B a c k p a c k e r ต่ า ง แ ด น ค รั้ ง แ ร ก กั บ ค ว า ม โ ช ค ดี ที่ ไ ม่ รู้ จ บ ใ น ป ร ะ เ ท ศ ล า ว

สวัสดีครับ ผมชื่อเอสนะ เป็นนักเดินทาง ตอนนี้กำลังเดินทางพิชิตประเทศไทยอยู่ และก็กำลังเก็บทำเดินทางรอบโลกอยู่ครับ เอาล่ะรู้จักกันแค่นี้ก็น่าจะพอล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

ทริปนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปที่ประเทศลาวเป็นเวลา 4 วัน 3 คืน และนี้คือเรื่องรางทั้งหมดของผม 

 

Day 1. Backpacking

 

14.7.15 เช้าวันแรกของการเดินทาง เราเลือกที่จะนั่งเครื่องบินไปลงอุดร

เราถึงสนามบินอุดรกันในเวลา 7.45 แล้วรีบมุ่งตรงไปขึนรถทันที เป็นอะไรที่โชคดีมากเพราะ 1 ในสมาชิกผู้ร่วมเดินทางไปกับผมคราวนี้เป็นคนที่นี้ จึงมีญาติมารับเพื่อไปส่งที่ด่านประเทศลาว

ถึงแล้วววววววววววววววววว ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว การเดินทางครั้งแรกของการออกนอกประเทศ โอ้ยยตื่นเต้นโว้ยย แต่ก่อนหน้านั้นขอไปทำเรื่องผ่านด่านก่อนนะ

พอทำเรื่องผ่านด่านเข้าประเทศเสร็จ เราก็รีบไปต่อคิวขึ้นรถข้ามฟากกันเลย รถคันนี้อยู่ที่ ราคา 10-15 บาทนะแจ๊ะ สภาพรถใหม่มาก คล้ายกับ บขส บ้านเรา
แต่โอ๋ะ!!! ปวดท้องอ่ะอยากเข้าห้องน้ำ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะเพื่อนรอตรงนี้แป๊บ....และพอกลับมาอีกที รถก็ไปสะแล้ว เราจึงต้องรอรถข้ามฟากคันใหม่ ซึ้งขุนพระ!!! สภาพเป็นรถเก่าๆเล็กๆ โอโห มันใช่อะ แบบนี้เลยที่เหมาะกับการเดินทาง เยี่ยมเลยย ขอบคุณที่พลาดโอกาศขึ้นรถคันที่แล้ว

เมื่อข้ามมาถึงฝั่งลาวแล้ว ก็มีนายหน้ารถตู้ตามปกตินั้นแหละ มานู้นนี้นั่นถามหารถมั้ย แล้วก้ตามเรา บลา บลา บลาาาาา ก็เลยอ่ะๆ ขึ้นก็ได้เราไม่รู้วิธีไป บขส เพื่อตรงขึ้นไปหลวงพระบางอยู่แล้วนี้นา เค้าเก็บเราคนละ 150 แต่ก็นะ นั่งเพลินๆอ่ะ แอร์กลางๆ แต่คุณลุงคนขับทำหน้าที่ดีมาก ขับไปอธิบายเราไปว่าความเป็นมาของที่นี้เรียกว่าอะไรยังไง ถามอะไรก็ตอบได้อยางมีความรู้แบบไกด์เลยแหละ ผมเลยรู้สึกว่าโอเคนะกับราคาที่จ่ายไปไม่ซีเรียสเพราะยังไงก็เรียกเงินคืนมาไม่ได้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ

นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึง บขส สายเหนือของ นครหลวงเวียงจันทร์ เอ๊าละหาอะไรใส่ท้องหน่อยดีกว่า ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย หิวโคตร!!! และนี้ก็คือกับข้าวมื้อแรก ผัดอะไรก็ไม่รู้ กับหมูทอด ที่แข็งยิ่งกว่ากระดูกต้นขาของ แร็ปเตอร์ - -

เมื่อกินเสร็จก็ไปซื้อตั๋วโดยสารขึ้นหลวงพระบางกันเลย ตั๋วราคาประมาณ 500 บาท #ลืมถ่ายรูปป่ายราคาตั๋วมาเฉย ฮ่าๆๆๆ

เหยดดดดด รถเจ๋งอะ ให้ถอดรองเท้าขึ้นด้วย พอขึ้นไปก็ ป๊ะ!!! ตกใจมาก เป็นรถนอน เห้ยเท่ห์วะ นอนตลอดการเดินทางเลยอ่า

รถแล่นผ่านวิวต่างๆ ทั้งเมือง และป่า ผ่านถนนหนทางทั้งสวยและธรรมดา ผ่านฝน ผ่านแดด จนกระทั้งขั้นมาถึง รถที่เรานั่งมาเกิดเสียอยู่ที่หมู่บ้าน "ภูคูณ" ซึ่งมีอากาศที่เย็นและดีมาก สอบถามพี่คนขับรถได้ความว่า หมู่บ้านนี้เย็นตลอดปี อื๊มมม เป็นอะไรที่อันซีนมาก บอกเลยว่าถ้ามีโอกาศอยากจะแวะอยู่ที่หมู่บ้านนี้นานๆ มันคือบรรยากาศที่ต่อให้บรรยายยังไงก็ไม่เท่าการที่คุณได้ไปสัมผัสมันเอง

เอาหล่ะ รถซ่อมเสร็จ เราก็เดินทางกันต่อ...เรื่องราวของมันก็ไม่ต่างจากตอนต้น ได้แต่มองวิวผ่านหน้าต่าง สังเกตอิริยาบถต่างๆของผู้คนที่อยู่บนรถ จนกระทั้ง เราก็มาถึงจนได้ จุดหมายแรกของเรา "หลวงพระบาง" เวลาตอนนี้ก็ จะ 5ทุ่มแล้ว โอ้ยยพระเจ้า นั่งรถกันมาถึง 13 ชั่วโมง เฮ้อออออ ชีวิตเปลี่ยนจริงๆ

ผมและเพื่อนนัดโรงแรมมารับตอน 2 ทุ่ม แต่นี้มันเรทมากแล้ว ก็เลยต้องหารถไปเอง แต่ด้วยราคารถแถวนั้นที่มาดักรอนักท่องเที่ยว แน่นอนเค้าย่อมชาจราคาอยู่แล้ว ผมกับเพื่อนเลยทำอย่างที่ถนัดคือการผูกมิตร์กับคนใหม่ๆจะได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน และที่สำคัณมันประหยัดด้วย :D  และเราก็เจอ เป็นคนไทย 2 คนที่มาด้วยกัน คุยไปคุยมาได้ความว่าเค้าพักที่ใกล้เราเลย อื๊มดีสิงั้นติดไปด้วยกันเลยจะได้ถูกลงอีก  และก่อนหน้าที่ผมจะขึ้นรถไปนั้นเอง ก็เห็นกลุ่มนักเดินทางชาวเกาหลียืนเก้ๆกังๆอยู่ เลยเข้าไปคุยกับเค้าว่าไปด้วยกันมั้ยอะไรยังไง และก็แน่นอน พวกเราก็เลยตกลงไปด้วยกัน จริงๆ

ในที่สุดเราก็ถึงที่พักที่เราจองไว้ซักที แอบกระซิบว่า นี้คือโชคดีที่สุดเลย เจ้าของที่พักที่นี้คือน้าของ 1 ในผู้ร่วมเดินทางกับเราในครั้งเลย ก็เลยได้พักฟรี  เย้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ฟินไปเลยครัชชชช

และนี้คือโฉมหน้าที่พักของเรา ใครมีโอกาศลองไปใช้บริการนะ ดีมาก เป็นกันเองสุดๆ ชื่อ Villa Nagara

https://www.facebook.com/pages/Villa-Nagara-Luang-Prabang-Page/133713766684512 ใครกำลังหา โรงแรมดีๆเป็นกันเองใน หลวงพระบางลองไปใช้บริการดูนะครับ :D  #ขายของให้เค้านิดนุงงง
 

เฮ้อออเหนื่อยจัง วันแรกมีแต่การเดินทาง ไหนลองเปิดตู้เย็นมาดูสิว่ามีอะไรดื่มบ้าง  โอ๋ะ!!!!!!! เบยลาวววววว ขอลองหน่อยละกัน 

อร๊อยยยยยยย อาหย่อยนะเนี่ยยย แต่อ๊าาาา เหนื่อยแล้วอ่า วันนี้ขอนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ พรุ่งนี้มีอะไรก็จัดมาให้หนักๆเลยนะ "หลวงพระบาง"

มาต่อกัน ในวันที่ 2 เลยดีกว่า :D

Day.2 : LifeStyle

เช้าวันที่ 2 ของการออกเดินทาง ตื่นมาพร้อมกับความเมื่อล้าไปทั้งตัวจนแถบจะไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย แต่ก็นะ เรามาเที่ยวนี้นาถ้าเราจะมานอนแช่อยู่บนเตียงทั้งวัน จะออกจากบ้านมาทำไมกันล่ะจริงมั้ย แผนการเดินทางของเราในวันนี้คือ ออกไปแลกตังจากเงินไทยเป็นเงินลาว และปั่นจักรยานรอบเมืองชมวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบางก่อนแล้วพอ 11 โมงกลับมาที่พักเพื่อเตรียมขึ้นรถที่จะไปน้ำตก กวานสี กัน และตกเย็นค่อยมาเดินตลาดกลางคืน คิดได้ดังนั้นก็รีบลุกจากเตียงไปทำทุระส่วนตัวแล้วลงไปทานอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดเตรียมเอาไว้ให้

แม้จะเป็นเวลาสายๆแล้ว แต่เมื่อได้นั่งจิบกาแฟหอมๆผ่านหน้าต่างที่มีแสงลอดเข้ามา มันช่างเป็นอะไรที่สดชื่อดีสะจริงๆ

และก็ได้เวลาที่เราจะเริ่มออกไปชมเมืองกันซักที นี้คือโฉมหน้าจักรยานของทางโรงแรม น่ารักอะมีที่ล๊อคล้อหลังด้วย และก็ไม่ได้ปั่นจักรยานแม่บ้านแบบนี้มานานแล้ว ฮ่าๆๆ #ตอนอยู่ในเมืองผมใช้จักรยานเป็นชีวิตประจำวัน และเดินทางไป ตจว อยู่แล้วด้วย เจ้าจักรยานเลยเป็นอะไรที่ผมชอบพอสมควร

เริ่มออกปั่น เป่าหมายแรกของเราคือธนาคาร ฝรั่ง  คนที่นั้นเค้าเรียกกันแบบนั้นหน่ะ

ปั่นไป ผ่านวัดต่างๆไป จนมาถึงธนาคารฝรั่งจนได้ ถึงกระนั้น อย่าช้าอยู่เลย รีบแลกตังเถอะ ขืนใช้ตังไทยแบบนี้ไม่ดีแน่

เหยดดดดด อย่างรวยอ่า เงินเป็นฝ่อนเลย   ทริปนี้ผมแลกเงินเพียงแค่ 777,000 หรือตีเป็นเงินไทยคือ 3,237  บาท จริงๆแลกไป     วิธีคิดคือ ค่าเงินจาก บาท เป็น กรีบ คือ  ตัวเลขเงิน บาท x 240 = เงินกีบ  เช่น  1,000 บาท x 240 = 24,0000 กีบ ถ้าจะคิด กรีบเป็นบาท ก็เหมือนกัน แค่เปลี่ยนจาก x เป็น หาร เข้าใจตามนี้นะงับ

แลกตังเสร็จแล้วก็รีบออกไปปั่นจักรยานต่อ เพราะนี้มันเริ่มจะสายมากแล้ว เดี๋ยว 11 โมงก็ต้องรีบกลับไปที่พักแล้ว หากรถตู้มารับไม่เจอจะอดไปเที่ยวน้ำตกกันพอดี

สถานที่แรกที่เราไปนั้นคือ ราชวังหลวงพระบาง  สำหรับผม มองว่าที่สถาปัตยกรรมของที่นี้ออกแนวคร้ายๆกับเมืองล้านนา และที่สำคัญเลยเรื่องมารยาทเค้าดีมาก อยู่ในนี้เงียบถึงเงียบที่สุด ทำให้ผมได้ซึมซับบรรยากาศได้เต็มที่สุดๆไปเลย

ฟิลมันได้ ขอซักรูปละกันและในขณะที่เรากำลังเพลินกับการเดินชมวัดอยู่นั้น มองดูนาฬิกาก็จะ 11 โมงแล้ว เราจึงรีบกลับไปที่จักรยานเพื่อปั่นกลับที่พัก เพราะถ้าเกิดคราดกับรถตู้จะแย่

พอถึงที่พัก รถตู้ก็มารอเราอยู่ก่อนแล้ว พวกเราจึงรีบเก็บจักรยานแล้วกระโดดขึ้นรถตู้เพื่อมุ่งหน้าไปที่น้ำตก "กวานสี" กันเลยยยย

นั่งรถมาประมาณ 30นาที ก็ถึงน้ำตกซักที แล้วความคิดแรกของผมก็คือ  เหยดดดดดดดดดดดด คิดว่าวังตะไคร้บ้านเรา ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ฟิลมันใช่มากอ่า

หิวอ่าา หาอะไรกินก่อนขึ้นน้ำตกกันดีกว่า มาถึงลาว ต้องกินของลาววว เด๊ยวจะสั่งส้มตำคอหมูย่างกินให้สะใจเลย  พอเดินเข้าไปสั่งในร้าน เอิ่มมมมมม ไม่มีคอหมูย่าง ฮ่าๆๆๆๆ

แต่ไม่เป็นไร งั้นสั่งอะไรที่ เบสิคๆ ละกัน เมนูก็ดังนี้

น๊อวววว ลาบใส่ถั่วงอกด้วยอ่าา ไม่เคยกินนน ไหนลองสิ... อะหืมอร่อยนะเนี่ย แต่เผ็ดไปหน่อยยย #ไม่เป็นไรชอบกินเผ็ดอยู่แล้ว   ส่วนส้มตำ รสชาติเฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้วมาก อร่อยจริง  และไก่ย่างหนังได้กรอบมากจัดว่าได้อยู่  ส่วนปลาาา....ให้จินตนาการเป็นหมากฝรั่งรสชาติย่างก็แล้วกันนะ ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ใหวจริงๆ

กินไปเพลินๆก็แอบมองสาวเกาหลีข้างหน้าไปด้วย ต้าล้ากกกกกก

เอาหล่ะกินอิ่มก็เช็คบิลเลยลูก ไหนดูสิราคาเท่าไหร่... แหก!!!! นี้กินส้มตำหรือซื้อหุ้นนน แต่ก็นะเข้าใจสถานที่ท่องเที่ยวอ่า

เอาหล่ะ เข้าไปในน้ำตกกันดีกว่า ชักช้าอยู่ใน  อุ๊ยยย มือลั่น มือนี้ไม่รู้เป็นไร เจอฝรั่งทีไรลั่นทุกที แฮ่ะๆ

และนี้คือราคาค่าเข้าน้ำตกนะครับ T^T จ่ายสิ จ่ายยยย

ระหว่างทางเดินเข้าน้ำตก จะมีเป็นกรงหมีน้อยให้ชมด้วย แต่ผมไม่ได้ถ่ายมาเพราะคิดว่ามันก็เหมือนสวนสัตว์บ้านเราอ่า เฉยๆ แต่ชอบถ่ายอิริยาบถของมนุษย์มากกว่า สนุกดี

พอเดินเข้ามาถึงด้านใน โว้ววววว ไม่ธรรมดานะเนี่ย น้ำใสมาก สวยจริงสมคำล่ำลือ เยี่ยมๆ งั้นขอถ่ายภาพหนักๆหน่อยละกันนะ

และในระหว่างที่ผมกำลังถ่ายภาพอยู่นั้นเอง ก็มีฝรั่ง คู่แฟนกันเค้ามาขอให้เพื่อนผมถ่ายรูปเค้าให้ แน่นอนเพื่อนผมก็ถ่ายให้ แต่ผมเห็นแล้วหล่ะว่ามันย้อนแสง #เพื่อนผมไม่ได้เป็นเรื่องภาพเลย  ผมเลยบอก เด๊ยวผมถ่ายให้ดีกว่า #ถือโอกาศโชว์ของเบย  ผมก็ถ่ายให้เค้าและก็เลยถือโอกาศบอกเค้า ผมเป็นช่างภาพ ผมขอถ่ายภาพพวกคุณด้วยกล้องของผมได้มั้ย  เค้าตอบอย่างเร็วว่าแน่นอนสิ จะถ่ายแบบไหนหล่ะ ผมถามเค้าว่าเป็นคนที่ไหน เค้าตอบว่า อิตาลี  อื๊มม ประเทศนี้ต้องจูบ! ผมเลยให้เค้าจูบกันได้มั้ย แล้วผมจะถ่ายให้ และสิ่งที่ผมได้มาก็คือ... ภาพนี้

เค้าชอบมาก เราจึงแลก E-Mail กัน แล้วเค้าขอให้ผมส่งภาพนี้ให้เค้าทาง E-Mail  หลังจากนั้นเราก็ได้ทำความรู้จักกันพอสมควร และก็แยกย้ายกันไปเที่ยวถ่ายภาพของตัวเอง

และในขณะที่ผมกำลังเพลินอยู่กับการถ่ายรูป ก็มีเจ้าผีเสื้อตัวน้อย บินมาเกาะที่ขาของผม :)  มันช่างเป็นเวลาที่แสนมีความสุขและยากจะหาสิ่งใดมาเทียบจริงๆ

มองดูเวลา ก็เริ่มจะเย็นแล้ว ได้เวลาที่รถตู้จะมารับเรากลับแล้ว ผมจึงเดินออกไปขึ้นรถตู้เพื่อกลับไปหลวงพระบาง ขณะนั้นเวลา 14.50 เรานัดรถตู้เอาไว้ 15.00 

และก็ถึงเวลาที่นัดกันไว้ เราและขณะขึ้นรถกลับหลวงพระบางกัน เพื่อจะไปขึ้นพระธาตุ และเดินตลาดกลางคืน
 

ถึงหลวงพระบางปุป ผมและเพื่อนเห็นแล้วว่าตลาดยังตั้งไม่เสร็จเลย งั้นเราขึ้นไปพระธาตุกันก่อนเลยดีกว่า เห็นได้ข่าวมาว่ามีปิดด้วย ผมเลยเดินไปพลางถ่ายรูปไปพลาง ก็ได้ฟิลยามเย็นดีเหมือนกัน

และตอนที่เรากำลังเพลินกับบรรยากาศ เวลาก็ล่วงเลยผ่านมา พวกเราเลยคุยกันว่า ลงไปเดินเล่นดูวิวริมโขงตอนเย็นดีกว่า น่าสนใจดีนะ

และนี้คือภาพที่ผมชอบที่สุด นักท่องเที่ยวสาว 2 คน กำลังถามข้อมูณกับพระหนุ่มเรื่องอะไรซักอย่าง ซึ่งพระหนุ่มก็ไม่ธรรมดาเลย พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟตอบได้ทุกอย่าง คุยเล่นกันเหมือนเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่ก็มีระยะห่างของศาสนา ของข้อปฏิบัติต่างๆ เป็นอะไรที่ผมประทับใจมากจนทำให้ยืนมองอยู่นานสองนานเลยทีเดียว

และต่อไปนี้จะเป็นภาพบรรยากาศของเมืองหลวงพระบาง ผมจะไม่บรรยายใดๆไปซักพัก จะปล่อยให้ภาพถ่ายมันทำหน้าที่บรรยายตัวมันเองครับ

นี้คือร้านที่ผมชอบที่สุดในเมืองเลย เป็นร้านผ้าไหมที่ทำขายเป็นแบรนด์ซึ่งมีราคาพอสมควร แต่การจัดร้านและสไตล์ของเค้า Art มาก ให้ผมอยู่ในนี้ ผมอยู่ได้ทั้งวันอะบอกตรงๆ

เดินกันเพลินๆ ตลาดเย็นก็เปิดแล้ว อ๊าา แต่หิวอ่า ก่อนเข้าไปเดิน ขอหาอะไรกินก่อนดีกว่า ร้านน้ำเยอะแหะ ไหนขอลองหน่อยสิ น้ำนี้มันแปลก น้ำมิ้นอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้ แต่รสชาติดีมาก หอมสุดๆ ใครไปลองได้ครับๆ แนะนำๆ

กินกับเจ้านี้เลย อาหารขึ้นชื่อของประเทศลาว จี่ปาเต้  จัดว่าเด็ดนะ SubWay ชิดซ้ายอะ ที่สำคัญนะ ถูกมาก ฮ่าๆๆๆ 10,000 กีบเอง  แต่ผมเพิ่มแฮมไปด้วยก็เลยเป็น 15,000

กินกันอยู่เพลินๆ ก็เลยเดินตลาดสะเลยยยย ชิวๆ ของขายก็เรื่อยๆนะ จำพวกของฝาก ผ้า ต่างๆส่วนใหญ่จะซ้ำๆกันหมดเลย แต่กำลังสวยถึงราคาจะแรงแต่ผมนี้ยอมโดนเลย1อัน 

และก็มาถึงจนได้ ซอยแห่งของกินนนในตำนาน ซึ่งในซอยนี้จะไม่มีอย่างอื่นเลยนอกจากของกินล้วนๆ และซอยนี้จะเป็นจุดรวมตัวของนักเดินทางต่างๆ บางคนก็มาด้วยกัน บางก็ก็พึ่งมารู้จักกัน ส่วนบางคนก็แค่มาหาเพื่อนดื่มในนี้เท่านั้น เป็นภาพอีกภาพนึงที่ผมชอบมากเลยจริงๆ แต่ไม่ได้ถ่ายมาเพราะฝรั่งนั้นเค้าไม่ค่อยชอบให้ใครมาแอบถ่ายโดยไม่ขออนุญาติ ซึ่งในนี้ก็คนเยอะเกิน ผมขี้เกรียจมาขอถ่ายภาพทีละคน ก็เอาเป็นว่าเท่านี้ละกันเนอะ

เดินเข้ามาซักพักก็เจอร้าน เฝอคุณป้าที่ดูบ้านๆมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย พวกผมเลยขอจัดซักจานหล่ะ แบบชาวบ้านๆเงี้ย ชอบ กลิ่นนี้หอมมากกก แล้วจานก็ใหญ่ด้วย แต่ไม่รู้ทำไม พยายามถ่ายภาพอยู่นานมาก ไม่ชัดซักที สงสัยจะหิวจนมือไม่นิ่งละมั่ง ฮ่าๆๆๆ
กินอิ่มก็ออกมาเดินหามุมสูงๆเก็บภาพตลาดมืดก่อนกลับดีกว่า

เอาล่ะ มองดูเวลานี้ก็จะ 5 ทุ่มแล้ว กลับที่พักดีกว่า พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้ามาใส่บาตร  พอถึงที่พัก ผมก็เห็นวิวสะพานด้านหน้ามันสวยดีรึเกิน อย่ากระนั้นเลย ขอถ่ายภาพสุดท้ายก่อนนอนคืนนี้หน่อยก็แล้วกัน 

Day 3    Shambhala

เช้าวันที่ 3 ผมนัดกับเพื่อนว่าเช้าจะตื่นมาใส่บาตรด้วยกัน ผมก็เลยตั้งนาฬิกาปรุกไว้ 6โมงเช้า แต่ที่นี้เค้าใส่บาตรกันตอนตี 5 T^T พลาดสะแล้วววว  แย่จริงๆ แต่ก็นะ ทำอะไรไม่ได้และผมก็มีนัดกับพี่รถตู่ต้องมาขึ้นรถตอน 9.30 ด้วยสิ ดังน้นขอใช้เวลาตอนนี้เดินตลาดเช้าดูเมือง หลวงพระบางยามเช้าก็แล้วกันนะ 

บรรยากาสของตลาดเช้าที่นี้ก็ไม่ต่างอะไรจากบ้านเรานัก อารมณ์คร้ายๆกับต่างจังหวัดเล็กๆ แต่ที่เป็นอะไรที่น่าตื่นใจเลยก็คือ ของป่าของที่นี้ หลายอย่างเราไม่อาจเจอได้ถ้าไม่ได้อยู่ในจังหวัดที่กันดารจริงๆ แล้วก็พวกเป็นไก่ขายกันสดๆ ไอ้สดที่ผมว่าเนี่ยคือมันยังร้องก๊าบๆอยู่เลยนะ