ความมืดใช่ว่าจะมองไม่เห็น@ดอยปุย

ช่วงกลางเดือนมกราคมแบบนี้ใครที่มาเชียงใหม่คงไม่พลาดที่จะมาชมดอกพญาเสือโคร่ง 1ปีมีครั้งเดียวแบบนี้

พวกเราแบกเป้ โบกรถกะบะตามทางขึ้นมาถึง "อุทยานแห่งชาติดอยปุย" คืนนี้เราจะมาพักกันที่นี่คะ

มาถึงเราก็มากันที่กองกิจการอุทยานก่อนเพื่อทำเรื่องพักที่เต็นท์บนดอย หอบถุงนอน ตะเกียง หมอนพร้อมเราก็ไปเลือกจับจองเต็นท์กันได้เลยคะ เราเลือกโซนนี้เลย ริมผา ส่วนตัวสุดๆห่างจากเต็นท์อื่นๆ

จากนั้นเราก็จะไปร้านอาหารแต่พบว่า...วันนี้จังหวะดีมากร้านข้าวร้านเดียวบนดอยไม่เปิด น้ำตาจิไหลแล้วจะกินอัลลาย? โชคดีเจอพี่ทหารที่กองกิจการใจดีฝุดๆช่วยไปซื้อข้าวกล่องมาให้ ซึ้งๆ เราเลยมีข้าวเย็นกินก่อนท้าลมหนาวคืนนี้

ขนาดยังไม่ขึ้นไปถึงขุนช่างเคี่ยนเราก็พบดอกพญาเสือโคร่งที่ดอยปุยแล้วสวยมากๆเลยคะ บานสะพรั่งเต็มต้น

บรรยากาศดี พอจัดของเรียบร้อยเราก็เตรียมพร้อมใส่เสื้อหนาที่สุดเท่าที่จะใส่ได้พร้อมท้าลมหนาวยามค่ำคืน

เพียง 1 ทุ่มฟ้าก็เริ่มไม่มีแสงสว่างแล้ว เวลาผ่านไปจน 2 ทุ่มมีเพียงแสงจากตะเกียงน้ำมันที่ให้ความสว่างเท่านั้น

ลมหนาวพัดจนจากที่นอนคนละเต็นท์ต้องมานอนรวมกันโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างเงียบและ มืดสนิทไม่มีแม้กระทั่งเสียงอะไรทั้งนั้นมันทำให้เราละทิ้งความวุ่นวาย หลายๆสิ่งในเมืองหลวงออกไปซะมีเพียงแสงตะเกียงและพวกเรา

ข้อดีอีกอย่างที่เราเลือกท้าความหนาวมานอนริมผาเพราะในยามค่ำคืนเราสามารถมองลงไปเห็นแสงไฟของตัวเมือเชียงใหม่ได้

หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองที่ต้องเจอในทุกๆวันมาผ่อนคลายและอยู่กับตัวเอง ปลดปล่อยเรื่องราวต่างๆทิ้งการที่เราอยู่กับตัวเองเงียบๆปล่อยความคิดทั้งหลายทิ้งไป มันทำให้เรามีสติมากขึ้น มันทำให้เรารู้ว่าความวุ่นวายต่างๆนั้นเราสร้างมันขึ้นมาเอง มันทำให้เรารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีทางออกมีคำตอบในตัวเองอยู่ทั้งนั้นเพียงแต่เราไม่เคยมองเห็นมัน สถานที่มืดมิดแต่กลับทำให้เราตาสว่างมองเห็นอะไรหลายๆอย่าง ผ่อนคลาย และหยุดเพื่อทบทวนสิ่งที่ผ่านมา