ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
First time!! ราชบุรี เสาร์-อาทิตย์ก็เที่ยวได้ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
    • โพสต์-1
    Take A Day Off •  มีนาคม 22 , 2560

    ราชบุรี อีก 1 ตัวเลือกสำหรับคนอยากเที่ยวต่างจังหวัดวันเสาร์-อาทิตย์

    ใครมีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์แนะนำไปเที่ยวราชบุรีกันค่าาา

    อำเภอเมืองราชบุรี ห่างจากกทม.ขับรถก็ประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนอำเภอสวนผึ้งก็จะเป็น 3 ชั่วโมงจากกทม

    ใครที่มีเวลา 3 วันแนะนำให้แวะเที่ยว ตลาดน้ำดำเนินสะดวกกันก่อนได้นะคะ โดยไปทางสมุทรสงครามก็จะผ่านไปได้

    ส่วนใครมีเวลาแค่สุดสัปดาห์ลองตามทริปนี้ไปกันเลย

    เราออกจากกรุงเทพกันประมาณ 7 โมงเช้า เพื่อที่จะตรงไปเริ่มเที่ยวกันที่อำเภอสวนผึ้งกันเลย ขาไปเราใช้เส้นทางที่ผ่านทางจังนครปฐมนะคะ รถเยอะนิดหน่อย

    ประมาณ 10 โมงกว่าๆก็ถึงจุดจอดแรกที่ใครๆก็ต้องมาเมื่อแวะสวนผึ้ง นั่นก็คือ บ้านหอมเทียน

    มาตอนเช้ารถยังไม่เยอะค่ะ จอดหน้าทางเข้าได้เลย

    ซื้อบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ราคา 60 บาทนะคะ โดยบัตรสามารถนำไปแลกรับเทียนหอมที่ร้านของที่ระลึกฟรี

    แค่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นความหอมของเทียนแล้ว หอมมากๆ

    ในบริเวณบ้านหอมเทียนก็จะแบ่งเป็นบ้านเล็กๆ ไต่ระดับเนินเขาขึ้นไปด้านบน มีกิจกรรมต่างๆมากมายผู้ใหญ่ทำก็ได้ เด็กยิ่งดีเลย มี work shop ทำเทียนแกะ 200 บาท น่ารักมากๆ เดินขึ้นไปเรื่อยๆก็จะพบกับของตกแต่งสวยงาม vintage น่าถ่ายรูปไปหมดทุกมุม 

     

    รวมทั้งร้านขายเทียนหอม ที่มีเยอะมากๆๆๆๆๆๆ มีหลายแบบหลายสไตลเดินเพลินมากๆ 

    เดินต่อไปด้านบนมีคาเฟ่เล็กด้านบนบรรยากาศดี มองออกไปเป็นวิวเชิงเขาเขียวขจี เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งแบบวินเทจมากๆ และร้านไอศกรีม ข้างๆคาเฟ่ มีซุ้มยิงเป้าชิงของรางวัลเล็กๆน้อย

    น้ำอัญชัญมะนาวในกระบอกไม้ไผ่ 59 บาท ชื่นใจมากๆ  

    เสร็จจากบ้านหอมเทียน เรายูเทินนิดนหน่อยแล้วขับขึ้นไปสถานที่ยอดฮิตอย่าง the scenery farm กันซะหน่อยเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง

    เรามาถึงกันตอนเที่ยงพอดี ร้อนมากๆๆๆ ใครจะมาแนะนำว่าแวะกินข้าวกันไปก่อนแล้วมาช่วงบ่ายๆหน่อยดีกว่า ตัวแทบไหม้

    ซื้อบัตรเข้าชมประมาณ 50 บาท ซึ่งสามารถนำหญ้าไปแลกให้แกะได้ 1 กำ พร้อมกับบัตรส่วนลดไอศกรีมนมแกะด้านในฟาร์มค่า

    ก้าวพ้นประตูเข้ามาก็เจอกับดอกหญ้าสวยๆ ได้อารมณ์ฟาร์มมากๆ

     ไม่รอช้ารีบไปเยี่ยมน้องแกะสุดน่ารักกันดีกว่า ยื่นหน้ามาทักทายแต่ไกลขอบอกว่าแกะที่นี่เชื่องน่ารักมากๆไม่มีการโจมตี เดินอย่างเชื่องช้าและใกล้ชิดเราแบบสุดๆ ถัดจากแกะไป จะเป็นคอกของม้าแคระ สามารถให้อาหารม้าแคระได้ แต่ต้องซื้อบัตรแยกเพิ่ม เนื่องจากร้อนมากทนไม่ไหว เราก็เลยรีบกินไอติมนมแกะ แล้วก็เคลื่อนที่ไปจุดหมายต่อไป Coro field ซึ่งจะอยู่ทางผ่านขากลับเข้าตัวเมืองพอดี

    ที่นี่เจ้าของเปิดให้เข้าชมฟรี ไม่คิดเงินนะคะ นอกจากจะมีฟาร์มผักต่างๆ มะเขือเทศ ก็ยังมีโรงปลูกเมล่อน รวมกันกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมาย รวมถึงปั่นจักรยานชมฟาร์มด้วย

    Work shop ตกแต่งต้นไม้และกระถางเป็นที่ระลึกนะคะ โดยจะมีต้นไม้หลากหลายแบบ ราคาเริ่มต้นที่ 155 บาท พร้อมอุปกรณ์หินสีและปากกาตกแต่งกระถางฟรี น่ารักขนาดนี้ต้องอุดหนุนซ่ะหน่อย อุปกรณ์มีหินหลากสี หลากสไตล์ให้ได้เลือกตกแต่ง ก่อนกลับที่ห้ามพลาดคือต้องแวะชิมขนมที่ทำจากเมล่อนกันนะคะ ขอบอกว่าอร่อยมากจริงๆๆๆ ที่ห้ามพลาดเลยคือ เมล่อนปั่น หอมหวานชื่นใจดสุดๆ 95 บาทถ้วน แก้วใหญ่มาก 2 คนกินถึงจะหมดด้านตรงข้ามคาเฟ่ก็จะมีร้านขายผลิตภัณฑ์จากฟาร์มให้ติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทั้งเมล่อน มะเขือเทศ มันม่วง ข้าวสารต่างๆ ลองแวะชมกัน

     

     

    • โพสต์-2
    Take A Day Off •  มีนาคม 22 , 2560

    เสร็จจาก coro field บ่ายแก่ๆ เราก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปนอนในเมืองกัน เนื่องจากวันพรุ่งนี้จะเที่ยวในตัวเมืองต่อ 

    จากอำเภอสวนผึ้งกลับเข้าตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง 

    ก่อนเข้าโรงแรมเราก็แวะทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ้าดังของราชบุรีกัน อยู่แถวๆหอนาฬิกาในตัวเมืองราชบุรีเลย ลองหาใน google ได้เลย มีที่จอดรถหน้าร้านเลย ร้านปิดเร็วหน่อยแล้วแต่วัน ลองโทรเช็คก่อนเข้าไปทานกันน้า

    ขอบอกว่าอร่อยมากจริงสมคำร่ำลือ ถึงกับต้องเบิ้ลอีกชาม รสชาติซุปกลมกล่อม เส้นเข้าที่พอดีไม่นิ่มไม่แข็งเกินไป 50 บาทเท่านั้น อร่อยจริงๆ

     

    เมื่ออิ่มหนำสำราญ ก็มุ่งหน้าเข้าโรงแรม เนื่องจากเป็นทริปพาคุณแม่มาพักผ่อน แล้วแม่อยากนอนแบบธรรมชาติและมีactivity นิดหน่อยว่ายน้ำคลายร้อนไรงี้ เราก็เลยหาในรีวิวมากมากมายเลือกเป็นโรงแรมที่ออกจากตัวเมืองมาหน่อย ชื่อว่า "ณ เวลา" 

    พนักงานก็แนะนำเป็นห้องชั้น 1 pool access เดินลงสระว่ายน้ำได้เลย ถูกใจคุณแม่สุดๆ คืนละ 1500 บาท จัดว่าแพงกว่าในตัวเมืองอยู่พอสมควร ในเมืองที่ส่องๆมีตั้งแต่700บาทเลย ลองเลือกกันดูสระว่ายน้ำมี bubble massage ถูกใจสุดๆ

    โรงแรมตกแต่งแบบเรียบง่าย มีความเป็นไทยผสมอยู่แต่ดู modern ดีค่ะ มีที่ถ่ายรูปเยอะถูกใจ มีฟาร์มปลูกข้าวจำลองให้เราเข้าดู รวมถึงเครื่องทอผ้าซึ่งเป็นของดังราชบุรี พนักงานต้อบรับทุกคนน่ารักมากประทับใจ

    ด้านหลังห้องพักชั้น 1 จะมีระเบียงมองเห็นภูเขาและทุ่งนา ช่วงพระอาทิตย์ตก ค่ะ ถ้าหน้าหนาวน่าจะฟินมากๆ 

    หลังจากแดดหมด คุณแม่ก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวลงแช่ในน้ำ ปรากฎว่าสระว่ายน้ำปิดจ้าาา พนักงานบอกว่าเครื่องกรองน้ำของสระเสียยังไม่รู้จะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ ความฝันพังครืนนกันเลยทีเดียววววเพราะมาแค่คืนเดียว ทางผู้บริหารโรงแรมเลยให้ชุดผลไม้กับน้ำแตงโมปั่นมาเป็นการขอโทษแทน

    ใครจะมาพักที่นี่แล้วอยากแช่น้ำในสระก็เช็คกันดีๆก่อนเข้าพักด้วยเน้อ จะได้ไม่เจอแบบเรา ช้ำใจ ฮือออ

    หลังจากว่ายน้ำไม่ได้ก็เลยออกไปหาอะไรกินแทนดีกว่า

     

    ช่วงค่ำ วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะมีตลาดหรือถนนคนเดินของราชบุรี ชื่อว่า ตลาดเก่าโคยกี๊ อยู่บริเวณริมแม่น้ำใกล้ๆ ตลาดสดเลย ของส่วนใหญ่ก็จะเป็นของกิน หรือพืชผักผลไม้ที่ชาวราชบุรีเอามาขายกัน ได้บรรยากาศมาก ลองไปเดินกันดูน้า

    ได้วิวเมืองราชบุรีก่อนพระอาทิตย์ตกมากฝาก ชิวมากๆ

     

    วันที่ 2 เราก็เตรียมมุ่งหน้าไป โรงงานเซรามิคชื่อดังของราชบุรี โรงงาน เถ้าฮงไถ่กันค่ะ

    กองทัพเดินด้วยท้องทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันก่อนค่ะ หลากหลายทั้งไทยทั้งเทศมีหมด

     

    จากนั้นก็มากันที่เถ้าฮงไถ่เลยค่ะ อยู่ไม่ไกลจากเมืองเลย 

    โรงงานเถ้าฮงไถ่เปิดให้เข้าชมฟรี แค่ป้ายก็สวยแล้วอ่ะ

    ภายในมีร้านกาแฟเล็กๆอยู่

     

    ด้านในตกแต่งด้วยเซรามิคหลายสีสันมากกก รูปแบบสวยงามมีทั้งแจกัน อ่าง ชาม พื้น ไปจนถึงกำแพง สวยหมด น่าถ่ายรูปไปซะทุกมุมเลย ด้านในตัวโรงงานจะมีของขายเล็กๆน้อย พวก จาน ชาม แจกัน โถไรงี้ 50- 200 กว่าบาท ของแล้วแต่วันที่เค้าจะลงค่ะหลังจากถ่ายรูปจนเหนื่อยเราก็แวะไปกินบะหมี่ชื่อดังอีกเจ้าของราชบุรีกันก่อนออกจากตัวเมือง

    ชื่อว่าร้าน ก๋ำเช้ง อยู่แถวๆถนนคนเดิน หรือตลาดสดของเมืองค่ะ 

    ที่ร้านจะมีเส้นบะหมี่ใหญ่พิเศษ เฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วน วันธรรมดาจะเป็นเส้นบะหมี่ปกติค่ะ เลยจัดมาทั้ง 2 แบบ ประมาณ 35-40บาทลืมและ

    ในบะหมี่จะประกอบไปด้วยเนื้อปูและหมูหวาน ในส่วนของเส้นอร่อยดี มันจะมีความรู้สึกแบบกรึบๆเวลาเคี้ยว ส่วนหมูก็นุ่ม แต่ติดหวาน+มันไปนิสนึง

     

    หลังจากอิ่มท้องเราก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพ ผ่านทางเส้นนครปฐมเหมือนเดิมค่ะ

    แต่ก่อนกลับเราแวะต่อกันที่ เจษฎา เทคนิค มิวเซียม เป็นพิพิธภัณฑ์รถเก่า+เครื่องบิน 

    โดยเจษฎา เทคนิค มิวเซียม จะต้องเลี้ยวแยกออกจากทางกลับกทม.ไปประมาณ ไม่เกิน 5-10 กิโลค่ะ ดังนั้นใครกลับทางนี้อย่าลืมแวะกันนะคะ เข้าชมฟรีอีกด้วย

     

    จบแล้วววใครมีเวลาว่างเสาร์อาทิตย์อย่าลืมพาครอบครัวไปเที่ยวกันที่ราชบุรี ใกล้นิ๊ดดดดดเดียวเอง