OKฉันจะไป"เบตง"

ไหนๆก็ลงใต้แล้วไปให้สุดไปเลยค่ะ (ออกไปถึงปีนังกันเลยทีเดียว) เบตงเป็นอำเภอที่อยู่ในจังหวัดยะลาขึ้นชื่อว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คงจะไม่พ้นเหตุการณ์ระเบิดในพี่นที่3จังหวัดชายใต้ภาคใต้ แต่เชื่อไหมเบตงไม่ได้น่ากล้วอย่างที่คิด ทุกอย่างยังคงปกติ อากาศดีสุดๆ ทะเลหมอกก็มีให้ดู ไปเบตงกันนะ

เริ่มต้นที่หาดใหญ่นะคะ เรานั่งรถตู้ที่สถานีขนส่งหาดใหญ่ ตอน 8.30 น. ถีงเบตงก็เที่ยงครึ่ง รถตู้ไปส่งถึงโรงแรมเลยค่ะ (โรงแรมโมเดิร์นไทย คืนละ 650 บาท มีหลายราคา ราคานี้ต่ำสุด) ติดต่อเช่ารถมอไซด์ที่โรงแรมได้เลยค่ะวันละ300 บาท พอเข้าห้องปุ๊ปฝนก็โปยลงมาเลยจร้า นอนหลับรอฝนตื่นมาอีกทีก็บ่ายสาม เราก็เริ่มออกเดินทาง

 

เราไปกันที่ ต้นสมพงษ์ ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้อยู่หมู่บ้านจุฬาภรณ์ 10 แว๊นออกมาจากตัวเมืองเบตงประมาณ 30 กิโล พอมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ต้องขับรถเข้าไปอีกค่อนข้างไกล จากถนนที่เป็นซีเมนต์ เริ่มเป็นถนนลูกรังสืแดง เริ่มรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะถึง ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ แต่เราไม่ได้ติดต่อเข้าไปเอง เดินเท้าเข้าไปประมาณ 15 นาที มีทางปูนให้เดินค่ะ ที่นี่เป็นเหมือนที่ของคอมมิวนิสต์นะคะ มีสิ่งปลูกสร้างหลงเหลืออยู่

มันใหญ่มากจริงๆ

 

ทางเดินไปต้นสมพงษ์ค่ะ

 

 

ลานด้านหน้าทางเข้าไปต้นสมพงษ์

 

 

จากต้นสมพงษ์ ไปอีกทางนึงจะมีอนุเสาวรีย์อะไรสักอย่างจำไม่ได้

 

 

ออกมาจากอนุเสาวรีย์เจอน้ำตกไม่มีชื่อมีแต่ป้ายบอกว่าน้ำตก จอดรถแล้วเดินไปตามสวนมังคุดสวนเงาะ ไม่มีคนเลยค่ะ เหมือนน้ำตกนี้เป็นของเรา

 

มาถึงน้ำตกแล้ว ต้องตกน้ำสักหน่อยค่ะ ไม่ใชชชชชช่ นี่เป็นความซุ่มซ่ามส่วนตัวที่มีได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดแล้วก็ไม่จำกัดจำนวนครั้งด้วยย555 เดินตกลงไปในน้ำเฉยเลย เปียกไปค่ะ น้ำเย็นมากกกกกก

 

 

แล้วเราก็กลับเข้าตัวเมืองเบตงไปแวะวัดพุทธานิวาส เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แลยังมีพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธพรรมประกาศสีทองเหลืองอร่ามสวยงามมาก

วันที่ไปตรงกับวันอาสาฬหบูชาพอดี เลยได้เวียนเทียนด้วย

 

มาถึงแลนด์มาร์คของเมืองเบตงบ้างค่ะ หอนาฬิกาและอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์เเป็นอุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย แล้วก็จะมีตู้ไปรษณีย์ที่ทั้งสูงทั้งใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ ใช้งานได้ค่ะ ยังไปส่งโปสการ์ดมาเลยค่ะ

โรงเรียนจงฝา   หมดไปหนึ่งวันกับเบตง พรุ่งนี้เช้าเราจะไปดูทะเลหมอกกันที่อัยเยอร์เวง

 

จากทะเลหมอกอัยเยอร์เวงผ่านน้ำตกเฉลิมพระเกียรติร.9 เลยแวะสักหน่อย ทางเข้าไปไกลมากกกกก แล้วก็ไม่่มีคนอีกเช่นเคย มาที่นี่ได้ออกกำลังนิดนึง ปีนก้อนหินขึ้นไป

 

จากน้ำตกเราก็ไปบ่อน้ำพุร้อน ตามธรรมเนียมเราก็ต้องแช่เท้า ต้มไข่^^ ป้ายบอกว่า7นาทีไข่สุก ต้มไป10นาทีมันก็ยังไม่สุกเลยค่ะ

 

 

ไปกันต่อที่อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์คอมมิวนิสต์ มีค่าเข้าชม 30 บาท เป็นทางเดินในอุโมงค์ มีทางออกได้ 6 ทาง เดินวนออกทางโน้นที่ทางนี้ทีก็เหนื่อยเหมือนกันนะคะ  ที่นี่จะมีต้นไทรต้นนึงใหญ่มาก

 

 

อยู่เบตงก็มีสวนดอกไม้เมืองหนาวนะจ๊ะ "สวนหมื่นบุปผา" มีค่าเช้าชม 20 บาท จากอุโมงค์ปิยะมิตรมารู้สึกว่าค่อนข้างไกล ขับรถขึ้นเขาวนไปเรื่อยๆ สวนไม่ใหญ่มากมีที่พักด้วย ตอนที่เราไปสวนยังจัดไม่เสร็จ มาติดฝนที่อีกชั่วโมงกว่า

จากสวนก็กลับตัวเมืองเบตงเพื่อที่จะไปด่านเบตง-มาเล เราอยู่ใต้สุดต้องไปแชะรูปคู่กับป้ายหน่อย

 

 

ยังมีสวนสาธารณะใต้สุดแดนสยามด้วยใกล้ๆกับสนามกีฬาเบตงเลยค่ะ

 

มัสยิดกลางเบตงก็สวยน๊าาา

 

 

มาต่อกันที่เช้าอีกวันนึงไปดูทะเลหมอกแถวๆอุโมงค์ปิยะมิตร ซึ่งเป็นวันที่หมอกไม่เป็นใจ

 

 

หลังจากผิดหวังจากทะเลหมอก เราก็รีบกลับมาโรงแรมเพื่อที่จะเก็บของไปเที่ยวปีนังต่อ

ในแผนที่เขาบอกด้วยว่าเบตงมีเสาธงที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วย อยู่ในกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน แต่เราไม่เคยทันตอนที่ธงชาติไทยปลิวไสวอยู่บนยอดเสาเลย ออกไปก็ตั้งแต่ตีสี่ตีห้า กลับมาธงชาติก็ลงมาอยู่ข้างล่างแล้ว

เบตงเป็นเมืองน่าเที่ยวนะคะ อากาศก็ดี คนทีนั่นก็ใจดีมากค่ะ เสียดายไม่ได้ไปดูทะเลหมอกที่กุนุงซิลีปัตตอนแรกไม่รู้จริงๆ คือตอนไปเบตงไม่ได้หาข้อมูลไรมากไปถึงค่อยว่ากัน  ถ้าใครได้ไปเบตงอย่าลืมไปที่กุนุงซิลีปัตด้วยนะคะ แต่ละที่มีความสวยงานนะคะ แต่เราถ่ายรูปไม่สวยต้องขอภัย ในที่นี้จะไม่ละเอียดเท่าไหร่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แลกเปลี่ยนที่เที่ยว ชวนไปเที่ยวได้นะคะที่(รบกวนช่วยบอกนิดนึงนะคะว่ามาจากรีวิว)https://www.facebook.com/mm.maimakoto