ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    ShutterB •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    ภูกระดึงกับวันชิลๆ

         ภูกระดึง นั้นเดิมทีเป็นดังดินแดนลึกลับที่ชาวบ้านในอดีตแถวนั้นเล่าขานกันว่าจะได้ยินเสียงระฆังดังแว่วมาจากยอดภูสูงที่ไม่เคยมีใครย่างกรายไปถึงและก็น่าแปลกตรงที่เสียงระฆังจะดังก้องมาให้ได้ยินเฉพาะวันพระหรือวันโกนเท่านั้น !!

          ชาวบ้านรอบๆ เชิงเขาต่างคิดว่าบนยอดเขานั้นอาจจะมีบ้านเรือนผู้คนหรือวัดอยู่แต่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นผู้คนจากยอดเขาเลย ว่ากันว่า เสียงระฆังปริศนาที่ได้ยินกันนั้น ดังมาจาก "หมู่บ้านผีบังบด" เป็นหมู่บ้านลับแลที่ไม่มีเคยมีใครมองเห็นหรือผ่านมาพบเจอได้เลยเมื่อใดที่มีคนเข้ามาใกล้หมู่บ้านแล้วละก็หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านจะหายวับไปกับตา กลายเป็นป่าทันที

         การที่ได้ยินเสียงระฆังเฉพาะดังเฉพาะวันพระนั้นก็เชื่อกันว่าเป็นเสียงระฆังของพระอินทร์จากสรวงสวรรค์เลยเรียกฐานภูอันเร้นลับนี้ว่า "ภูกระดึง" ซึ่งคำว่า "ภู" หมายถึง ภูเขาและคำว่า "กระดึง" นั้นภาษาพื้นเมืองของ จ.เลยหมายถึงกระดิ่งหรือระฆังใหญ่ รวมแล้ว ภูกระดึง จึงหมายความถึงภูเขาที่มีเสียงระฆังนั่นเอง

         แต่ภูเขายอดแห่งนี้ก็ยังเป็นที่เร้นลับสำหรับคนทั่วไปดังเดิม จนกระทั่ง.....มีนายพรานที่เก่งกาจเรื่องการล่าสัตว์มากคนหนึ่งเดินทางรอนแรมป่ามาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์จึงกลับไปอพยพครอบครัวจากนครจำปาศักดิ์ มาตั้งบ้านเรือนบริเวณนี้   ซึ่งปัจจุบันก็คือบ้านผานกเค้าจนวันหนึ่งนายพรานได้ออกล่าสัตว์ตามรอยกระทิงโทรติดต่อกันอยู่หลายวันได้มาถึงยังเชิงเขาแห่งหนึ่ง ร่องรอยของกระทิงยิ่งชัดเจนขึ้นแม้ทางจะยากลำบาก
          แต่ภาพที่ได้เห็นตรงหน้าได้สร้างความประหลาดใจเป็นที่สุดเมื่อพบว่ายอดเขาที่ควรจะเป็นทรงแหลมกลับเป็นพื้นที่ราบกว้างใหญ่ไกลสุดตางดงามสวยสะพรั่งไปด้วยป่าไม้นานาพรรณกลางท้องทุ่งกว้างเต็มไปด้วยเหล่าสัตว์หากินกันอย่างอิสระเสรี

        นายพรานจึงได้กลับมาเล่าเรื่องราวให้ชาวบ้านฟัง....เมื่อนั้นเรื่องราวของภูกระดึงจึงเปิดเผยจนเป็นที่ร่ำลือในความงามบริสุทธิ์ของยอดเขาแห่งนี้.....นับแต่นั้นมา

        และในวันนี้...ภูกระดึงเป็นอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและยังเป็นคงเป็นที่ที่ได้รับคำร่ำลือถึงความสวยงามนี้อย่างไม่รู้จบตราบเมื่อที่แห่งนี้ยังมีธรรมชาติที่สมบูรณ์และคนเดินทางยังมีสำนึกต่อธรรมชาติ /manager.co.th


         ภูกระดึง เป็นที่รู้จักกันมานาน ตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 สมุหเทศาภิบาล (พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม) ได้ทำรายงานสภาพภูมิศาสตร์เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย และต่อมาในปี พ.ศ.2463 นายอำเภอวังสะพุง  ซึ่งปกครองท้องที่เขตภูกระดึงในขณะนั้นได้ขึ้นไป สร้างพระพุทธรูปไว้บนยอดภูกระดึงองค์หนึ่ง ในปี พ.ศ. 2486   ทางราชการได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าภูกระดึงให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติและกรมป่าไม้


         จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2502 ให้กำหนดป่าภูกระดึง จังหวัดเลย และป่าอื่น ๆ ในท้องที่จังหวัดต่าง ๆ รวม 14 ป่า   เป็นอุทยานแห่งชาติ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้เป็นการถาวรเพื่อประโยชน์ส่วนรวม    กรมป่าไม้ได้เสนอจัดตั้งป่าภูกระดึงให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามความในมาตรา 6 แห่ง พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าภูกระดึง ในท้องที่ตำบลศรีฐาน กิ่งอำเภอภูกระดึง อำเภอวังสะพุง  จังหวัดเลย   เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา   เล่ม 79 ตอนที่ 104  ลงวันที่  23 พฤศจิกายน พ.ศ.2505 เนื้อที่ 217,581 ไร่ นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 2 ของประเทศ  

    ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 6  กรกฎาคม  พ.ศ.2520     อนุมัติหลักการให้ดำเนินการเพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติในส่วนที่กองทัพอากาศขอใช้ประโยชน์ ตั้งเป็นสถานีถ่ายทอดโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ในราชการทหาร เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ กรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการขอเพิกถอนพื้นที่ดินดังกล่าว   โดยได้มีพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงบางส่วน ในท้องที่ตำบลสีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย พ.ศ. 2521 ซึ่งประกาศในราชกิจานุเบกษา เล่ม 95 ตอนที่ 118 ลงวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2541 ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติภูกระดึง มีเนื้อที่ประมาณ 217,576.25 ไร่ / dnp.go.th  

    ทริป ภูกระดึง 3 วัน 2 คืน 
    4 - 6 พ.ย. 59      
      

         ค่าเข้าพื้นที่คนละ 40 บาท ค่ากางเตนท์คืนละ 30 บ./คน ค่าลูกหาบกิโลละ 30 บ. ข้าวตามสั่งจานละ 50 - 80 บ. น้ำขวดใหญ่ 1.5. ลิตร 50 บ. น้ำ 6 ลิตรขวด 180 บ. พกมาม่าคัพไปก็ไปหาขอน้ำร้อนตามร้านข้าวก็ได้นะ เราทำมาแล้ว ขอเกือบทุกมื้อเลยก็เลยทิปไป 20 บาท / ข้อมูล 5 พ.ย. 2559       

         สิ่งที่ห้ามขาดเลยคือพวกเครื่องสมุนไพร น้ำมันมวย ฯลฯ อะไรก็ตามที่กันทากได้ ข้างบนมีขายแต่ก็ราคาแพงนิดนึง แบกขึ้นมาไกล ปูนขาวด้วยก็ดีไว้โรยรอบเตนท์ช่วยกันได้ในระดับหนึ่งดีกว่าไม่กันเลย        

        ไหนๆ ก็ขึ้นไปแล้ว แนะนำให้เดินให้ครบ มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติรอบภูกระดึง เดินรอบเลยก็ 30- 40 กิโลเลย ขาลาก ...

        วันแรกขาขึ้นออกสตรา์ทตีนดอย 08.00 น. เดินถึงจุดกางเตนท์ประมาณบ่าย 2

         วันที่ 2 ตื่นชมพระอาทิตยืขึ้นที่ผานกแอ่นเวลา 05.00 น. แล้วช่วงสายก็เดินรอบภูกระดึงเลย แวะทุกจุด กลับมาถึงจุดกางเตนท์อีกก็เกือบ 1 ทุ่ม ขาลากมากๆ

        วันสุดท้ายขาลงออก 09.00 น. ถึงตีนดอยเวลา 12.00 น. เดินไวมาก 555+ ไม่ค่อยได้แวะเท่าไหร่ ของหนัก รีบเดินอย่างเดียว

           น้ำตกถ้ำใหญ่  น้ำตกถ้ำใหญ่  น้ำตกถ้ำสอเหนือ   รอยช้างเกาก้น    ผาเหยียบเมฆ    ผาเหยียบเมฆ    

    ภาพถ่ายโดย iphone 5 + samsung S5

    • โพสต์-2
    ShutterB •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    ขี้ช้าง

    • โพสต์-3
    ShutterB •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    ระหว่างทาง

    • โพสต์-4
    ShutterB •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    หิว ๆ แวะซดชาระหว่างทาง

    • โพสต์-5
    ShutterB •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    ขาลงแบกของเอง หนักเอาการนะ 14 กิโลกรัม

    • โพสต์-6
    ShutterB •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    Bye Bye....