ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ขึ้นดอยหน้าฝน กับคนรู้ทัน @สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ (Royal Agricultural Station - Inthanon) จ.เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    การเดินทาง ห้องพัก

          เที่ยวครั้งนี้ไปกับเพื่อนสมัยมัธยม ไปกันทั้งหมด 4 คน ไปเชียงใหม่กันเถอะ ไปไหนยังไม่รู้ รู้แต่ไปเชียงใหม่ ด้วยราคาตั๋วเครื่องบินทำโปรลดกระหน่ำยั่วยวนใจเหลือเกิน เราเลือกบินกับแอร์เอเชีย ไปกลับรวมค่าโหลดน้ำหนักกับประกันการเดินทาง ตกคนละ 1,963 บาท หลังจากจองตั๋วก็เหลือการทะเลาะกันว่าจะไปเที่ยวจุดไหนดีอ่านรีวิวไปเรื่อย ด้วยความต้องการหลักๆ คือ พักผ่อน ไม่ได้อยากเที่ยวเยอะ อยากนั่งพูดคุยในบรรยากาศดีดี เราเลยชวนไปพักที่สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ โทรไปสอบถามเรื่องที่พัก ว่างพอดี  โอนเงินจอง 3 วัน 2 คืน (26-28 สิงหาคม 2559) 2 ห้องพักสิริภูมิ B คืนละ 1,100 บาท ก่อนเดินทางเลนส์ kit 14-42 กล้อง Olympus เริ่มรวน ต้องส่งซ่อม ลุ้นอยู่ว่าจะทันทริปนี้ไหม สรุปว่าไม่ทัน เลยต้องใช้เลนส์14-150 mm f4-5.6 ตลอดทริป

     

          เริ่มเดินทางที่สนามบินดอนเมือง เที่ยวบินที่ FD-3445 เวลา 8.15 น. ถึงเชียงใหม่ 9.30 น. นั่งรถแดงหน้าสนามบินบอกว่าไปท่ารถจอมทอง คุณพี่รถแดงคิดราคาเหมา 150 บาท นั่งรถบัสสีฟ้าต่อไปอำเภอจอมทอง ถึงหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารใกล้ๆ เที่ยง เราหาข้าวกลางวันกินแถววัด แล้วเข้าไปสักการะพระธาตุซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีชวดหรือปีหนู ที่หน้าวัดมีรถสีเหลืองขึ้นดอยอินทนนท์ มีหลายเจ้าให้เราเหมารถขึ้นไปโดยจะแวะสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางให้ แต่เราไม่ต้องการ เราอยากขึ้นไปที่พักเลย สรุปเลยได้ราคาขึ้นไปสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์คนละ 50 บาท ทั้งรถ มีแค่เรา 4 คนแหล่ะ ขึ้นไปได้สักพักก็เจอด่านของกรมอุทยาน เสียค่าเข้าคนละ 50 บาท ค่าธรรมเนียมรถอีก 30 บาท ด้วยความที่ระยะทางจากจอมทองไปสถานีเกษตรฯ มากกว่าที่เราคาดคิดพวกเราเลยทิปพี่คนขับรถไปอีก 200 บาท

     

    เริ่มเดินทาง

    รถเมล์ไปจอมทอง

     

    วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

    รถเหลืองขึ้นดอย

    นาขั้นบันได วิวระหว่างทาง

     

          ถึงสถานีเกษตรฯ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ดอกไม้สวยมาก เราเช็คอินเข้าห้องพัก ระหว่างทางเดินไปห้องพัก เราผ่านอาคารผลิตผล (Packing House) ตอนเช้าเราจะเห็นรถกระบะมาจอดส่งผลผลิตที่นี่ ห้องที่เราพักชื่อสิริภูมิ B นอกจากมีเตียงห้องน้ำตามปกติ ก็มีชั้นลอยที่สามารถเพิ่มที่นอนตรงชั้นลอยห้องใต้หลังคาได้ ที่ห้องพักไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม แต่ก็ไม่จำเป็นเพราะอากาศเย็นอยู่แล้ว ห้องพักสะอาดสะอ้านดี มีชากาแฟสดพร้อมอุปกรณ์ให้เราลองชงด้วย สภาพห้องพักไม่ได้ใหม่มาก ในส่วนของห้องน้ำ เราว่าทางสถานีเกษตรฯ คงต้องปรับปรุงสักหน่อยก็น่าจะดีขึ้น แต่โดยรวมเราค่อนข้างพอใจกับราคา 1,100 บาท/คืน (ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไปพัก) พร้อมอาหารเช้า 

    หน้าสถานีเกษตรฯ มีสถานที่จัดเตรียมให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกัน

     

     

    Lobby

    อาคารผลิตผล (Packing House)

    บ้านพักสิริภูมิ B

    สวนสวยๆ หน้าที่พัก

    ห้องพัก

    เครื่องดื่มที่ทางสถานีเกษตรฯ เตรียมไว้ให้พร้อมอุปกรณ์การชง และวิธีการชง

          

    • โพสต์-2
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    น้ำตกสิริภูมิ

          พักผ่อนสักพัก ก็เดินไปน้ำตกสิริภูมิซึ่งอยู่ใกล้ที่พักเดินเลยจากที่เราพักไปไม่ไกล แต่ไปถึงช้า เพราะทุกมุมที่เดิน สวยไปหมด ถ่ายรูปกันมือเป็นระวิง อากาศที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์เย็นเหมือนดอยติดแอร์ตลอดทั้งวัน มีความชื้นปนๆ อยู่ด้วย เดินเล่นไม่หงุดหงิด ระหว่างทาง มอส เฟิร์น ตระไคร่ ขึ้นเต็มไปหมด เวลาเดินต้องระมัดระวัง เพราะค่อนข้างลื่น ใครพาเด็กหรือผู้ใหญ่ไปต้องดูแลให้ดี ทางเดินไปน้ำตกมีกูดหัวอ้ายเป็ด หรือเฟิร์นหัวอ้ายเป็ด ที่ทางสถานีเกษตรฯ ปลูกไว้เต็มไปหมด เป็นเฟิร์นภูเขาที่มักพบอยู่ตามภูเขาสูงระดับ 800-1,700 เมตร ใกล้บริเวณลำธาร มีขนาดใหญ่สูงท่วมหัวเราเลย นอกจากนั้นยังมีพืชชนิดอื่นๆ ดอกไม้ขึ้นแซมเป็นระยะ มีดอกไม้เล็กๆ แทรกอยู่ตามก้อนหิน พวกเราเดินไปถ่ายรูปกันเพลินไป น้ำในน้ำตกเย็นมาก เราเอาเท้าแช่ลงไปสะดุ้งเฮือกเลย น้ำใสไหลเย็นแต่เราไม่เห็นตัวปลาสักตัว 555 น้ำค่อนข้างเยอะ ไหลตกมาจากหน้าผาสูงเสียงเลยดัง

    บันไดขึ้นบ้านพักบริเวณทางไปน้ำตก

    Ferns Kingdom

    สะพานไม้ไผ่ข้ามลำธาร ทางไปน้ำตก

    เฟิร์นหัวอ้ายเป็ด

    ดอกไม้เล็กๆ ขึ้นบนก้อนหิน

    ทางลื่นมาก

    อากาศชื้น ตะไคร่เกาะตามแผ่นหินที่ทำเป็นทางสำหรับเดิน เด็กและผู้สูงวัยระมัดระวังตอนเดินด้วยค่ะ

    น้ำตกสิริภูมิ

    น้ำตกสิริภูมิ

    น้ำตกสิริภูมิ

    น้ำใสไหลเย็นเห็น....

    อากาศชื้นมาก

    ลำธารเล็กๆ ระหว่างทาง

    • โพสต์-3
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

     

          กลับมาจากน้ำตกก็เข้าห้องพัก อาบน้ำ เตรียมตัวไปกินข้าวเย็นที่สโมสรอินทนนท์ ขณะที่นั่งรอเพื่อนๆ เราก็หยิบโบชัวร์แนะนำสถานที่พร้อมแผนที่ที่ได้จาก Lobby ได้ความว่าตรงที่เราเข้าพักเรียกว่าสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เป็นสถานีวิจัยหนึ่งในสี่ของมูลนิธิสถานีเกษตรหลวง ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นสถานีรวบรวมพันธุ์ไม้ พืชผัก ผลไม้ การประมงบนพื้นที่สูง เพื่อการส่งออกส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรชาวไทยภูเขา (เผ่ากะเหรี่ยงและเผ่าม้ง) นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่วิจัย และยังเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 513 ไร่ ตลอดทางที่เราเดินไปดูโน่นดูนี่ เราเจอคนที่ทำงานดูแลต้นไม้ ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาด ทำครัว เป็นบริกร คนบริการให้ความสะดวกเรา พูดไทยสำเนียงน่ารักๆ แต่งชุดปกติบ้าง ชุดพื้นบ้านบ้าง เดินผ่านก็ยิ้มให้กัน ชวนคุยบ้าง พอเราถามว่าบ้านอยู่ไหน ทุกคนก็บอกเราว่าอยู่แถวๆ นี้ เช้ามาก็มีรถไปรับ เย็นมาก็มีรถไปส่ง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน ร่างกายแข็งแรง ไม่อ้วนไม่ผอม ด้วยพระบารมีแผ่ไพศาลทำให้ทุกคนอยู่ดีกินดี มีความสุข

    โรงเรือนของชาวเขา

    หลังเลิกงานที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    ชาวเขาที่ทำงานในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    เกษตรกรที่อยู่รอบๆ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    ผลผลิตของเกษตรกร

    เกษตรกรนำผลผลิตมาส่ง

    ผักไฮโดรโปนิกส์ ในโรงเรือนของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกผักไร้ดิน

    พันธุ์ไม้ระหว่างทางในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    ที่ทำกินของชาวเขา

    ป้ายบอกทางก่อนถึงสถานีเกษตรฯ

    • โพสต์-4
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    สโมสรอินทนนท์

          อาหารทุกมื้อที่เราอยู่ที่นี่ เรากินที่สโมสรอินทนนท์ ไม่ออกไปกินที่ไหน เพราะราคาไม่แพงเลย เมื่อเราเทียบกับที่เราเคยกิน รสชาติของอาหารก็จัดว่าอร่อยเลย โดยเฉพาะกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เราและเพื่อนติดใจกันมาก แต่น่าเสียดายช่วงที่เราไปไม่มีปลาเรนโบว์เทราต์ พนักงานบอกว่าต้องมาเดือนตุลาคมถึงจะมี อดกินไป แป่วววววว ไม่เป็นไร อาหารอย่างอื่นก็อร่อยดีอยู่แล้ว พนักงานเสริฟ ที่นี่ก็ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าดี จะเรื่องมากยังไงก็ไม่มีชักสีหน้า กาแฟที่ชงให้หอมรสชาติดีราคาถูก เราดื่มคาปูชิโนร้อนทุกเช้าแก้วละ 45 บาท แล้วก็มีสมูทตี้ผลไม้ต่างๆ แล้วแต่ว่าวันนั้นมีผลไม้อะไร ขนมที่ชื่นชอบเป็นพิเศษก็พานาคอตต้าพีช หอมอร่อยกำลังดีไม่หวานจนเกินไป ถ้าได้แวะไป ก็ลองสั่งมาชิมกันดูค่ะ พนักงานเสริฟที่นี่เป็นผู้ชายเกือบทั้งหมด ส่วนผู้หญิงจะเป็นแคชเชียร์ แล้วก็เป็นบาร์เรตต้า พนักงานที่ทำอาหารในครัวที่เราเห็นก็เป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด

    สาวน้อยบาร์เรตต้า

    สโมสรอินทนนท์

    เมนูเครื่องดื่ม

    อาหารเช้าเริ่ม 7 โมง

    คาปูชิโน่ กับสลัด อร่อยตามความสดของวัตถุดิบ

    โกฮัง หนุ่มน้อย ที่คอยบริการเรา

    ดอกไม้ในสโมสรอินทนนท์ ไม่ต้องรดน้ำ มีท่อต่อตรงเลย

    ขาหมู

    หมั่นโถวฟักทองกินคู่กับขาหมู

    แกงส้มอินทนนท์

    กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา อร่อยจนต้องสั่งซ้ำ

    สมูทตี้อินทนนท์ เพื่อสุขภาพ

    พานาคอตต้าพีช

    ทีมงานคุณภาพ บริการดีเยี่ยม

    สโมสรอินทนนท์ (ช่วงอาหารเย็น ปิด 3 ทุ่มค่ะ)

    • โพสต์-5
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    วันที่ 2 เดินเที่ยวช่วงเช้า

           เรากับเพื่อนไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่ในนี้มีความสุขดี เดินเล่นถ่ายรูปกันทั้งวัน ถ้าใครมาที่นี่และอยู่จนคุ้มที่สุดก็เป็นเรากับเพื่อนนี่แหล่ะ วันที่สองช่วงเช้าเราเดินออกจากสถานีเกษตรฯ เดินเลาะพื้นที่ด้านซ้ายของสถานีเกษตรฯขึ้นไปบนเขา ที่เราเห็นจากที่ห้องพักว่าบนเขามีโรงเรือนอยู่เต็มเขา ตอนกลางคืนก็เปิดไฟในโรงเรือนจนทั้งเขาสว่างไปทั่ว เดินไต่เขาไปเรื่อยๆ เจอเกษตรกร เราก็ชวนคุย ถามโน่นนี่ ขออนุญาตเข้าไปในแปลงดอกไม้ ช่วงที่เราไปปลูกเบญจมาศกันเยอะเลย เราขออนุญาตถ่ายรูปในแปลงปลูกดอกไม้ ถามรายละเอียดราคา โน่นนี่ไปเรื่อย คุยกันไปสนุกดี เดินขึ้นไปจะเห็นน้ำสิริภูมิตกมาจากหน้าผาสูงชันแทรกอยู่กลางภูเขา แบ่งเป็นสองสาย พอเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดแปลงเกษตร มองลงมาอีกด้าน เห็นภูเขาหลายลูกซ้อนกัน มีหมอกเคลื่อนตัวผ่านภูเขาไป รูปถ่ายทุกรูปที่ได้ถ่ายจากที่นี่ไม่สวยเท่าที่ตาของเรามองเห็น เราเดินกลับสถานีเกษตรฯ โดยเข้าทางน้ำตกเดินลัดเลาะขึ้นไปตามเส้นทางด้านบนของทางศึกษาธรรมชาติ ที่ตลอดข้างทางมีท่อส่งน้ำขนานไปกับทางเดิน ลงไปทางด้านหน้าของสถานีเกษตรฯเพื่อไปกินข้าวกลางวันที่สโมสร เราเปิดดู application วัดระยะทางเดิน ไปกลับร่วมๆ 3 กิโลเมตร เดินเพลินมาก

    เดินออกมาเจอทุ่งดอกเดซี่

    พร้อมเดินครับ (หรือเปล่า) เบื้องหลังคนรู้ทัน

    ทางเดินชุ่มฉ่ำ

    โรงเรือนของชาวเขา

    เกษตรกรกำลังเก็บดอกเบญจมาศ

    เกษตรกรหนุ่มน้อยช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงาน

    น้ำตกสิริภูมิ

    คุณแม่ยังสาว

    มีน้ำอุดมสมบูรณ์

    เดินขึ้นเขามาเพื่อดูวิวแบบนี้

    โรงเรือนเต็มภูเขา

    ภาพถ่ายยังไม่สวยเท่าที่เราได้มองจริงๆ

    น้ำตกสิริภูมิ

    ต้นสตอเบอรี่

    ทางเดินต่อเพื่อขึ้นไปบนเขาอีกทาง

    วิวที่มองมาจากเขา

    ศาลของเกษตรกร ตั้งอยู่บนพื้นที่ทำกิน

    คุณแม่คุณลูก ที่เราขอถ่ายรูประหว่างทาง

    มัดดอกไม้เตรียมส่งขาย

    ใบไม้เปลี่ยนสี มีนิดหน่อยให้เราเห็น

    เส้นทางด้านบนของทางเดินศึกษาธรรมชาติ

     เส้นทางด้านบนของทางเดินศึกษาธรรมชาติ

    หน้าสโมสร เดินกลับมากินข้าวกลางวันที่นี่

    • โพสต์-6
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    วันที่ 2 เดินเที่ยวช่วงบ่าย

          ช่วงบ่ายก็เดินอีก ไปช๊อปที่จุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ช๊อปเสร็จก็ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมารับ เพราะต้องเดินเล่นต่อไปชมสวนดอกไม้ 80 พรรษา ในโซนโรงเรือนจัดแสดงพรรณไม้ เดินออกไปทางด้านขวาข้างๆ สถานีเกษตรฯเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านขุนกลาง ไปดูปลาเรนโบว์เทราต์ พื้นที่ติดๆ กันเป็นโรงเพาะกล้าพืชผัก โรงผลิตไม้กระถาง โรงผลิตเฟิร์น เข้าทุกโรงที่เขาเปิด ก่อนเข้า เราก็ต้องถามเจ้าหน้าที่ด้านในโรงเรือนก่อนว่าขออนุญาตไปชมได้ไหม เราเข้าไปชมทุกโรงเรือน ไปดูวิธีการปลูก ถามโน่นถามนี่ตามประสาคนช่างสงสัย ไปเจอคุณพี่ชาวเขาใส่ชุดประจำเผ่ากำลังดูแลต้นโรสแมรี่ เราเลยถามวิธีการปลูก เราบอกคุณพี่ไปว่าเราปลูกแล้วตาย คุณพี่หัวเราะคิกคัก เพราะจริงๆ แล้วโรสแมรี่ปลูกง่ายมาก แค่เอากิ่งมาชำก็ขึ้นแล้ว คุณพี่อธิบายได้ดี ต้องตั้งใจฟังหน่อย เพราะสำเนียงค่อนข้างน่ารักอาจไม่ค่อยคุ้นหูเรา

    ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์

    ภายในร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์

    ข้างร้าน

    เข้าสู่โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ

    โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ

    โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ

    โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ

    โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ

    สวนดอกไม้ข้างๆ โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ

    โรงไฟฟ้าบ้านขุนกลาง อยู่ติดกับถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    บ่อปลาเรนโบว์เทราต์ อยู่ข้างๆ โรงไฟฟ้าบ้านขุนกลาง

    ปลาเรนโบว์เทราต์

    โรงเรือนปลูกพืชผักต่างๆ ของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    โรงเรือนปลูกพืชผักต่างๆ ของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    ลำธารเล็กๆ ระหว่างทาง

    เบื้องหลังความสวยงามของต้นไม้ดอกไม้

    โรงเรือนปลูกพืชผักต่างๆ ของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    ชาวเขาที่ทำงานกับสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

    ผู้เชี่ยวชาญการปลูกโรสแมรี่

    โรงเรือนปลูกพืชผักต่างๆ ของโครงการ

    • โพสต์-7
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    เดินชมวิถีชาวเขา

          จากนั้นเราก็เดินออกจากสถานีเกษตรฯไปทางหมู่บ้านข้างๆ สถานีเกษตรฯ บ้านขุนกลาง เดินเลาะเลี้ยวไป เจอใครก็ทักก็สวัสดีไปตามเรื่องตามราว ชวนคุยแซวกันไปมา ขอถ่ายรูป ขอเข้าไปชมในบ้านบ้าง ก็ไม่ได้ว่าอะไร น่ารักกันดี เราตั้งใจเดินไปพิพิธภัณฑ์ชาวเขา คุณเพื่อนซึ่งเดินล่วงหน้าไปก่อน กลับมาบอกเราว่า พิพิธภัณฑ์ไม่เปิด ร้าง เราเลยเดินกลับ

    เดินออกมาจากหน้าสถานีเกษตรฯ จะเจอโบสถ์

    โรงเรือนของชาวเขา

    ป้ายบอกทางท่องเที่ยว

    เดินเข้าหมู่บ้าน

    วิถีชาวเขา

    วิถีชาวเขา

    วิถีชาวเขา

    เด็กน้อย

    กองฟืน

    • โพสต์-8
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    ศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยอากาเป้

          ระหว่างทางที่เดินกลับเราผ่านศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยอากาเป้ เรากับเพื่อนเดินเข้าไปด้อมๆ มองๆ เห็นลำธารผ่านตรงกลางเลยเดินไปดูเล่น เห็นบ้านพัก แล้วก็มีผู้ชายสองคนกำลังสร้างบ้านพักใหม่ เลยขออนุญาตเดินเล่น พอได้พูดคุยกันเลยรู้ว่าเป็นคุณหมอมนัส หมอแผนไทยของศูนย์ฯ นั่งเอง คุณหมอบอกว่าสร้างที่พักเพิ่มเอาไว้เป็นรายได้พัฒนาศูนย์ ที่พักของคุณหมอน่ารักดี ราคาหลักร้อยเท่านั้น ที่สำคัญมีลำธารใสแจ๋วอีกด้วย คุณหมอบอกว่า อากาเป้เป็นคำภาษากรีกหมายถึงรักไม่มีที่สิ้นสุด โรแมนติกไหมละ

    ลำธารในศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยอากาเป้

    บ้านพักที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวของศูนย์ฯ

    หมอมนัส

    เตียงนอนของบ้านพัก

     

          ออกจากศูนย์การแพทย์ก็เดินกลับสถานีเกษตรฯ เดินออกมาจากหมู่บ้านมาเรื่อยๆ ก็เห็นรถในสถานีเกษตรฯ คนขับเห็นพวกเราก็เลยจอดรับขึ้นไปสถานีเกษตรฯด้วยกัน วันนี้เราเดินจนเมื่อยก้นเพราะขึ้นลงเขาตลอดทาง เดินกันไปเกือบ 6 กม. กลับมาอาบน้ำกินข้าวเย็น นั่งคุยกันแซวกันไปตามประสาเพื่อนที่รู้ทันกัน พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับแล้ว 

    คุณพี่กวักมือเรียกขึ้นรถ

    ขอบคุณที่จอดรับค่ะ

    ได้เวลาอาหารเย็น

    คนเยอะน๊าาา

    สโมสรอินทนนท์

    • โพสต์-9
    JumPoon •  สิงหาคม 31 , 2559

    กลับบ้าน

          วันที่สาม วันสุดท้าย เราตื่นเช้าตามความเคยชิน ใส่เสื้อกันหนาวออกไปเดินเล่นที่สวน 80 พรรษา ไปดูในโซนที่เรายังไม่ได้ไป เป็นโรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงพันธุ์เฟิร์น แล้วก็เดินมากินข้าวเช้าที่สโมสร เช็คเอ้าท์จากสถานีเกษตรฯตอน 11.00 น.

    สวน 80 พรรษา

    สวน 80 พรรษา

    สวน 80 พรรษา

    สวน 80 พรรษา

    โรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงพันธุ์เฟิร์น

    โรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงพันธุ์เฟิร์น

    สวน 80 พรรษา

     

          นัดรถมารับไป อ.จอมทอง 11.30 น. ต่อรถสองแถวจากจอมทองเข้าเชียงใหม่ ต่อรถอีกครั้งไปสนามบินเชียงใหม่ เช็คอินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย เคลียร์ค่าใช้จ่ายกันกับเพื่อนที่เราวางเงินกองกลางกันไปคนละ 1,500 บาท เหลือทอนคนละ 200 บาท สรุปใช้จ่ายกันไปคนละ 1,300 บาท รวมค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป 4,663 บาท (ค่าเครื่องบินไปกลับ ค่าที่พัก ค่าเดินทางในเชียงใหม่ ค่าอาหาร) เรากลับเที่ยวบินแอร์เอเซีย FD-3426 เวลา 15.50 น. ถึงดอนเมือง 17.10 น. เรากับเพื่อนแยกย้ายกันที่นี่ เพื่อนทั้งสามอยู่กรุงเทพฯ ส่วนเราอยู่บ้านนอกต้องเดินทางต่อ เราขึ้นรถเมล์สายพิเศษหน้าสนามบิน สาย A1 ไปหมอชิตใหม่ นั่งรถตู้กลับศรีราชา ถึงศรีราชาตอนสามทุ่ม เดินทางตลอดทั้งวันอ่อนเพลียมากมาถึงอาบน้ำนอนเลย ถึงแม้จะเพลียมากกับการเดินทาง แต่ก็คุ้มที่ได้ไปเยือนสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์โดยเฉพาะไปกับเพื่อนที่รู้ทันกัน มีวีรกรรมและได้หัวเราะตลอดการเดินทาง แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ

    เดินตามก้นเพื่อนขึ้นรถกลับบ้าน

    แอร์เอเซีย FD-3426

    นั่งรถเมล์สายพิเศษไปลงหมอชิต

    ถึงเมืองกรุงฝ่าการจราจรนั่งรถกลับศรีราชา

    • สิ ริ  ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆๆมาให้ชมนะคะ สวยและบรรยากาศดีมากมีครบทุกอย่าง มีโอกาสต้องไปแน่นอน ไปแต่ดอยอินทนนท์ค่ะ 07 ตุลาคม 2560 08:11:37