เที่ยวน่าน กับ ปัว ภูคา ขุนสถาน และอำเภอเมือง กับเวลา 5 วัน 4 คืน

วันที่ 1

 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา ตี 4.30

ออกเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว จุดหมายแรกที่เราจะไปคือ 

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก เพื่อไหว้ขอพรและสักการะ พระพุทธชินราช 

และได้แวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างวัด ชื่อร้านว่า ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาริมน่าน จ.พิษณุโลก 

มื้อนี้ที่สั่งไป มี ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย กากหมู ขนมปังหน้าหมู โอเลี้ยง 

รสชาติใช้ได้ ราคาอยู่ที่ 155 บาท

เมื่อท้องอิ่มก็เริ่มเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปอยู่ที่ อำเภอปัว จังหวัดน่าน

ถึงจังหวัดน่านแล้ว แต่ยังต้องเดินทางไปยังอำเภอปัวอีก ซึ่งค่อนข้างไกลพอสมควรจากตัวเมือง

หลังจากนั้นไม่นาน ในเวลา 4 โมงเย็น ก็ถึงอำเภอปัว 

ภาพแรกที่เห็น เมื่อถึงอำเภอปัว ท้องฟ้าเป็นสีส้มอมชมพู สวยมาก 

จากนั้นเอาของไปเก็บที่ ที่พัก 

ที่พักคืนนี้ เราพักที่ นครน่านอพาร์ทเม้นท์ ราคาคืนละ 500 บาท

แถมตั้งอยู่ใกล้ตลาดปัวด้วยนะ

เครดิตภาพจาก BOOKING  

ถึงเวลาอาหารค่ำ เราเลือกเดินหาของกินแถวๆ ตลาดปัว 

โดยร้านในคืนนี้ชื่อว่า ครัวโฮงหนัง 

เมนูที่เราสั่งในมื้อนี้คือ ไส้อั่ว ก๋วยจั๊บ และปอเปี๊ยสด(เหมือนก๋วยเตี๋ยวลุยสวน)

ราคาอยู่ที่ 255 บาท

รสชาติก็คือว่าอร่อย โดยเฉพาะปอเปี๊ยสด

พออิ่มก็กลับที่พัก และเข้านอนด้วยอุณหภูมิ 11 องศา

วันที่ 2

จุดหมายสุดท้ายของวันนี้อยู่ที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

เก็บของออกจากที่พักตอน 7 โมง

ไป ตลาดสดปัว เพื่อซื้อของสดไปทำกินที่ภูคา

บรรยายกาศตอนเช้าดูคึกคักสุดๆ

แล้วก็ถึงเวลาอาหารเช้า ก็คือ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ที่ตลาดนั่นเอง

ราคาชามละ 20 บาท ถูกแสนถูก

พอซื้อของ และทานอาหารเสร็จ

เราก็มุ่งไปยังจุดหมายต่อไป คือวัดภูเก็ต

วัดภูเก็ต เป็นวัดที่สามารถมองเห็นวิวภูเขา ทุ่งนาได้กว้าง และไกล

สถานที่ต่อไป กาแฟบ้านไทลื้อลำดวนผ้าทอ  

ลองชิมกาแฟสดกับชาเขียวสะหน่อย 

2 แก้วนี้ราคา 75 บาท

เวลาประมาน 11.30 น. ใกล้ถึงเวลามื้อเที่ยงกันแล้ว

เราเลือกฝากท้องมื้อนี้ไว้ที่ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ 

มาทั้งที่ต้องสั่งเมนูเห็ดๆ กันหน่อย

เมนูที่เลือกมา มีพิซซ่าเห็ด ยำเห็ด 5 สหาย และ กระเพราเห็ดราดข้าว

ราคารวมในมื้อนี้อยู่ที่ 290 บาท ถือว่าไม่แพง

ในส่วนของบรรยากาศรอบๆ ฟาร์มเห็ด

หลังจากอิ่มท้อง เราก็จะเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้ายของในวันนี้

คือ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

โดยระหว่างทางชั่งโหดมาก โค้งทั้งนั้น แถมสูงสุดๆ ไปเลย

เป็นที่มาของชื่อทริปในครั้งนี้ นั่งเสียว...เที่ยวน่าน

เมื่อถึงอุทยานแห่งชาติแล้ว อย่าลืม ชำระเงินค่าเข้าอุทยาน และค่าเช่าพื้นที่กางเต๊นท์ด้วยนะจ๊ะ

แต่ว่า...เราจะไม่พักในอุทยาน เราจะมาพักที่ ลานดูดาว กัน

เมื่อถึงที่กางเต๊นท์ของลานดูดาวแล้ว ก็จัดการจองพื้นที่กางเต๊นท์ และกางเต๊นท์กันได้เลย

เมื่อกางเต๊นท์เสร็จแล้ว ก็จัดการก่อไฟเตรียมไว้ทำอาหารเย็นกัน

ต้องรีบทำก่อนจะค่ำ

และอาหารที่เราพกมาจากกรุงเทพ และจากที่ซื้อมาที่ปัว

มาปิ้งย่างสไตส์เกาหลีกันหน่อย จะได้อินเทรน

พอก่อเตา เตรียมของสดไว้ปิ้งย่างเสร็จ ก็ถึงเวลานั่งชมพระอาทิตย์ตกกันแล้ว

ถึงเวลาของอาหารเย็น

เริ่มต้นที่ หมูย่างที่สุดแสนจะไหม้

และปิดท้ายที่มาชเมโลวสุดแสนจะฟิน

กินเสร็จ เราก็พากันเก็บของ และเตรียมเข้าเต๊นท์นอน 

อุณหภูมิในคืนนี้อยู่ที่ 8 องศา

วันที่ 3

เนื่องจากช่วงที่เรามาเที่ยวเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.- 2 ม.ค. 

ในวันนี้เป็นวันที่ 31 และเราต้องเตรียมเคาท์ดาวน์

โดยในตอนแรก เราแพรนไว้ว่าจะไปเคาท์ดาวน์ที่ดอยเสมอดาว แต่มีคำล่ำลือว่า คนเยอะ ฝุ่นเยอะ แถมไม่มีที่จอดรถ

เราจึงต้องทำการเปลี่ยนสถานที่เคาท์ดาวน์มาเป็น อุทยานแห่งชาติขุนสถาน

(เราขอแนะนำว่าถ้าไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องมาเคาท์ดาวน์หรืออะไร ขอแนะนำให้เที่ยวจาก ปัว->ภูคา->เมือง->ขุนสถาน หรือไม่ก็เรียงจากขุนสถานไปปัว จะได้ไม่ต้องขับรถไปๆ มาๆ )

ในวันนี้เราเก็บของออกมาจากภูคา และมุ่งตรงมาที่ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน 

และมีการแวะซื้อของสดสำหรับคืนนี้ที่ ตลาดสดท่าวังผา

หลังจากซื้อของเสร็จ เราก็ไปยังอุทยานแห่งชาติขุนสถาน

ซึ่งตลอดทางขึ้นอุทยาน ให้ความเสียวยิ่งกว่าภูคา ทั้งสูง ชัน และโค้งที่มากมายนับไม่ถ้วน

แต่ยังคงไว้ซึ่งความสวยตลอดทาง

ขึ้นมาสักพักก็ถึง อุทยานแห่งชาติขุนสถาน

ลืมบอกไป ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าอุทยาน และไม่เสียค่าพื้นที่หางเต๊นท์ด้วยนะจ๊ะ

จองเต็นท์เสร็จก็เดินสำรวจอุทยานกัน 

เดนไปเดินมา จนเจ้าหน้าเขาแจ้งว่า ไฮไลต์ของขุนสถานจะมีด้านบน เป็นลานดูดาว แต่ต้องเดินขึ้นไป

ประมาน 700 เมตร

จากด้านบน สามารถมองลงมาแล้วเห็นพื้นที่กางเต๊นท์ของเราได้

พอเรื่มค่ำๆ ก็ถึงเวลาทำอาหารกันแล้วจ้า เมนูในวันนี้คือ สุกี้เตาถ่าน

เรานั่งเตรียมเครื่อง แล้วจุดเตาถ่าน คิดว่าน่าจะกินตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน

คิดภาพตามนะทุกคน อากาศหนาว กินสุกี้แบบชาบูร้อนๆ พร้อมด้วยมาม่าเกาหลีเผ็ดๆ ฟินสุดๆ

คิดว่าน่าจะกินตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน

ในตอนแรกจะกินจนถึงเที่ยงคืน แต่แค่ 3 ทุ่ม ก็อิ่มมาก ง่วง แถมอากาศหนาวมากด้วย

ยังไม่พอ ฝนก็เริ่มลงเม็ดอีกต่างหาก

เราเลยต้องเก็บของ และเข้าเต๊นท์นอน แต่ยังไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อลุกมาเคาท์ดาวน์

3 2 1 !!! สวัสดีปีใหม่ พร้อมฝันดีจ้า

วันที่ 4 

จุดหมายของเราในวันนี้ คือการเที่ยวที่อำเภอเมือง

ตื่นขึ้นมาก็พบว่า เมื่อคืนฝนตกทั้งดี ดีตรงที่น้ำไม่ซึมเข้ามาในเต๊นท์

เช้านี้จึงมีแต่ หมอก หมอก และก็หมอก

ทางอุทยานได้จัดกิจกรรมใส่บาตรวันปีใหม่ขึ้น โดยนิมนต์พระมา 9 รูป

พอเราเห็นหมอกเยอะขนาดนี้เราก็เลยไม่กล้าขับรถลง ก็เลยกินข้าว เก็บของ และลงจากอุทยานตอนเที่ยง

เพื่อที่จะไป อำเภอเมือง

เมื่อลงไปถึงก็ทำการเช็คอินเข้าที่พัก คืนนี้เราพักที่ น่านเกสท์เฮาส์ คืนละ 350 บาท

และเช่าจักรยานของที่พักอีก 50 บาท ในการเที่ยวในเมืองครั้งนี้ เราจะปั่นจักรยานไปกัน

ที่เที่ยวแรกที่ไปคือ วัดมิ่งเมือง เพื่อไหว้พระเสาหลักเมืองกันก่อน

ที่ต่อมาที่เราจะไปคือ วัดศรีพันต้น อยู่ไม่ไกลกันเท่าไร

พอไหว้พระกันแล้ว ก็ต่อด้วย ร้านขนมหวานป้านิ่ม อยู่ตรงข้ามกับ วันศรีพันต้นเลย

เราสั่งขนมมา 2 อย่าง จำไม่ได้ว่าเป็นอะไร แต่เราคาทั้ง 2 ชามอยู่ที่ชามละ 25 บาท

จากนั้นปั่นจักรยานมาต่อกันที่ ร้านเฮือนฮอม แต่เนื่องจากร้านจะเปิดช่วงที่ 2 ตอน 5 โมงครึ่ง

แล้วต้องทำการจองโต๊ะเอาไว้ก่อน จึงข้ามมาเดินเล่นฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็น ถนนคนเมือง

แล้วต่อด้วยถนนคนเดิน

โดยมีร้านน้ำที่ค่อนข้างสะดุดตา เอาไม้ไผ่มาทำแก้วและมีการสลักคำลงไป

เราสั่งน้ำ อัญชันมะนาว แก้วละ 45 บาท

เดินมาเจอ ร้านข้าวเกรียบปากหม้อที่จะใส่ในน้ำกะทิ ถ้วยละ 25 บาท 

พอซื้อของเสร็จแล้ว เราก็จะมานั่งกินอาหารที่ซื้อมาหน้าวัดภูมินทร์ข้างๆ ถนนคนเดิน

โดยจะมีขันโตกสำหรับวางอาหารไว้ให้

จากนั้นเราก็กลับมากินอาหารค่ำกันที่ ร้านเฮือนฮอม

และวันนี้เราสั่ง เมนูออเดิร์ฟเมือง ไก่ทอดมะแขว่น และขนมจีนน้ำเงี้ยว ทั้งหมดราคา 415 บาท

วันที่ 5

วันสุดท้ายของการเดินทาง เที่ยวน่าน

วันนี้ก็เที่ยวในเมืองเหมือนเดิม โดยขับรถออกจากที่พัก และเริ่มที่ วัดพระธาตุเขาน้อย

วัดที่สามารถมองเห็นวิวของเมืองน่านได้กว้าง และไกลมาก

ที่ต่อมาเป็น พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน

และที่เที่ยวที่สุดท้ายของทริปนี้คือ วัดภูมินทร์ในยามเช้า

และภาพ กระซิบรักบรรลือโลก

และเดินทางกลับกรุงเทพจ้าาาาาา

รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกใน the TripPacker หากผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วยนะคะ

ฝากแชร์ และติดตามทริปต่อไปด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ