ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    Taya@ •  เมษายน 12 , 2560

    ทริปนี้เริ่มต้นจากการตามใจรุ่นพี่ที่อยากเข้าป่าเพื่อหาความสงบ เป้าหมายคือ "ป่ากุยบุรี" ที่ซึ่งรุ่นพี่จะนัดแนะไปกันบ่อยๆ เกือบทุกปี ครั้งนี้เมื่อรุ่นพี่ออกปากชวนเดอะแก๊งฯ มีหรือที่จะปฏิเสธไม่ต้องคิดกันเยอะเรื่องเที่ยวเราเตรียมพร้อมเสมอ วางแผนหลังจากกลับจากพม่า เตรียมร่างกายให้พร้อมส่วนเสบียงไม่ต้องกังวล พวกพี่ๆ เขาจัดการให้โหม้ด

    น้องมังคุดรถคู่ใจพักฟื้นตรวจเช็คสภาพเรียบร้อยเตรียมพร้อมกับการออกตะลุย เดอะแก๊งฯ นัดแนะกันคืนวันพุธที่ 5 เมษายน 2560 กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ ปั่นกันหัวฟู ล้อหมุนเวลา 3 ทุ่ม รอบนี้ไปกัน 5 คน สาวสวยเรื่องเยอะทำหน้าที่เป็นสารถีขับไปพักไป เราไม่รีบแวะปั๊มตลอด เราเลือกเฉพาะปั๊มใหญ่ที่สุดเท่านั้น จนสาวใหญ่ขาลุยต้องกระซิบบอกตลอดเส้นทาง ปั๊มข้างหน้านะ>> ปั๊ม ปั๊ม>>>  เฮ๊ย!!! ปาม ป่าม ป้าม ป๊าม ปั๊ม>>>สาวสวยฯ บอก "พี่ มันยังไม่ใช่ปั๊มใหญ่ที่สุดเลยนะ" สาวใหญ่ฯ บอก "เข้าเถ๊อะ (เสียงสูง)++ ปั๊มไหนก็ได้ มันจะออกมาแร้ว" ด้วยความเห็นใจเพราะเห็นหน้าเริ่มเขียวแกมม่วงแล้ว จึงแวะให้ 555

    ขับไปสักพัก "ทำไมมันใกล้ชิดล้อรถสิบล้อจังอ่ะ" สาวคิกขุโกอินเตอร์ เริ่มส่งเสียงบ่น "เฮ๊ย!!! แกร่ ไหวป่ะ" รีบร้องทักสาวสวยฯ "ได้ ได้ ชั้นยังไม่ง่วง" แต่ทุกคนพร้อมใจกันประสานเสียงบอก แวะปั๊มเถ๊อะ +++ ให้แกหลับสักแป๊ปก็ดีนะ.. แหม++ ซึ้งใจทุกคนที่เป็นห่วงช้าน..แต่ทุกคนประสานเสียงบอก....ป่าววววว ตรูเป็นห่วงชีวิตพวกตรูเอง.....555 ทุกคนจึงปล่อยให้สาวสวยฯ นอนอยู่ในรถ แต่สุดท้ายต้องให้มือวางอันดับ 2 ในการขับมาขับแทน แต่สาบานเลยนะว่ายังไม่ง่วง แค่บอกให้นอนก็หลับเลย ก็แค่นั้น 5555

    ขับไปบนถนนเพชรเกษม ทางหลวงหมายเลข 4 เส้นทางสายใต้ เมื่อเข้าเขตอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต่อไปยังถนนหมายเลข 3217 เข้าสู่ตำบลหาดขาม เลี้ยวซ้ายสู่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ในช่วงเวลานั้นประมาณเกือบตี 2 สองข้างทางมืดสนิท ลุ้นเส้นทางว่าจะหลงอีกไหม?? และกังวลในการหลบหลุมบนเส้นทางขรุขระในระยะสั้นๆ จนลืมที่จะชื่นชมกับอ่างเก็บน้ำยางชุม แต่หันไปเห็นแสงจันทร์ลาดส่องกับผิวน้ำ เสียดายคว้ากล้องมาถ่ายไม่ทัน เพราะเพิ่งตื่น แต่คนอื่นนั่งกันตาแวว 5555

    ไปถึงที่อุทยานฯ ประมาณตี 2 กว่าๆ ถึงที่นอนปุ๊ป หลับต่อปั๊บเพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินเท้าแล้ว จัดแจงเก็บกระเป๋า ไม่ได้พูดคุยกับรุ่นพี่ เพราะต่างฝ่ายต่างเก็บแรงเพื่อไปต่อกัน และรออีก 1 คณะใหญ่ที่จะมาสมทบในวันพรุ่งตอนเช้าตรู่

    ตื่นเช้ามามีโอกาสได้สำรวจบริเวณรอบๆ ที่พักของอุทยานฯ ที่เป็นที่หลับนอนและที่อาบน้ำในคืนวันแรก 

    ระหว่างรออีกคณะที่กำลังเดินทางมา เดอะแก๊งฯ และรุ่นพี่จัดเตรียมเสบียงและอุปกรณ์ที่ใช้แบ่งๆ ยัดใส่เป้ของแต่ละคน ในการเดินป่าจำเป็นต้องเอาสิ่งของที่จำเป็นไปเท่านั้น เราจัดเตรียมเสื้อผ้าไปคนละ 3 ชุด คือชุดเดินทั้งไป-กลับ ชุดนอนและชุดเล่นน้ำ 

    เดอะแก๊งฯ ปากหมาพร้อมลุย เวลาฤกษ์งามยามดีคือ 10.30 น. เพราะรอรุ่นพี่อีกคณะที่ซื้อข้าวเข้ามาให้ เราต้องกินข้าวเช้าเพื่อให้มีแรงเดินและเตรียมอาหารไปคนละ 1 ถุงเพื่อกินมื้อเที่ยงระหว่างทางก่อนจะถึงจุดกางเต็นท์

    แต่ก่อนเดินทาง ขอแวะทักทาย "น้องชักกุย" หมีควายที่พี่ๆ เจ้าหน้าที่เลี้ยงดูตั้งแต่เล็กๆ ทำให้มีความคุ้นชินกับคน แต่ถึงแม้น้องชักกุยจะคุ้นชินกับคนก็ต้องอยู่ในกรงอยู่ดี เพื่อความปลอดภัย ชื่อน้องมีที่มานะ 'ชัก'มาจากอาการป่วยทางสมอง ส่วน'กุย'มาจากป่ากุยบุรี รวมเป็น'ชักกุย' ปัจจุบันน้องอายุ 2ขวบ แต่ตัวใหญ่และน้ำหนักมากกว่าเดอะแก๊งฯ รวมกันซะอีก ^^

    เริ่มต้นเดินทางเข้าป่า

    คณะในการเดินป่าของเราไปกันทั้งหมด 15 คน เริ่มต้นพี่ๆ ต้องจัดกระเป๋าใส่หลังรถ เพื่อเคลื่อนย้ายไปจุดเริ่มต้นของการเดินเท้า ซึ่งห่างจากบ้านพักประมาณ 5-6 กิโลเมตร  
    • โพสต์-2
    Taya@ •  เมษายน 12 , 2560

    เริ่มต้นเดินเท้ากันจริงจัง มาถึงก็ต้องเดินลุยน้ำกันเลยทีเดียว 

     แดดไม่ค่อยร้อนเท่าไรแต่นางเล่นคลุมหน้าคลุมตาเหมือนกลัวเพื่อนๆ สัตว์ป่าจำหน้าได้ เฮ้า!!! จัดไป

    ขอบอกเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยในการเดินป่า ควรใส่เสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบาแต่ต้องมิดชิด รองเท้าหุ้มส้นที่สามารถลุยน้ำลุยดินหากมีปลอกแขนหรือเสื้อแขนยาวก็ควรใส่และควรต้องใส่ถุงเท้าเพราะเส้นทางข้างหน้าเราไม่รู้ว่าจะเจออะไรไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ หนาม หรือแมลงที่มีพิษ 

    จุดหมายในการเดินที่วางไว้คือ 2 ชั่วโมงแล้วค่อยหาที่พัก โปรดอย่าถามว่ากี่กิโลเมตรเพราะถามรุ่นพี่แล้วได้รับคำตอบว่า ไม่ต้องสนใจระยะทาง ขอแค่เดินด้วยใจ เดินไปให้ถึงจุดที่เหมาะกับการกางเต็นท์ก็พอ ว่าไปนั่น>>> แล้วตกลงจะรู้ไหมเนี้ยะ 5555

    เดินๆ หยุดๆ ชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก รู้สึกชื่นใจเพราะมีหมู่ผีเสื้อบินตามตลอดเส้นทาง เราเลือกเดินเท้าเลียบคลองกุยไปเรื่อยๆ ช่วงนี้น้ำน้อยเดินสะดวก แต่ต้องเดินบนหินก้อนเล็กก้อนใหญ่สลับกันไป

    เดินไปสักพัก สาวเท่ห์ขาโหดต้องแอบตะโกนเบาๆ ให้สมาชิกได้ยินว่า ขอพักแป๊ป พอดีข้าศึกโจมตี จนโดนสาวใหญ่ฯ แซว อาร้าย!!! เห็นขี้ช้าง ขี้ตามช้างเลยหรา 5555 สาวเท่ห์ฯ รีบบอก แหมพี่ก็ธรรมชาติมันสวย ลมปราณมันพลุ่งพล่านสกัดไว้ไม่อยู่ ต้องจัดพี่ 5555 ว่าแล้วก็ถือเป็นโอกาสได้หยุดพักผ่อน ^^

    เสร็จภารกิจการสำรวจป่าในซอกหินและซอกต้นไม้ใหญ่ของสาวเท่ห์ฯ เดินทางกันต่อ 

    เมฆฝนคลื้มรออยู่ข้างหน้า สาวสวยรีบถามสมาชิก "เราต้องใส่เสื้อกันฝนเลยป่าว เตรียมมาแล้ว" สาวเท่ห์ฯ บอก ฝนยังไม่ตกเลย แกจะรีบใส่ทำไม>>> "อ้าวเตรียมไว้ก่อนสิ ฉันเอากล้องมาตั้ง 3 ตัวนะ เดี๋ยวกล้องพังทำไง" สาวห้าวเมืองเหนือรีบถาม "พี่จะแบกมาทำไมเยอะแยะ" "5555 ไม่หนักหร๊อก กล้องตัวเล็ก 1 ตัว กะมือถือ 2 เครื่องถ้าเดินไม่ไหว พี่ก็ส่งให้เธอให้ ก็แค่น้น" "เฮ๊ย!!! แล้วพี่ถามหนูยัง"  สาวห้าวบ่นฮุบแต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จากสาวสวยฯ ทำใจไอ้น้อง ทำใจ 55555

    เดินชมธรรมชาติตามหลังรุ่นพี่ไปสักพัก สาวคิกขุฯ รีบสะกิด "แวะแป๊ปได้ป่ะ" "เป็นไรอ่ะ" เพื่อนๆ ตกใจเห็นหน้าสาวคิกขุกำลังซีด "คือ...ว่า....ชั้นปวด...ครี่" ฮ่าฮ่าฮ่า เท่านั้นสาวเท่ห์ฯ รีบตะโกนบอกรุ่นพี่ "ขอแวะอีกแป๊ปนะคร้า" จนรุ่นพี่หันมาถาม "จะขี่อีกแล้วหรา" สาวเท่ห์ฯ รีบปฏิเสธ "ไม่ใช่หนู" พร้อมชี้ไปทางสาวคิกขุฯ "เฮ๊ย!! เปลี่ยนคน แท๊กทีมกันหราพวกนี้" รุ่นพี่บ่นอุ๊บ "เดินไปรอข้างหน้าแล้วกัน" คณะรุ่นพี่เดินไปอย่างไม่ใยดี เดอะแก๊งฯ จึงต้องทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์คนปวดขี้ 5555 สาวใหญ่ฯ มีแซวน้อง "เอาแล้ว คนหนึ่งเห็นขี้ช้างแล้วขี้ตามช้าง ส่วนอีกคนเห็นเพื่อนขี้แล้วขี้ตามเพื่อน" 55555

    เสร็จสิ้นภารกิจมุ่งหน้าเดินต่อ รีบไปให้ทันคณะใหญ่ที่ล่วงหน้าไป สักพัก เอาอีกแล้ว สาวคิกขุฯ แขย่งเท้าเดินมาใกล้ๆ จนต้องถาม "แกเป็นไรอีก" "ตะคริวอ่ะ" "งั้นนั่งลง" สาวเท่ห์ฯ รีบแปลงกายเป็นคุณหมอ ยกเท้านวดขา รุ่นพี่รีบมาถามอาการจนรู้ว่าไม่เป็นไรมากแค่ตะคริวกินนิ้ว รุ่นพี่รีบผสมเกลือแร่ให้กิน นวดขาไปสักพัก จนสาวใหญ่ฯ เอาน้ำมันพรมให้แล้วบอก นวดเท้าเอาเองนะ 5555 รักน้องกันสะจริ๊งจิง

    ไปกันต่อ เดินชม เดินคุย เดินลุยน้ำ เดินถ่ายรูปพักใหญ่ รุ่นพี่ผู้ชาย 2 คนรีบเดินนำหน้าสาวๆ ไปก่อนเพื่อหาจุดกางเต้นท์ เพราะอาจเห็นอาการแต่ละคนเริ่มหมดแรงปล่อยให้สาวๆ นั่งพัก ครู่ใหญ่พี่จึงมาตามบอกเจอจุดกางเต็นท์แล้ว รีบสิค่ะ เรี่ยวแรงมาจากไหนไม่รู้ เดินหน้าตั้งกันเลย

    ถึงที่ตั้งจุดกางเต็นท์ รุ่นพี่เคลียร์พื้นที่ให้เดอะแก๊งฯ เรียบร้อย เราปักหลักใกล้วังน้ำใหญ่ เพื่อใช้อาบและกิน รุ่นพี่สอนวิธีการกรอกน้ำจากลำธาร ต้องกรอกตรงทางน้ำไหลแล้วหันก้นขวดสวนกระแสน้ำเพื่อไม่ให้ขยะลอยเข้าขวด และค่อยๆ กดก้นขวดแต่ไม่ให้จมเพื่อให้น้ำไหลเข้าทางปากขวด เหมือนจะง่ายแต่พอทำจริงนั่งเกร็งกันจนขาเป็นเหน็บ 5555 

    รุ่นพี่จัดเตรียมก่อกองไฟ ถามว่าทำไมต้องก่อกองไฟใกล้ๆ เต้นท์ ได้รับคำตอบว่าเพื่อป้องกันสัตว์ต่างๆ จะเข้ามาใกล้ และต้องทำเป็นเชิงกั้นบริเวณเพื่อไม่ให้ไฟลุกลามติดใบไม้แห้ง พวกเราไปรอบนี้รู้สึกสับสนว่านี่เรามาป่าหน้าร้อนหรือหน้าฝน เพราะนั่งพักแป๊ปเดียว ฝนเม็ดไม่หนาตาก็ตกลงมา พอให้ดินชุ่มน้ำแต่ไม่เปียก 

    สร้างครัวชั่วคราว

    กว่าจะกางเต็นท์เสร็จเวลาก็ปาเข้าไปจะบ่าย 2 เราใช้เวลาเดินจริงๆ ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า มีความเหนื่อยจากการเดินทำให้ไม่ค่อยหิวเท่าไรเพราะกินขนมตลอดทาง ^^ ข้าวที่ถือกันมาคนละ 1 ถุงเอามานั่งกินข้างลำธาร เราจึงยึดพื้นที่ลานก้อนหินเป็นครัวที่ 2 และจุดกินข้าวแบบชมวิวได้ 360 องศาซึ่งบริเวณนี้เป็นที่โล่ง 

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเกือบ 5 โมงเย็น เดอะแก๊งฯ ต้องไปอาบน้ำหละ รีบเปลี่ยนชุดไปเล่นน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลากันดีกว่า ^^ 

    อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ อาหารมื้อเย็นรุ่นพี่จัดเตรียมไว้รอเรียบร้อย อาหร่อยมากมาย เราตั้งโต๊ะกันที่ลานหิน ที่ซึ่งสามารถนอนดูดาว ชมพระจันทร์และเมาส์มอยกัน เดอะแก๊งฯ นอนเล่นฟังเสียงน้ำไหลบวกกับเสียงรุ่นพี่รำลึกความหลังกันจนเผลอหลับ ว่าแล้วก็ขอตัวเข้าเต็นท์ใครเต็นท์มันก่อนนะ คร๊อกกกกฟี้

     
    • โพสต์-3
    Taya@ •  เมษายน 12 , 2560

    ตื่นเช้ามาพร้อมเสียงนกและเสียงชะนีร้องเรียกผัว ผัวดังลั่น ตื่นมายัง งง งง ว่าเอ๊ะ!! ตอนนี้ช้านอยู่ส่วนไหนของโลกเนี้ยะ ^^

    กลิ่นกาแฟโชยมากระทบโสตประสาท ตื่นสิคะ หิวแล้ว แหม!! ชีวิตดี๊ดี มีคนทำกับข้าวให้กิน ได้ยินรุ่นพี่ถามว่าจะกินเมนูอะไร จัดไปเลยคร้า ตามใจลูกพี่เพราะพวกเราทำกับข้าวไม่เป็น เสบียงที่ขนมาอย่างเยอะ พอถึงเวลาจริงๆ คิดเมนูไม่ออกซะงัั้น

    วันนี้เรามีจุดหมายที่จะเดินเข้าไปเพื่อส่องสัตว์ แต่เอ๊ะ!! เขาไปส่องกันกลางคืนนี่หว่า แต่รุ่นพี่บอก พวกเราไปกลางวันนี้แหละปลอดภัย เพราะกลัวสัตว์ป่าจะกลัวเดอะแก๊งฯ ว่าไปนั่น พวกเราออกจะน่ารัก 55555

    ระหว่างกินข้าวเช้า ชะนีคู่หนึ่งกำลังนั่งมองพวกเราอยู่บนต้นไม้ใหญ่ คงกำลังสงสัยว่านี้คือตัวอะไรมาทำอะไรกันแถวนี้จึงส่งเสียงเรียกซะดังลั่น ตื่นเต้นกับการโชว์เล่นกายกรรม โหนตัวจากต้นนั้นไปตันนี้ มีจังหวะโยนตัวชวนหวาดเสียว แต่เสียดายตั้งกล้องไม่ทัน นางกระโดดอย่างไวเมื่อเห็นเราเริ่มส่องกล้องเล็งมา นางมาไวไปไวมากกกก

    กินข้าวกินปลาเสร็จ ลุยกันต่อ เราแบ่งเป็น 2 ชุด ชุดใหญ่ออกเดินทางต่อ อีกชุดซึ่งเป็นรุ่นอาวุโสให้นอนเฝ้าฐานทัพและเตรียมอาหารคาวหวานรอรับคณะเดินป่ากลับมา เดอะแก๊งฯ ไม่มีคุณสมบัติใดๆ ที่จะเฝ้าเต็นท์ เพราะยังไม่อาวุโสและทำกับข้าวไม่เป็นจึงต้องเป็นชุดเดินป่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ 5555

    รอบนี้สบายหน่อยไม่ต้องแบกเป้และสัมภาระติดหลังไป เดินสบายๆ ไม่ค่อยได้หยุดพักเพราะมีแต่แก๊งฯ สาวน้อยกันทั้งนั้น ระหว่างเดินไปเพิ่งจะมารู้ว่าเมื่อวานที่เราเดินกันนั้น 5 กิโลเมตรนิดๆ และวันนี้เราจะเดินอีก 4 กิโลเมตร อืม รุ่นพี่บอกระยะทางแค่นี้เขาเดินกันวันเดียวไปกลับด้วย อ้าว!!! เรามันไม่ใช่มืออาชีพในการเดินป่านี้ ขอเวลาฝึกฝนก่อนนะ ^^

    เส้นทางสวยงามมีเวลาแวะถ่ายรูปต้นไม้ดอกไม้แค่นี้ก็ชื่นใจแหละ

    มีช่วงต้องเดินข้ามน้ำประมาณเข่า สาวสวยฯ รีบตะโกนบอกสาวเท่ห์ฯ และสาวคิกขุฯ เตรียมตัวเลยน้ำอยู่ระดับเอว สาวคิกขุฯ รีบเตรียมตัวจะเอาเป้อันเล็กตั้งบนหัว ถลอกขากางเกงและชายเสื้อทำใจว่าเปียกเต็มที่ แต่พอเดินมาถึง "เห้ย+++ ไหนบอกน้ำระดับเอว" "ก็ระดับเอวเด็กอนุบาลไง" ฮ่าฮ่าฮ่า สะใจ ได้แกล้งเพื่อน>>>>

    ระหว่างเดินไป รุ่นพี่ชี้ให้ดูรอยเท้ากระทิง สาวสวยฯ หันไปเห็นอีกรอยรีบบอกเพื่อนๆ นั่นคงเป็นร้อยเท้าช้าง สาวคิกขุฯ หันมาบอกนั่นมันรอยเท้ารุ่นพี่ต่างหาก สาวสวยฯ ยังไม่ลดละ  "รอยเท้ารุ่นพี่ได้ไง ใหญ่ขนาดนั้น" "อ่อ เชื่อสิก็เพิ่งเห็นพี่เขากระโดดไปตรงนั้น เห้อ!!!! ตาลายซะแล้วเพื่อนเรา เห็นรอยเท้าคนเป็นรอยเท้าช้าง" 55555

    ได้ภาพช้างจริงๆ แต่เห็นเพียงนิดเดียว อารามตื่นเต้น และภาพของหมาไน ที่เห็นในทีเแรกนึกว่าเป็นหมาป่า เกือบได้เจอเพื่อนแล้ว เรามันคนป่า 5555

    ขากลับรุ่นพี่แวะพักให้เล่นน้ำได้ แต่เดอะแก๊งฯ ขอนั่งแช่น้ำ กินขนม และถ่ายรูปกันไป พอถึงเวลาจะเดินกลับเพราะปาเข้าไปบ่ายโมงกว่า ท้องเริ่มหิวนึกถึงกุนเชียงและหมูแดดเดียวทอด ลำไส้เริ่มปั่นป่วน จังหวะลุกขึ้นเดินเหลือบไปเห็น ใบไม้ติดที่โคนขาสาวเท่ห์ฯ กะเอาออกให้ พอดูอีกที อ้าว!!! มันไม่ใช่ใบไม้หละ แต่เป็น... ทากกกกกก ตะโกนบอกสาวเท่ห์ฯ หยุดก่อน ทาก ทาก เท่านั้นแหละ กระเจิง สาวเท่ห์ฯ ร้องเฮ๊ย!! เสียงหลง สาวสวยฯ ทำไรไม่ถูก จึงบอก เดี๋ยวนะ แต่ในใจฉันจะเอาทากออกก่อนหรือจะเอากล้องถ่ายรูปก่อนดี ปล่อยให้สาวเท่ห์ฯ ยืนตัวแข็งร้องอิ๋งอิ๋งตรงหน้า จนรุ่นพี่เรียกเดินมานี้ แล้วค่อยๆ ดึงตัวทากออก เลือดกระจูดกันเลยทีเดียว สาวเท่ห์ฯ หันมาค้อนขวับ "รักเพื่อนจริงนะ นี้ถ้าโดนงูฉกคงตายไปหละ" 5555 แหม ถ้าเจองูจริงช้านคงไม่นั่งใกล้ๆ หร๊อก คงวิ่งป่ากระเจิง ตัวใครตัวมันไปหละ 555555

    สาวเท่ห์ฯ เดินไปเลือดออกไป จึงแกล้งถาม "เจ็บไหม" สาวเท่ห์ฯ รีบตอบ "ไม่เจ็บเท่าไรหร๊อก ไกลหัวใจ" แหมเท่ห์จริงๆ เพื่อนช้าน ระหว่างทางเห็นต้นผักกูดเยอะมาก สมาชิกช่วยกันเก็บ ส่วนเดอะแก๊งฯ ต้องคอยถามรุ่นพี่ ต้นนี้ใช่ไหมผักกูด แล้วเก็บแบบนี้กินได้ใช่ไหม กลังจริงๆ กลัวจะไปเก็บผิดต้นขึ้นมา ซวยอีก 5555

    ขากลับเจอดอกไม้ ลูกไม้สวยๆ แปลกตา จึงเสียเวลากับการถ่ายรูปตลอดเส้นทาง

    ลูกมะหลอด เป็นผลไม้ที่กินได้ รสชาติจะออกอมเปรี่ยวอมหวานในลูกที่มีสีแดงเข้ม ถ้าลูกสีส้มหรือเหลืองจะมีรสฝาดปนด้วย ขากลับเดินไวกว่าขามา ไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงจุดที่พัก อาหารพร้อมสรรพ รุ่นพี่น่ารักมากมาย มาถึงพวกเราก็กินมื้อเที่ยงกันต่อได้อรรถรสดีจริงๆ

    ช่วงบ่ายถึงเวลาพักผ่อน นอนเล่นๆ อากาศดีๆ หลับไปซะตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีเพราะได้ยินเสียงสาวคิกขุฯ สาวใหญ่ฯ สาวห้าวฯ และน้องเพชรเล่นน้ำกัน แหม!! สนุกสนานกันใหญ่ ฟินกันไปเลย

    ถึงเวลาอาหารเย็นอีกแล้ว อาบน้ำเสร็จมารอรุ่นพี่ทำอาหาร เดอะแก๊งฯ มาช่วยบ้าง คือ ช่วยเด็ดผัก หั่นกุนเชียงและช่วยป่วนครัว 5555 รอบนี้ได้กินอาหารเยอะมากเพราะรุ่นพี่บอกเสบียงที่ขนมาต้องรีบจัดการให้หมด ไม่งั้นก็ต้องแบกกลับไปอีก  รุ่นพี่บอกนี่คือข้าวผสมกาแฟ แหม+++ เกือบหลงเชื่อ ดีนะที่ได้กลิ่นข้าวไหม้มากกว่ากลิ่นกาแฟ 55555

    คืนนี้พระจันทร์ส่องแสงนวลสว่างกว่าเมื่อคืน ฟ้าก็เปิดมากกว่า เราจึงทำกิจกรรมกันเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการหาก้อนหินที่คิดว่าสวยที่สุดเข้าประกวด และให้รุ่นพี่โหวตกัน ทุกคนถามหารางวัลว่าผู้ชนะจะได้อะไร ก็ยังไม่เฉลย จนปิดการโหวตได้ผลมาว่า ก้อนหินของสาวคิกขุฯ ชนะเลิศ รางวัลที่ได้คือ ไปดึงหางงูหลามที่นอนขดตัวอยู่ในโพรงไม้ใกล้ๆ ลำธาร อึ้ยยยยยย แล้วเพิ่งจะมาบอก 55555 

    คืนนี้กิจกรรมยังไม่หมด เราเล่นเกมส์เปิดใจกันท่ามกลางแสงจันทร์และแสงตะเกียง คืนนี้คนที่โดนรุมคือน้องแพร สาวน้อยจอมซนที่ชอบซักถาม เดอะแก๊งฯ จึงรวมตัวกันแกล้งจัดหนักไป 5555 เหมือนระฆังมาช่วย รุ่นพี่บอกเข้านอนกันได้แล้ว เพราะพรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกลับกันอีก ไป ต่อ ไป

                
    • โพสต์-4
    Taya@ •  เมษายน 12 , 2560

    ตื่นเช้าวันใหม่ถามว่านอนหลับกันดีไหม ขอบอกเลยว่าพื้นที่ในเต็นท์จำกัดและลาดเอียง นอนๆ อยู่ ตัวไหลมานอนรวมกัน ได้ยินรุ่นพี่ผู้หญิงบ่นเล็กๆ มานอนนี้เหมือนมานอนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ เดี๋ยวเสียงปืนกล เสียงปืนใหญ่ แถมมีเสียงช้างเข้ามาแทรกอีก 5555 สาวใหญ่ฯ เพิ่งจะมาเฉลยว่าเสียงช้างร้องคือเสียงตดของพี่เองเมื่อตอนตี 4 ที่สาวคิกขุฯ ตื่นจะไปปลดทุกข์เล็ก เลยชวนสาวใหญ่ฯ ไปเป็นเพื่อน แต่ด้วยแก๊สในกระเพาะที่อัดแน่น พอมันได้ปลดปล่อยอารมณ์ฟินมันมา เสียงมันเลยดังมากกว่าปกติอั้นไม่อยู่เหมือนเสียงช้างร้อง 555555555 

    วันนี้เราต้องรีบเก็บเต็นท์เพื่อเดินกลับ ทุกคนดูคึกคัก น้องแพรบอกยังไม่อยากกลับเลย เฮ้า!! งั้นน้องก็อยู่ไปก่อนนะ แล้วค่อยมารับ 55555 น่านจะทิ้งน้องซะแล้ว 

    ขากลับเดินสบายๆ แต่ของในเป้ก็ยังหนักเท่าเดิม เหมือนไม่มีอะไรลดลง ก็แหงหละเล่นแบกเสื้อผ้าเปียกกลับด้วยนี้ เราพักเป็นจุดๆ รอบนี้เจอรอยช้างจริงๆ สาวคิกขุฯ รีบบอกเลยว่านี้ไงเท้าช้าง ใหญ่กว่าเท้ารุ่นพี่ป่ะหละ อืมมมมม สาวสวยฯ ยอมจำนน ได้แต่เงียบ ยอมให้ก่อนเลยเดี๋ยวมีจังหวะจะขอเอาคืน 5555 

    เดินไปเก็บรูปไป เพราะขามาตั้งหน้าเดินอย่างเดียวไม่ได้มองรอบข้าง อืมมม ธรรมชาตินี้สวยจริงๆ ไม่ต้องมีการตกแต่งเพิ่มเสริมใดๆ 


    เดินกลับมาเร็วกว่าที่นัดรถมารับ แต่ละคนหมดสภาพ 5555 จึงนั่งเล่นนอนเล่นกันตรงจุดนัดพบ สอบถามรุ่นพี่ ทริปหน้าไปไหนอีกอย่าลิมบอกเดอะแก๊งฯ นะ แต่รุ่นพี่บอกยังไม่รู้ อ่ะ อ่ะ หรือจะเข็ดกะเดอะแก๊งฯ ซะแล้ว 5555 จนรุ่นพี่บอกงั้นเดี๋ยวจะจัดไปแม่สะเรียงกันอีกสักครั้ง ถือว่านัดกันแล้วนะพี่ แล้วคอยติดตามว่าเดอะแก๊งฯจะไปไหนกันต่อ ฮิฮิ

    ถึงอุทยานฯ รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะต้องกลับเข้าป่าคอนกรีตแล้ว โบกมืออำลาบรรดารุ่นพี่ ขอบคุณที่จัดทริปสนุกๆ แบบนี้ และไม่ลืมเดอะแก๊งฯ เพราะเราสัญญากันไว้แล้วนะว่าจะไม่เบื่อและไม่ทิ้งกัน

    ค่าใช้จ่ายทริปนี้ ลงขันกันคนละ 1 พันบาท ค่าน้ำมันรถ 1,280 บาท ค่าอาหารระหว่างเส้นทาง 1 มื้อ (แวะกินอาหารทะเลหาดชะอำ) 1,320 บาท ค่าขนม-น้ำ และเสบียงเข้าป่า 1,800 บาท และค่าอาบน้ำน้องมังคุดรวมค่าเสื่อม 600 บาท

    แล้วเจอกันทริปหน้าคร้าาาาา