#ภูกระดึง...เอปิ๊ซู๊ด สอง จุด หนึ่ง

ถ้าจีบสาวแล้วไม่ติด...คงเรียกว่า    "หมดฟอร์ม"

ถ้าแข่งกีฬาแล้วแพ้ยับ...คงเรียกว่า "หมดรูป"

แต่

ถ้าเป็นกระผมตอนนี้...คงเรียกว่า    "หมดสภาพ"

 

สารภาพตามตรงเลยว่า ดูไม่จืดเลยจริงๆ อาจจะเป็นเพราะใส่เกียร์ห้าบ้าพลังตอนช่วงสุดท้ายก่อนถึงหลังแปมากไปนิด เลยมีสภาพอย่างที่เห็น 

เพราะอะไรรู้ไหมว่าทำไมผมถึงได้อัดเต็มสูบอย่างกับฟาสต์ แอนด์ เด้อ ฟิวเรียสแบบนี้ 

ก็เพราะคำว่า “อีกนิดหนึ่ง...อีกนิดเดียวครับ...อีกนิดก็จะถึงแล้วววว...”  ของผู้คนที่เดินสวนข้าพเจ้าลงมาจากหลังแปนะซิ ดังนั้น...ขอเตือนคนที่จะตามรอยผมเลยว่า รักษากำลังและประคองสปีดไว้ให้สม่ำเสมอเป็นพอ ถ้าไม่อยากหมดสภาพอย่างผม จนตอนนี้อารมณ์ยังค้างอยู่เลย คือ ถ้าอย่ามาพูดคำว่า อีกนิด กับผมเชียวน้า 

ผมบ้าพลังใส่จริงๆด้วย 555+

.

.

อย่างไงก็แล้วแต่...

ผมจะมาหมดสภาพตรงนี้ไม่ได้ เพราะขืนมานอนกลางดินกินกลางทรายตรงนี้ มีหวังได้โดนช้างภูกระดึงกระทืบขี้แตกเป็นแน่ (อันนี้ผมไม่ได้โม้น้าาา...ดูได้จากป้ายเตือนรอบภูว่าให้ระวังช้างป่า ข่าวเค้าก็มีออกมาให้เมื่อปีกลาย) ผมเลยจำต้องฟืนร่างกายเดินต่ออีกประมาณ 3.5 กม. เพื่อไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ยิ่งตอนนี้ก็จะเย็นแล้วด้วย กว่าจะเดินถึง กว่าจะติดต่อเรื่องเต็นท์ได้และเครื่องนอนอีก มันจะไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกดินเอาน้า

 

ผมใช้เวลาในการขึ้นภูครั้งนี้ทั้งหมด 6 ชม. เต็ม!!!

ถือว่าแย่ที่สุดในเกียรติประวัติ (บร๊ะเจ้าา..เดินไปได้ไง) ในการเดินป่าของผมเลยทีเดียว

 

ทำให้เมื่อมาถึงวังกวางผมจึงต้องรีบ ดำเนินการติดต่อเต็นท์ ที่นอน หมอน (มุ้งไม่ต้อง...เพราะหนาวต่ำกว่า 10 องศา ไม่มียุงบร้าที่ไหนมากัดแน่) คือ ถ้าไม่รีบติดต่อและจัดการให้เรียบร้อยก่อนไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ชีวิตจะเจอกับหายนะนะครับ คือ มันจะทั้งมืด(ป่านะครับ...ไม่ใช่ไชน่าทาวน์ ที่จะมีแสงไฟแพรวพราว) แถมต้องวุ่นวายตามหาเจ้าหน้าที่อีก และที่สำคัญความหิวก็จะเข้ามาแบบสุดสุด

.

.

จัดเต็นท์เรียบร้อย สูดลมหายใจฟื๊ดใหญ่เพื่อรับกับการเดินอีกครั้งเสร็จ

จะช้าอยู่ใย เดินต่อสิครับ ถึงแลนด์มาร์กในการดูพระอาทิตย์ตกดินของที่นี่จะเป็น "ผาหล่มสัก" แต่ก็ไกลเกินกว่าที่จะไปทัน เพราะระยะทางคือ 9 กม. 

 

เสร็จแล้วต่อด้วยภาพบรรยากาศยามค่ำคืน ณ ระดับความสูง 1315 เมตร ว่าคึกคักและมีสีสันขนาดไหน

พร้อมกับภาพพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่ผานกแอ่น

ซึ่งบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่า การจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่ เขาจะมีเวลานัดหมายที่ชัดเจน 

เพราะจะต้องไปกับ จนท. เขาตลอด 

ส่วนสาเหตุอะไรนั้น ไว้ตอนไปเที่ยวก็คอยฟังเหตุผลตอนประกาศนัดเวลาเอาเองละกัน อิอิ...

บอกไว้ก่อนเลยว่า

ตอนสุดท้ายของมหากาพย์ภูกระดึงนี้

ผมจะพาพี่ๆ น้องๆ ป้าๆ ไปตามล่า 

"เมเปิ้ลสีแดง" ในตำนานของภูเขารูปหัวใจแห่งนี้กัน 

ฉะนั้นอย่าลืมตามอ่านด้วยนะขอรับ

และถ้าถูกใจก็รบกวนฝากกระทืบไลท์ให้ด้วยเธ่อวววว์

เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่คนแก่วัยดึก ที่ดันมาคึกเที่ยวตอนแก่ 555+

 

โปรดติดตามตอนต่อไป