ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
[Train to.. KIRIWONG] เมื่อฉันแบกเป้นั่งรถไฟ ไปนอนโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช
    • โพสต์-1
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    [อ]อกไปข้างนอก  ออกไปเที่ยวหมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช  

    “เมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัดมากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู”

    รีวิวต้นฉบับบผมอยู่ที่ Pantip นะครับ จึงอยากนำมาลงเพื่อเเชร์ประสบการณ์ไว้ที่ TheTripPacker ด้วยครับ : http://pantip.com/topic/35590445



    สถานที่ปลายทาง : ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และ หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช 
    ช่วงเวลาในการเดินทาง : 3-4 กันยายน 2559
    อุปกรณ์ถ่ายภาพ : Canon Rebel T3i(600D) lens  Kit 18-55 mm และ lens Sony QX : 100
    การเดินทาง : รถไฟไทยชั้น 3  ประเถทรถเร็วขบวนที่  169  :   กรุงเทพ - ยะลา

              สวัสดีครับทุกคน หลังจากที่หาข้อมูลและวางแผนว่าจะไปเที่ยวที่หมู่บ้านคีรีวงมานานแล้ว ในที่สุดก็หาวันเวลาที่เหมาะๆได้สักที วันนี้ได้ฤกษ์ไปเยือนหมู่บ้านที่เขาว่าอากาศดีที่สุดในประเทศสักที ช่วงนี้เป็นฤดูฝนคงได้ชุ่มฉ่ำและคงได้เจอสีเขียวที่ผมตกหลุมรักไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้อีกครั้ง วันนี้จึงอยากมาแชร์ประสบการ์ณการท่องเที่ยวไสตล์ผมและสิ่งที่ผมได้พบได้เจอมาครับ เผื่อเป็นแนวทางเล็กๆน้อยๆนะครับ ^^ 


    ขออนุญาตฝากกระทู้ที่ผมเคยรีวิวไว้ด้วยนะครับ 

    [Train to.. BURIRAM] เมื่อฉันนั่งรถไฟไปบุรีรัมย์.. คนเดียว : http://pantip.com/topic/35522494

    - [Backpacking to.. Khao Chor] เขาช่อ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ขญ.18(เจ็ดคต) อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.สระบุรี : http://pantip.com/topic/35550125

    สามารถเข้าไปชมทริปการเดินทาง พูดคุย และชวนพวกเราเที่ยวได้ตลอดเวลา ได้ที่

    Page : ออกไปข้างนอก https://www.facebook.com/outsidelifes


    พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลยคร้าบบ.. 

    • โพสต์-2
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    ....เริ่มต้นเดินทางกันเลยครับ วันนี้วันศุกร์หลังเลิกงานประจำแล้ว ผมก็มุ่งตรงไปที่ สถานีรถไฟชุมทางบางซื่อทันที(เนื่องจากไกล้และสะดวกที่สุดสำหรับการเดินทางของผม)  การเดินทางครั้งนี้ผมเลือกที่จะไปลงที่สถานี คลองจันดี เพราะหาข้อมูลมาว่ามีรถสองแถวไปนครศรีธรรมราชด้วย และเลือกขบวนที่จะไปถึงสถานีคลองจันดีในช่วงเช้าตรู่ เอาละครับได้ตั๋วมาแล้วครับรถไฟออกเดินทาง 16:08 น. ปลายทางสถานีคลองจันดีเวลาถึงบนตั๋วคือ 05:14 น. ราคา 229 บาท(ระดับผมแล้วรถไฟไทยชั้น 3 เหมือนเดิมครับ 55) การเดินทางครั้งนี้ผมเดินทางคนเดียวอีกครั้งครับ แต่มีน้องที่อยู่ทางภาคใต้ขอตามไปด้วยผมเลยนัดเจอน้องที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชเลย  
    หมายเหตุ : รถไฟขบวน 169 นี้จะเริ่มต้นออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง เวลา 15:35 น.

    วันนี้ผมมาถึงเร็ว จึงหยิบกล้องมาถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย

    ไม่นานรถไฟก็เดินทางมาถึแล้วครับ ไม่เลทด้วย 55

    วันที่ผมเดินทางมีฝนปรอยๆลงมาด้วยครับ อากาศจึงไม่ร้อนอย่างที่คิดไว้

    รถไฟก็แล่นไปเรื่อยๆแล้วครับ ระหว่างนั้นผมก็ทักทายพูดคุยกับผู้ร่วมเดินทางแปลกหน้า ที่คาดว่าคงได้ใช้เวลาร่วมบนรถไฟด้วยกันกันอีกหลายชั่วโมง และถ่ายรูปบรรยากาศไปเพลินๆ  มีพ่อค้าแม่ค้านำ น้ำ อาหาร ขนม ขึ้นมาขายตลอดครับไม่ต้องกลัวอดครับ 

    นั่งไปเพลินๆก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายถ่ายโม้เม้นท์ดีๆบนรถไฟตู้ที่ 9 นี้ เก็บไว้ด้วยครับ ^^

    " เ เ ม่ "

    " ห อ บ ฝั น ไ ป ม า เ ล เ ซี ย "

    นั่งมาหลับๆตื่นๆ ผู้โดยสารก็มีขึ้นๆ ลงๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเดินทางเรื่อยๆ จนประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ ก่อนจะถึงชุมพร ผู้โดยสารก็เริ่มบางตาลง ผมก็หาที่ยึดครองเพื่อนอนหลับพักผ่อนอย่างจริงจังแล้วครับ 55

     

    • โพสต์-3
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    นั่งๆ นอนๆ ยืนๆ เดินๆ กว่า 13 ชั่วโมง ในที่สุดรถไฟก็มาจอดที่สถานีรถไฟคลองจันดีแล้วครับ รถไฟเลทไป 16 นาที ซึ่งตอนนี้ก็ 05:30 น. แล้ว ผมลงรถและเดินข้ามทางรถไฟไป วันนี้ตรงข้ามสถานีรถไฟก็มีตลาดเช้ามืดด้วยครับ ผมก็ถามพ่อค้าแถวนั้นว่า รถสองแถวที่จะไปตัวเมืองนครฯจอดตรงไหน ได้ความว่าตรงศาลเจ้า หรือจะไปรอหน้า 7-11 ก็ได้ เป็นรถสองแถวสีขาว แต่รถรอบแรกออกไปแล้ว ต้องรอรอบต่อไป 06:00 น. ผมเดินเล่นดูอะไรเพลินๆ สักพักรถก็มาแล้วครับ ค่าโดยสารถึงนครฯ 40 บาท

    รถออกมาแล้วครับ  ความจริงรถสองแถวสายนี้จะผ่านตรงแยกศาลาสังกะสีที่จะเข้าไปหมู่บ้านคีรีวงเลย สามารถรอต่อรถตรงนี้เข้าไปหมู่บ้านคีรีวงได้เลย(ประมาณ 8 กม.)  แต่ด้วยความที่ผมวางแผนว่าจะไปไหว้ศาลหลักเมือ และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อเอาฤกษ์ เอาชัยก่อนเริ่มทริป อีกอย่างผมนัดน้องไปเจอกันที่ตัวเมืองนครฯด้วยรถสองแถวแล่นออกมาเรื่อยๆ อากาศช่วงเช้านี่เย็นจนหนาวเลยครับ ที่เห็นตั้งตระหง่านตรงหน้านั่นคือยอดเขาเหมนครับ ผมตั้งใจว่าต้องขึ้นไปข้างบนให้ได้สักครั้ง แต่ยังหาวันเวลาไม่ลงตัวสักที TTรถแล่นมาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที(ช่วงแรกจอดรอผู้โดยสารเป็นพักๆ นานเหมือนกันครับ) เมื่อคืนผมโทรบอกน้องว่าไม่ต้องตื่นเช้า เพราะว่าจะไปศาลหลักเมืองก่อน แล้วค่อยมาเจอกัน(โรงแรมที่น้องพักอยู่ใกล้ศาลหลักเมือง) ระหว่างเดินเท้าไปศาลหลักเมือง เจอร้านขายไก่ทอด เนื้อทอด ผมจัดก่อนเลยครับเพราะเริ่มหิวแล้ว  : )เดินมาสักพักก็ถึงแล้วครับศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช 
    ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ภายในศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช  ประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง หลังกลางเป็นที่ประดิษฐานหลักเมืองออกแบบให้มีลักษณะคล้ายศิลปะศรีวิชัย เรียกว่าทรง เหมราชลีลา ส่วนอาคาร เล็กทั้งสี่หลังถือเป็น ศาลบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วยพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระพรหมเมือง และศาลพระบันดาลเมือง ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชนั้น เป็นศาลาทรงจตุรมุขจึงมีลักษณะเหมือนกันทั้ง 4 ลานทักษินรอบศาลหลักเมืองปูด้วยอิฐบล็อครูปแปดเหลี่ยม รอบนอกลานทักษินมีวิหารราย ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ อยู่ช่วงเช้าเริ่มมีคนมาสักการะกันแล้วครับ ผมก็เข้าไปสักการะเพื่อเอาฤกษ์ เอาชัยก่อนครับ ภายในของศาลหลักเมืองความประณีตบางส่วนของตัวศาลหลักเมือง และบริเวณรอบๆ
    ถ่ายรูปไปสักพักผมก็โทรหาน้องที่นัดไว้ให้มาเจอกันที่ศาลหลักเมือง และหาอาหารเช้าทานกัน ผมเดินผ่านร้านหนึ่งกำลังทำข้าวยำ หน้าตาดูน่าทานเลยสั่งมาลองทานดู รสชาติก็แปลกๆดีครับ ด้วยความที่ไม่เคยทานมาก่อน เลยไม่รู้ว่ามันอร่อยหรือไม่ สำหรับผมมันก็แปลกๆดีแต่ยังไม่ถูกปากเท่าไร(ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่อร่อยนะครับเพียงเเต่ยังไม่โดนใจผมเท่าไร)ทานเสร็จผมจึงให้น้องพาไปอาบน้ำที่โรงแรมเพิ่มความสดชื่นสักหน่อย : )

    • โพสต์-4
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็พากันเช็คเอาท์โรงแรมและเดินทางไป วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยรถสองแถวสีฟ้า 10 บาท(ถามจากรีเซปชั่นโรงแรม) นั่งรถมาไม่ถึงสิบนาทีเราก็มาถึง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารแล้วครับ
    วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดพระมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชั้นวรมหาวิหาร เดิมชื่อวัดพระบรมธาตุเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้และประเทศไทย พระบรมธาตุเจดีย์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นปูชนียสถานอันเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุดของชาวนครศรีธรรมราช และชาวใต้ทั้งปวง เป็นพระสถูปทรงโอคว่ำปากระฆังติดกับพื้นกำแพงแก้ว ที่มุมกำแพงแก้วมีพระบรมธาตุจำลองประดิษฐานอยู่ทั้งสี่มุม วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระธาตุไร้เงา ถือเป็นสถานที่ UNSEEN ที่หนึ่งของประเทศไทยอีกด้วยสำหรับสาเหตุที่เรียกชื่อ "พระธาตุไร้เงา" เพราะว่าองค์พระธาตุจะไม่ปรากฎเงาใด ๆ เลยแม้กระทั่งวันที่มีแดดจ้าหรือแดดแรงเพียงใด องค์พระธาตุก็จะไม่มีเงาทาบทาลงบนพื้นหรือวัตถุใด ๆ เลย ทั้งนี้ ชาวนครศรีธรรมราชเชื่อกันว่า ถ้าหากเมื่อใดที่พระธาตุมีเงา่ และเงาตกไปทางทิศไหน ทิศนั้นก็จะเกิดอาเพศหรือเหตุการณ์ร้าย ๆ ขึ้น พระบรมธาตุเจดีย์  นั้นยังบูรณะยังไม่แล้วเสร็จครับ

    ผมกับน้องเราก็เข้าไปสัการะด้านใน รวมทั้งประชาชนทั่วไปก็ทยอยมาสักการะอยู่เรื่อยๆครับบริเวณรอบๆพระบรมธาตุเจดีย์

    " ศ รํ ท ธ า "

    บริเวณรอบๆวัดวันนี้ฟ้าใสและแดดแรงมากๆครับ อยู่ได้แป๊ปเดียวก็ต้องถอยแล้วครับ เหลือบไปเห็นมังคุดคัดเสียบไม้วางขายอยู่ สินค้ายอดฮิตตามที่ผมอ่านรีวิวมาเลยขอลองหน่อย ส่วนตัวผมคิดว่ารสชาดก็มังคุดนี่แหล่ะครับ แข็งๆ ผมชอบแค่มันเย็นๆพอคลายร้อนได้ แค่นั้นจริงๆครับ 55เราออกจากวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อไปท่ารถสองแถวหมู่บ้านสู่คีรีวง บอกพี่คนขับว่าถ้าถึงแล้วเรียกพวกเราด้วย ไม่นานก็ถึงคิวรถสองแถว คีรีวง - นครฯแล้วครับ ราคารถ 10 บาท เหมือนเดิมครับ

    • โพสต์-5
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    เรามารอรถสองแถวตรงตลาดยาว ไม่นานนักรถก็ออกเดินทางสู่หมู่บ้านคีรีวงครับ ค่าโดยสาร 25 บาท
    นั่งรถมาประมาณ 40 นาที (ถึงประมาณบ่ายโมงกว่าๆ) เราก็มาถึงหมู่บ้านคีรีวงที่เขาว่าอากาศดีที่สุดในประเทศกันแล้วครับ รถรถปุ๊ปไม่รีรอรีบไปถ่ายรูปแลนมาร์คกันก่อนเลยครับ สะพานคีรีวง คลองท่าดี(รถสองแถวจอดตรงที่ข้ามสะพานไปแล้วนิดหน่อยครับ) พอถ่ายรูปได้สักแป๊ป ไม่ไหวแล้วครับ บอกได้คำเดียว ร้อน ร้อน ร้อนนนน วนไปครับ : (

    เนื่องจากยังไม่ได้ที่พักสำหรับคืนนี้กันเลยเพราะโทรหาโฮมสเตย์ดังๆตามรีวิวก็เต็มหมดแล้วครับ ผมกับน้องเลยตัดสินใจว่าลองเดินหากันก่อนภายใต้แดดที่ร้อนระอุ T^T เดินมั่วๆไปก็ต้องพักหาอะไรเย็นๆดื่มกันที่ร้านชาพะยอม เลยลองถามพี่ที่ร้านนี้เขาบอกว่ามีเยอะนะลองดูข้างๆร้านที่แปะประกาศไว้สินี่ครับป้ายที่แปะประกาศไว้ เราเลยไล่โทรกันทีละเบอร์ บางที่ก็เต็ม บางที่ก็เหลือแต่ห้องใหญ่ ต้องจ่ายตามราคาห้องเราเลยบอกปฎิเสธไป แต่มีที่บ้านพี่เอโฮมเสตย์คีรีวง นี่แหล่ะครับที่บอกเราว่าเหลือแต่ห้องใหญ่ น้องที่โทรถามก็ทำเสียงอ้อนๆหน่อยว่ามากันสองคน พี่เขาเลยบอกว่าคิดราคาห้องละ 500 บาทเราเลยรีบตกลงว่าจะไปพักกันครับ ถามไถ่เส้นทางแล้วก็สบายใจกันละครับ นั่งดื่มน้ำคลายร้อนกันไปเรื่อยๆ เยื้องๆร้านชาพะยอมก็จะเป็นร้านนายทั่ง ที่โด่งดังในรีวิวหลายๆกระทู้ครับ เราสองคนก็ไม่ได้แวะไปเพราะเหนื่อยจากการเดินทางบวกกับอากาศที่ร้อนเกิ๊นน เราเลยตกลงกันว่าเดี๋ยวเข้าที่พักกันก่อนดีกว่าต้องเดินย้อนกลับไปทางสะพานครับ เพราะว่าโฮมสเตย์จะอยู่บริเวณหลังศูนย์การเรียนรู้กลุ่มลูกไม้ ต้องเลี้ยวซ้ายก่อนข้ามสะพานครับ เเดดเเรงไปหนายย ฝนจ๋าฉันขอฝนเเรงๆได้มั้ยยย T^Tเดินมาสักพัก พอมีป้ายบอกทางบ้างตามป้ายกลุ่มลูกไม้ไปเรื่อยๆ เพราะโฮมสเตย์อยู่ด้านหลังติดกับศูนย์การเรียนรู้กลุ่มลูกไม้ เราก็มาถึงแว๊บแรกที่มองผ่านๆบ้านแล้วก็คิดว่าน้องที่มาด้วยจะโอเคหรือไม่เพราะมันไม่ได้เหมือนโฮมสเตย์ทั่วๆไป ที่กว้างขวาง ต้องดูดี  ใหญ่โต ส่วนตัวผมนั้นสบายๆอยู่แล้วผมก็พูดคุยกับคุณป้าไปเรื่อยๆ คุณลุงไปทำธุระข้างนอกยังไม่กลับ ส่วนลูกๆแกก็เข้าสวนครับเพราะเป็นช่วงฤดูผลไม้ ด้วยความที่น้องกับผมเป็นคนตลก เฮฮา ก็แซวๆแกไปเรื่อย ความประทับใจแรกมาแล้วครับ เวลคัมฟรุ๊ต เป็นผลไม้จากสวนป้าแกเองครับ (คิดในใจสบายละกู 55) ยังครับยังไม่หมด มาเรื่อยๆ หลังจากพูดคุยกันไป ถามไถ่ที่ไปที่มากันแล้ว ก็ได้เวลาสำรวจที่พักกันแล้วครับ 
    บ้านพี่เอโฮมสเตย์คีรีวง หลังจากที่ถามไถ่ข้อมูลแล้ว พี่เอซึ่งเป็นลูกสาวของป้าจารึกกับลุงเปียกได้เปิดโฮมสเตย์แห่งนี้ไว้ โดยไห้ป้ารึกกับพี่ ลุงเปียก และพี่โอห์ม(ลูกชายป้ารึกอีกคน)ดูแล ส่วนพี่เอจะเข้ามาดูบ้าง ตัวบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวตามแบบที่เห็นได้ทั่วไปในหมู่บ้านนี้ มีเฟอร์นิเจอร์ครบถ้วนครับ(ยกเว้นเครื่องปรับอากาศ) และมีห้องน้ำแยกสองห้องอยู่ด้านนอกตัวบ้าน มีห้องพักสามห้องห้องใหญ่  1 ห้อง พักได้ 6-7 คน ห้องเล็ก 2 ห้อง พักได้ 3-4 คน รวมๆแล้วพักได้ประมาณ 20 กว่าคนครับ(ถ้าไม่คิดอะไรมาก็นอนหน้าโทรทัศน์ตรงโถงบ้านได้เช่นกันครับ อ้อนๆป้ารึกหน่อยได้แน่นอนครับ 55 )  ค่าบริการคิดเป็นต่อคน คนละ 200 บาท/คืน ค่าอาหาร 150 บาท/คน/มื้อ(จะทานหรือจะหาทานเองก็ได้ไม่บังคับ) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสะพานคลองท่าดีมากนัก เดินเท้าได้สะดวกครับ ติดต่อผ่าน Facebook : บ้านพี่เอโฮมสเตย์ คีรีวง https://www.facebook.com/profile.php?id=100011813943736 หรือโทร : 085-0365656 , 091-6365591 ครับ

    นี่เป็นที่พักของเราสองคนครับ มีฮาเร็มเป็นของตัวเองกันเลยทีเดียว 55 แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าจะร้อนหรือเปล่าเพราะขนาดกลางวันยังร้อนขนาดนี้ ออกมาดูด้านนอกกันบ้างครับ มีชิงช้าไว้นั่งผ่อนคลาย บริเวณรอบๆบ้าน กว้างขวามร่มรื่นมากๆครับ มีต้นไม้สูงๆทั่วบริเวณบ้านจนลืมไปเลยว่าเมื่อกี้แดดแรงขนาดไหน : )รถสำหรับขึ้นสวนของลุงเปียกครับ ซิ่งน่าดู 55 
    หมายเหตุ : ใบไม้ที่พื้นไม่ใช่ว่าป้าเเกไม่กวาดนะครับ เเต่ลมด้านนอกมันพัดแรงจริงๆ ร่วงตลอด ฟีลเเเบบอยู่เกาหลีเลย 555ผลไม้มีรอบบ้านเลยครับเริ่มทยอยสุกแล้วก็มีครับเสียดายยย ผมอยากกินเงาะแต่ยังไม่แก่ T^Tพักกันจนหายเหนื่อยแล้วก็คุยกับน้องกันว่าเดี๋ยวออกไปหาอะไรดูในหมู่บ้านกัน ถามหาร้านเช่าจักรยาน ป้ารึกก็บอกว่าเอามอเตอร์ไซค์ป้าออกไปก็ได้ หูผึ่งเลยผม แล้วเราก็ได้มอเตอไซค์มาขับกัน ขับออกมาจาบ้านแค่นั้นแหล่ะ ร้อนไปไหนนนน (ขอบพระคุณป้ารึกมาครับ น้ำตาไหนพรากเมื่อนึกว่าต้องมาปั่นจักรยานกลางแดดที่ร้อนระอุแบบนี้ รักป้าจังงง) ขับกันไปดูอะไรเพลินๆ ข้ามสะพานเล็กๆไป นึกว่ามันจะทะลุกับอีกฝั่ง  นู้น เข้าสวนใครเขาก็ไม่รู้เข้าไปอย่างลึก เมื่อรู้ตัวว่าเหมือนจะหลงแน่ๆก็รีบถอยกันออกมาอย่างไวเลยครับ นึกแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน 55

    ขับออกมาจากสวนก็มาพักแวะดูผู้คนเล่นน้ำกัน ลมพัดตลอดเลยครับหมู่บ้านนี้ เย็นสบายมากนักท่องเที่ยววันที่ผมไปก็เยอะพอสมควรครับจากนั้นเราขับมอเตอร์ไซค์ต่อไป เรื่อยๆ ตรงไหนที่มุมดีๆเราก็แวะกัน เลยแวะมาดูมุมกว้างๆของหมู่บ้านกันบ้าง บริเวณนี้ลมแรงกว่าด้านล่างอีกครับ สบายๆนั่งไปสักพักฝนตกลงมาเฉยเลยครับ ถึงว่าเมื่อบ่ายๆถึงได้ร้อนเกิ๊นน
    เรานั่งอยู่กันที่เดิมจนฝนหยุดตก เมฆนี่อลังการมาก แสงแดดกลับมาอีกครั้ง และก็ร้อนยิ่งกว่าเดิม 55 เราชวนกันว่าร้อนขนาดนี้ต้องไปเล่นน้ำสิ เลยขับมอเตอร์ไซค์กลับที่พักและแวะเติมน้ำมันรถคืนคุณป้า เอาของบางส่วนเก็บไว้แล้วก็ออกไปเล่นน้ำกันน เย้

    • โพสต์-6
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    กลับมาถึงบ้านป้าก็ถามพวกเราว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี ผมกับน้องเลยบอกว่าขอพื้นบ้านเลยป้าจัดมาเล้ยย ไม่เอาผัดกระเพราก็พอ 55 เราเลยบอกป้าว่าจะไปเล่นน้ำ ป้าเลยบอกเอาห่วงยางไปเล่นด้วยสิ(เราก็หูยยในใจ ดีจังมีห่วงยางให้ด้วย) เราเดินออกมาจากบ้านอีกนิดหน่อยก็ถึงคลองแล้ว(โฮมสเตย์อยู่เกือบๆติดคลอง) ช่วงนี้เเดดร่มลมตก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ออกมาปั่นจักรยานกันหนาตาเลยครับ รวมทั้งออกมาเล่นน้ำกัน คนเยอะมากครับ น้องที่มาด้วยกันไปก่อนเลยครับ ฟีลลิ่งมาเต็ม 55ส่วนตัวผมเองก็หามุมเหมาะๆ นอนแช่น้ำไปเพลินๆดีครับ น้ำเย็นชื่นใจมากเลย : )นั่งมองน้ำไปเพลินๆบรรยากาศดีขนาดนี้ ขอหน่อยแล้วกันเนอะครับยังครับยัง ฟีลลิ่งยังมาเต็ม ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยกันเลยทีเดียว 555พวกเรานั่งแช่น้ำไป จิบอะไรเย็นๆไปเรื่อยๆ พระอาทิตย์ก็ตกไปซะแล้วครับ สีของท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันสวยมากเลยนะครับในความคิดผมพอแสงหมดเริ่มมืด เราก็ต้องจำใจกลับบ้านกันแล้วครับ เพราะป่านนี้ป้าคงทำอาหารรอไว้แล้ว : )
    กลับมาก็โดนป้าดุไปหน่อยว่ากลับมืดจะออกไปตามอยู่แล้ว พวกเราก็ได้แต่หัวเราะแหะๆไป เราเลยพากันไปอาบน้ำ ออกมาป้าก็ยกกับข้าวออกมาไว้ให้ ผมนี่ตาวิ้งๆเลย 555 ผมชวนป้ากินข้าวด้วยกัน เเต่ป้าบอกว่ากลับมืดขนาดนี้ใครจะรอ 55 ผมเลยได้แต่หัวเราะเเห้งๆส่งไป555 กับข้าวมี ผักกูดลวกราดน้ำกระทิ แกงไตปลา ใบเหลียงผัดใข่  ใข่เจียวใส่ใบชะอมทอด แกงเหลืองปลาใส่ต้นบอน(ผมเพิ่งเคยกินต้นบอนครั้งแรกชอบมากๆ)  ผัดผักรวมมิตรและสะตอสดไว้แกล้ม เยอะไปไหนครับป้าาา แต่อย่าคิดว่าไม่หมดนะครับเพราะมันอร่อยมากกกก(กอ ไก่ ล้านตัว วนไปครับ)

    • โพสต์-7
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    หลังจากจากที่พวกเราตังใจกินกันมากก กับข้าวทุกอย่างก็ทยอยหายวับไปกับตา 555 ถ้าจะให้นอนเลยตอนนี้คงแย่แน่ๆ เราเลยว่าจะออกไปเดินเล่นกันหน่อย ผมลองออกไปมองดาวด้านนอก เห็นเยอะดีเลยติดกล้องไปด้วย ลองถ่ายดาวใบแรกบริเวณบ้าน ทางช้างเผือกก็มาแล้วครับ เลยชวนน้องเดินเล่นไปทางสะพานจะได้เห็นฟ้ากว้างๆ 
    เดินย่อยมาเรื่อยๆ ผมเลยลองถ่ายภาพบนสะพาน หมู่บ้านคีรีวงยามค่ำคืนก็มีเสน่ห์เหมือนกันนะครับ เเค่นี้ผมก็คิดว่าสวยแล้วครับ : )พวกเราเดินข้ามสะพานแล้วเดินไปยังจุดที่เรานั่งชมวิวกันเมื่อตอนบ่าย เพื่อจะได้เห็นทางช้างเผือกกว้างๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังครับมันสวยมากๆจริงๆครับเมื่อถ่ายภาพจนหนำใจแล้ว เราเลยตกลงกันว่าหาอะไรเย็นๆไปดื่มสักหน่อย(ตรงบริเวณก่อนข้ามสะพานจะมี มินิมาร์ทที่เปิด 24 ชั่วโมง ผมจำชื่อไม่ได้ แต่จำได้ว่าร้านจะเป็นสีเขียว) เราซื้อเสร็จจึงเดินกลับบ้านกัน เจอพี่โอห์ม(ลูกชายป้ารึก)นั่งดื่มอยู่ก่อนแล้วจึงไม่รีรอที่จะขอไปร่วมวงด้วย การสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการ์ณก็ดำเนินไปเรื่อยๆ

    • โพสต์-8
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    หลังจากที่เมื่อคืนผมและน้อง ไปร่วมวงกับพี่โอห์มบทสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการ์ณก็ดำเนินไปเรื่อยอย่างออกรส(เหมือนว่ารู้จักกันมานานมาก55)  โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด บวกกับบรรยากาศดีมากๆทำให้คุยกันลืมเวลาไปเลย ผมเลยต้องกำหนดเวลาให้ตัวเองแล้วครับ ขอตีหนึ่งพอเพราะผมเริ่มง่วงแล้วและเพลียจากการเดินทางด้วย กลัวพรุ่งนี้จะไม่ตื่นอดไปดูแสงยามเช้า พอตีหนึ่งน้องก็ไปนอนก่อนแล้วและผมก็กำลังจะตามไป เลยขอตัวพี่โอห์มไปนอนก่อน แต่พี่โอห์มยกข้าวออกมากินก่อนนอนและเรียกผมให้ทานด้วย ผมก็ไม่กล้าเสียมารยาท 5555555 จัดไปครับพี่ ทานเสร็จแล้วเก็บข้าวของผมก็เข้าไปนอน อากาศเย็นมากจนต้องหยิบผ้าห่มมาห่มเลยครับจากที่คิดว่าจะร้อนแท้ๆ พอหัวถึงหมอนแป๊ปเดียวก็หลับเป็นตายไปเลยครับ
    เช้านี้ผมตื่นมาประมาณ 6 โมงได้ ผมเลยปลุกน้องไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วออกไปเดินเล่นกัน ร้านค้าโชว์ห่วยเล็กๆก็ยังมีให้เห็นและเปิดให้บริการกันแล้วครับ นักท่องเที่ยวก็ทยอยตื่นมาปั่นจักรยาน เดินเล่นกันมีให้เห็นเรื่อยๆครับชาวบ้านก็ทยอยตื่นออกไปทำสวนกันแล้วครับเช้านี้สดชื่นมากๆ อากาศดีจริงๆครับ ผมก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆตั้งใจว่าจะไปตลาดหาอะไรรองท้องกันสักนิดหน่อย : )พ่อค้า แม่ค้า ชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยวก็มีให้เห็นพอสมควรครับบางคนก็ออกมาใส่บาตรเช้าแบบนี้ผมต้องจัดหมูปิ้งก่อนเลยครับ ทนความหอมไม่ไหว 555เดินมองวิถีชีวิตชาวบ้านไปเรื่อยๆ 

    " รุ่นใหญ่ VS รุ่นเล็ก "

    เดินมองวิถีชีวิตชาวบ้านมาเรื่อยๆ จนมาถึงสะพาน(อีกแล้ว) ถ่ายรูปสักหน่อยเช้านี้บนสะพานคนเยอะน่าดูครับ พวกเราเลยเลี่ยงๆ ไปที่จุดชมวิวเดิม ที่ไปมาเมื่อวานแทนแล้วก็เดินลงไปด้านล่างกันนั่งซึมซับบรรยากาศไปเรื่อยๆ เพลินดีครับ เพราะอากาศดีเลยไม่ทำให้รู้สึกเบื่อพอเริ่มสายๆ แดดเริ่มแรงเราเลยตกลงกันว่าจะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนจุดชมวิวนี้ก็มีโต๊ะเก้าอี้รวมทั้งศาลา ให้นั่งพักอยู่พอสมควรครับวิถีชีวิตของชาวบ้านกับสายน้ำก็ยังมีให้เห็นครับเรากลับมาถึงบ้าน เจอพี่โอห์มกำลังไปสวนพอดี แกชวนไปสวนแกนะครับ แต่พวกเราต้องเดินทางกลับวันนี้แล้ว ทำให้ผมเสียดายมากกก ฮืออ ป้าก็มาถามว่าเมื่อคืนหลับสบายมั้ย ผมบอกผมไม่รู้ ผมเมา 555

    • โพสต์-9
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    อาบน้ำแต่งตัวเสร็จประมาณ 9 โมงกว่า ผมก็ไปนั่งคุยกับป้าเหมือนเดิม และด้วยติดใจอาหารฝีมือป้า เลยขอให้แกทำให้อีกมื้อหนึ่งขอแบบเดิมพื้นบ้านมาเลยป้า จัดให้หน่อยแล้วก็เลยถามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆว่าไปทางไหน ไปยังไง ป้าก็เเนะนำและบอกว่าเอารถมอเตอร์ไซค์ป้าไปสิ(เราก็หูยยย อีกล้าววว ใจดีจัง) ผมก็ปฎิเสธคนไม่เป็นด้วยสิ เลยเรียกน้องบอกว่าไปน้ำตกวังไม้ปักกัน ขับมอไซค์มาเรื่อยๆผมก็ว่าไกลเหมือนกันนะ ถ้าปั่นจักรยานมานี่หืดขึ้นคอเป็นแน่แท้
    ถึงแล้วครับ น้ำตกวังไม้ปัก ไหนล่ะน้ำ 555(ทราบภายหลังว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ผลไม้ติดลูกแล้ว ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะดึงน้ำเข้าสวนไปรดน้ำต้นไม้กันจึงทำให้ปริมาณน้ำเหลือน้อย)ถ้ามีน้ำมากกว่านี้คงบรรยากาศดีน่าดูเลยแต่ก็มีน้องปลาเยอะแยะมากมายมหาศาลให้ดูด้วยครับน้องก็ไปซื้ออาหารมาให้ปลา 
    หมายเหตุ : การซื้อคือชาวบ้านจะวางถุงอาหารไว้เลย แล้วมีกระปุกให้ใส่เงิน ต้องใช้ความซื่อสัตย์ล้วนๆเลยครับ " สั ก วั น เ ร า จ ะ โ ต " หลังจากนั้นเราก็ขับรถกลับมาแล้วแวะ กลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง
    กลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง เป็นกลุ่มที่ให้ความรู้กับการย้อมผ้ามัดย้อมด้วยสีจากธรรมชาติ เน้นการใช้พืชในชุมชนมาเป็นสีย้อมผ้า เช่น มังคุด ,สะตอ, ลูกเนียง เป็นต้น และมีการนำผ้าที่ย้อมได้มาตัดเป็นเสื้อผ้าวางจำหน่ายอีกด้วยการต้มผ้าเพื่อย้อมให้สีซึมเข้าเนื้อผ้า ผ้าที่เห็นเป็นผ้าฝ้ายนะครับผ้าที่ย้อมเสร็จแล้ว รอการตัดเย็บต่อไปจากนั้นเราก็ขับมอเตอร์ไซค์ต่อไปที่ หนานหินท่าหาครับ ร ะ ห ว่ า ง ท า ง : )พอไปถึงคนเยอะมากครับ เหมือนเป็นที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเหล่าวัยรุ่นในพื้นที่ แล้นักท่องเที่ยว มีร้านอาหารเรียงรายให้เลือกเยอะมากครับ ผมเพียงขับผ่านไม่ได้จอดลงไปชมบรรยากาศเลย เพราะตอนนี้ก้เที่ยงกว่าแล้ว ผมมีนัดอาหารเที่ยงกับคุณป้าไว้ด้วย ^^แวะเติมน้ำมันรถคืนคุณป้าแล้ว ก็กลับมาถึงบ้านคุณป้าก็ทำอาหารไว้รอแล้ววว ผมนี่ตาวิ้งแล้ววิ้งอีก 55 มื้อนี้มี แกงเลียง(ผมเพิ่งเคยกินแบบแกงน้ำใสๆครั้งแรก ติดใจอีกแล้ว ^3^) คั่วกลิ้งหมูที่เผ็ดจนน้ำตาเล็ดแต่ก็หยุดกินไม่ได้ ปลาแดงทอดขมิ้น น้ำพริกกะปิ แกงส้มต้นบอนที่ผมติดใจจนต้องขออีกมื้อ ใบเหลียงผัดใข่  จัดเต็มมาอีกหนึ่งมื้อ วันนี้ผมชวนป้าทานข้าวด้วยกัน  เราทานกันไปคุยกันไปหยอกล้อ เรียกเสียงหัวเราะกันไป ส่วนลุงเปียกที่ทานข้าวแล้วเเต่ก็มานั่งร่วมวงสนทนาใกล้ๆ แถมไปเก็บผลไม้รอบๆบ้านมาให้อีกครับ ผมรู้สึกดีมากเลย เหมือนนั่งล้อมวงทานข้าวกับที่บ้าน  ประทับใจผมมากเลยครับ <3ผมทานจนอิ่ม ที่จริงเรียกว่าพุงกางเลยน่าจะเหมาะกว่าครับ เติมข้าวแล้วเติมข้าวอีก พออิ่มเราก็นอนเล่นกันบริเวณบ้าน บรรยากาศดีมากครับ วันนี้ลมพัดแรงกว่าเมื่อวาน จนผมเผลอหลับไปเลยครับ 55ตื่นมาอีกทีเกือบบ่ายสามแล้ว ผมจึงรีบอาบน้ำ เก็บของไปขึ้นรถสองแถว เพราะว่ารถออกจากหมู่บ้านจะหมดประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ ป้าเลยบอกว่าจะไปส่งที่ท่ารถสองแถว <3 

    ..เก็บของเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาร่ำลาแล้วครับ ได้แต่กล่าวขอบคุณป้าที่รับเรามาพัก มากันแค่สองคนแต่ก้รับเรา ทั้งที่เป็นห้องใหญ่ และบอกกับคุณป้าว่า ถ้ามีโอกาสคงจะได้กลับมาบ้านที่อบอุ่นหลังนี้อีก กลับมาทานกับข้าวฝีมื้อป้าที่อร่อยมากๆอีกครั้ง ความจริงผมยังไม่อยากกลับเลย แต่ด้วยความที่พรุ่งนี้วันจันทร์ ก็ต้องกลับไปทำงานตามหน้าที่  ไม่อยากกลับเลยยย(ยอ ยักษ์ล้านตัว) ฮืออT^T

    • โพสต์-10
    Ah •  กันยายน 14 , 2559

    ผมขึ้นรถสองแถวรอบสุดท้ายจากหมู่บ้าน เพื่อไปลงที่แยกศาลาสังกะสีและต่อรถสองแถวไปยังสถานีรถไฟคลองจันดี เพื่อต่อรถไฟเขากรุงเทพ ส่วนน้องก็แยกกันบนรถสองแถวเลย รอรถสองแถวไม่นานก็มุ่งสู่สถานีรถไฟคลองจันดีผมมาถึงสถานีรถไฟและเลือกขบวนที่ 86 นครศรีธรรมราช- กรุงเทพ เป็นรถด่วน ค่าโดยสาร 269 บาท รถออกเดินทาง 16:52 น. โดยเวลาตามตั๋ว จะถึงชุมทางบางซื่อประมาณ 06:05 น. โชคดีที่ผมมาถึงสถานีก่อนรถไฟจะเดินทางมาถึงประมาณ 15 นาทีได้ ไม่นานนักรถไฟก็ออกเดินทางแล้วครับพอเช้ามืดเราก็เข้าเขตกรุงเทพแล้วครับผมหลับๆ ตื่นๆ เดินๆ(ส่วนใหญ่จะหลับ 55) เช่นเคย กว่า 13 ชั่วโมงเช่นเคยครับ รถไฟก็จอดเทียบชานชลาที่ชุมทางบางซื่อ ประมาณ 06:10 น.  ผมก็ลงจากรถไฟและเดินทางกลับหอพัก อาบน้ำ แล้วก็ไปทำงานต่อไปครับ..

    หมายเหตุ : ผมไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวทั่วทั้งจังหวัดนครศีธรรมราช รวมทั้งสถานที่สำคัญๆของตัวหมู่บ้านคีรีวงได้ครับเนื่องจากมีข้อจำกัดทางเวลาและการเดินทาง จึงนำบางส่วนที่ผมได้พบได้เจอมาเเชร์กันครับ และข้อมูลบางอย่างผมคัดลอกมาจากในเว็บหลายๆเว็บนะครับ นำมารวมๆกันแล้วตัดบางส่วนออกไปบ้างเพื่อให้ไม่ไห้ข้อความยาวจนเกินไป หากขาดตกบกพร่องประการใด สามารถชี้แนะได้เลยนะครับผม 

    สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆนะครับ (ผมคิดเป็นต่อคนเลยนะครับ)
    1.ค่าที่พัก

     -บ้านพี่เอ โฮมสเตย์ คีรีวง 250 บาท

    2.ค่าเดินทาง 

    -ค่ารถไฟ 498 บาท(ไป-กลับ) 

    -ค่ารถสองแถว จันดี-นครฯ 40 บาท
    -ค่ารถสองแถว วัดพระธาตุ 20 บาท
    -ค่ารถสองแถว นครฯ-คีรีวง 25 บาท
    -ค่ารถสองแถว คีรีวง-คลองจันดี 15+40 = 55 บาท
    - ค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ 60 บาท
    -ค่าดอกไม้ธูปเทียนไหว้พระ 20 บาท(บางสถานที่ผมก็ทำเพียงยกมือไหว้แล้ขอขมาต่างๆครับ)
    3.ค่าอาหาร
    -อาหารที่ทานในโฮมสเตย์ 2 มื้อ 250 บาท (ป้าลดให้ 100 บาท <3)
    -ค่าข้าว ค่าขนม เครื่องดื่มอื่นๆ อันนี้ผมไม่ขอนำมาคิดรวมนะครับ แล้วแต่ไลฟ์ไสตล์ของแต่ละคนนะครับ
    สรุป รวมแล้วค่าที่พัก+ค่าเดินทาง ผมใช้เงินไป 1,218 บาท
    ปล. ถ้ารวมค่าอาหารเคื่องดื่มต่างๆจนจบทริปผมหมดไปเกือบๆ 2000 บาทครับ(รวมค่าเดินทางจากหอและกลับมายังหอในวันเดินทางกลับครับ)

  1. โหลดเพิ่ม