ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ม่อนจอง ดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสีทองและท้องฟ้าสีพาสเทล ม่อนจอง (Mon Chong) จ.เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    Beau •  กุมภาพันธ์ 13 , 2558

    ครั้งแรกกับการผจญภัยสู่ยอดดอย

    ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าทริปนี้เป็น ทริปเดินป่าครั้งแรกของหลายๆคนในกรุ๊ปเรา ซึ่งที่มีทั้งหมด 15 คน มีทั้งมือใหม่ หัดเดินไปจนถึงนักท่องเที่ยว Adventure ระดับ "โปรเฟสชันเน่า" เตรียมตัวกันมาเป็นเดือนๆ พร๊อพ อุปกรณ์ครบครันอย่างกะจะไปอยู่เป็นเดือน

    กฏของการมาเที่ยวครั้งนี้คือ "คุณจะต้องพร้อมที่จะรู้จักเพื่อนใหม่ และไม่ทำตัวเป็นภาระใคร" ถ้าใครทำตามกฏข้อนี้ได้ก้มาร่วมทีมกับพวกเราได้เลยเคอะ!!

    แฟชั่นบนดอยเป็นเรื่องสำคัญ ใครว่ามาเที่ยวป่าแล้วเราจะสวยไม่ได้ มีอะไรก็ประโคมใส่มันเข้าไปเคอะ แค่ต้องรับผิดชอบสัมภาระตัวเองให้ได้เท่านั้นพอ

    การเดินทาง ค่อนข้าวยาวนานและลำบากพอตัวสำหรับมือใหม่อย่างพวกเรา เริ่มออกเดินทางโดยรถตู้จากกรุงเทพประมาณ สี่ทุ่มของคืนวันศุกร์ ใช้เวลาเดินทางมาถึงหน่วยมูเซอ ประมาณ 12 ชั่วโมง(แวะช้อบปิ้ง เข้าห้องน้ำ เดินซื้ออาหารเช้าที่ตลาดสักนิดส์นึง) ก่อนจะมุ่งหน้ามายังหน่วยมูเซอ อ.อมก๋อย เพื่อเปลี่ยนเป็นรถ FWD ในการขึ้นดอย

    จากนั้นก้ทำการเช่าเต๊นท์ และรับลูกหาบไปช่วยพวกเราถือของ (ปกติลูกหาบ 1 คนจะแบกของได้ประมาณ 20-30 กิโล) พวกเราใช้ไป 7 แหะๆ คงจะพอเดาได้นะว่าของเยอะขนาดไหน 555

    วันนั้นพวกเราไปถึงหน่วยมูเซอค่อนข้างช้า เต็นท์และถุงนอนที่เค้ามีไว้บริการจึงเหลือน้อยมาก คำแนะนำคือ ควรจะเดินทางไปให้ถึงหน่วยมูเซอให้เช้าที่สุดเพื่อจับจองเต็นท์ เจ้าหน้าที่นำทาง และลูกหาบ

    โชคยังเข้าข้างเราที่วันนั้นยังมีลูกหาบเหลือเยอะ แต่เราก้ใช้ไปเต็มจำนวนเลยเคอะ ขนกันมาไม่ได้เกรงใจลูกหาบกันเลยทีเดียว

    การเดินทางขึ้นดอยม่อนจองจำเป็นจะต้องมีเจ้าหน้าที่หน่วยมูเซอขึ้นไปด้วย 1 คนต่อ 1 กรุ๊ป แต่พวกเราเดินทางไปถึงที่หน่วยมูเซอค่อนข้างช้า ด้วยความที่เจ้าหน้าที่มีจำนวนน้อยมาก เราจึงจำเป็นต้องให้ลูกหาบเป็นคนนำทาง

    การเดินทางขึ้นดอยด้วยรถ FWD ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

    แล้วเดินเท้าเข้าไปต่อที่จุดกางเต็นท์ประมาณ 4 กิโล แต่เนื่องด้วยเส้นทางเป็นการเดินข้ามภูเขาประมาณ 2 ลูก  บุกป่าฝ่าดง และที่สำคัญแวะถ่ายรูปไปตลอดทาง พวกเราจึงใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงกว่าจะเดินไปถึงจุดกางเต็นท์ 

    ทางลูกหาบก็จะล่วงหน้าเดินไปจับจองพื้นที่ กางเต็นท์ ตั้งแคมป์ ก่อไฟ และหุงข้าวไว้รอพวกเรา

    หลังจากเก็บสัมภาระและพักผ่อนนิดหน่อยแล้ว พวกเราก็รีบออกเดินเท้าต่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดดอย หรือจุดสูงสุดของดอยม่อนจอง ที่เรียกกันว่า "หัวสิงห์" ซึ่งห่างจากจุดการเต็นท์ไปประมาณ 1 กิโล(แม้ว) ย้ำว่ากิโลแม้ว...

    แต่ธรรมชาติคงจะไม่อนุญาตให้พวกเราพบเจอความสวยงามกันง่ายๆละสินะ ก่อนจะถึงยอดดอย เราจะต้องผ่านเนินวัดใจ ที่มีความชันถึง 70 องศา กว่าจะเดินขึ้นไปถึงก็แทบทำหัวใจหลุดออกจากเบ้า ทั้งชันทั้งหวาดเสียว ส่วนตอนลงนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบจะต้องเอาก้นไถลลงเป็นสไลเดอร์กันเลยทีเดียว

    คำเตือน - จำไว้ว่าดอกยางของรองเท้าคุณมีความสำคัญมากจริงๆ!!

    แต่เมื่อขึ้นไปถึงบนยอดดอยม่อนจอง ได้เห็นเนินทุ่งหญ้าไล่ระดับความสูงกันเป็นทิวแถว พร้อมด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดส่องกระทบกับพื้นหญ้า ค่อยๆคล้อยลาลับจากขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสี Cotton Candy อย่างกับภาพวาดสีน้ำโทนพาสเทล 

    ภาพเหล่านั้นแทบจะทำให้พวกเราหยุดหายใจ อยากจะหยุดภาพเหล่านั้นไว้นานๆ แถมอากาศในช่วงนั้นเริ่มลดต่ำลงประมาณ 10-12 องศา และลมเย็นๆที่พัดโชยมา ทำให้พวกเราลืมความเหนื่อยยาก ลำบาก หวาดเสียวที่ผ่านมาจนหมดสิ้น สิ่งที่เห็นบนนี้มันสวยจริงๆๆๆ!!

    กิจกรรมบนยอดดอยก็คงไม่มีอะไรมาก หากยังไม่เหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยาวนาน ก้สามารถเดินเล่นชมวิวพระอาทิตย์ตกได้ตลอดทางไปยังหัวสิงห์ หรือจะเลือกนั่งชิว ชมวิวแบบ Slow life ตามทางบนยอดดอย มันสวยทุกมุมจริงๆ

    หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างอิ่มเอมแล้ว ก็ถึงเวลาเติมพลังให้กับท้องบ้างละ มีสหายท่านนึงได้กว่าวไว้ว่า "ใครว่าขึ้นดอยแล้วต้องอดอยาก??" ไม่จริ๊งเลย ดังนั้นเมนูดินเนอร์ครัวยอดดอยวันนี้จึงขอนำเสนอ อาหารเหลาชัดๆ...ลาบหมู, ไก่กระเทียม, กะหล่ำทอดน้ำปลา, ต้มยำไก่, และยำหมูยอ นั่นเอง เย้!! (กินดีกว่าตอนอยู่บ้านซะอีก) 

    ส่วนมื้อเช้าก็ต้มมาม่ากะโจ๊กซองไปกันตามระเบียบ!!

    สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเดินทางไปตั้งแคมป์บนดอยคือการบริหารจัดการน้ำและอาหาร รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆในการเดินทาง

    - น้ำดื่ม คนละ 3 ขวดเล็ก (น้ำขวดใหญ่สำหรับทำอาหารประมาณ 2 แพค และลูกหาบจะไปตักน้ำที่ลำธารมาให้ล้างหน้าแปรงฟันและใช้ส่วนรวม)

    - อาหารสดแช่น้ำแข็งมาไม่ให้บูด (แต่ถ้าพกอาหารแห้งมาได้แต่น้ำหนักเบาจะดีกว่า)

    ที่สำคัญอย่าลืมทำกับข้าวเผื่อลูกหาบด้วยนะแจ๊ะ จะบอกให้!! 

    ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งทริปนี้ก็หมดไปประมาณคนละ 2,600 บาท (ค่ารถและน้ำมัน 1,300 ค่าอาหาร 700 ค่าลูกหาบ/เจ้าหน้าที่และค่าเช่าเต็นท์ 600)

    ครั้งนึงในชีวิตถ้าได้ลองไปเยือนดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสีทองนี้สักครั้ง รับรอบว่าจะประทับใจมิรู้ลืมเลยละ!!

    • THANCHANOK  ภาพสวยมากเลยค่ะ อ่านแล้วมีแรงบันดาลใจแบกเป้ท่องเที่ยวเลยค่ะ :) 15 สิงหาคม 2558 20:31:53
    • Bassy  สวยมากค่ะ อยากลองไปสักครั้งจัง ^_^ 25 มีนาคม 2558 16:17:35
    • เที่ยวทั่วไทย  อยากไปดูสักครั้งค่ะ ภาพสวยมาก ^^ 13 กุมภาพันธ์ 2558 16:53:15
    • โพสต์-2
    Beau •  กุมภาพันธ์ 14, 2558

    ม่อนจอง..จอง..จอง..

    • จุดเด่น:
    • วิวสวยมาก ถ่ายรูปสวยทุกมุม ถ้าได้ไปในช่วงที่อากาศหนาวจะทำให้บรรยากาศดียิ่งขึ้นไปอีก
    • จุดด้อย:
    • การเดินทางค่อนข้างลำบากกว่าจะไปถึงจุดเดินเท้าต้องนั่งรถค่อนข้างไกล และพื้นที่ในการการเต็นท์ค่อนข้างน้อย
    • ข้อสรุป:
    • เป็นดอยที่สวยงามมากๆๆ และเหมาะสำหรับผู้ที่รักในการผจญภัย ระยะทางในการเดินเท้าไม่ลำบากมากนัก สามารถหยุดพักและถ่ายรูปได้ตลอดทาง
    คะแนน
    • Beau  ไม่มีค้า ระบบปล่อยตามทุ่งอ่ะน๊า 12 กุมภาพันธ์ 2559 19:48:31
    • Bassy  ไม่ทราบว่าข้างบนนั่นมีห้องน้ำไมค่ะ ^_^ 25 มีนาคม 2558 16:18:10