมแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆ ชมวิวเล่นๆไปตลอดทาง รถแทบไม่ค่อยมีเลย

ผมมากางเต็นท์นอนที่ครัวไม้น้ำครับ เจ้าของเป็นกันเองดีมากกกกก 

ตอนที่ผมมาถึงมีผมคนเดียวเลย ตอนดึกๆถึงจะมีคนมาอีก นึกว่าจะได้นอนคนเดียวแล้ว

ผมย้ายเต็นท์ไปนอนแถวทางขึ้นลง เพื่อจะสะดวกเวลากลับ นอนเล่นอยู่ดีๆ มีรถกระบะจากไหนไม่รู้ มาแล้วลงผิดท่า รถเกือบคว่ำอะ ถ้าคว่ำนี่กลิ้งมาทับเต็นท์ผมแน่นอน ในรูปนี่คือย้ายออกมาห่างๆแล้วครับ หลังจากนั้นก็ต้องช่วยกันพักใหญ่ๆกว่าจะเอาขึ้นมาได้ 

พอช่วยกู้รถคันนั้นได้ ก็ได้เวลาละครับ “นาคี!!!” ติดมากเลยผมอะ ง่วงก็ง่วง อยากดูก็อยาก จะไม่ดูเดี๋ยวก็จะไม่อิน ดูย้อนหลังมันไม่ฟินเท่าดูสด ดูจนจบอะถึงจะนอนได้ 555+

ค่าใช้จ่าย

น้ำมัน (อุดร)                              110   บาท

ก๋วยเตี๋ยว                                    50   บาท

กะเพราหมูกรอบ+ไข่ดาว                55   บาท

ขนม+น้ำ                                    38   บาท

  ข้าวกะเพราหมูสับ                         50   บาท   

รวม                                        303   บาท

                     รวมทั้งหมด (5 วัน)                 1,795   บาท                    

วันที่ 6 (22/11/59) ตีห้าครับ มีรถอีแต๊กมารับ มืดตึบเลยตอนไป

แล้วก็ถึงทางขึ้นภู โคตรชันอะ รถขึ้นได้ไงก็ไม่รู้

พอมาถึงจุดชมวิวก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์จะขึ้นละครับ รออีกแป๊บเดียวเอง งานนี้ทะเลหมอกมาเต็มเลย ผมก็เก็บภาพทะเลหมอกไป วันนี้มีคนมาชมทะเลหมอกที่ภูห้วยอีสันเยอะอยู่ครับ 

พอแดดเริ่มจ้าก็ได้เวลาลงภูละครับ รถอีแต๊กเหมียนเดิม เสียวดี 555+ ผมอะนั่งหลัง ขาขึ้นก็จะหน้าทิ่มอีขาลงก็จะหงายหลัง ปั๊ดโถ่!! แต่แสงกับวิวสวยมากเลยครับ ตอนที่กำลังลง ลืมเส้นทางไปเลย                     

แต่พอมาถึงข้างล่างก็โดนหมอกปกคลุมต่อ ขาวโพลนไปหมด

ผมเก็บของ 9 โมงออกเดินทาง พี่เจ้าของที่พักเค้าแนะนำให้ไปวัดป่าภูก้อนกับวัดผาตากเสื้อ ที่แรกก็แวะวัดป่าภูก้อนก่อนเลยครับ นึกว่าใกล้ อย่างไกลอะ เข้าไปอีกลึกเลย จากถนนที่ผมขับมา แต่วัดสวยมากครับ

ต่อไปก็เป็นวัดผาตากเสื้อ มี sky walk ด้วยครับ เสียวดีเวลาไปเดินบนนั้น

วันนี้ผมไปนอนที่ตัวเมืองหนองคายครับ ได้ห้องคืนละ 200 บาท ริมโขงเลย พอมาถึงก็เอาของไปเก็บแล้วไปเดินเล่นริมโขง

รอพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศเริ่มแล้วมาละครับ ฟ้าสวยเชียว

แล้วผมก็ไปขับรถเล่นรอบเมือง

สักสองทุ่มกว่าๆ ผมก็กลับมาที่พักละครับ มารอดูละครรรรรรรรร รีบสมัครเน็ตเลยผมอะ 555+ เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องดูให้จบก่อนถึงจะหลับได้อย่างสบายใจ

ค่าใช้จ่าย

ข้าวไข่เจียวแหนม                  40   บาท

ข้าวแกงปักษ์ใต้                     40    บาท

ค่าห้อง                               200   บาท

ข้าวเหนียว+ส้มตำ+แคบหมู      35   บาท

รวม                                  315   บาท

รวมทั้งหมด (6 วัน)           2,110   บาท

วันที่ 7 (23/11/59) ตื่นมาหิวจัดเลยผมอะรีบออกไปหาอะไรกินก่อนทันที เจอร้านนี้น่ากินดีครับเลยแวะซื้อซะหน่อย เสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นริมโขงต่อ

นี่เป็นตลาดอินโดจีนครับ ผมมาเช้าเกินนนนนนนนนนน

หลังจากนั้นก็กลับไปเก็บของครับ เตรียมตัวเดินทางต่อ ก่อนออกจากหนองคาย ผมแวะไปพระธาตุหล้าหนองกับพระธาตุกลางน้ำครับ เกือบไม่เห็น ช่วงนี้น้ำขึ้น

แล้วก็ไปศาลาแก้วกู่

หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดบึงกาฬ ก่อนถึงจังหวัดบึงกาฬผมแวะที่วัดอาฮงศิลาวาสครับ ซึ่งมีรอยพญานาคกับสะดือแม่น้ำโขงครับผม

และแล้วก็ถึงจังหวัดบึงกาฬ

ผมชอบที่นี่ที่สุดแล้วครับ เงียบสงบ คนไม่เยอะดี ^^

ช่วงที่ผมมามีการแข่งขันกีฬาเลยมีตลาดให้เดินเล่นด้วย เดินได้สักพักก็กลับไปนอนแล้วครับผม ^^

ค่าใช้จ่าย

ข้าวเหนียว+ไส้กรอก+ปลาทอด     55   บาท

ค่าเข้าศาลาแก้วกู่                       20   บาท

หม่ำหมู+ไก่ทอด                        55   บาท

น้ำมัน (หนองคาย)                      70   บาท

น้ำมัน (สำรอง)                         130   บาท

ค่าห้อง                                   250   บาท

รวม                                      580  บาท

รวมทั้งหมด (7 วัน)               2,690 บาท

วันที่ 8 (24/11/59) เช้านี้ที่บึงกาฬ บริเวณนี้เป็นที่ๆคนเค้ามาออกกำลังกายกันครับ ทั้งเช้าและเย็นเลย

ประมาณ 8 โมงผมก็ออกเดินทางไปวัดภูทอกครับ

ตกใจเลยผมอะ เห็นวิ่งหูตั้งมาแต่ไกล นึกว่าโดนแล้ว ที่ไหนได้มันเข้ามาเล่นด้วย

แล้วก็ได้เวลาขึ้นละครับ 

กว่าจะถึงชั้น 5 แทบตาย เหนื่อยสุดๆ พอขึ้นมาก็เจอกันสะพานที่วนรอบๆเขาให้เราเดินไปเรื่อยๆ เสียวดีครับ พาลนึกในใจ ถ้าเกิดพังขึ้นมาใครจะมาช่วยผมนิ

ผมขึ้นมาถึงชั้น 6 ผมหาพุทธวิหาร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกัน  แต่คิดว่าน่าจะเป็นจุดที่อยู่ในภาพ

ต้องลงไปชั้น 5 ครับ

และแล้วก็ถึงจนได้ครับ เป็นสถานที่ที่เงียบสงบมากๆ

อันนี้เป็นทางขึ้นไปชั้น 7 ผมลองไปแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจากป่า กลัวงูด้วยครับ ทางปกติยังเจอเลย

พอลงจากวัดภูทอกแล้ว ผมก็ไปที่น้ำตกเจ็ดสีต่อ แต่ช่วงนี้น้ำน้อยครับ 

หลังจากนั้นก็เดินทางต่อ สู่จังหวัดนครพนม

ผมพักที่โรงแรมแกรนด์โฮเทล เจ้าของบอกว่าวันนี้มีตลาดเรือไฟ เป็นตลาดใหม่ของที่นี่ ลองไปดูก็ได้ อยู่แถวๆ บขส. ผมก็ขึ้นไปพักรอจนเกือบเย็นๆแล้วค่อยไป ไปหาข้าวกินด้วยครับ ตลาดเรือไฟเป็นตลาดเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ส่วนใหญ่จะมีแต่เด็กนักเรียนวัยรุ่นมากัน

แล้วผมก็ไปบริเวณริมโขง ตรงบริเวณพญาศรีสัตตนาคราช ช่วงนั้นมีงานเลี้ยงต้อนรับด้วยครับ 

จากนั้นก็ไปตลาดโตรุ้ง ผมชอบตลาดแบบนี้นะ ได้เห็นอาหารที่คนในท้องที่เค้ากินเค้าใช้กันจริงๆ แล้วก็กลับไปนอนพักผ่อนครับบบบบบบบ ^^

ค่าใช้จ่าย

น้ำมัน (บึงกาฬ)                  90   บาท

น้ำ                                    20  บาท

กะเพราหมูสับ+แคบหมู         45   บาท

น้ำมัน                                70   บาท

ค่าห่อง                            220 บาท

ส้มตำ+ข้าวเหนียว+แคบหมู   50   บาท

รวม                               495   บาท

รวมทั้งหมด (8 วัน)       3,185  บาท

วันที่ 9 (25/11/59) ตื่นมา ผมก็ไปตรงบริเวณพญาศรีสัตตนาคราช เพื่อไปเก็บภาพแสงเช้าครับ

แล้วก็ขับรถเล่น ชมสถานที่สำคัญๆในตัวเมืองต่อครับ 

9 โมงผมก็ออกเดินทาง แต่ผมแวะไปที่พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียนนาม และบ้านท่านประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม บ้านลุงโฮ ที่สร้างขึ้นใหม่ จำลองชีวิตสมัยต่างของท่านประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ ไว้ตั้งแต่เด็ก และในสมัยที่อยู่ในประเทศไทยด้วย ส่วนบ้านที่เคยเป็นที่พักของท่านโฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีเวียดนามเป็นบ้านชั้นเดียว ลี้ภัยมาอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2466-2472 ยังมีต้นมะพร้าว ต้นมะเฟือง ซึ่งปลูกโดย ท่านโฮจิมินห์เหลืออยู่ หลังบ้านมียุ้งข้าว ตัวบ้านเป็นบ้านสวนแบบโบราณ ชั้นเดียว ร่มรื่น ในบ้าน มีห้อง 2 ห้อง มีเพียงเตียงไม้ ชั้นวางของ โต๊ะ เก้าอี้ยาว มีเสื้อผ้าวางบนชั้น ห้องกลางมีโต๊ะ เก้าอี้ยาว มีประวัติท่านโฮจิมินห์ติดไว้รอบห้อง มีรูปปั้นครึ่งตัว

http://sadoodta.com/info/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%AE

แล้วผมก็ออกเดินทางไปยังพระธาตพนม ตอนแรกผมนึกว่าอยู่ในตัวอำเภอเมืองเลยนะเนี่ย

หลังจากนั้นก็ออกเดินทางสู้จังหวัดอุบลราชธานี

ผมกะไปนอนที่สามพันโบกครับ แต่ก่อนไปถึงสามพันโบกแวะไปที่หาดชมดาวซะก่อน มีน้องคนนึงคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับที่นี่ด้วยครับ น้องบอกว่าถ้าจะกางเต็นท์ก็กางได้เลย ค่ากางก็แล้วแต่จะให้ครับ

หลังจากนั้นผมก็ไปสามพันโบก ผมไปนอนที่ครัวสามพันโบกครับ มีผมคนเดียว ป้าแม่ครัวให้ผมกางนอนบนแคร่เลย ที่นั่นจะมีลุงคนนึงเค้าเรียกกัน ”พ่อใหญ่” น่าจะเป็นภาษาอีสานที่แปลว่าตานะ ลุงเค้าคอยแนะนำการเที่ยวสามพันโบกให้ผม ว่าถ้าไม่ขึ้นเรือควรเดินไปยังไง ไปตอนไหน

อาหารมื้อเย็นครับ สั่งไว้ก่อนที่ครัวจะปิด 

ตอนแรกที่มาผมก็นึกว่ามีคนนอนด้วย เห็นมีป้าแม่ครัว 2-3 คน ก็นึกว่าเค้านอนที่นี่ ที่ไหนได้พอหกโมงเย็น ป้าเค้ากลับไปนอนบ้าน สบายใจเลยงานนี้ นอนคนเดียว แต่บ้านพ่อใหญ่ก็อยู่แถวๆนั้นครับ พออุ่นใจได้บ้าง พอตอนดึกๆ ผมนอนฟังเพลงอยู่ อยู่ดีๆเต็นท์ก็ถูกเขย่า ผมนึกในใจ “เอาแล้ว โดนรับน้องแล้ว กลั้นใจออกไปดู ปั๊ดโถ่!! หมาขึ้นมา หันไปเจอหน้ามันพอดีเลย โล่งงงงงง” อุ่นใจได้แป๊บเดียวว่ามีเพื่อนนอนด้วย ป้าแม่ครัวกลับมาเอาของ พอกลับไปหมาก็ตามไปด้วย สะเทือนใจเลยคราวนี้ T T

ค่าใช้จ่าย

กะเพราหมูสับ+ไข่ดาว+น้ำ    60   บาท

น้ำมัน (นครพนม)                80  บาท

ส้มตำ+แคบหมู+ข้าวเหนียว   65  บาท

น้ำมัน (บ้านแพง)                 60  บาท

ค่ากางเต็นท์                       40  บาท

ข้าวกะเพราหมูสับ                40 บาท

รวม                               345  บาท

รวมทั้งหมด (9 วัน)      3,530  บาท

วันที่ 10 (26/11/59) ตีสี่ครึ่งตื่นมา ผมลงไปเลยครับ เมื่อวานมันลงไปไม่ได้ น้ำขึ้น วันนี้พอไปได้ละ แต่ติดตรงที่มันมืดเกินนนนน 

ผมอยู่บนนี้จนพระอาทิตย์ขึ้น คนเดียวเลย วันนี้แทบไม่มีคน

มิกกี้เมาส์ที่เค้าล่ำลือกัน ถ้าไม่เจอนักเที่ยวที่มากับไกด์ผมก็ไม่รู้อะ

สระมรกตครับ

สัก 8-9 โมง ผมก็เก็บของกินข้าวเช้าแล้วไปอุทยานแห่งชาติผาแต้มครับ เจออะไรก็แวะไปเรื่อยๆ แต่น้ำตกแสงจันทร์กับแม่น้ำสองสี ไม่รู้ผมเลยไปตอนไหน

ระหว่างทางเห็นป้ายว่า “วัดถ้ำคูหาสวรรค์” เลยลองแวะไปครับ สวยมากๆ วัดนี้ มีฆ้องใหญ่เบ่อเริ่มเทิ่มเลย

เป้าหมายต่อไปของผม คือด่านช่องเม็กครับ ถนนแถวนี้เรียบดีจริงๆ ตอนแรกนึกว่าจะขรุขระ

ถึงละครับ ช่องเม็ก ผมมาเจอถนนคนเดินพอดี เลยไปหาของกินซะหน่อย หิวจัด

เป้าหมายที่แท้จริงที่ผมมาช่องเม็กคือที่นี่ครับ “วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว” ผมมารอตั้งแต่ 5 โมงเย็น ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ๆจะตก แต่นี่ยังไม่ใช่จุดพีคครับ

พอเริ่มมืดๆ ความงามของวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวก็เริ่มจะให้เราได้เห็นละครับ 

ผมรอจนสองทุ่มกว่าๆ จนนักท่องเที่ยวกับไปหมด ถึงได้เวลาเก็บภาพแล้วละครับ ตอนแรกนึกว่าจะเปลี่ยว แต่ตอนนั้นมีพระสงฆ์กำลังสวดมนต์กันอยู่ อุ่นใจผมเลยอะ ^^ สักเกือบๆสี่ทุ่มผมก็กลับไปนอนเอาแรงต่อละครับ

ค่าใช้จ่าย

ข้าวไข่เจียวหมูสับ                   40   บาท

ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติผาแต้ม   60   บาท

ที่พัก                                 350   บาท

ข้าวกะเพราหมูกรอบ+น้ำ         50   บาท

รวม                                 500  บาท

รวมทั้งหมด (10 วัน)       4,030 บาท