ตะลอนเที่ยวหัวหิน พักผ่อนนอนชิลที่ Yaiya Boutique Resort Huahin

อากาศร้อนแดดเปรี้ยงและหนาแน่นไปทั้งคนและรถเต็มไปทั่วลานจอด

ชอบเดินงานไทยเที่ยวไทย ปีที่แล้วอยากไปพักแบบพูลวิลล่าบ้าง เลยซื้อวอชเชอร์ที่พัก
"Yaiya Boutique Resort Huahin" ไว้ 2 ใบ แต่ตอนจะจองติดปัญหาว่ารีสอร์ทมีเสียงรบกวนจากการก่อสร้างด้านข้างเลยเลื่อนวันเข้าพักแบบไม่มีกำหนด จนเวลาผ่านมาหลายเดือนพอหยิบมาดูอีกที ใช้ได้ถึงสิ้นเดือนกันยา 58 นี้แล้ว จะขายต่อก็เสียดาย โชคดีตอนโทร.ไปจอง 18-20 กันยายน 2558 ยังมีห้องพักยังว่างสำหรับเราสองคนพอใกล้วันเดินทางก็มีพายุหว่ามก๋อทำให้ฝนตกหนักทั่วไทยและน้ำท่วมไปหลายพื้นที่ได้แต่ภาวนาว่าฟ้าฝนอย่ากระหน่ำหัวหินด้วยเถอะ

แพลนไว้คือล้อหมุนตอนบ่ายสามวันศุกร์ แต่เจ้าสี่ล้อดันงอแงสตาร์ทไม่ติดเพราะจอดทิ้งไว้หลายวัน ต้องพ่วงแบตถึงสองรอบ เลยต้องหาร้านเปลี่ยนแบตรถกันก่อน กว่าจะเสร็จก็เกือบค่ำ จขกท.เริ่มหงุดหงิดโมโหหิวซะแล้วสิ จัดการเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปร้านเกษร คลองโคนกัน เคยเห็นเพื่อนโพสต์และในรีวิว ปู่ไข่ร้านนี้น่าโดนมาก แต่พอไปถึง ร้านปิดจ้า! มาถึงนี่ละ  มองซ้ายมองขวา เจอป้าย "ครัวผู้ใหญ่จอย" ด้วยความหิวเลี้ยวรถไปตามป้ายไปเลยค่ะ ร้านค่อนข้างใหญ่ ริมน้ำบรรยากาศดีค่ะ แต่ร้านยุงเยอะไปหน่อย

ไม่รอช้าสั่งอาหารมาครบทั้ง หุ้ง หอย ปู ปลา
ปูทะเลไข่นึ่งค่ะ  กิโลละ 700 บาท เราสั่งมาครึ่งกิโลค่ะ ตัวไม่ได้ใหญ่มากแต่ไข่แน่น หอยนางรมทรงเครื่อง เพิ่งพลังกันหน่อย มาแบบกระปุกไม่ค่อยสดแบบที่หวังไว้ กุ้งทอดซอสมะขาม เผ็ดนำหวาน ไม่ถูกปากสู้ร้านประจำที่บ้านเกิดเมืองคอนไม่ได้  ปลาทูต้มยำน้ำใส ปลาทูสด ซดน้ำต้มยำแซ่บถึงเครื่องค่ะ แตงโม ผลไม้ล้างปาก บริการจากทางร้านค่ะ 
มื้อนี้จ่ายไป 790 บาทค่ะ โดยรวมถือว่าโอเคแต่ไม่ได้รู้สึกว่าเด็ดจนต้องกลับมาทาน 
ออกจากร้านประมาณทุ่มกว่า ทั้งลมทั้งฝนเริ่มกระหน่ำมา  ถนนบางช่วงก็ไม่มีไฟ มองทางลำบากมาก บางคันก็จอดพักริมถนน เพื่อความปลอดภัย เราแวะปั๊มรอให้ฝนซาดีกว่า  ขับคลานกันไปเรื่อยๆ ตามถนนเพชรเกษมท่ามกลางสายฝน ในที่สุดก็ถึง "Yaiya Boutique Resort Huahin" กันแบบชุ่มฉ่ำ รีสอร์ทอยู่บนถนนเพชรเกษม เมื่อวิ่งผ่านพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ผ่านค่ายนเรศวร ก็เตรียมชิดซ้าย เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก ติดหาดชะอำมุ่งหน้าไปทางหัวหิน เข้าทางเดียวกับ เชอราตัน หัวหินเลยค่ะเวบไซต์ของรีสอร์ท http://www.yaiyaresort.com/ 

ระหว่างรอเช็คอิน  พนักงานก็ต้อนรับด้วยผ้าเย็น ขนมปังชีสเชคไส้สับปะรด และน้ำกระเจี๊ยบค่ะ พนักงานบอกว่าฝนตกหนักตั้งแต่หกโมงเย็นเลย โชคดีนะคะคุณผู้หญิงทางเราเพิ่งปั่นไฟเสร็จ! แขกคนอื่นที่ไปเที่ยวในเมืองหัวหินมาก็บอกว่าน้ำท่วมด้วย เรานี่ยิ้มอ่อนพยายามคิดบวกว่าเดี๋ยวน้ำก็ลดและไฟคงไม่ดับอีก
ท่ามกลางสายฝนชุ่มฉ่ำพนักงานก็นำเราไปห้องพัก ชื่อห้อง V10  สระศาลา เป็นพูลวิลล่าแบบหนึ่งห้องนอนค่ะ
ที่เขวนประตูอันนึงเป็นห้ามรบกวน ส่วนไม้กวาดไว้แขวนหากต้องการให้ทำความสะอาดห้องค่ะ น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มมาก ร่มของทางรีสอร์ทเป็นร่มแบบชาวเหนือค่ะ เรียบง่ายแต่สวยงาม  เดินไปด้านขวามือจะเจอตู้เซฟ ตู้เย็นพร้อมมินิบาร์ที่ทานได้ฟรีหมดเลยค่ะ ถาดใส่ชากาแฟสำเร็จรูปให้เลือกดื่มกันตามใจชอบ 

เปิดบานประตูอีกด้านเป็นห้องน้ำและห้องแต่งตัวอยู่ด้วยกัน พื้นที่กว้างมาก ตรงหน้าคืออ่างล่างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่ มีโลชั่นทาผิวให้ด้วย หอมกลิ่นตะไคร้มาก ด้านซ้ายเป็นสุขาด้านขวาเป็นห้องอาบน้ำ

ห้องอาบน้ำมี rain shower

อ่างอาบน้ำพร้อมเกลือสปากับใยบวบสำหรับขัดตัว ซึ่งไม่ได้นอนแช่เลย มีเป็ดน้อยวางเรียง 

มุมแต่งตัว มีชุดผ้าฝ้ายเปลี่ยนสำหรับเล่นโยคะ รองเท้าสำหรับใส่ภายในห้อง 2 คู่และเดินไปด้านนอกอีก 2 คู่ กระเป๋าผ้าสำหรับเดินเล่นชายหาด จขกท.ไม่ได้ถ่ายรูปมุมนี้มาเพราะวางสัมภารกไว้เต็มเลย
 

มาดูห้องนอนกันบ้างค่ะ เข้ามาซ้ายมือจะเป็นโซฟาตั้งอยู่มุมห้อง สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องนอนมี ทีวีจอแบน  (ทีวีติดไว้มุมไม่ดีเท่าไหร่ นอนดูที่โซฟาก็ไม่ถนัด นอนดูบนเตียงก็มุ้งบัง)เครื่องเล่นดีวีดี โต๊ะเขียนหนังสือ และหนังสือวางไว้ให้อ่านก่อนนอน ขนมผิงในโถแก้วไว้ต้อนรับแขกผู้มาเยือน หอมอร่อยมาก ทานไปเกือบครึ่งวันถัดไปแม่บ้านก็มาเติมให้นะคะ
โน้ตเล็กๆฝากถึงแขกที่มาพัก ใครชอบโยคะไม่ควรพลาด  ตุ๊กตายายย่า  หากสนใจติดต่อซื้อที่ล้อบบี้ รายได้ส่วนหนึ่งเพื่อการกุศลค่ะ เตียงนอนไม้สีเข้มมีมุ้งคลุมสี่ด้านโรแมนติกเชียว ที่นอนหนานุ่มพร้อมผ้าห่มเป็นผ้าแพรผืนบางห่มสบายแต่ก็ชินห่มผ้านวมมากกว่า ที่เห็นมีหงส์คู่โปรยกุหลาบไว้ เพราะแจ้งไว้ว่ามาฮันนีมูนค่ะ ฝนตกเตียงก็น่านอน รีบไปอาบน้ำนอนดีกว่า 

 

อรุณสวัสดิ์เช้าวันเสาร์เรานอนตื่นสาย อาบน้ำแต่งตัวไปทานมื้อเช้าดีกว่า   ห้องอาหารจะอยู่เกือบถึงหน้าหาด  สั่งชุดอาหารเช้าคนละชุดที่หน้าเคาเตอร์ ไลน์บุฟเฟต์มีให้เลือกน้อยแต่รสชาติและคุณภาพดีค่ะ โยเกิร์ตใส่ขวดโหลน่าทาน อร่อยด้วย ชากาแฟสั่งผ่านพนักงานค่ะ น้ำผลไมก็มีให้เลือกหลายอย่าง ตบท้ายด้วยผลไม้ล้างปาก  อิ่มแล้วไปเดินเล่นกันค่ะ สระว่ายน้ำส่วนกลางอยู่ใกล้กับห้องอาหาร สระค่อนข้างใหญ่พอว่ายไปกลับได้
บาร์ริมสระ คอยบริการเครื่องดื่ม  สวนหย่อมใต้ต้นไม้ใหญ่ มีชิงช้าให้ไกวและเครื่องเล่นอยู่หลายชิ้น 
ใกล้กันมีเตียงชายหาดใต้ร่มเงาต้นมะพร้าว นอนเปลญวนมองทะเลฟังเสียงคลื่นชิลๆ ถ้าแดดไม่ร้อนคงหลับตรงนี้ซักงีบ อยากจะยกไปไว้ที่บ้านจริงๆ  มีเพียงหาดทรายทะเลสายลมและสองเรา เพราะแดดเปรี้ยงไม่มีใครมาเดินเล่นเลยค่ะ เตียงที่นั่งมีร่มบังแดดสีแดงตั้งรียงรายสำหรับแขกที่เข้าพักที่นี่ เริ่มร้อนแล้วกลับห้องพักดีกว่า ยายย่าสปา เป็นเรือนไม้ค่ะ มีเสียงดนตรีเปิดคลอตลอด 

 

ห้องพักที่นี่มีหลายแบบ   มีห้องพักเพียง 40 ห้อง แบ่งเป็น
Deluxe Terrace Rooms – 65 sqm – Garden view 6 ห้อง
Deluxe Sea Terrace Rooms – 65 sqm – Sea view  17 ห้อง
Suite Sea Terrace Rooms – 110 sqm – Sea view 6 ห้อง
SaSala One Bedroom Pool Villas – 157 sqm 8 หลัง (จขกท.พักแบบนี้) มีปลาหนึ่งตัวติดอยู่ที่หน้าวิลล่า 
SaSala Two Bedroom Pool Villas – 222 sqm 2 หลัง มีปลาสองตัวติดอยู่ที่หน้าวิลล่า YaiYa Pavilion Three Bedroom Pool Villa – 357 sqm with infinity edge outdoor pool overlooking sea view 1 หลัง จขกท.พักห้อง สระศาลา 10 ค่ะ
ประตูทางเข้าห้องพักของเรา มีหมูน้อยคอยเฝ้าตู้จดหมายหน้าประตู  ทางเดินเข้าห้อง ข้างกำแพงมีแนวต้นไม้สีเขียวจนถึงบันไดขึ้นชั้นสอง ประตูเข้าห้องพักค่ะ 

 

ขึ้นมาชมชั้นสองของวิลล่ากัน  รอบๆมีต้นไม้คอยบังตา ไม่ถึงกับเป็นส่วนตัวมาก เพราะยังมองเห็นวิลล่าฝั่งตรงข้ามเลือนๆ และด้านข้างรีสอร์ทกำลังก่อสร้างอยู่ด้วย สระว่ายน้ำส่วนตัวขนาด 4x4 เมตร ระดับน้ำ 1.50 เมตรค่ะ ต่ำกว่าความสูงของจขกท.นิดนึงเอง ศาลาพักผ่อนมีเตียงหลังใหญ่พร้อมหมอนมุ้ง เบาะนั่งและหมอนอิงสามเหลี่ยม 
มินิบาร์มีเครื่องชงกาแฟและตู้เย็นให้ด้วย เจอแบบนี้แทบไม่อยากออกไปข้างนอกเลย นั่งแช่น้ำชิลๆ เริ่มหิวอีกแล้ว ออกไปหาอะไรทานดีกว่า 

 

ตลอดทางเดินรีสอร์ทและห้องพักจะเจอแต่สีเขียวของร่มไม้ใบหญ้านานาชนิด สร้างความสดชื่น ร่มรื่น ช่วยคลายร้อนได้ดีเลยค่ะ หนึ่งจุดเด่นของยายย่า ซึ่งหาได้ยากในที่พักโซนหัวหิน   ความงามในความร่วงโรย เที่ยงนี้เรามาทานกันที่ “ร้านอาหารบ่อฝ้ายชายทะเล” เป็นร้านในที่พักสวัสดิการของกองทัพอากาศ ใกล้ที่พักมาก ขับมาไม่เกิน 10 นาทีเองค่ะ เรามาถึงบ่ายโมงนิดๆ คนก็เริ่มทะยอยกลับ  นอกจากบริเวณหน้าห้องครัว มีศาลาให้นั่งริมทะเลด้วยนะคะ ว่างหนึ่งหลังสำหรับเราพอดี นั่งรับลมเย็นๆ ชมวิวทะเลสวยๆ ระหว่างรออาหาร น้ำแตงโม่ปั่นหวานเย็นชื่นใจ  รอแป๊ปเดียว อาหารก็มาเสิร์ฟค่ะ
กุ้งเผาครึ่งกิโล เนื้อแน่นหอมน่าทานมาก หอยตลับผัดฉ่า รสเด็ดเผ็ดจัดจ้าน หอยแมลงภู่อบ หอยสด น้ำจิ้มแซ่บมาก อาหารอร่อย บรรยากาศดีริมทะเล แนะนำเลยค่ะ ทานแบบสบายใจ จ่ายไป 890 บาทค่ะ 

หน้าห้องอาหารมีลูกตาลเชื่อมในน้ำตาลสดด้วยนะคะ ถ้วยละ 35 บาท 3 ถ้วย 100 จัดมา 3 ถ้วย อร่อยหวานพอดี 

หนังท้องตึงหนังตาหย่อน กลับห้องพักไปนอนซักงีบดีกว่า โถงใต้อาคารที่พักทางเดินไปยังห้องพักค่ะ 
ขวามือมีงานศิลปะติดโชว์อยู่  ขอเล่นน้ำคลายร้อนให้ฉ่ำใจแล้วค่อยออกไปเที่ยวกันต่อนะคะ   แช่น้ำจนหนำใจ ได้เวลาออก ไปชมวิวเมืองหัวหินกัน
ลอดอุโมงค์แล้ววว เป็นอุโมงค์ลอดใต้รันเวย์ของสนามบินหัวหินนะคะ ผู้ใช้เส้นทางเข้าตัวเมืองหัวหินจะต้องขับรถลอดผ่านอุโมงค์ใต้ทางวิ่งไป  ทางขึ้นไป "จุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ" ค่ะ 
เขาหินเหล็กไฟ หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เขาเรดาร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ใกล้ตัวเมือง  มีจุดชมวิวเมืองหัวหิน   ถึง 6 จุด เป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองหัวหินจากมุมสูงทำให้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามรอบทิศ  จุดนี้จุดที่ 4 เป็นจุดแรก ใครขี้เกียจเดินไกลก็แวะแค่จุดนี้แหละค่ะ มีแผงเหล็กกั้นกันคนตก แต่ก็เห็นมีคนปีนลงไปด้านล่างด้วย วิวเมืองหัวหินค่ะ ตึกแน่นเชียว เราเลือกไปชมจุดที่ 6 ต่อค่ะ ดูแล้วน่าจะเดินไกล คนคงน้อย ไม่ค่อยมีคนเดินมาจริงๆด้วย ระหว่างทางไม่เจอใครเลย จุดชมวิวตรงนี้สวยงามรอบทิศจริงๆ วิวเมืองติดทะเล "หัวหินถิ่นมีหอย" เริ่มจะมืดยุงก็เริ่มมากลับกันดีกว่า ดอกอะไรไม่รู้จักแต่น่ารักดี มีใครรู้จักชื่อมั๊ยคะ 

 

ได้เวลามื้อเย็น เลยไปหาอะไรทานและเดินเล่นต่อที่ “Cicada Market หรือตลาดจั๊กจั่น” ค่ะ เราจอดรถที่จุดรับฝากรถในซอย่อนถึงตลาดเป็นบ้านของคนละแวกนั้น  มีรั้วรอบขอบชิด ค่าฝาก 50 บาทต่อคัน เดินลัดซอยนิดเดียวถึงตลาดเลย ถือว่าจ่ายค่าความสะดวก ต่อแถวซื้อคูปองมา 300 บาท เดินวนไปวนมาก็กลายเป็น 3 อย่างนี้ค่ะ
เห็ดย่าง 2 ไม้ ข้าวมันไก่ ข้าวต้มทะเลร้อนๆ น้ำผึ้งมะนาวเย็นชุ่มคอ อิ่มแล้วก็เดินย่อยดูสินค้าตามร้านต่างๆ ผู้คนคึกคักแน่นทุกซอย เราเดินกันทั่วตลาดเลยค่ะ ได้เสื้อคู่หัวหินไว้ใส่พรุ่งนี้กันคนละตัว ระหว่างเดินมีเสียงประกาศเป็นระยะๆ เชิญชวนให้คนไปดูโชว์มายากล มาหยุดแวะชมและให้กำลังใจเด็กน้อยโชว์ต่อขวด เรียกแขกได้ดีทีเดียว วนมาจนถึงด้านหน้ามีคนกำลังโชว์ควงไฟอยู่  คนพ่นไฟ ยืนดูจนโชว์จบ ถึงเวลากลับที่พักกันทั้งง่วงทั้งเพลีย
แสงและเงา โคมโฟทางเดินทุกอันจะเป็นลายกล้วยพัด สัญลักษณ์ของยายย่าค่ะ ไม่เข้มข้นเราไม่นอน  วันอาทิตย์ก็ยังคงตื่นสาย มาพักผ่อนทั้งทีก็ต้องนอนให้เต็มที่ใช้มั๊ย มื้อเช้าก็ทานเมนูเดิมๆ วันนี้จะพาชมบรรยากาศห้องอาหารค่ะ 
โซนเครื่องดื่มติดกับสระว่ายน้ำส่วนกลาง มีน้ำผลไม้ให้เลือกเยอะ ส่วนชากาแฟก็สั่งผ่านพนง.ได้เลย
เคาร์เตอร์สั่งเมนูอาหารเช้า ด้านหลังเป็นครัวค่ะ คอนเฟลก ท้อปปิ้งหลายแบบให้เลือก โยเกิร์ตใส่ขวดโหลจิ๋วๆน่าทาน  ไลน์บุเฟเฟต์มีให้เลือกน้อยแต่อร่อยทุกอย่าง  มุมปิ้งขนมปัง มีขนมปังและแยมแบบโฮมเมดหลายแบบ แยมมะม่วงอร่อยมาก สลัดบาร์ สาระพัดน้ำสลัดให้ราดผักสดๆ มุมของหวานและผลไม้ ทับทิมกรอบหอมหวานอร่อย  ห้องอาหารโล่งโปร่งสูง จำนวนโต๊ะก็เยอะพอสมควร  หมอนอิงสีส้มและสีฟ้าตัดกับโซฟาสีครีมเพิ่มความสดใสให้ห้องอาหาร ทานไปชมวิวสวนหย่อมไป แต่เนื่องจากต้นไม้เยอะ ยุงเลยชุมไปนิด ทางห้องอาหารก็มีสเปรย์ตะไคร้กันยุงให้นะคะ 

อิ่มแล้วก็กลับห้องไปเก็บสัมภาระจะได้ออกไปตะลอนถิ่นมีหอยต่อก่อนกลับกรุง  

แขกมาเช็คเอาท์พร้อมกันหลายห้อง เลยเดินสำรวจบริเวณล็อบบี้ระหว่างรอพนง.ตรวจความเรียบร้อยของห้องและเราก็ลืมถุงขนมไว้ ใกล้กันมีเปียโนหลังใหญ่ตั้งโชว์อยู่  มีคอมพิวเตอร์ให้เล่นและแผ่นหนังให้ดูด้วย  มุมภาพถ่ายและของที่ระลึกค่ะ  ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่เลือกมาพัก ห้อง Pool Villa ที่ Yaiya Boutique Resort Huahin เป็นบูติครีสอร์ติดทะเล ที่มีสเน่ห์ สวยงาม สงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การมาพักผ่อนมากๆจนไม่อยากออกไปไหนเลย  พนักงานทุกคนก็ต้อนรับและดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ใครอยากมาพักแนะนำให้ซื้อแพ็คเกจราคาน่าโดนจากงานไทยเที่ยวไทยค่ะ ส่วนจขกท.หากมีโอกาสจะกลับมาอีกนะยายย่า 

วันนี้เราจะไปอุทยานราชภักดิ์ หาดสวนสนประดิพัทธิ์ ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม และวัดห้วยมงคลค่ะ

ก่อนไปเที่ยว ขอแวะจิบกาแฟที่ “ร้านกาแฟข้างบ้าน (Coffee Next Door)” แปปนึง ร้านอยู่ติดถนนเพชรเกษม  ปากซอยหัวหิน 83เลยค่ะ แต่ต้องขับเข้าไปจอดรถในวอยแล้วเดินออกมา  เป็นร้านกาแฟสีเหลืองเล็กๆแต่ดูอบอุ่น มีให้นั่งทั้งในห้องแอร์และรับลมด้านนอก เรานั่งด้านนอกค่ะ  บรรยากาศร้านร่มรื่น มีต้นไม้น้อยใหญ่ และบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟขนาดเล็ก  คาราเมลลาเต้เย็นหอมหาแฟและคาราเมล โซดามะนาวแก้วโปรดของพลขับ  บานอฟฟี่ทีเด็ด โอรีโอ้อัดแน่นที่ฐานพายวางทับด้วยกล้วยชิ้นใหญ่ราดคาราเมลไหลเยิ้มโปะหน้าด้วยวิปครีมหนานุ่ม  

สามอย่างนี้  190 บาทค่ะ ใครผ่านมาทางนี้ควรแวะลองนะคะ

 

ออกจากร้านกาแฟ ใช้ถนนเส้นเดิมขับไปอีกแปปเดียวก็ถึง “อุทยานราชภักดิ์” แล้วค่ะ  สำหรับประวัติความเป็นมาของอุทยาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองทัพบกจัดสร้าง "พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม" พร้อมจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อว่า “อุทยานราชภักดิ์" ซึ่งเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ได้แก่
1.พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย)
2.สมเด็จพระนเรศวร (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
3.สมเด็จพระนารายณ์ (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
4.สมเด็จพระเจ้าตากสิน (สมัยกรุงธนบุรี)
5.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
6.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
7.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
      ซึ่งทุกพระองค์ล้วนทรงสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ 

พื้นที่และกรอบแนวคิดการจัดสร้าง         
       กองทัพบก จะดำเนินการจัดสร้าง อุทยานราชภักดิ์ ภายในพื้นที่ของกองทัพบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้พื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งสิ้น ๒๒๒ ไร่เศษ ซึ่งองค์ประกอบภาพรวมของอุทยานราชภักดิ์ จะมีโครงสร้างหลักที่สำคัญ จำนวน 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย
       ส่วนที่ 1 : พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ แห่งสยาม จำนวน 7 พระองค์ โดยน้อมถวายพระเกียรติแด่พระมหากษัตริย์แต่ละยุคสมัยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ชึ่งพระนามแต่ละพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั้งชาวไทยและ ใช้พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ โดยรูปแบบของพระบรมราชานุสาวรีย์ จะจัดสร้างในลักษณะพระอิริยาบถทรงยืน ความสูงเฉลี่ยไม่เกิน 13.9 เมตร หล่อด้วยโลหะสำริดนอก
          ส่วนที่ 2 : ลานอเนกประสงค์ มีเนื้อที่ประมาณ 91 ไร่ ใช้สำหรับกระทำพิธีที่สำคัญของกองทัพ และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ
          ส่วนที่ 3 : อาคารพิพิธภัณฑ์ หรือห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ โดยการค้นคว้า รวบรวม และจัดทำพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจที่สำคัญของบูรพกษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยจะดำเนินการจัดสร้างบริเวณด้านล่างของฐานพระบรมราชานุสาวรีย์
         พื้นที่ส่วนที่เหลือจำนวน 126 ไร่ จะเป็นสภาพภูมิทัศน์โดยรอบ และการจัดสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวก อ้างอิงข้อมูลจากเว็บ http://www.rta.mi.th/RTAweb/pageinfor/weppage.html

อากาศร้อนแดดเปรี้ยงและหนาแน่นไปทั้งคนและรถเต็มไปทั่วลานจอด  หลบร้อนไป "หาดสวนสนประดิพัทธ์" กันดีกว่า อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอุทยานราชภักดิ์ ใกล้ๆกันค่ะ มีชานชาลารอรถไฟผ่านหน้าสวนด้วย