ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    Chumphol •  มกราคม 02 , 2559

    หนาวหมอก ณ ดอยอ่างขาง_กะกิ่วแม่ปาน ช้านสั่น_สาวดอยปุย50

    การเขียนรีวิวเพื่อบันทึกความสุขและแชร์ประสบการณ์ที่ได้จากการเดินทาง

    ทริปในครั้งนี้บอกเลยว่า...มาจากความ need ที่อยากจะไปเที่ยวเชียงใหม่ของ 2 น้องสวยสุดเพื่อฉลองจบป.โท และอยากเห็นพระอาทิตย์ลอยเหนือทะเลหมอกในยามเช้าบนดอยอ่างขางของตัวกระผมเอง..

    ในทริปนี้มีกัน 3 คน เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน เพื่อ 4 ดอย...โดยเริ่มต้นจากดอยอ่างขาง>ดอยอินทนนท์>ดอยสุเทพ-ดอยปุย...และมีเที่ยวกรุบกริบอีกเล็กน้อย

    Day 1> จ๊ะเอ๊...ม่อนสน 

    การเดินทาง

    • เราออกเดินทางจากกทม. โดยสารรถทัวร์จากศุนย์นครชัยแอร์ กทม. ไป บขส.อาเขต 3 เชียงใหม่ ออกจากกทม.เวลา 20.30 น. วันที่ 16 ธ.ค. ถึง เชียงใหม่ประมาณ ตี 05.30 น.  วันที่ 16 ธ.ค.
    • หลังจากล้างหน้า แปรงฟันที่บขส.อาเขต เราต่อรองราคาเหมากับรถแดงไปส่งที่บขส.ท่าช้าง ได้ราคา 120 บาท
    • เดินตะเวณหาบริษัทรถตู้เพื่อซื้อตั๋วไปอ. ฝาง  (หากงงกับ ที่ตั้งของบ.รถตู้ ให้ถามคนแถวนั้นได้ เพราะเราก็ถามเหมือนกัน...หึๆๆ)  เค้าเปิดให้บริการแต่เช้าครับ พวกเราได้เที่ยวประมาณ 8 โมงครับ ระหว่างรอก็หาข้าวกันแถวนั้นได้ครับ...เช้าๆ ร้านข้าวเปิดแค่สองสามร้าน...มีเซเว่นด้วย ถ้าใครไปก็เลือกได้ เอาที่สบายใจ สบายท้อง
    • หลังจากขึ้นรถตู้ใช้เวลาเดินทางถึง 3 ชั่วโมงก็ถึง อ.ฝาง เราให้รถตู้ส่งที่ ปั้ม esso ซึ่งมีร้าน Maple coffee and Bakery ตามภาพนี้เลยครับ...เป็นที่เรานัดกับคุณปล่อง ซึ่งเป็นคนขับรถพาทัวร์ดอยอ่างขางครับ...2 วัน 1 คืน ในราคา 2000 พันครับ..(ราคาสองพันอาจจะดูเหมือนแพง แต่เห็นทางขึ้นดอยแล้วคุณจะบอกว่ามันถูกมาก แต่แนะนำให้มา 5 คนกำลังดี)...

     

    • เวลาประมาณ 11.00 น.ก็เดินทางขับขึ้นดอยฯ ซึ่งระหว่างทางเจอทั้งโค้ง ทั้งหมอก ครบเลย (โค้งบนดอย ทำให้ผมนึงถึงพระเอก Jay chou ในเรื่อง initial d  เค้าน่าจะซอบ...งานจิ้นไปเอง)
    • คนขับจะบีบแตรก่อนเข้าโค้งทุกเพื่อเป็นการสือสารกันกับรถที่อาจจะเข้าโค้งสวนเลนมา....(ผมรู้สึกปลอดภัยที่ได้พี่ขับรถให้..พี่ทำให้ผมไม่เสียดายค่ารถสองพันเลยคับ555..)

     

    • ผ่านโด้งมาแล้วก็ถึงจุดชมวิวม่อนสนเวลาประมาณ 13.30 น พวกเราก็จัดการเรื่องเต้นท์-เครื่องนอนกันก่อน เราเช่า 2 เต้นท์ และถุงนอน 3 ชุดสำหรับ 1 คืน  (ราคาเต้น 350 บาท/คืน ราคาถุงนอน/หมอน ประมาณ 10-30 บาท/คืน) 
    • ทางอุทยานมีเต็นท์ขนาดเล็กสำหรับ 1-2 คน ราคา 200 บาท/คืน แต่ต้องกางเองนะครับ (แนะนำ เผื่อใครอยากประหยัด) ณ จุดนี้ สามารถเอาเต็นท์ไปกางเองก็ได้ครับ....แต่ต้องเสียค่าพื้นที่ ผมคาดว่าน่าจะ 30-50 บาท ลานฯม่อนสน ด้านหน้าเป็นผา ด้านหลังเป็นป่าสนครับ..เลือกได้เลยจะเช่าหลังใหน แนะนำ ถ้าใกล้ป่าสนอาจจะได้ยินเสียงตกของน้ำค้าง และลูกสน...ถ้าติดผาก็ให้ระวังเวลาเดินตกผาครับ....แต่ทุกเต็นท์เห็นวิวได้ชัด ไม่มีบังกัน ให้รำคาญตาแน่นอน...(ชอบเป็นการส่วนตัว ปรบมือ)
    • ลานกางเต็นท์ม่อนสน จะมีเต็นท์ทางอุทยานบริการสัก 60 เต็นท์ครับ ขนาด 3 คน/เต็นท์ ตามภาพเลยครับ บรรยากาศประมาณนีแหละในวันที่หมอกเยอะอย่างนี้
    • ช่วงบ่ายๆ หมอกยังขนาดนี้เลยครับ...ในภาพเป็นป่าสนที่จุดชมวิวม่อนสนครับ...
    • หลังจากนี้ก็ไปจุดสถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขางครับ..ต้องเสียค่าบัตรเข้าชมด้วยราคา 50 ครับ...บัตรสามใบสวยๆในในมือพรีเซ็นเตอร์...ดอกไม้ในบัตรจะเป็นดอกต้นพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย
    • ดอกไม้ในสวนฯ เยอะมาก มีแต่สวยๆทั้งนั้น ผมเป็นสายพฤกษา-มาโคร เดินถ่ายดอกไม้อย่างฟินที่สุดจะบรรยาย   
    • ลานด้านหน้าสถานีเกษตรฯมีชาวเขามาขายของด้วยครับ  หากใครอยากได้ของแต่งบ้านก็อุดหนุนกันได้ครับ
    •  บริเวณใกล้เคียงก็จะมีลานดอกไม้ซึ่งสวยไม่แพ้กันกับในสวนเกษตรฯ  และร้านขายของกิน ของที่ระลึก รวมถึงร้านกาแฟด้วยครับ แต่ช่วงบ่ายๆอย่างนี้ ดอกไม้ก็จะเหี่ยวๆนิดหนึ่ง
    • แต่ความสนใจของผมก็อยู่กับการชมวิว ดอกไม้ และไฮท์ไลต์ของที่นี่ อย่างดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่รู้จักในฉายา..ซากุระเมืองไทยครับ...  

     

    • ดอกซากุระเมืองไทยครับจัดซะหลายภาพเลย..สวยจริงๆ (ช่วงที่ไป ดอกยังบานไม่เต็มที่ครับ พลขับของผมบอกว่า ให้มาดูช่วงมกราคมจะสวยมาก)
    • หากท่านใดไปเที่ยว เห็นดอกไม้สวยๆ อย่าเด็ด อย่าปีนต้นนะครับ เพราะจนท.เห็นเข้า จะต้องเสียค่าปรับ ผิดกฏหมายนะครับ
    • ผึ้งกับดอกไม้..ขอบคุณน้องผึ้งอย่างเป็นทางการ...(ภาพนี้ซูมสุดฤทธิ์ กล้วน้องผึ้งหนีก่อน)

    - หลังจากนั้นเราแวะสวน 80 แต่มีทัวร์มาลง ทำให้ถ่ายอะไรไม่ได้มากเพราะคนเยอะมาก จึงซิ่งหนีไปสวนบ๊วยก่อนทัวร์จะไปถึงครับ...

    - สวนผัก  Veggies house  อยู่ใกล้กับสวนบ๊วย...พระอาทิตย์อยู่ใกล้ยอดไม้เลยเก็บมาไว้ในภาพด้วย...

     

    - สวนบ็วย เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผมประทับใจเป็นทีสุด..ครัช  ความเก่าแก่ของต้นบ๊วยเป็นอะไรที่หาขมได้ยากมาก ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี  เอาภาพไปดูเลยแล้วกัน ว่าเก่าขนาดใหน มอสแย่งกันขึ้นตามต้นบ๊วย

     

    - ในความคิดของผม สเน่ห์ของสวนบ๊วย คงเป็นรูปทรงของต้นบ๊วยที่เป็นเอกลักษณ์มาก

     

     

    - หลังจากนั้นก็ไปเดินเที่ยวตลาดที่หน้าสถานีเกษตรฯ บ่ายสี่กว่าๆแดดแรง เห็นดอกหญ้าปลูกไว้เป็นแถวสวยไปอีกแบบ ผมเก็บมาฝาก..555  

    - หลังจากได้ของกินเป็นหมูจิ่มจุ่มจากร้านของ K' ปล่อง (คนขับรถและนำเที่ยวของเรา) ชุดละ 350 บาท

    - ก็เดินทางกลับที่พักจุดชมวิวม่อนสน ภาพที่เห็น....หมอกหนักกว่าตอนบ่ายอีก หนาวด้วย (ตอนอาบน้ำ ตัวโ่ดนน้ำ เหมือนโดนน้ำมนต์ สั่นเป็นเจ้าเข้า)

    - ได้เวลาสำหรับกินหมูจิ้มจุ่มแหละ...กินท่ามกลางสายหมอกและความหนาว...ความหนาวทำให้หมูร้อนเข้าปากแบบไม่ต้องกลัวปากพอง...55

    - อิ่ม ฟิน แล้วนอน  ตื่นเช้าขึ้นมาก็หนาวหมอกแบบ Non-stop ต่อเลย 555  

     

    Day 2> ม่อนสน...See you

    - เริ่มต้นวันด้วยหมอก  อวสานการชมพระอาทิตย์สวยๆและทะเลหมอกในเช้านี้ ....(เศร้าเล็กๆ)...บอกตัวเอง ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยมาอีกครั้ง แก้ขัดด้วยการเดินถ่ายเก็บบรรยากาศก็ได้

    - ก่อนจะเดินทางเที่ยวตามโปรแกรมที่วางไว้ ก็ถ่ายรูปรวมเป็นที่ระทึกกับป้ายที่มีชื่อเสียง...และพลขับของเรา K'ปล่อง เพื่อเป็นที่ระลึกกันสักหน่อยเนอะ

    - ไปชนชากันดีกว่า  แสดงถึงความสามัคคี...5555 (เพ้อตามท้องเรื่อง)

    - ไปต่อกันดีกว่า ไร่ชา 2000 ...น้องหมอกก็ตามมาสวยไปอีกแบบ

    - ออกจากไร่ชาต่อด้วยไร่สตอเบอร์รี่ที่หมู่บ้านนอแล ไปช่วงสายแล้วคนรดน้ำไม่มี ไร่ก็เลยร้างๆ...5555..(ปลอบใจตัวเอง เดี๋ยวค่อยมาใหม่ ฮือออออ)

     

    - Next station is หมู่บ้านขอบด้ง....เจอหมอกหนักกว่า ไร้ชา และไร่สตอเบอร์รี่อีก ทางเข้ามองเห็นได้ไม่เกิน 10 เมตร...

    - ไปลงดอยฯ นั่งรถตู้ที่อ.ฝาง กลับเข้าเมืองเชียงใหม่ดีเข้าห้องพักที่ Aroma 2 ซึ่งอยู่แถวประตูเมือง ก็เย็นพอดี

    - ตอนเย็นก็ไปเดินเที่ยวตลาดต่อ ของกินเยอะครับ หรือจะร้านอาหารดังก็เยอะใช่ย่อย..(รีวิวกันเองแล้วกันครับ)

    - จบทริปวันสอง...ปิดไฟเข้านอน

     

    Day 3> น้องๆไปอินทนนท์ แต่พี่ไปผจญเมืองฯ

     

    - หลังจากเจ้าของรถเหมายกเลิกทริปดอยอินทนนท์ เพราะแฟนพี่เค้าคลอดลูก...ทำให้ผมลังเลว่าจะไปดอยอินทนนท์ดีมั้ยเพราะเคยไปแล้ว  สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยสองสาวไปตลุยดอยฯและกิ่วแม่ปาน ส่วนตัวผมไปเดินแอ่วเมือง

    - งั้นเร่ิมจากทริปผจญเมืองก่อนเลยครับ..จุดแรกที่ไปก็..กินติมที่ร้าน iberry ของโน๊ต-อุดม  เดินทางด้วยรถแดงในเชียงใหม่แหละครับ..ไปในราคา 40 บาท..(แพงอ่ะ)

    - สั่งไอศครีมกินพอเป็นพิธีแล้ว  นอกจากทัวร์จีนที่คุยกันเสียงปานตลาดสด ก็เห็นแมวสีขาวและแมวสีชมพู นี่แหละที่สะดุดตา

    - ต่อด้วยการนั่งรอพระอาทิตย์ตกที่ชั้นดานฟ้าของห้าง Maya วิวสวยเห็นดอยสุเทพทั้งดอย..มีเครื่องบินผ่านตลอด

    - นั่งตากแดดถ่ายรูป จนตัวแดง...5555

    - กลับห้องพัก ทาโลชั่นรักษาตัวก่อน โดนแดดเผาเกรียมแหละ

    - ทริปกิ่วแม่ปานของน้องทั้งสอง วิวสวยดี...อากาศหนาว ลมแรง อุณหภูมิ 14 องศา...สายลม สายหมอก และแสงแดดมาครบเลย.(น้องที่ไปบอกว่าหนาวๆ หูจะหลุดแล้ว...จากคำบอกเล่า..ถ้าหนาวให้เอาหูพับเก็บให้ดีๆนะครับ เดี๋ยวหาย5555)

     

    Day 4> อุทยานราชพฤกษ์>ดอยสุเทพ>ดอยปุย

     

    - เช้านี่ตกลงกับรถเหมาใจดีในราคาประมาณ 1800...(ปกติรถแดงจะเรียกสัก 2000 up.....แต่ด้วยราคานี่ ลึกๆในใจก็คิดว่าแพงอยู่ดี)

    - ที่แรกผมไปราชพฤกษ์ น้องไปไหว้หลวงพ่ออะไรสักอย่าง จำไม่ได้ครับ 

    - ผมเข้าไปก็จัดการซื้อตั๋วเข้า จ่ายค่ารถนำเที่ยว...รถฯบริการทั้งหมด 8 จุด..รถจะวิ่งวนให้บริการตลอด...ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาในแต่ละจุด นี่ครับตารางใหนบริการ...เที่ยวจนพอใจ ก็มารอรถฯได้เลย

    - หากใครจะเช่าจักรยาน ทางอุทยานฯก็มีบริการ...แต่จำนวนจำกัดหน่อย

    - มาที่นี่งานถ่ายดอกไม้ เป็นหลัก...สวมจิตวิญญาณความฟรุ้งฟริ้งทันใด จัดยาว

    - ต่อด้วยดอยสุเทพและดอยปุย (ดอยสุเทพไปแป๊บหนึ่ง ดังนั้นโชว์แต่ภาพบนดอยปุยครับ)

    - มีตลาดที่ดอยปุยด้วย แต่ร้านทะยอยปิดกันเพราะเย็นแล้ว...ผมก็เลยถ่ายแต่ดอกไม้กับวิว..ตามภาพเลย

    - ขากลับติดไฟแดง...เห็นว่ามุมดี..เลยถ่ายห้าง Maya ยามค่ำคืนมาฝากครับ - กลับถึงห้องพัก เช็คเอาท์ ล้างหน้า หอบผ้าหอบผ่อนกลับกทม.... แล้วเจอกันอีกนะเชียงใหม่....จุ๊บๆๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    • โพสต์-2
    Chumphol •  มกราคม 19, 2559