ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    LIVELY •  ตุลาคม 18, 2558
    • โพสต์-2
    LIVELY •  ตุลาคม 18 , 2558

    Singapore GO ON >>

    >> มาเริ่มกันเลย ทริปนี้คือไป 4 วัน 3 คืนกะว่าเหลือๆ ยังไงก็เที่ยวหมด เอาจริงๆเวลาไม่พอ ประเทศนี้น่ะมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเก็บตก ทริปนี้ตามรอยไอ้ที่สมควรตาม เอาจริงคือเป็นคนขวางโลก ไม่ชอบทำอะไรเหมือนคนอื่นรู้สึกมันซ้ำซาก เพราะฉะนั้นสถานที่บางที่ ที่สมควรไปโดนก็ไม่ได้ไป ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ แต่จะรีวิวตามความรู้สึกจริงที่ไปสัมผัสมานะ 

    เครื่องออกเดินทางจากน่านฟ้าไทยประมาณ 5 โมงแต่ก่อนออกจากประเทศก็ต้องมีพิธีรีตอง เขียนใบขาออก
    แนะนำ : ควรพกปากกามาด้วยเพื่อความรวดเร็วและก็พยายามพกเงินสดติดตัวไว้ให้ดูเหมือนกับว่าไปเที่ยว แลกเป็นเงินสิงคโปร์จากไทยไปเลยก็จะดีแนะนำ Superrich เพราะพี่ที่เคาน์เตอร์เช็คอินบอกว่า คนไทยโดนส่งกลับเยอะเพราะคิดว่าไปหางาน 

    หลังจากนั้นเมื่อทำการผ่าน ตม.ไทยแล้ว ก็มีเวลาเดินช็อป Duty free ของถูกก็จริงเป็นบางอย่าง อย่ารีบด่วนตัดสินใจ หนทางให้ซื้ออีกยาวไกล  การเดินทางเที่ยวบินนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.คือขับดีมาก (สายการบินสิงโตสีแดง)ก็เลยหลับตลอด พอเครื่องลงจอด เพื่อนก็พูดว่า เราโดนตม.แน่ๆ พาสปอร์ตขาวสะอาดขนาดนี้ แล้วก็สมพรปากเสียจริง คือไม่ต้องกังวลไปนะค่ะ เขาไม่ได้ถามอะไรเรามาก (กำพระแน่น 555 ) ถามว่ามากับใคร มาที่นี่มาทำอะไร จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เอาเงินมาเท่าไหร่ ขอดูตั๋วกลับหน่อย ประมาณนี้แต่ประเด็นมันอยู่ที่ สำเนียง ค่อนข้างฟังยากสักนิดต้องตั้งใจฟังหน่อย พอผ่านด่านตม.มาได้ก็จะสบายแต่เจ้าของกระทู้โดนยาว ถามยันมหาลัยชื่ออะไร ปิดเทอมหรือวันหยุด ขอดูโทรศัพท์มือถือ (ประเด็นคือมีแต่รูปหลุดเพื่อน น่าเกลียดทั้งนั้น) .... แต่เอาจริงๆตม.เขาก็ใจดีแหละ อาศัยความมั่นใจกล้าตอบ ไม่ต้องแอ็กเซนเว่อร์วังเดี๋ยวจะกลายเป็นฟังไม่รู้เรื่องพอดี 

    หลังจากหลุดจากตม.มาแล้วก็เดินไปสถานี MRT อ๋อที่สนามบินมี Wifi free เร็วด้วยแรงด้วยก่อนออกจาก gate เอาให้เต็มที่ แล้วก็มีบริการชาร์ตแบตฟรีอีกด้วย 

    นี่บรรยากาศบน MRT อันนี้เริ่มดึกล่ะ เหมือนกันเมืองไทยเลยค่ะ ทุกคนก้มหน้าอย่างเดียว อ๋อ! บังเอิญพูดไทยเสียงดัง นี่ถือเป็นความโชคดี มีคนไทยขึ้นตามหลังมา เห็นเราบ่นๆกันเรื่องบ้านโฮส ไปไงว่ะ? ฟวยย... เยอะค่ะ มีพี่ผู้ชายใจดีให้ไลน์ไว้แล้วก็แนะนำการเดินทาง แถมยังจะให้แมสเราอีกด้วย แต่เตรียมมาพร้อมมาก 6 อัน (ไม่ได้ใช้เลย ไม่มีควันสักแอะ) 

    นี่เป็นแผนผัง MRT ควรจะมีไว้นะคะ กันเหนียวเผื่อหลงตั้งไว้เป็นภาพพักหน้าจอก็จะดีมาก ซึ่งสถานีที่จะต้องลงก็คือ Yishun แล้วก็ต้องต่อบัสอีก บ้านโฮสอยู่ป้ายที่สาม ส่วนบัตร MRT สามารถซื้อได้ที่ทุกสถานี หรือจะซื้อ Ez link จะสะดวกมาก

    นี่คือ Ez link (เอามาจาก google) บัตรนี้จะใช้ได้ทั้งขึ้นบัส และMRT ซึ่งค่าบัตรทั้งหมดประมาณ 12 ดอล (ไม่แน่ใจนะ) แต่เรากับเพื่อนติดต่อโฮสไว้เลยไม่ต้องซื้อ จ่ายแค่ค่าเช่าบัตร 2 ดอลแล้วในบัตรมีเงินให้เรา ตอนคืนก็เติมเงินคืนเขาไป บัตรนี้จะสะดวกมากในการเดินทาง แต่หากไม่อยากเสียเงินก็สามารถซื้อตั๋วเที่ยวเดียวได้ตามปกติ ส่วนบัสหากเราไม่ทราบราคา ป้ายที่จะลง ไม่ต้องห่วงเพราะคนขับรถบัสใจดีมาก แอร์ก็เย็น เขาจะเต็มใจช่วยเราทุกคน สัมผัสมาเอง 

    ที่พัก : ที่เราจองเนี่ย เป็นโฮสแฟมมิลี่ เราจองจาก airbnb โซนนั้นใกล้กับมหาลัยนะ ไม่แน่ใจ แต่เจอเด็กไทยเยอะเหมือนกัน โฮสใจดีมากๆๆๆ มีครัวให้ทำอาหาร 
    ข้อดี : เราจะได้รู้จักคนท้องที่แล้วก็ลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารบางมื้อ อีกอย่างได้ Ez-link ที่ถูกกว่าซื้อตามสถานี
    ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับคนที่โลกส่วนตัวสูงจัด เพราะต้องใช้ห้องน้ำรวม อีกอย่างภายในบ้านก็อาจจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมาพักด้วย 
    __________________________________________________________________________________

    Day 1 : โนแพลน  24 km. เดินเท้า (คือเดินจน S-health แจ้งเตือน เท้านี่ไร้ความรู้สึกแบบเข็มตำยังชิวอยู่)

    - สถานที่แรกที่ไปคือ ถนน Orchard ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย เพราะมัวแต่ช็อปปิ้ง ห้างTakashimaya ช็อคโกแลตลด ราคา 2 กล่อง 10 ดอลล่าร์ ไม่รอช้าคว้าไปเซตนึง นี่เป็นรูปที่มีค่ะ เพราะไม่ได้เอากล้องกลับบ้านมาลืมไว้ที่หอ       เขาคงให้เกียรติประเทศเรามากนะค่ะ เพราะว่าสถานทูตตั้งอยู่ถนนสำคัญของเขาเลยทีเดียว  

    How to get there : ลงสถานี Orchard สายสีแดง 


      - Bugis street ถนนนี้เป็นถนนที่นิยมซื้อของฝาก ขนมญี่ปุ่นถูก ของราคาถูก อาหารรสชาติอร่อยที่สำคัญมีไอติม ราคา 1 ดอลล่าร์ เหมือนไอติมอาแป๊ะบ้านเราแหละค่ะแต่ใช้เวเฟอร์แทนขนมปัง เนื่องจากเพื่อนเราชอบมาก เลยจัดไป 4 ชิ้น 

    How to get there : ลงสถานี Bugis สายสีน้ำเงิน 

    ไอติมครั้งที่ 1 ไม่ได้ถ่ายไว้แต่ซื้อที่ถนน Orchard ซึ่งแพงกว่านิดหน่อย อันนี้เป็นอันที่ 2 

    - Chinatown แนะนำให้ไปตอนกลางคืนไฟสวยมากค่ะ บรรยากาศแบบเยาวราชเลย ตามซอยก็จะมีร้านอาหาร ส่วนใหญ่ก็คล้ายเมืองไทย แต่ข้าวมันไก่ที่นี่น้ำซอสจะไม่เหมือนกับบ้านเรา คือเป็นซอสสีแดงๆ แล้วแต่คนชอบค่ะแต่ส่วนตัวเมืองไทยอร่อยกว่า 

    How to get there : ลงสถานี Chinatown สายสีม่วง






    - Marina bay เหมาะสำหรับผู้หลงรักแสงสีเสียงในตอนกลางคืนอย่างเราๆ 555 เป็นคนชอบดูไฟมากแต่สายตาสั้น ข้อดีของคนสายตาสั้นคือ จะเห็นไฟสวยกว่าคนสายตาปกติ Marina bay    

    ถือว่าเป็นสถานที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของสิงคโปร์    Orchard ว่ารวยแล้ว ที่นี่คือมหาเศรษฐีเลยก็ว่าได้มีทั้ง Casino โรงแรมห้าดาวเยอะแยะมากมาย ซึ่งไปเหยียบมาล่ะ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ใช่อะไรหรอก         มี Wifi free 

    How to get there : ลงสถานี ฺBay Front สายสีดำ
     







    รายละเอียดการแสดง :  http://www.emagtravel.com/archive/wonder-full-show-marina-bay-sands.html 
    เราไปดูฝั่งเดียวกับการแสดง ก็เห็นชัดดีค่ะได้ดู 2 รอบ รอบ 21:30 กับ 23:00 ถ้าหากจะเก็บบรรยากาศนอนฟินก็แนะนำรอบ 23:00 นะค่ะ เพราะคนจะน้อยกว่า แล้วก็นั่งกันเป็นคู่ๆส่วนใหญ่ วันที่ไปเนื่องจากหิวมาก เราเลยนั่งจองที่ไว้ ส่วนเพื่อนเราไปหาซื้อของกินใน supermarket ไก่อบลดราคาพอดีทำให้การชมแสงสีรอบนี้ฟินมาก 
    _____________________________________________________________________________________

    Day 2 : มีแพลน เนื่องจากเข็ดหลาบกับเมื่อวานจึงตั้งใจว่าวันนี้จะวางแผนเที่ยว เริ่มกันที่ >>

    - Harbour Front สถานีนี้จะประกอบไปด้วย Vivo city Sentosa เป็นสถานีที่คนส่วนใหญ่จะลงเพราะเป็นทางเชื่อมระหว่างห้าง Vivo city กับ Sentosa และก็มีสถานที่สำคัญอีกเยอะแยะ รวมถึงนิทรรศการหรือแม้กระทั่งเครื่องเล่นต่างๆ  ช่วงที่ไปของแบรนด์เนมลดเยอะมากๆ 20-70% เลยทีเดียว คือแทบจะทุกร้านนี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเยอะ

    How to get there : ลงสถานี ฺHarbour Front สายสีม่วง (สุดสาย)



    อันนี้ร้านขายลูกกวาด ช็อคโกแลต ขนม (แอบเหมือนในแฮร์รี่) ราคาก็อยู่ที่แต่ละชนิดนับเป็นชิ้น เป็นกรัม มีช็อคโกแลตแปลกๆให้เลือกเยอะ สาวกช็อคโกแลตไม่ควรพลาด 


    - Bugis Street อีกแล้ว ไปหาซื้อของฝาก เนื่องจากไม่ชอบตามเทรนซื้อพวงกุญแจ เสื้ออะไรงี้ ก็เลยซื้อ Tobalone ฝากเพื่อน ซึ่งที่นี้อันใหญ่มาก คือใหญ่กว่าบ้านเราอีก ราคา 3 อัน 10 ดอลล่าร์ซึ่งถือว่าถูกมากแล้วก็คุ้มด้วย ทั้งค่าเงินและแคลลอรี่ที่ได้รับ ส่วนเพื่อนร่วมทริป เหมือนเดิมคือไอติม ของโปรดของนาง



    อันนี้เป็นบันได อยู่ใกล้ๆกับ Macdonald ถ้าจำไม่ผิด มันอยู่ในซอยต้องสังเกตดีๆจ๊ะ ถ้าอย่างไรก็ขอโทษด้วยนะ 



    - Merlion เขาเรียกว่ามันเป็น Signature ของที่นี่ งั้นก็ต้องมาถ่ายหน่อย เจอคนไทยเยอะมาก 

    How to get there : ลงสถานี ฺRaffles Place สายสีเขียว หรือ แดง 

        เดินมายังโรงแรม Fullerton แล้วลงมาที่ทางเชื่อมใต้ดินเพื่อข้ามมายังฝั่ง One Fullerton ที่เป็นโซนร้านอาหาร ร้านกาแฟริมอ่าว อันเป็นส่วนหนึ่งของ Merlion Park  

    ​    
    เดินข้างๆ โรงแรม Fullerton มายังถนน Fullerton ผ่านหน้าโรงแรมไปยังถนนใต้สะพานเพื่อเดินลอดเชื่อมไปยัง Merlion ได้เลย 

    แนะนำ: http://roojingsingapore.com/%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2-merlion-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-merlion-park/  

     






    ขากลับเนี่ย หา MRT ตั้งนาน คือป้ายดีงามมากค่ะ 


    -  Clarke Quay อันนี้มาตามที่เพื่อนบอก มันคือสวรรค์ของนักท่องราตรี ทั้งผับทั้งบาร์ ไม่ว่าจะสายชิว สายตื๊ดมีหมดจำนวนมหาศาลให้เลือก คือเพื่อนบอกว่า อาหารตาดีมาก พอเอาเข้าจริงคือ จตุจักร ยังมีเยอะกว่าอีก 555 แต่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ก็นิยมมาเที่ยวกันเยอะ มีเครื่องเล่นที่ราคาค่าขึ้นโคตรแพง จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่แพงจิงๆ รู้สึกได้ว่ามันไม่คุ้ม นอกจากนี้ก็ยังมีล่องเรือชมเมืองอีกด้วย 


    แล้วก็กลับบ้านโฮส ฉลองด้วยไก่ลดราคา (อีกแล้ว) กับน้ำอัดลม  _____________________________________________________________________________________

    อาหาร :  อร่อยเป็นบางอย่าง ส่วนใหญ่อาจจะค่อนข้างจืด อาหารค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับเมืองไทย แต่ที่สิงคโปร์ให้แบบจัดเต็มคือปลาชิ้นใหญ่มาก หมูคือกินรับรู้ได้ว่าคือหมู ตักแบบจัดเต็ม แต่ถ้าอยากได้ของดีและถูกแนะนำมาเดินห้างดึกๆ ยังไงก็เป็นทางผ่านสถานี MRT อยู่แล้วลองแวะ supermarket ดูไม่ก็กินศูนย์อาหาร Kopitian ต้องซื้อบัตรก่อนถึงจะเลือกซื้ออาหารได้ แนะนำให้เติมเงินไปพอดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบางสาขาไม่เคาน์เตอร์คืนบัตร ที่สนามบิน terminal 3 มีศูนย์อาหารนี้ด้วยและก็มีที่คืนบัตร (แนะนำหอยนางรมทอด อร่อย)

    อันนี้กินที่ ใกล้กับสถานี Yishun ป๋อเปี๊ยะนี่ผักทั้งนั้น ไม่มีหมูเลย ส่วนหมี่ก็เน้นให้ปรุงเอง



    การแต่งตัว : ชอบประเทศนี้อย่างนึง คือคนส่วนใหญ่แต่งตัวสายชิวเหมือนกัน คือเสื้อยืด ขาสั้น รองเท้า sneaker ไม่ได้แต่งแบบพร็อบเยอะอะไร ถ้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาก็อย่าใส่อะไรที่เว่อร์วังมากไปจะดีกว่าค่ะ  

    ข้อห้าม : ห้ามนำบุหรี่ สุรา เข้าประเทศค่ะ รวมถึงยาเสพติด แล้วก็ห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งในที่สาธารณะค่ะ
    ควรพกติดตัว : น้ำดื่มควรมีไว้สำหรับพกพานะค่ะ เพราะบางที่น้ำดื่มแพง 
    ของฝาก :  ส่วนใหญ่ที่เจอคนไทยก็ Charles and Kieth นี่แหละค่ะ คือยืนเลือกอยู่ก็มีคนพูดไทย แล้วเป็นทุกช็อปค่ะ ยืนยัน บางที่พนักานอาจจะฟังไทยออกก็ได้นะค่ะ คือคนไทยซื้อแต่ละครั้งนี่แบบเหมา เพราะคืนภาษีได้ค่า 100 ดอลล่าร์ขึ้นไป แบบรวมๆกัน ยังไงก็ถูฏกว่าไทย ส่วนพวกขนมแนะนำ Bugis street ถูกจริงค่ะ ของฝากพวกกุญแจที่ระลึกก็ที่นี่เช่นกันค่ะ แล้วก็หมูแผ่น Bee cheng hiang อร่อยมากค่ะ 

    สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณที่อ่านรีวิวนี้นะค่ะ มีข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยค่ะ แล้วเจอกันใหม่ในรีวิวต่อๆไปนะคะ 
    ฝากติดตามการท่องเที่ยวสัพเพเหระ จาก IG : b.ppack 

    ปล.อยากเชิญชวนให้ลองออกไปเที่ยวกันดูค่ะ หลังจากจบทริปหากเรามองย้อนกลับมาแล้วเราจะรู้สึกว่า เราเติบโตขึ้นอีกก้าวจริงๆค่ะ ของแบบนี้แค่บอกต่อมันไม่มีทางรับรู้ได้หรอกค่ะ เราต้องลองออกไปสัมผัสเอง :)

    _____________________________________________________________________________________