ภูเข้ | ทริปพิชิตหลักเขตไทย-ลาว
ทริปโดนเทของคนที่ถูกเขาเท
[18-20 กันยายน 2563]
ทริปแบ็คแพ็คแบกเป้เที่ยว เราเที่ยวแบบแจมทริปโดยไปขอจอยทริปกับกลุ่มที่จะไปเดินป่าที่ จ.น่าน
โดยนัดเจอกันที่ปลายทาง บขส อ.ปัว ทริปนี้เราต้องเดินทางไปคนเดียวโดยมีเพื่อนรออยู่ที่น่านอีกหนึ่งคน
ซึ่งจะมีเพื่อนรวมทริปทั้งหมด 15 คน และมีแค่เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ขึ้นไปพิชิต "ภูเข้"
จากทริป 3 วัน 2 คืน กายเป็นทริป 2 วัน 1 คืน
ขอเกริ่นความรู้สึกหน่อยนะ... จากการวางแผนออกทริปไป "เด่นช้างนอน" ทริปที่ถูกเทแบบกระทันหัน แบบไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจใดๆ เหมือนกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า เมื่อทราบข่าวก่อนวันเดินทางหนึ่งวันว่าทางอุทยานเรียกประชุมทีมผู้ดูแลในเขตพื้นที่เพื่อรับแจ้งข่าวให้ทราบว่าไม่อนุญาตให้ขึ้นภู เพราะทางอุทยานจะประกาศเปิดให้ขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค. 2563 และควบคุมโดยอุทยานเองนั้น ไม่ว่าจะด้วยเรื่องพายุที่ดันเข้าไทยพอดี หรือจะเพราะสาเหตุใดก็ตาม แต่ข่าวที่ได้รับทราบมามันทำให้หัวใจของคนในกลุ่มแตกสลาย ทุกอย่างที่วางแผนและเตรียมไว้พร้อมหมดแล้วมันจะต้องจบลงแบบนี้ไม่ได้ จากทริป "เด่นช้างนอน" จึงกายมาเป็น "ภูเข้" ทริป "หนีช้างมาปะเข้" #ภูเข้มีอะไรมีหลักเขตไงแก
ทริปที่เรียกว่าดันทุรัง ดันเพราะ...
- ดันถูกเขาเทก่อนเดินทางหนึ่งวัน
- ดันรถเสียระหว่างการเดินทาง ต้องช่วยกันหารถลาก และรถสองแถวเพื่อไปบ้านสะไล
- ดันไปช้ากว่าเวลาที่ต้องเตรียมตัวเดินเท้า เพราะรถสองแถวต้องเข้าไปส่งนักเที่ยวที่ขึ้นรถมาคันเดียวกันเข้าไปส่งในสะปัน
- ดันมีลูกหาบไม่พอแบกของ ต้องหาและรอลูกหาบมาเพิ่ม
- ดันรอลูกหาบต่อไม่ไหว (รอให้ครบคนไม่ไหวบ่ายกว่าแล้ว) เพราะพวกเราอยากจะออกเดินแล้วกลัวถึงที่ตั้งแค้มป์มืด
- ดันทุรังกันจนถึงที่สุดกว่าจะมาถึงที่ตั้งแค้มป์ ไม่มีคนนำทางก็ไม่ได้ที่นี่เส้นทางพาชวนหลงป่าเป็นอย่างมาก
- ดันฝนตก ลมแรงตลอดทั้งวัน ก็ยังดันจะขึ้นกันไปพิชิตหลักเขต
- ดันโดนทากกัดไปอีก 6 7 ตัว (ทากดุมาก)
- ดันทุรังจะนอนต่อในป่าคืนที่สองโซนน้ำตกต่อไปอีกก็ไม่ไหวแล้ว เจอไม้ล้มปิดเส้นทางเดิน ทางเละ ลื่น สไลด์ ล้ม ตะลุยดงทาก เจอมาหมด
- ดันออกจากป่ามาถึงหมู่บ้านเกือบมืด (เดินกัน 10 กว่าโล ตั้งแต่เช้ายันเย็น) ต้องช่วยกันหาที่พักใหม่และเหมารถลุงให้ไปส่งที่บ่อเกลือ
- ดันทำให้รู้ละว่านี้คือประสบการณ์ที่ได้เพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งบทเรียน
ปล. โปรดศึกษาข้อมูลก่อนเดินทาง แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหมเลือกไม่ไปได้หรือเปล่า
#ความดันทุรังทำให้รู้ว่าคนในกลุ่มสมัคคี
ไฮไลท์ของ "ภูเข้" คือ หลังเขตไทย-ลาว
17-18 กันยายน 2563 | ทริป "หนีช้างมาปะเข้"
:::การเดินทางแบบดันทุรัง:::
วันที่ 17 กันยายน 2563 | ขึ้นรถทัวร์เที่ยว 20.35 น. ถึง อ.ปัว จ.น่าน 7.30 น. นัดรวมตัวที่ บขส อ.ปัว
กลุ่มเพื่อนที่ขอร่วมแจมทริป บังเอิญจองรถและขึ้นรถรอบเดียวกัน
วันที่ 18 กันยายน 2563 | เตรียมเสบียงที่ตลาดปัว
>> หลังจากที่หาข้าวมื้อเช้ากินกันและเตรียมมื้อกลางวันกันที่ตลาดปัวเสร็จ เวลา 8.30 น. ออกเดินทางต่อไปรวมตัวที่จุดนัดหมาย ณ บ้านสะไล โดยต้องไปให้ถึงก่อน 12.00 น. เพราะมีกลุ่มเพื่อนอีกส่วนรออยู่ที่นั้นแล้ว (เวลาออกเดินเท้า 13.00 น.)
แต่แล้วเหุตการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น....
>> รถเสียระหว่างทางขึ้นเขาไปบ่อเกลือ ต้องเสียเวลาหารถสองแถว รถลาก และรอรถมารับ ได้ขึ้นรถตอน 10.40 น. (ชีวิตที่น่าสงสารของพวกเรา) มีอุปสรรตลอดทริปจริงๆ
>> มาถึงจุดนัดตอน 12.55 น. ต่อรถโฟวิลขึ้นไปจุดรวมตัวประมาณ 20 นาทีได้ ก็มีรถคันเดียวรับส่ง 2 รอบจร้า
>> ถึงจุดรวมตัวประมาณ 13.15 น. แต่ก็ยังไม่สามารถขึ้นได้ เพราะลูกหาบไม่พอจ๊ะ เตรียมไว้ 3 คน ได้เพิ่มมาอีก 2 คน ต้องเสียเวลารอลูกหาบอยู่นานก็ยังไม่มา ก็ปูเสื่อรอกันไป รอแล้ว รอเล่า นอนรอ นั่งรอ รอไปดิ ทำไมถึงยังไม่มา
>> เริ่มออกเดินเท้าประมาณ 13.40 น. เพราะรอไม่ไหว ใจมันไม่อยากรอแล้ว อยากออกเดิน ไม่อยากถึงมืด ต้องไปบิ้วลูกหาบให้ช่วยออกนำทางไปก่อนหนึ่งคน ชีวิต! ที่มีอุปสรรค
ขอเดี่ยวไม่เอี่ยวใคร นี่เส้นทางของจุดออกเดินเท้า
>> บรรยากาศระหว่างทางช่วงแรกๆ เป็นทิวเขาทุ่งนา ทุ่งข้าวที่ชาวขึ้นมาปลูกกัน ช่วงแรกของการเดินยังไม่โหดมาก แต่ก็เหนื่อยใช้ได้เลยนะ จำไม่ได้ว่ากี่กิโลแต่รู้ว่าไกล
นี่แค่เริ่มต้นนะจ๊ะ
>> จุดพักระหว่างทาง บรรยากาศยังคงดีอยู่ ถือว่ากลุ่มเรายังโชคดีหน่อยที่การเดินเท้าวันแรกฝนยังไม่ตก
>> การเดินเท้าก็ยังคงเดินขึ้นเดินลงเขา เดินชมทุ่งข้าวอยู่ประมาณ 2-3 ลูกได้ ก่อนเดินเข้าป่าแบบ 100 เปอร์เซ็นต์
>> หลังจากหลุดโซนนี้ไปแล้ว ก็จะพบกับป่า และก็ป่า ป่า ป่า ซึ่งเส้นทางค่อนข้างชวนหลงมาก ต้องมีคนนำทางนะถ้าไม่มีนี่คือไปต่อไม่ถูกเส้นทางแยกเยอะมากหลายจุดเลย และด้วยที่น่าจะยังไม่บูมมากคนไม่ค่อยมากันเพราะมันไม่มีอะไรนอกจากหลักเขต แต่ความสมบูรณ์ของป่ามาเต็ม 100 %
>> แบกกล้องมาถ่ายได้ไม่ถึง 50 ภาพ นอกนั้นต้องพึ่งมือถืออย่างเดียวเลย ฝนตกหนักตลอดเวย์
>> ณ จุดนี้คือใกล้จะถึงแคมป์ละ แต่เราไปกันต่อไม่ถูกเพราะเจอทางแยก หัวขบวนกับท้ายขบวนหาย ยืนรออยู่นานเลยถ่ายรูปเล่น และก็ทำให้ได้เห็นว่าอ้าวมีลูกศรบอกทางอยู่ด้านหลัง โธ่! ชีวิตตตต
>> ถึงจุดตั้งแค้มป์ประมาณ 16.35 น. (เวลาในการเดินของแต่ละคนไม่เท่ากันแต่ก็ทิ้งห่างกันไม่มากจะมีลูกหาบค่อยประกบอยู่) จุดที่เราตั้งแคมป์ ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,350 เมตรได้ จากนั้นก็ชิลๆ ตามอัธยาศัย พักขาเพื่อเตรียมขึ้นยอดพรุ่งนี้
>> ที่นี่ระเบิดเยอะมาก เดินเท้าขึ้นมาสูงขนาดนี้ยังเจอวัวชาวบ้านนะ นิสัยไม่ดีขี้ไม่เป็นที่เป็นทางเลย
แคมป์กลางของน้องๆ ร่วมแก๊งกับสภาพที่อยู่กับสายฝนทั้งวันทั้งคืน
>> ส่วนเรา 2 คน มาขอร่วมแจมค่ารถและค่าลูกหาบอย่างเดียว เรื่องอาหารพวกเราเตรียมมากันเอง ก็กินกันแบบง่ายๆ อยู่กันอย่างง่ายๆ ชอบที่นี่ตรงที่มีต้นกล้วยเยอะ ลูกหาบไปตัดใบตองมาให้เพียบเลย
เจอกันต่อพรุ่งนี้นะ