ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ตะลุยเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมพูภูคา ตามหาดอกไม้แห่งล้านนาตะวันออก อุทยานแห่งชาติดอยภูคา (Doi Phu Kha National Park) จ.น่าน
    • โพสต์-1
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    ตะลุยเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมพูภูคา ตามหาดอกไม้แห่งล้านนาตะวันออก

    หนึ่งในภาระกิจแห่งฤดูหนาวที่ทำให้เราต้องเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้งก็คือ การตามหาดอกไม้สีชมพูแห่งเมืองล้านนาตะวันออก ซึ่งถ้าอยากจะเห็น “ดอกชมพูภูคา” ให้เต็มตา จุดหมายของการเดินทางก็คงเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจาก “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” สถานที่หนึ่งเดียวในโลกที่มีต้นชมพูภูคา พันธุ์ไม้หายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์ให้เราได้ชื่นชม

    และอย่างที่บอกไว้แล้วว่า “ต้นชมพูภูคา” เป็นไม้หายากใกล้สูญพันธุ์ ภาระกิจพิชิตดอกชมพูภูคาจึงต้องออกแรงขยับแข้งขาเดินไปตาม “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ” กันซักหน่อย หลังจากติดต่อ ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยภูคาแล้ว เราก็ได้น้องๆ มัคคุเทศน์ท้องถิ่นตัวน้อยมาเดินนำทาง 2 คน ถึงแม้ว่าน้องโจ้และน้องวีจะเป็นเพียงนักเรียนชั้นประถม แต่รับรองว่าความรู้รอบตัวในป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้นไม่เป็นรองใครแน่นอน เพราะทั้งสองคนได้รับการฝึกฝนจากเจ้าหน้าที่อุทยานเป็นอย่างดี แถมยังมีชั่วโมงบินมากว่า 5 ปีแล้ว งานนี้เราจึงทำตัวกลมกลืนตีซี้กอดคอน้องๆ เที่ยวไปเลย ห่างมาจากบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติเพียงเล็กน้อย เราก็กำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางพิชิตดอกชมพูภูคากันแล้ว ถึงแม้ว่าเส้นทางน้องๆ เลือกให้เราเดินจะมีระยะทางโดยรวมเพียง 2 กิโลเมตร แต่ก็เป็นเส้นทางที่ต้องใช้แรงอยู่ไม่น้อย ทั้งเดินขึ้นลงไปตามความลาดชันของเขา เราจึงต้องใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียวกว่าจะครบ 1 รอบ

    ช่วงแรกของเส้นทางเป็นเหมือนการวอร์มร่างกายให้พร้อมก่อน แต่เราก็ยังแอบหอบกันน้อยๆ เมื่อมาถึงจุดแวะแรก ซึ่งน้องวีพาเรามาชม“กระโถนฤาษี” ที่กำลังออกดอกบานอวดโฉมเต็มที่ สำหรับกระโถนฤาษีนี้จัดว่าเป็นพืชหายากเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อีกชนิดหนึ่ง ลักษณะดอกจะคล้ายถ้วยหรือกระโถน โดยปกติเมื่อดอกบานจะมีกลิ่นเหม็น แต่น่าแปลกที่เรากลับไม่ได้กลิ่นเหม็นเลยซักนิด ถ่ายรูปดอกกระโถนฤาษีไว้เป็นที่ระลึกจนพอใจแล้ว เราก็เดินย้อนกลับเข้าสู่เส้นทางชมดอกชมพูภูคาอีกครั้ง ระหว่างทาง ทั้งน้องโจ้และน้องวีจะผลัดกันชี้ชวนให้ดูต้นไม้ ดอกไม้ รวมถึงจุดสังเกตุต่างๆ ที่พบเห็นตามพื้นทางเดิน ทั้งรอยเท้าหมูป่า รูหนูป่า รอยเจาะของหนอนตามขอนไม้ ผลไม้ป่าที่เราไม่คุ้นตา อีกทั้งยังมีมุขมาเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดทาง แถมยิ่งสนิทมากขึ้นความทะเล้นบวกความซนตามวัยก็ยิ่งปรากฏให้เห็นมากขึ้น แล้วก็ดูเหมือนว่าน้องๆ จะสนุกสนานกับการตามล่าหาตัวหนอนในขอนไม้ให้เราดูซะเหลือเกิน ไม่รู้ว่าติดอกติดใจอะไรนักหนา นี่ถ้าหนูป่าจับกันได้ง่าย มีหวังทั้ง 2 คนคงวิ่งไล่จับเอามาอวดด้วยแน่ๆ

    • โพสต์-2
    theTripPacker •  ธันวาคม 11, 2556
    • โพสต์-3
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    เพราะช่วงที่เราเดินทางไปถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคานั้น ดอกชมพูภูคายังบานเพียงไม่กี่ต้น น้องๆ จึงพาเราเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านลำธารและแนวป่าครึ้มจนเปลี่ยนมาเป็นป่าสนในช่วงสั้น สังขารก็เริ่มโอดครวญพร้อมๆ กับเห็นที่นั่งพักอยู่ตรงหน้า จากจุดนั่งพักนี้เราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ด้านล่างบริเวณทางเข้าอุทยานฯ พอดิบพอดี ลองนึกภาพตามคร่าวๆ นะครับว่าเราเดินขึ้นมาสูงและไกลแค่ไหน ผู้ใหญ่อย่างเรายังต้องนั่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับให้กลับมาหายใจได้ปกติอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเด็กจะยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่เพราะยังเห็นวิ่งเล่นกันปีนต้นไม้กันได้อยู่ พอพวกผู้ใหญ่อย่างเราหายเหนื่อยเด็กๆ จึงเร่งเดินนำกันใหญ่ ผ่านจากป่าสนไปก็จะเริ่มเข้าสู่ป่าทึบอีกครั้ง ซึ่งเราจะพบเห็นต้นไม้ใหญ่ๆ ที่เราไม่คุ้นตาเอาซะเลย แถมหน้าตาแต่ละต้นก็ชวนให้นึกถึงหนังไดโนเสาร์ ถามไถ่แล้วจึงได้คำตอบว่าเป็นต้นเต่าร้างยักษ์ และก็ยิ่งได้ความกระจ่างมากขึ้นไปอีกเมื่อได้อ่านป้ายอธิบายที่พบเห็นเป็นระยะ เดินมาอีกระยะหนึ่งจนหน้าขาเริ่มล้าเต็มที่น้องโจ้กับน้องวีก็ส่งเสียงให้รู้ว่าดอกชมพูภูคาอยู่ข้างหน้าแล้ว

    จากที่คิดว่าจะได้เห็นช่อดอกชมพูภูคาบานสะพรั่งเต็มต้น ก็เป็นอันต้องผิดหวังกันเล็กน้อย เพราะต้นที่บานนั้นอยู่ห่างไปไกลพอสมควรเลยทีเดียว ทั้งเล็งก็แล้ว ชะโงกก็แล้ว ก็ทำได้แค่ชื่นชมจากระยะไกลเท่านั้น เพราะหากก้าวพลาดนิดเดียวมีหวังได้กลิ้งตกเขาแน่ เนื่องจากต้นชมพูภูคาจะขึ้นอยู่ตามที่ลาดบนเขา ซึ่งต้นใหญ่ๆ ส่วนมากก็มักจะอยู่ไกลตา ไกลมือเอื้อมซะเหลือเกิน แต่ถ้าคิดอีกทีเราก็พอจะเข้าใจได้ว่า ถ้าขืนอยู่ใกล้ๆ จนสัมผัสได้และมีให้เห็นง่ายๆ ก็คงจะไม่ต้องดั้นด้นออกแรงกันมากขนาดนี้ ถึงแม้จะพบเห็นได้น้อยและต้องชะโงกจนเมื่อยคอกว่าจะได้เห็นแต่ก็คุ้มแสนคุ้มที่ได้มาเห็นช่อดอกชมพูภูคาด้วยตาตัวเองกับเค้าซักที ถือว่าภาระกิจพิชิตดอกชมพูภูคาของเราสำเร็จลงแล้ว แต่ถ้าจะให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบก็คงต้องออกแรงเดินกลับไปให้ถึงที่ทำการอุทยานฯ กันอีก ช่วงขากลับนี้เองทั้งน้องโจ้และน้องวีใส่เกียร์สปีดชนิดที่แทบจะลืมคนสูงวัยกว่าไปเลย ทั้งสองคนวิ่งเล่นสนุกกันใหญ่สลับกับหยุดพักรอพี่ๆ อย่างพวกเราเป็นระยะ กว่าจะออกมาถึงบริเวณที่ทำการอุทยานฯ พวกเราทุกคนก็ใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดเกลี้ยง ท้องน้อยๆ ของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ส่งเสียงร่ำร้องหาอาหารจะเข้าขั้นหิวโซกันเลยทีเดียว ซึ่งความเหนื่อย ความหิวที่ได้แถมกลับมาจากเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาตินี้ก็นับว่าคุ้มแสนคุ้ม เมื่อได้แลกกับการได้ชื่นชมธรรมชาติและความสวยงามของดอกชมพูภูคาที่นับวันจะหาชมได้เต็มตายากขึ้นทุกทีๆ

    • โพสต์-4
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    Note

    - เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เพื่อชมดอกชมพูภูคา มีด้วยกัน 2 เส้นทาง แบ่งเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร และ 4 กิโลเมตร ซึ่งจะให้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงโดยประมาณ แล้วแต่ความเร็วในการเดินและระยะเวลาในการหยุดพัก

    - ทางอุทยานแห่งชาติดอยภูคามีมัคคุเทศน์ท้องถิ่นตัวน้องให้บริการนำชมตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซึ่งอัตราค่าบริการก็แล้วแต่นักท่องเที่ยวจะให้

    - นักท่องเที่ยวควรสวมเสื้อผ้า และรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดินขึ้นลงทางลาดชัน และควรเตรียมน้ำดื่มติดตัวไปด้วย

    • โพสต์-5
    theTripPacker •  ธันวาคม 11, 2556

    Editor's Comment

    • จุดเด่น:
    • เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติชมพูภูคานี้ ตั้งอยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งทางอุทยานฯ จะมีมัคคุเทศน์ท้องถิ่นตัวน้อยมาคอยนำทางพวกเราเข้าไปชมดอกชมพูภูคา พันธุ์ไม้หายากของโลกที่สามารถพบเห็นได้ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคาแห่งเดียวเท่านั้น
    • จุดด้อย:
    • เส้นทางเดินที่จะเข้าไปชมดอกชมพูภูคานั้นเป็นทางขึ้นลงเขาชัน ซึ่งทางอุทยานฯ ได้จัดเตรียมเส้นทางเดินไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินไปตามเส้นทางอย่างสะดวก แต่ในขณะเดียวกันทางเดินบางช่วงมีการนำแผ่นปูนมากั้นเป็นบันไดสำหรับเดิน ซึ่งความชันของบันได้และแผ่นปูนที่ยื่นขึ้นมาเหนือพื้นดินก็เป็นอุปสรรคในการเดินไม่น้อยเลยทีเดียว
    • ข้อสรุป:
    • ถึงแม้ว่าเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติชมพูภูคาจะไม่ได้มีระยะทางไกลมากนัก แต่ก็ต้องอาศัยแรงอยู่มากพอสมควร เนื่องจากทางค่อนข้างชัน ทั้งเดินขึ้นและเดินลง และบางช่วงยังเป็นทางแคบ แต่ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดก็คุ้มค่าเมื่อได้เห็นความสวยงามของดอกชมพูภูคา ที่หาชมได้ยากมากๆ
    คะแนน
    • โพสต์-6
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    ข้อมูลทั่วไป

    ที่อยู่ : ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน 55120

    GPS : 19.200417, 101.080783

    เบอร์ติดต่อ : 0 5470 1000, 08 2194 1349

    E-mail : phukha_np@hotmail.com

    Website : http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp เวลาทำการ : 6.00-18.00 น.

    ค่าธรรมเนียม :

    - ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท

    - ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

    ช่วงเวลาแนะนำ : อุทยานแห่งชาติดอยภูคาสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าอยากชมความสวยงามของ ดอกชมพูภูคา  ต้องมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม

    ไฮไลท์ : ต้นชมพูภูคา พันธุ์ไม้ยืนต้นที่ชนิดเดียวในโลกที่พบได้ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคาเท่านั้น ซึ่งจะมีลักษณะดอกสีชมพูเป็นช่อใหญ่

    กิจกรรม : เดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมพูภูคา ชมดอกกระโถนฤาษี เต่าร้างยัง ต้นจำปีป่า และต้นชมพูภูคา พันธุ์ไม้หายากที่หลงเหลืออยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคาแห่งเดียวเท่านั้น

    • โพสต์-7
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    วิธีการเดินทาง

    จากตัวเมืองน่าน มุ่งหน้าสู่อำเภอปัวด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 1080 เมื่อมาถึงอำเภอปัวแล้วให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ไปตามเส้นทางลาดยางโค้งชันอีกประมาณ 25 กิโลเมตร ทางเข้าอุทยานแห่งชาติจะอยู่ทางขวามือ ส่วนเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมดอกชมพูภูคา จะอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ


    • โพสต์-8
    theTripPacker •  ธันวาคม 11, 2556
    • โพสต์-9
    theTripPacker •  ธันวาคม 12, 2556