ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ฮอด-แม่สะเรียง-แม่ลาน้อย-ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน-ปาย-ท่าแพ ตะลอนทัวร์ รัว รัว ยาว 7 คืน สะพานซูตองเป้ (Zutongpae Bridge) จ.แม่ฮ่องสอน
    • โพสต์-1
    Ajung •  มกราคม 02 , 2559

    ทริปใหญ่ปลายปี เราเลือกไปแม่ฮ่องสอน เที่ยวซอกซอนแบบละเอียดยิบๆ

    ติดตามการท่องเที่ยวของข้าพเจ้าได้ที่ page FB : ลากแตะไปแชะฝัน

     

    เพิ่งกลับมาจากทริปยาวเจ็ดคืนแปดวัน รู้เลยว่านอนไม่พอ กลับมาบ้านนี่หัวถึงหมอนเป็นหลับทันที เพราะเวลาเที่ยวนี่จะนอนดึกแต่ต้องตื่นเช้า และเป็นการตื่นที่สดชื่นมาก คือพร้อมไงพร้อมที่จะเดินทางไปตามที่ต่างๆ กับที่ใหม่ๆ ในทุกๆวัน พร้อมกล้องคู่ใจ ไปไหนไปกันเหมือนเป็นเพื่อนรู้ใจกันไปแล้ว ทริปนี้ไปกับเพื่อนสองคนค่ะ การเดินทางโดยเครื่อง thai smile เครือเดียวกับการบินไทย จองในราคาปกติคือ 2,780 บาท ทั้งขาไปและกลับ เครื่องออกเวลา 6.50 น. ของวันที่ 25 ธค. 2558 ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่เวลา 8.00 น.

    ไกด์มารับเราตรงเวลาค่ะ เราเหมารถ (อแวนซ่า) พร้อมไกด์ในราคาวันละ 1600 ไม่รวมน้ำมัน และเราต้องเหมาเขาเป็นเวลา 7 วัน ก็คูณไปสิ งานนี้ใช้เงินเยอะมาก แต่เป็นเงินที่เก็บไว้สำหรับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว การเก็บเงินถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนชอบเที่ยวนะ เพราะเวลาอยากไปไหนเราก็ไปได้เลย ไม่ต้องมาห่วงว่าอยากไปโน่นนี่แต่ไม่มีตังค์ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปไหนซักที

     

    เริ่มสถานีแรกกันเลยไม่รอช้า ที่ "อุทยานแห่งชาติออบหลวง"

    จากตัวเมืองเชียงใหม่ แล่นมาตามทางหลวงหมายเลข 108 สายฮอด-แม่สะเรียง ตรงหลักกม.ที่ 17 รวมระยะทางประมาณ 105 กม. ระยะทางระหว่าง อ.ฮอด ถึง ออบหลวง นั้น ถนนจะเลียบขนานไปกับแม่น้ำแม่แจ่มหรือแม่น้ำสลักหิน

    คำว่า "ออบ" แปลว่าช่องแคบ "หลวง" หมายถึง ใหญ่ "ออบหลวง" จึงหมายถึงช่องแคบหินขนาดยักษ์ที่มีแม่น้ำแม่แจ่มไหลผ่านช่องแคบตรงช่องเขาขาด ซึ่งมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน ทำให้แม่น้ำมีความเชี่ยวกราก ไม่เหมาะแก่การลงไปเล่นน้ำเด็ดขาด

    ปกติราคาเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่อยู่ที่ 20 เด็ก 10 บาท แต่ในวันที่ไปได้ราคาลด ผู้ใหญ่เหลือ 10 บาทเท่านั้น 5555 ดีใจหลาย

     

    สถานีต่อไป สวนสนบ่อแก้ว

    ยังคงอยู่ในเส้น ฮอด-แม่สะเรียง กม.ที่ 36 สวนสนบ่อแก้วหรือนามิเมืองไทย เป็นพื้นที่ทดลองปลูกสนภูเขา เพื่อหาพันธุ์ที่เหมาะสมมาเป็นไม้เบิกนำเพื่อปลูกบนป่าเสื่อมโทรมบนดอยทางภาคเหนือ ซึ่งสนที่นำมาปลูกมีอายุกว่า 40 ปี

    สถานีที่ 3 พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง เป็นสถาปัตยกรรมไทใหญ่ อยู่ติดถนนทางหลวงหมายเลข 108 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ภายในเป็นการจำลองวิถีชีวิตของชาวแม่สะเรียง ชาวกะเหรี่ยงหรือปกาเกอะญอ ที่อาศัยอยู่ตรงต้นน้ำสาละวิน อาชีพหลักคือการทำนาขั้นบันไดและทำไร่หมุนเวียน

    สภาพที่เห็นนี้คือหลังจากโดนไฟไหม้เผาวอด ยังความเสียใจของคนแม่สะเรียง สำหรับความรู้สึกนั้นไม่สามารถประเมินราคาได้ สาเหตุคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เลยอดชมความงามด้านในเลย เสียดายอะ

     

    สถานีที่ 4 จุดชมวิวแม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย เป็นที่อยู่อาศัยของชาวกะเหรียงสายพันธุ์ปกาเกอะญอ

     

    สถานีที่ 5 อนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น อ.ขุนยวม ยังคงอยู่บนเส้นทางหลวงหมายเลข 108 ค่าเข้าชมแอบแพงนิหน่อย 40 บาทแน่ะ

    เป็นสถานที่รวมศิลปะวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวขุนยวม อาวุธ เครื่องมือของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

    เครื่องแบบทหารญี่ปุ่น เรียกกันในกองทัพว่าแบบ ๙๘

     

    และแล้วก็มาถึงรีสอร์ท คืนนี้เราพักนอนกันที่นี่ "บ้านเคียงดอย" อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพียง 4 นาที อยู่บนเส้นทางหลวง 108 นั่นแหละ ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน

    บรรยากาศเขาก็น่าอยู่ดีนะ

     

    ห้องที่จองไว้คือบ้านประดู่ ห้องนี้ 1,000 บาท มีสองเตียง เล็กอัน ใหญ่อัน มีทีวี ตู้เย็น แอร์แต่ไม่เปิดเพราะมันหนาว 

    ห้องน้ำในตัว อืม..ราคานี้ถือว่าไม่แพง ไม่มีอาหารเช้านะ แต่เผอิญว่ามีคณะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่มานอนพัก เขาเลยมีบริการมื้อเช้าให้ ไอ้เราก็เลยได้รับทานไปด้วยเลย ถือว่าโชคดี 555555

    หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ยังมีแรงมาเดินถนนคนเดินในเมืองแม่ฮ่องสอนต่อ ยังไม่เหนื่อยจ้า ได้อยู่ ตรงถนนคนเดินมีวัดสวยงามด้วยชื่อว่า "วัดจองกลาง" เป็นวัดที่เป็นสัญญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองนี้

    ทำบุญด้วยการลอยเคราะห์หรือลอยเพื่อโชคลาภก็ได้ ชุดละ 99 บาท

     

    และตบท้ายด้วยมื้อดึกก่อนกลับรีสอร์ทไปพักผ่อนเสียที วันแรกก็เที่ยวเยอะขนาดนี้ละ เก็บไว้เที่ยวพรุ่งนี้บ้างเน้อ...
    • โพสต์-2
    Ajung •  มกราคม 03 , 2559

    วันที่ 2 ของทริป (เสาร์ 26 ธค.58)

    ตื่นเช้ามาก็เจอภาพนี้

    สถานีแรกที่วัดหัวเวียง

     

    เจ้าถิ่นยังนอนอาบแดดแก้หนาว สบายจริงเนาะ

    วัดหัวเวียง ตั้งอยู่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน มักใช้เป็นที่จัดงานประเพณีของชาวไทยใหญ่ เช่น ออกพรรษา หรืองานปีใหม่

     

    สถานีที่ 2 สะพานซูตองเป้ หรือสะพานแห่งศรัทธา

    ตั้งอยู่ที่บ้านกุงไม้สัก ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวเมือง 8 กม.  

    เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในไทย คือ 500 เมตร  

    เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของพระภิกษุ สามเณร และชาวบ้าน ช่วยกันสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสะงาและทุ่งนาของชาวบ้าน

    เป็นสะพานเชื่อมทางสัญจรให้เกษตรกรได้เดินผ่าน ชาวบ้านได้เดินข้าม

    พอข้ามสะพานมาถึงหมู่บ้าน เดินเลยมาหน่อยจะพบเจอกับวัดกุงไม้สัก  

     

    สถานีที่ 3 ถ้ำปลา  

    ลำน้ำหน้าถ้ำปลาเป็นลำน้ำที่ไหลออกมาจากภูเขาหินปูน

    ระบบนิเวศนี้เหมาะแก่การอาศัยและขยายพันธุ์ของปลาพลวงหิน

    มื้อเที่ยง ไก่ครึ่งตัว 100 บาท  

     

    วุ้นเส้นต้มยำ 40 บาท เยอะนะแต่ไม่อร่อยอะ   

     

    สถานีที่ 4 ภูโคลน

    เราสามารถแช่เท้าด้วยน้ำแร่ร้อน 20 บาทจ้ะ  

     

    พอกผิวหน้าด้วยโคลนก็ได้นะ 80 บาท 15 นาที


    สถานีที่ 5 ห้วยเสือเฒ่า

    เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ที่นี่มีการขายของที่ระลึก เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ


    สถานีที่ 6 วัดพระธาตุดอยกองมู หรือวัดปลายดอย ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน

    ภายในวัดมีร้านกาแฟร้านนึงชื่อ "ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา

    ที่ร้านนี้เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกดิน ด้วยวิวที่เป็นเทือกเขาสลับทับซ้อน ไล่จากสีเข้มไปสีอ่อน บวกกับท้องฟ้าที่สีจัดจ้านตอนตะวันลับเหลี่ยมไปแล้ว

    กาแฟที่นี่เขาอร่อยโคตรๆ

    ลับเหลี่ยมเขาแล้วจ้า ไงล่ะสวยสมชื่อร้าน

    ตะวันจากลาไปแล้ว มาโฟกัสที่พระธาตุเจดีย์กันต่อ

    พระธาตุเจดีย์มีสององค์คือพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างเมื่อ พ.ศ.2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระมหาโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากพม่า

    พระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ.2417 โดยพญาสีหนาทราชา เจ้าผู้ครองเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก

    สถานีก่อนนอนคืนนี้คือถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่ที่ริมวัดจองกลาง-จองคำ เป็นถนนคนเดินสายสั้นๆ เริ่มห้าโมงเย็นถึงสี่ทุ่ม จุดเด่นของที่นี่คือมีชาวไทใหญ่ ชาวเขา มาขายสินค้าพื้นบ้าน

    มีสถานที่แฮงเอาท์ด้วยง่า

     

    นั่งกินไก่ริมน้ำก่อนกลับ

     

    คืนนั้นพระจันทร์โตโต

    มีที่พักติดถนนคนเดินด้วยนะ ที่เห็นนี่โรงแรมใบหยก อยู่ตรงข้ามถนนฯ เลย

    โรงแรมงามตา ห้องละ 2000 นอนได้ 3 คน เคเดินเหนื่อยละ กลับไปนอนพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไปปางอุ๋งกัน
    • โพสต์-3
    Ajung •  มกราคม 03 , 2559

    วันที่ 3 ของทริป (อาทิตย์ 27 ธค 58)

    เข้าสู่วันที่ 3 ของทริป ตื่นแต่เช้าไปปางอุ๋ง

    ปางอุ๋งเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้อันตราย มีการขนส่งยาเสพติด ตัดไม้ทำลายป่า จึงทรงมีพระราชดำริให้รวบรวมชนกลุ่มน้อย ส่งเสริมอาชีพ ปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ และฟื้นฟูธรรมชาติให้ยั่งยืนตลอดไป

    บริการล่องแพ 150 บาท คนพายได้ 50 นอกนั้นเข้าศูนย์

     

    สายละ วิวตรงอ่างน้ำเริ่มไม่สวยละ เลยออกมาสำรวจภายในหมู่บ้าน

    กินมื้อเช้าตรงนี้เลย เปลืองค่ารถแต่มาประหยัดค่ากิน 5555555555 อ้าว..แต่อร่อยนะ กินมาม่าแถวนี้อร่อยกว่ากินที่บ้านนะจะบอกให้

    เออ ดีดี มีบริการชาร์ตแบตด้วย

     

    คนที่มาเที่ยวที่ปางอุ๋ง ถ้าไม่ได้กางเต๊น ก็ยังมีโฮมสเตย์ให้บริการมากมายนะจ๊า มีเกือบทุกซอกซอย

    เห็นดิบๆอย่างนี้ ห้องน้ำในตัวนะจ๊า ไม่ธรรมดา

     

    อะจดไป ไว้เลือกกันตามอัธยาศัย ของลุงโองนี่ 500 ห้องน้ำในตัวเช่นกัน

    จากปางอุ๋งลงมาเช็คอินที่ชาสารักไทย

    พักหลังเน้

    คืนละพันห้า พร้อมอาหารเช้า พัดลมนะ ไม่แอร์ มีทีวีตู้เย็น ห้องน้ำในตัว จริงๆ อยากได้ลีไวน์รักไทยแต่จองไม่ได้ เต็ม

    บ้านรักไทย ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,776 เมตร

    ร้านกาแฟ "ลีไวน์รักไทย" ถือเป็นจุดชมวิวที่ฮิปที่สุด ร้านนี้มีการ์ดสวยๆ ขายในราคา 20 บาทพร้อมแสตมป์ คุณสามารถส่งการ์ดให้ตัวคุณเองหรือส่งให้เพื่อนๆ ก็ได้ เกร๋นะ

    เย็นย่ำละ หิวเหลือเกิน เรามากินขาหมู หมั่นโถวอันลือลั่นกันดีฝ่า เห็นเขาว่าอร่อยดีนักแล ที่ร้านนิแหละ

    มาเสิร์ฟละ ดูดีชะมัด ซัดเข้าปากคำแรก อืมม..จืดเนาะ ดีที่มีน้ำจิ้ม จานนี้ก็ 380 แล้วน่ะ ซับเหงื่อซิกๆ

     

    แต่อันนี้อร่อยน่ะ หวานหน่อยๆ ใช่เลย พอกู้หน้าได้อยู่

     

    หมดมื้อนี้จ่ายไป 790 เป็นมื้อที่แพงที่สุด แต่ไม่เป็นไร เอาให้พอแค่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง พรุ่งนี้ค่อยซัดมาม่าชดเชยละกัน เหอๆๆๆๆๆ เอาล่ะอิ่มกันละ คืนนี้ก็นอนที่ชาสารักไทยอย่างมีความสุข แล้วก็หมดไปอีกวัน เร้วเร็ว
    • โพสต์-4
    Ajung •  มกราคม 03 , 2559

    วันที่ 4 ของทริป (จันทร์ 28 ธค 58)

    เข้าสู่วันที่ 4 ของทริป ยังคงอยู่ที่บ้านรักไทย ตื่นเช้ามาก็เห็นภาพนี้ เอ่อ..เลือดกำเดาแทบพุ่ง

    พวกเรานอนที่ชาสารักไทยก็จริง แต่มิได้สนใจถ่ายรูปที่นั้นเลย กลับมาโฟกัสที่ "ลีไวน์รักไทย" ที่นี่มาทีหลังก็จริง แต่ความนิยมนี่มาอันดับหนึ่งเลยทีเดียว ก็ดูซิดูให้มันรู้ไปเลยว่าน่าอยู่ซักแค่ไหน เป็นรีสอร์ทที่อยู่กลางไร่ชา ราคาก็อยู่ที่ 1600 ไปจนถึง 6000 จะอยู่ราคาไหนก็ตามกระเป๋าตังค์กันเลยนะคะ

    แม้ไม่มีวาสนาได้อยู่ที่นี่ ได้มาเต๊ะจุ๊ยถ่ายรูปก็ยังดี โนะๆ

     

    ยังคงเดินชมวิวไปเรื่อยๆ อ้อ..เริ่มหิวละ ไปทานข้าวที่ชาสากัน

     

    อร่อยค่ะ ยังไงก็อย่าน้อยใจนะ 55555555 

    อิ่มแล้วไปเดินเล่นต่อ อุตะ ชอบหลังนี้อะ ต้าเหล่าซือรีสอร์อท

    หลังนี้ 2500 เท่านั้น นอนได้ร่วมสิบคนอะ โห..ถูกสุดๆ ใครมากันเป็นก๊วนแนะนำหลังนี้เลย ดิบๆดีนะ ชอบ เอาละคงได้เวลาที่ต้องจากบ้านรักไทยไปแล้ว มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอนอีกครั้ง

    จากบ้านรักไทย เรามาพักรถที่น้ำตกผาเสื่อ มื้อเที่ยงวันนี้คือกล้วยปิ้้ง ห้าไม้ 20 บาท

    ต่อด้วยมะละกอลูกละ 20 ช่วยอุดหนุนชาวบ้าน วันนี้กินไม่ต้องหรู อยู่แบบพอเพียง

     

    พักหายเหนื่อยแล้ว เรามาที่ท่าเทียบเรือโป่งแดงเพื่อล่องเรือไปหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวในราคา 600 ต่อราคาจากเจ็ดร้อยกว่านะเนี่ย บอกแล้วเรื่องกินไม่เปลืองหรอก มาเปลืองค่ารถค่าเรือนี่แหละ

    นั่งชมวิวสองข้างทาง ใช้เวลาล่องเรือไปตามลำน้ำปาย ประมาณครึ่งชั่วโมง

    เคนะ วิวสวยใช้ได้เลย

    มาถึงบ้านน้ำเพียงดินแล้ว

    บ้านน้ำเพียงดินเป็นชุมชนดั้งเดิมของกะเหรี่ยงคอยาวที่อพยพมาจากพม่า

    ชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริส

    คนมาเที่ยวที่นี่ไม่ค่อยเยอะ เวลาจะถ่ายรูปนางทั้งหลายก็ต้องมีการซื้อสินค้าอุดหนุนกันไปตามมารยาท บางทีก็ไม่รู้จะซื้ออะไร ก็ซื้อแต่สร้อยข้อมืออะไรพวกนี้ล่ะ ชาวกะเหรี่ยงนี่ไม่มีสิทธิ์ออกไปนอกเมืองนะ เพราะเขาถือว่าเป็นชนเผ่าที่ต้องอนุรักษ์ไว้ นอกเสียจากว่าทางหน่วยรัฐทำเรื่องส่งตัวไปในเมืองบ้าง ในกรณีที่ต้องไปออกงานพิธีสำคัญต่างๆ

    ได้เวลาลงเรือกลับแล้ว

    คนนี้ต้องคอยดูต้นทางว่ามีเรือสวนมาหรือป่าว

     

    กลับมาพักที่บ้านเคียงดอยอีกครั้ง กินมาม่ารองท้องกันก่อนจะไปเดินถนนคนเดินในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนอีกครั้ง

     

    ตกเย็นมาถนนคนเดิน เดินกันได้ทุกวัน มาเจอร้านนี้เห็นคนต่อคิวเยอะมาก เลยขอลองกินซักชุด ข้าวเกรียบปากหม้อชุดละ 30 จ้ะ

    ใส่กะทิด้วยอะ สูตรนี้เพิ่งเคยเห็น แต่ทว่า..อร่อยดีนะ 

    และแล้วก็หมดไปอีกวัน แต่เวลาแห่งความสนุกยังคงเหลืออยู่ วันนี้เหนื่อยมากแล้ว ขอกลับไปชาร์ตแบต เจอกันพรุ่งนี้ ราตรีสวัสดิ์จ้า

    • โพสต์-5
    Ajung •  มกราคม 04 , 2559

    วันที่ 5 ของทริป (อังคาร 29 ธค 58)

    สถานีแรกสำหรับวันนี้คือจุดชมวิว บ้านลุกข้าวหลาม

    วิวที่ปรากฎต่อหน้ามันคือทะเลหมอก แว้กกกก มาจากไหนกันเนี่ย เยอะจัด

    มีร้านกาแฟด้วยนา view point coffee ราคาไม่แพง อย่างเช่น เอสเปรสโซ่ 35.- / อเมริกาโน 40 /ลาเต้ 50 เป็นต้น

     

    สถานีที่ 2

    เป็นศูนย์วิจัยของโครงการในพระราชดำริว่าด้วยการศึกษา วิจัย พัฒนาพันธุ์ข้าว การผลิตข้าวและธัญพืชเมืองหนาว  ตลอดจนการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง

     

    สถานีที่ 3 บ้านจ่าโบ่

    ขับรถมาตามเส้นทางหลวง 1095 แม่ฮ่องสอน-ปางมะผ้า แล้วเลี้ยวซ้ายตรงบ้านแม่ละนาเข้าเส้น 1226

    จ่าโบ่ตายไปเมื่อห้าปีก่อน เขาเป็นมูเซอดำมาจากพม่า มาตั้งรกรากที่นี่และตั้งหมู่บ้านนี้ขึ้นมา ที่ร้านเตี๋ยวนี่ก็ลูกหลานจ่าโบ่ทั้งนั้น

    ก๋วยเตี๋ยวร้านจ่าโบ่นี่อร่อยมากๆเลย ชามละ 30 แต่ถ้าเป็นต้มยำก็จะ 35

    ที่นี่ถือเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่งดงามอีกที่หนึ่ง แต่ต้องมาแต่เช้าจึงจะได้เห็น

     

    สถานีที่ 4 ถ้ำลอด

    เป็นถ้ำที่มีลำน้ำลางไหลผ่านทะลุเขา เกิดจากการกัดเซาะของหินปูนเป็นเวลานับล้านปี

    ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่งดงามและเป็นแหล่งโบราณคดีในการศึกษาประวัติศาสตร์

    ปลาพลวงที่อยุ่ในถ้ำ

     

    ศาลเจ้าปู่ฤาษีนารอด บริเวณปากถ้ำ

     

     

    สถานีที่ 5 ภูริปายวิลล่า ของซุปตาชื่อดัง "ภูริ" ราคาอยุ่ที่ 6000-9000 อิอิ ราคานี้ขอบาย ไม่ใช่แนวด้วยล่ะ

     

    สถานีที่ 6 ขับตรงไปทางสนามบินปาย ก่อนถึงสนามบินไม่ไกลนัก "วิวพอยท์รีสอร์ท" เรามาที่นี่เพื่อจะมาชื่นชมทุ่งปอเทืองก็แค่นั้น

    คืนนี้นอนที่บ้านต้นไม้ปาย เราจองได้ห้องวิลล่าริมน้ำ อยู่ติดริมน้ำปายเลย

    ห้องนี้ 2000 พร้อมอาหารเช้า

    คืนที่เรามาพักเนี่ย ข้างบ้านมีกิจกรรมในร่มค่ะ เสียงหล่อนดังมาก ดังต่อเนื่องด้วยนะ แหม่..ฟังเพลินเลยเรา คิคิ บรรยากาศมันเป็นใจเจงๆ

     

    พลบค่ำก็มาเดินถนนคนเดินปายกันนะ สินค้าให้เลือกซื้อมากมายหลายแบบ แต่ละร้านก็ระดมกำลังสมอง ครีเอทงานกันอย่างยอดเยี่ยม

    เห็นหล่อๆ คนนี้ เขาคือจิตอาสาจากกรมราชทัณฑ์ มาร้องเพลงที่นี่ทุกคืน รายได้จากการร้องเพลงนำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสตามชนบทที่ประสพปัญหาภัยหนาว หล่อแล้วยังนิสัยดีอีก ยืนตรงนี้นานๆ เลยเรา ยืนไปน้ำลายไหลไป..

     

    หมวกใบละ 170

     

    โรตีเจ้านี้อร่อยเหาะ ชุดละ 35

    ยังไม่อิ่ม มาพักขากันที่ร้านนี้

    ร้านนี้ต้องนั่งยองๆ แต่ถ้าใครไขข้อไม่ดีก็มีนั่งโต๊ะปกติเหมือนกัน

     

    ตบท้ายด้วยข้าวไข่เจียว 40 บาท ก่อนกลับไปนอนพักผ่อนเสียที

    ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล แป๊บเดียวก็หมดไปห้าวันแระ
    • โพสต์-6
    Ajung •  มกราคม 05 , 2559

    วันที่ 6 ของทริป (พุธ 30 ธค 58)

    ตื่นเช้ามายังอยู่ที่บ้านต้นไม้ 

    รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปรับประทานมื้อเช้า เดินผ่านหลังนี้เขาบอกว่าพักได้สิบคน ราคาแค่ 4,000 บาทเอง

    ระหว่างทางมีดอกไม้สีสันสวยงามคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน พร้อมกลิ่นหอมที่คละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ

    และนี่คือมื้อเช้าที่แสนจะน่ากิน ยิ้มหน่อยหนา

    เช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ท เราตรงมาที่วัดพระธาตุแม่เย็น ต.ฮี้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

    ถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองปายมาเป็นเวลาช้านานแล้ว

    ห่างจากที่ว่าการอำเภอปายประมาณ 2 กม. เลยจากทางเข้าน้ำตกแม่เย็นเพียง 100 เมตร ก็จะพบทางเข้าวัด วัดนี้ปัจจุบันมีพระสงฆ์ประจำวัดเพียงสองรูปเท่านั้น พระรูปอื่นสึกออกไปกันหมดเพราะทนความลำบากไม่ไหว เนื่องจากหาอะไรกินก็ลำบากยิ่งนัก

     

    สถานีที่ 2 ร้านกาแฟ coffee in love รับทานบราวนี่กันนิ

    ข้างๆ มีบ้านหลังนึงที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ ใครมาทานกาแฟก็ต้องมาถ่ายรูปกันตรงนี้ แท้จริงแล้วหลังนี้เป็นที่พักด้วยค่ะ ราคาทั้งหลังนี่ก็อยู่ที่หมื่นกว่าบาท

     

    สถานีที่ 3 ระหว่างทางเจอรีสอร์ทแหววหวานที่นึง "ปายหวาน" ราคาต่ำสุดอยุ่ที่ 1,280 

    ในส่วนของราคาอาหารที่นี่ไม่แพงอย่างที่คิด

     

     

    สถานีที่ 4 วัดน้ำฮู

    สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2474 โดยครูบาศรีวิชัย เพื่อใช้เป็นประดิษฐานพระพุทธรูปอุ่นเมือง ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุคู่เมืองปาย เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา

     

    กราบไหว้บูชาพระนเรศวร

     

    พระเจดีย์นี้ไม่มีบันทึกประวัติศาสตร์ชัดเจน แต่เชื่อกันว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อบรรจุอัฐของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา ซึ่งได้เสด็จไปเป็นตัวประกันที่พม่าแทนสมเด็จพระนเรศวร และต่อมาได้ถูกปลงพระชนม์ที่พม่านั่นเอง

     

    สถานีที่ 5 บ้านสันติชล ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

    ห่างจากตัว อ.ปาย 4.5 กม. เป็นชุมชนแนวจีนยูนนาน

    ในอดีตเป็นหมู่บ้านแบบปิดเพราะปัญหายาเสพติด ต่อมาปัญหาดังกล่าวได้หมดไปหลังจากมีนโยบายปราบปรามยาตั้งแต่ปี 2546

    บะหมี่ยูนนานงาดำ ชามละ 30

    บัวหิมะ โลละ 35

    ทานแล้วแก้โรคความดัน คอลเลสเตอรอลสูง และทำให้ผิวพรรณดี

     

     

    คืนนี้เรามานอนที่นี่

    ห้องนี้ 800 ติดถนนคนเดินเป๊ะเลย

    แต่ห้องน้ำออกแนวโสนิดหน่อย มีกลิ่นจรุงใจพอสมควร

     

    ถ้าเป็นไปได้ก็อยากพักที่ "ปายในฝัน" มากกว่า 555555 แต่เห็นว่าแค่มาอาศัยนอนเดี๋ยวก็ต้องออกแต่เช้า เลยเลือกจองถูกๆไว้ก่อน

    สนใจติดต่อตามเบอร์ที่เห็นนี้ได้เลยค่ะ ราคาไม่ได้แพงเว่อนะ อย่างถ้าเป็นกระโจม ห้องน้ำรวม ราคาอยู่ที่ 1200 แต่คือบรรยากาศดีนะ ออกจากที่นอนมาก็เจอแม่น้ำปายเลย มีที่นอนเล่นริมน้ำด้วย

     

    ตกเย็นไปเดินถนนคนเดินปาย ประเดิมด้วยเบค่อนพันเห็ด อร่อยโฮก ไม้ละ 10

     

    ชิ้นต่อไป หมูปิ้ง ติดตามผลงานได้ที่เฟสบุคที่ปรากฎนี่ได้เลยค่ะ "หมูปิ้ง ล้านนา เมืองปาย" ของเขาอร่อยแท้แน่นอน

    ต่อด้วยหมูย่างคลุกเคล้าน้ำจิ้ม

    ต่อด้วยข้าวเหนียวมะม่วง ชุดละ 50

    ความหล่อไม่เคยปรานีใคร ก็ยังวนเวียนมาหาเขาอยู่นั่นแหละ หยอดไป 5 บาทด้วยความพิสวาทสุดๆ ^o^

    มาเที่ยวที่นี่ทีไร เป็นต้องแวะมาร้านนี้ค่ะ "Just pai" จัดไป

    น้องคนนี้ ต้นอ้อเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด เป็นงานทำมือโดยการปริ๊นเอาท์ด้วยเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพ

    วัยรุ่นสมัยนี้มีไอเดียดีดีที่ทำให้พวกเราได้เสพซื้องานศิลปะอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ เสน่ห์ของงานทำมือคือมันไม่เหมือนใคร ไม่ซ้ำแบบใคร และเชื่อแบบที่ออกมาน่าจะถูกใจใครหลายๆ คนที่พลัดหลงมาที่ร้านนี้ เราเสียตังค์ซื้อของร้านนี้นอกจากได้สินค้ามาแล้ว ยังได้รอยยิ้มน่ารักจากเจ้าของร้านเป็นของแถมด้วย ประทับใจจุง ^______^

    สนใจติดต่อที่แฟนเพจเฟสบุคได้ที่ TonAor Shop คุณจะได้ไม่พลาดผลงานสุดฮิปแบบนี้ ไม่ช้อปไม่ได้แล้ว

     

    ช้อปปิ้งแล้วเหนื่อย โหย กินต่อสิคะ อยู่บ้านไม่ค่อยจะกินอะไร ออกมาเที่ยวทีไรกินเยอะทุกที

     

    กินแล้วก็ช้อปต่อ เจออันนี้ถูกใจชอบเลย ถุงผ้า 4 ใบร้อย จัดไป 8 ถุง

    พอละสำหรับคืนนี้ รีบเข้านอนก่อนตื่นเช้าไปสถานีต่อไป เพราะชีวิตคือการเดินทาง ถ้าไม่ไปทำงานก็ออกไปเที่ยว z z z z z ราตรีสวัสดิ์จ้ะ

    • โพสต์-7
    Ajung •  มกราคม 05 , 2559

    วันที่ 7 ของทริป (พฤหัส 31 ธค 58)

    ตื่นเช้ามาเข้าสู่วันที่ 7 ของทริป มาชมบรรยากาศแม่น้ำปายก่อนจะร่ำลาเมืองนี้


    มุ่งหน้าเข้าเชียงใหม่ แวะห้วยน้ำดังก่อน

    ดอกไม้ที่นี่ยังสวยเหมือนเดิม

     

    ถึงเชียงใหม่แล้ว แวะซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส

    ร้านนี้กาลาแม 3 ถุง 100

    ซื้อน้ำพริกหนุ่ม แหนม แคปหมู ที่ร้านนี้

     

    วันนี้นอนนี่ ทรายทองเกสเฮ้าส์ ราชดำเนิน ซอย 3

    ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งมาเช่าค่ะ อยู่ทีก็เป็นเดือนเป็นปีเลย บรรยากาศที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนเสมือนบ้านเราเอง เพราะมีโซนนั่งเล่น อ่านหนังสือ  ดูแล้วน่ารีแลกซ์มากๆ

    เราได้ห้องชั้นล่าง ราคาอยุ่ที่ 950.- มีอาหารว่างด้วย เป็นมาม่า กาแฟ และขนมปัง  

     

    เก็บของ อัพเฟสบุค พักผ่อนกายา รอเวลาเย็นย่ำค่อยออกไปเดินถนนคนเดินท่าแพ  สำหรับวันนี้มีขายของตรงโซนถนนท่าแพเท่านั้น ตรงถนนราชดำเนินไม่มีค่ะ มีขายของอีกทีก็วันอาทิตย์เหมือนเดิม

    นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นฝาหรั่ง

    เริ่มต้นเสียตังที่ร้านนี้เบย เคสอันละ 100 หลังจากนั้นแวะไหว้พระที่วัดบุปผาราม

    ซื้อเทียนอันละ10 บาท แล้วนำไปจุดบูชาพระด้านใน

    วัดบุปผารามเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ กษัตริย์ราชวงศ์มังราย โปรดให้สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๐๓๙  

    มาโหมดกินกันบ้าง นี่เลย แฮมพันเห็ดแสนอร่อย ไม้ละ 10 บาท กำลังฮิตหรือไร ไปที่ไหนก็เจอ

    ต่อกันด้วยมะม่วงน้ำปลาหวาน

    ร้านนี้เสื้อยืดน่ารักมาก อดใจไม่ไหวขอซื้อสักตัว 170 บาทค่ะ น้องคนนี้ออกแบบเองล่ะ เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เขาเลือกที่จะอยู่เมืองไทยมากกว่าอยู่ญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นกฎระเบียบเยอะ เขาบอกว่าเขาอึดอัดมาก เลยตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย

    ค่อนข้างขายดีทีเดียว  

    มองภาพโดยรวม ชาวต่างชาติยังคงมีความสุขกับการมาเที่ยวเมืองไทย คนไทยก็ยังพอลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง ช่วงเทศกาลอย่างนี้ถือเป็นโอกาสทองของพ่อค้าแม่ขาย

    555555 เรามาเสียทรัพย์ที่ร้านนี้อะ กระเป๋าแนวนีโดนใจมากมาย ใบละ 300 ใครสนใจติดต่อตามเบอร์นี้เลยนะ

    ได้กระเป๋า ได้เสื้อแล้ว ก็ต้องมีเสียงเพลงด้วย อุดหนุนคนไทยด้วยกัน แผ่นละ 100

     

    แหงนมองไปบนฟ้า เห็นโคมลอยเต็มไปหมด เพิ่งรู้นะว่าฝรั่งชอบลอยโคม ดูแต่ละคนมีความสนุกกับการลอยโคมมาก ดูท่าคนขายโคมคงรวยไปเลยคืนนี้ ลอยกันเยอะจริงๆ

    ดูคู่นี้สิ น่ารักจริงเชียว เซลฟี่ตลอดอะ

    คนนี้ดูเธอฟินมากๆ

    ได้เวลา countdown แล้ว ทุกคนนับถอยหลังไปพร้อมกัน และแล้วก็ก้าวเข้าสู่ปีใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ Happy New Year 2559 ปีวอกแล้วน้า
    • โพสต์-8
    Ajung •  มกราคม 05 , 2559

    วันสุดท้ายจริงๆ ต้องกลับบ้านแล้ว T T

    ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว เตรียมเก็บข้าวของออกจากเกสเฮ้าส์ เจ็ดวันผ่านไปเร็วมาก ยังมีความรู้สึกว่าเที่ยวไม่พอเลย แต่เงินเริ่มร่อยหรอแล้ว ต้องกลับไปปั๊มเงินก่อน 555555 

    หลอกล่อตุ๊กๆ มาได้คันนึง ว่าจ้างไปส่งสนามบิน คิดราคา 150 บาท เค ราคารับได้

     

    แต่ว่ากว่าเครื่องจะออกก็ตั้งเที่ยงครึ่ง ยังพอมีเวลาเถลไถล งั้นแวะวัดสวนดอกละกัน

    วัดสวนดอก หรือ วัดบุปผาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ปัจจุบันตั้งอยู่บนถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่

    พระเจ้าเก้าตื้อ เป็นพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ สร้างด้วยโลหะหนัก 9 โกฏิตำลึง

    เวลาก็ยังเหลือ งั้นขอแวะอีกที่ อ่างแก้วที่ มช. เห็นเค้าว่าสวยงาม

    เค้าว่ากันว่า.. ถ้าวิดน้ำออกจากอ่างแก้วแล้ว สิ่งที่จะได้พบคือ แก้ว ขวดเหล้า เกิบ ปิ๊กกีตาร์ กระเป๋า สมุดเน่าๆ ที่ นศ. ต่างนำมาปาทิ้งลงอ่างตอนเลิกกัน

    เอาล่ะหมดเวลาชิว ได้เวลาต้องไปสนามบินแล้ว ปรากฎว่าค่าตุ๊กๆ ล่อไป 400 เงิบไปชั่วขณะ

    ต้องขอขอบคุณไทยสไมล์ ขนมเค้กอร่อยมากค่ะ บนเครื่องเขามีแจกบราวนี้สองชิ้น น้ำเปล่าหนึ่งแก้ว และน้ำส้มอีกหนึ่งแก้ว เครื่องแลนดิ้งได้นุ่มนวลดีมากค่ะ

     

    ขอสรุปค่าเสียหายดังนี้

    > เครื่องบิน thai smile ขาไป 2,780 ขากลับ 2,780 รวมเป็น 5,560.- (นน.กระเป๋าฟรี 20 กก.)

    > ค่าที่พักทั้งหมด 8,200 หารสองก็คนละ 4,100.-

    > ค่าเหมารถเจ็ดวันๆ ละ 1,600 เป็นเงิน 11,200 บวกน้ำมันอีก 1,730 รวมเป็นเงิน 12,930.- หารสองตกคนละ 6,465.-

    > กองกลางคนละ 4,700.-

    > ช้อปปิ้งหมดไป 3,900.-

    รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 20,025 บาท (ต่อคน) กับทริป 8 วัน 7 คืน

     

    ทริปนี้จะเปลืองก็ค่าเครื่องบินกับค่าเหมารถค่ะ คือเราไม่สามารถกำหนดวันไปได้แน่ชัด ด้วยเรื่องของการงานก็เลยไม่ได้ใช้โปรใดใดเลย จำเป็นต้องจ่ายราคาปกติ ส่วนเรื่องการเดินทางนั้นเราก็ขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็นก็เลยจำเป็นต้องเหมารถ เพราะเราเที่ยวแบบแวะเรี่ยราด อยากวกเข้ารูไหนก็ทำได้ การเหมารถรายวันจึงเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับเพื่อนๆ ที่สามารถจองโปรเครื่องศูนย์บาทได้ และก็ขับมอเตอร์ไซค์เองได้ ขับรถไปกันเอง ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่านี้เยอะเลยค่ะ

     

    สุดท้ายนี้ การเดินทางยังคงต้องมีต่อไป ต่อให้ไปที่เดิมๆ ซ้ำๆ แต่เรื่องราวมักมีอะไรเกิดขึ้นใหม่ได้เสมอ ออกไปกันนะคะ ไปหาอะไรดีดีนอกบ้าน เมืองไทยของเรา ไม่ไปไม่รู้ค่ะ see you next trip ^0^

     

    ติดตามการท่องเที่ยวของข้าพเจ้าได้ที่ page FB : ลากแตะไปแชะฝัน

    • Ajung  ไม่ได้เซ็ทเจ้า เพิ่งรู้เหมือนกันว่าหมาที่แม่ฮ่องสอนมีระเบียบวินัยมากๆ ขอชื่นชม 05 มกราคม 2559 18:46:55
    • Rungnapha  หมาที่นอนเรียงตัวอาบแดดนี่ไม่ได้เซ็ทใช่ป่าว จังหวะดีจริงๆ (ใครไปจับวางได้ก็แปลกแล้ว 555)
      ภาพสวยมากๆ ชอบๆ
      05 มกราคม 2559 17:58:58