หนีร้อนไปนอนหนาวที่ภูผาหมอก
การเดินทางครั้งนี้ไปกับคนในพื้นที่ นอนพักที่บ้านผู้ใหญ่โสทร บ้านละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ตื่นนอนตอนตีห้าครึ่ง ตื่นมาเห็นผู้ใหญ่นั่งรับประทานอาหารอยู่ เกิดคำถามว่าต้องกินข้าวแล้วเหรอ มีคนบอกว่าต้องกินเพราะเราต้องไปบ้านผู้ใหญ่อีกหมู่บ้านหนึ่งตอนเจ็ดโมงครึ่ง สงสัยมากว่าทำไมผู้ใหญ่โสถึงรับประทานเหมือนอาหารเช้าปกติมาก ได้รับคำตอบว่าตื่นมาตั้งแต่ตีสามครึ่ง แล้วรดน้ำผักตอนตีสี่ครึ่ง นึกได้ทีหลังว่าที่นั่นเป็นสวนยางพารามันคงเป็นเวลาปกติของคนที่นั้น รับประทานชา กาแฟ พ่อของผู้ใหญ่ออกไปซื้อปาท่องโก๋ตัวโตมาให้มา นั่งคุยพ่อของผู้ใหญ่ถามว่าภูผาหมอกเป็นอย่างไรบ้าง พ่อของผู้ใหญ่โสบอกว่าหนาว และมีหมอกตลอดเวลาจึงได้ชื่อว่าภูผาหมอก แล้วก็ใช้นิ้วลากขึ้นไปทางชันให้ดู บ้านนี้มีรังผึ้งอยู่ด้วยเขาบอกมีสามรัง เวลาเดินก็ระวังผึ้งตามพึ้นเพราะอาจเหยียบได้ ถ้าเป็นที่บ้านฉันคงไล่ไปแล้ว แต่ที่นี่เขาอยู่ด้วยกันได้รอเดือนห้าเขาก็น้ำผึ้งนี่แหละมั้งที่เขาเรียกว่าพึ่งผาอาศัยกัน สักหกโมงเราก็รับประทานอาหารเช้าเตรียมตัวออกเดินทาง เรานั่งรถกระบะของพี่จาไปยัง ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้านนาชุมเห็ด บ้านผู้ใหญ่บ้านนาชุมเห็ดเป็นโฮมสเตย์ แต่สิ่งที่ฉันแปลกใจมากก็คือจำนวนคนที่มาบ้านผู้ใหญ่เยอะมาก เขาแต่งตัวธรรมดาเหมือนอยู่บ้านเช่นใส่กางเกงขาสั้น เสื้อแขนสั้น ตอนแรกเข้าใจว่าลูกบ้านมาหาผู้ใหญ่บ้านเฉยๆ ป่าวนั่นคือลูกหาบต่างห่าง ลูกหาบจำนวนพอๆกับนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว แล้วเขาก็แบ่งของกันหาบ คนที่ไปด้วยกันบางคนก็แบกเอง บางคนก็ให้ลูกหาบแบกให้ แล้วแต่ความสามารถ ส่วนฉันก็เหมือนเดิมแบกแค่กล้องกับเสื้อผ้า ขาตั้งกล้องกับถุงนอนฝากแบก แล้วเราก็นั่งรถผู้ใหญ่นาชุมเห็นไปทางขึ้นผา เส้นทางผ่านสวนยาง สวนปาล์มของชาวบ้าน สิ่งหนึ่งที่ฉันเห็นแล้วรู้สึกถึงความสมบูรณ์ของป่าที่นี่ได้คือระบบไฟฟ้าพลังน้ำ จะทำได้ต้องมีน้ำตลอดปีและนั่นความว่าป่าต้องอุดมสมบูรณ์มาก เมื่อถึงขนัมจุดที่รถกระบะไปไม่ได้แล้ว พวกเราก็ลงรถเพื่่อเดินต่อ สิ่งแรกที่ฉันทำคือถามว่ามีทากไหม มีคนตอบว่ามี ฉันนั่งใส่ถุงทากก่อนเลย ระหว่างที่ส่วนใหญ่เดินไปก่อนแล้ว แต่พี่ไก่ยังรอฉันอยู่ คณะลูกหาบขี่มอเตอร์ไซด์ไปก่อน บางส่วนคนก็ลงเดินตามหลัง บางคนก็ขี่มอร์เตอร์ไซด์ไปต่อ เส้นทางเล็กๆแคบๆ เหมือนเป็นทางน้ำมากกว่าทางมอเตอร์ไซด์อีก พอถึงจุดพักจุดแรกบางคนไม่ไหวก็ต้องยกเป้ให้ลูกหาบไป ระหว่างทางเส้นทางไม่ค่อยชัดบ้างมีจุดแยก คราวนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องมีลูกหาบหลายคน อัตราการก้าวเท้าแต่ละคนไม่เท่ากัน เขาต้องคอยดูแลตลอดเวลา เขาเล่าให้ฟังว่าเคยมีคนหลงป่า เพราะแวะไปฉี่แล้วกลับออกมาไม่ได้อยู่สองคืน ใช้กำลังทั้งทหาร ตำรวจกว่าสามสิบนายออกตามหา หลังจากเจอตัวสอบถามได้ความว่าเขาตามเสียงนกไป แล้วกลับออกมาไม่ถูก ผู้ใหญ่จึงกำชับว่าทำธุระเสร็จแล้วถ้าจำไม่ได้ให้ยืนอยู่กับที่แล้วส่งเสียงเรียก อย่าเดินไปไหนเดี่ยวลูกหาบจะไปหาเอง ระหว่างทางเดินเราเดินแยกกันสองกลุ่มใหญ่ แต่ก็มีบางครั้งที่กลุ่มใหญ่เราแยกกันอีกที ถ้าห่างกันก็จะได้ยินเสียงลูกหาบส่งสัญญาญถึงกัน แต่ไม่เหมือนกันว่ามันหมายความว่าไงบ้าง เดินไปเรื่อยระหว่างนั้นจะมีลำธารให้เติมน้ำเป็นระยะถือว่าเยอะ
























 
                    