2 วัน 2 คืน ไปภูกระดึงกันเถอะ...

- ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่พิชิตภูกระดึง -
(นี่เป็นเรื่องเก่าแต่ขอนำกลับมาเล่าใหม่นะคะ เพราะเราไปมาเมื่อปีที่แล้ว คือ พ.ย. 2559)

จำได้ว่าตอนนั้นเพื่อนทักแชทมาชวน เราก็เลยตอบตกลงไป แบบ งง งง..
และด้วยความว่องไวนั้น เพื่อนก็จองตัวรถให้เรียบร้อย...
คือ กะว่าจะไม่ให้เราหนีแน่นอน 55+

ทริปนี่พวกเราเดินทางไปกันทั้งหมด 6 คนค่ะ
เราไปด้วยกันทั้งเพื่อนและแฟน 55+ (ไม่ต้องเลือกไปด้วยกันนี่แหละ เพื่อนๆ กัน)
พวกเราทุกคนทำงานกันหมดนะคะ จึงไปกันตอนเลิกงานวันศุกร์ 

เลิกงานปุ๊บ พวกเรานัดเจอกันที่ "สถานีขนส่งหมดชิต2" ค่ะ

แพลน คือ 2 วัน 2 คืน ที่ภูกระดึง นั่งรถทัวร์ไปคืนวันศุกร์ กลับตอนเย็นวันอาทิตย์ ค่ะ

เมื่อถึงสถานีขนส่งแล้ว ก็มุ่งหน้าไปรับตั๋วค่ะ จำได้ว่าพวกเราไปกับรถทัวร์ของ "ภูกระดึงทัวร์" ค่ะ
ราคาตั๋วคนละ ประมาณ 400 กว่าบาทค่ะ รถออกประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ...

แต่ก่อนจะเดินทาง เพื่อนๆ ร่วมทริปรถติด กว่าจะมากันครบ ลุ้นมากว่าจะทันมั้ย ??
สุดท้าย.... ก็ทัน รอดไป พวกเราขึ้นรถทันแบบเฉียดฉิว ^^"

คืนนี้นอนหลับบนรถค่ะ

นั่งรถจากกรุงเทพ ถึงจุดจอดรถ "ผานกเค้า" เวลาประมาณ ตี 5 นิดๆ ค่ะ
โดยหากใครที่จะเดินทางไปภูกระดึง จะต้องลงจุดนี้นะคะ

เมื่อลงรถแล้ว ให้ข้ามถนนไปอีกฝั่งนะคะ นั้นคือร้าน "ร้านเจ๊กิม" ^^ 
ข้างทางจะมีขายพวก ถุงมือ หมวก น่ารักๆ เยอะเลยค่ะ ช็อบได้เบาๆ ค่ะ

จากนั้นแวะแปลงฟัน อาบน้ำ กินข้าวรองท้องกันได้เลยนะคะ
จะมีร้านค้าบริการอยู่ ทำธุระเรียบร้อยแล้วก็ต้องมายืนรอรถ 2 แถว ค่ะ ราคา คนละ 30 บาทค่ะ

จริงๆ ช่วงตั้งแต่ลงรถมา จนถึงตอนยืนรอรถ 2 แถวนั้น อากาศหนาวแล้วนะคะ
มีหมอก แล้วยิ่งตอนเราแปลงฟัน เย็นมากค่ะ (ปากสั่นเลย ^^")
รถ 2 แถว มาค่อนข้างถี่ค่ะ ยืนรอไม่นานมาก
รถจะไปส่งเราที่สำนักงานของอุทยานภูกระดึงนะคะ

ถึงอุทยานจะมีเจ้าหน้าที่รับจองเต้น และซื้อบัตรผ่านขึ้นไปบนภูกระดึงนะคะ ราคา 40 บาทค่ะ
แค่เห็นป้ายทางเข้าก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ และก็ได้สอบถามเจ้าหน้าที่มาเกี่ยวกับความหนาวเย็น..
เจ้าหน้าที่บอกว่า สบายๆ ครับ "หนาวสุด 8 องศา" ครับ

เราและผองเพื่อน มองหน้ากัน ซวยแล้ว กางเกงที่เอามา น่าจะไม่ได้ช่วย 55+

และที่พิเศษ !!! ที่อยากจะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังคือ พวกเรา 6 คน ไม่ได้จ้างลูกหาบค่ะ !!
เพราะอะไรนะหรอค่ะ เพราะพวกเราคิดว่า ของพวกเราน้อย พาไปด้วยนี้แหละ สบาย....

เริ่มเดินจากจุดเริ่มต้น เวลา 7.00 น. ค่ะ

และที่สำคัญพวกเรา 6 คน ไม่ได้กินข้าวเช้านะคะเพราะ
เพราะ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันยังเช้ามาก ยังไม่หิว 
(ดูความติ้งต่องของพวกเรานะคะ ^^")
และด้วยความคิดที่ว่า ไม่เป็นไร ข้างบนมีของกิน....

เริ่ม จ้า เริ่ม ไปกันเลยจ้า....
เห็นป้ายก่อน เราเลยถ่ายเก็บไว้ มาลองดูกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง

เริ่มด้วยจากจุดที่เรายืนอยู่ไป "ปางกงค่า" สบายๆ ค่ะ
แต่กว่าพวกเราจะไปถึง "ซำแฮก" ก็วัดใจกันเลยค่ะ ว่าจะ ไปต่อ หรือ กลับดี

ด้วยทางที่ชัน เหมือนจะต้องปีนขึ้นไป เริ่มก็เหนื่อยแล้วค่ะ
จนทำให้เรายกกล้องมาถ่ายไม่ได้เลย เพราะมีคนตามหลังมาเยอะ
หากหยุดคนข้างหลังก็ต้องหยุดด้วยค่ะ...

พอถึงซำแฮกแล้ว จำได้ว่าเราดีใจมาก หันไปยิ้มกับแฟน เพราะไม่มีแรงพูดแล้วค่ะ

ถึงแล้วก็นั่งรอเพื่อนอีก 4 คน ที่เดินอยู่ข้างหลังเราสักพักนึง
เพราะเราเป็นคนเดินเร็วมาก 55+ ระหว่างนี้ก็หาของกินค่ะ เพิ่มพลังงานกันนิดนึงค่ะ
แต่อยากจะบอกว่า ขึ้นมาแล้วได้กินแตงโมสักชิ้น จะสดชื่นดีงามมากค่ะ 

ส่วนตัวเรา ต้องกินชาเย็นทุกวัน 55+ เมื่อเห็นมีขาย เลยขอลองกินดู
อร่อยมาก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยรึป่าว 55+

ช่วงแรกของการเดินยังโทรหากันได้นะคะ
ยังพอมีสัญญาณอยู่ค่ะ แล้วเพื่อนเราก็โทรมาบอกว่า...

เฮ้ย !!...เดินขึ้นไปก่อนเลย ไม่ต้องรอนะ พวกเราไม่หนีหรอก เดินไปก่อนเลย..
--
เรากับแฟนเลยเดินต่อ เพราะถ้านั่งพักนานๆ จะทำให้เหนื่อยกว่าเดิมนะคะ
การเดินแต่ล่ะซำ แนะนำว่า อย่านั่งนานนะคะ เดี่ยวขาจะล้า
และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ น้ำเปล่านะคะ พกติดตัวไว้เลยค่ะ

ระหว่างทางที่เราเดินกันมาอากาศดีนะคะ มีแดด แต่ก็ยังเย็นๆ อยู่ค่ะ
และเชื่อมั้ยว่า เราไม่ได้ดูป้ายซำอะไรอีกเลย

เป้าหมายเดียวตอนที่ผ่านซำแฮกนั้น คือ ยอดภูแล้วค่ะ เดิน เดิน เดินอย่างเดียวค่ะ
เดินชมบรรยากาศไปเรื่อยๆ นะคะ ^^ แม้คนที่เดินร่วมทางกันมาจะเยอะ
แต่เสียงนั้นเงียบมาก เพราะว่าไม่มีแรกจะพูดกัน ยิ้มให้กันไปก่อนเนอะ ^^

เดินไป พักไป ชิลๆ ค่ะ ^^
ระหว่างทางที่เดิน เราได้เจอ คุณตากับคุณยาย ด้วยค่ะ
แต่ไม่ได้เก็นรูปมากฝากนะคะ เพราะ ช่วงที่เจอ คือเรานั่งพักอยู่ แล้วคุณตากับคุณยาย
เดินผ่านเราไป คือ เดินจับมือกันผ่านเราไปค่ะ เป็นภาพที่เราเห็นแล้ว ชอบมาก น่ารักมากค่ะ

ทางที่พวกเราเดินกันไปนั้น จะมีทั้งพื้นราบ ทางชัน นะคะ
บางซำ ก็จะเปียกหน่อย เพราะมีน้ำขังค่ะ เวลาเดินระวังๆ กันด้วยนะคะ
แต่ช่วงที่เราไป ไม่ใช่หน้าฝน พื้นจึงไม่ลื่น ที่สำคัญ ไม่มีทาก ด้วยค่ะ
(แต่หากเพื่อนๆ คนไหนจะไปหน้าฝน อาจจะต้องเตรียมตัวเพิ่มนะคะ ^^)

เดินมาเรื่อยๆ นอกจากของกินตามจุดพักแล้ว ก็ยังมีของฝากด้วยนะคะ แล้วก็ยังมี ถุงมือ ผ้าพันคอ ด้วยนะคะ
(ของฝากนี่เรากลับมาซื้อขากลับลงมาค่ะ คือไม่อยากถือของเยอะ ^^")

จากนั้นก็เดินต่อมาอีกสักพักนะคะ  

และอีกไม่นานแล้วก็จะถึงยอดภูแล้วค่ะ
แต่ก่อนอื่น เราต้องผ่านทางชันส่วนนี้ไปให้ได้ก่อนค่ะ
ที่จะมีทางชันแบบก่อนหินที่ต้องตะกายขึ้นไป
แล้วก็มีช่วงของบันไดค่ะ ชันประมาณ 70 องศา เห็นเค้าว่ากันแบบนั้น  

และช่วงที่โหดสุดก็มาถึง ส่วน 70 องศา ส่วนนี้ไม่มีรูปมาให้ดูกันนะคะ เพราะมือ 2 ข้างนั้น
มัวแต่จับ ต้นไม้บ้าง ก้อนหินบ้าง ราวบันไดบ้าง เพราะทางมันชันมาค่ะ

จากนั้นเราก็มาถึงแล้วค่ะ...ป้ายภูกระดึง ค่ะ

ซึ่งด้วยเราไปครั้งแรก เราก็คิดว่า เฮ้ย ถึงแล้วๆๆๆ แต่มันไม่ใช่
มันต้องเดินไปจุดกางเต้นอีก รวมระยะทางจากที่เดินมาไปจุดบริการนักท่องเที่ยว
 ตั้งเกือบ 10 กิโลแน่ะ ^0^  ทำไรไม่ได้ ก็เดินต่อค่ะ T T

อ่อ.. จริงๆ ระหว่างทางเราก็จะเดินเจอลูกหาบด้วยนะคะ
แต่ละคนหาบได้ 30 - 50 กิโลเลยค่ะ (โหดมาก เก่งมาก)
พอขึ้นมาถึงด้านบน ลูกหาบก็จะเอาของใส่รถเข็นค่ะ
ลูกหาบ มีทั้ง พี่ ป้า น้า อา ลุง มีครบเกือบทุกวัยเลยค่ะ 

จากนั้นพวกเราก็เดินถึงจุดกางเต้น ลงชื่อรับ ที่รองนอน หมอน ผ้าห่มค่ะ 
เมื่อได้มาแล้ว รออะไรละ โยนทุกอย่างเข้าไปในเต้นเลยค่ะ 
และเราก็ไม่ลืม รับของต่างๆ มาเผื่อเพื่อนด้วย และก็โยนเข้าไปเหมือนกันค่ะ 55+   
ขอสรุประยะทางกันนิดนึงนะคะ  จากจัดเริ่มต้นจนถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวคือ 9 กิโล กว่าค่า   

รวมเวลาที่เดินมาทั้งหมด คือ 6 ชั่วโมงค่ะ 55+ คือ ตั้งแต่ 7.30 - 13.30 น. ค่ะ
จากนั้นเราก็นอนพักเลยค่ะ ไม่เดินไปไหนแล้ว นอนรอเพื่อนก่อนล่ะกัน

จากนั้นประมาณ 4 โมงเย็น เพื่อนเราก็มาถึง และแน่นอนก็สลบ เหมือนกันค่า
ประมาณ 1 ทุ่ม พวกเราก็ไปหาข้าวกินกันค่ะ ด้วยอากาศที่เย็น ฟินมาค่ะ
และคืนนี้ พวกเราก็นอนหลับ แบบ สนิทมากค่ะ

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณ ให้นักท่องเที่ยวตื่น
เพื่อไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่ "ผานกแอ่น" ค่ะ
โดยจะมีเจ้าหน้าที่นำทางพาไปค่ะ และเริ่มเดินไปกันตอน ตี 5 ค่ะ (หนาวมาก)

จากนั้นก็นั่งรอเวลาที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นค่ะรอกันอย่างมีความหวัง... 

แต่น่าเสียดายที่เราสภาพอากาศไม่เป็นใจค่ะ T T 
เพราะมีเมฆมากไปหน่อยค่ะสำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป
เวลาที่ดวงอาทิตย์จะโผล่มานั้น ค่อนข้างเร็วนะคะ กดรัวๆ ได้เลยนะคะ

ระหว่างทางกลับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เราจะผ่าน "ลานวัดพระแก้ว" ค่ะ 

จากนั้นก็เดินต่อค่ะ เพื่อจะไปเติมพลังงาน..
เนื่องจากเมื่อเราเจอของกิน เราก็ลืมถ่ายรูปไปเลยค่ะ
จะเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้ง ของกินที่ไปกิน จำได้ว่าจะเป็น โอวัลติล ปาท่องโก๋ 
รวมไปถึงข้างราดแกง 1 จาน 55+ (หิว) จากนั้นก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำค่ะ

เมื่อท้องอิ่ม ขาก็พร้อมเดินค่ะสถานีแรกที่เราจะไปคือ "ลานพระศรีนครินทร์" ค่ะ
แวะไหว้พระกันก่อน จากนั้นก็เดินต่อค่ะ

จากนั้นเดินต่อมา เราก็จะเจอกับน้ำตกค่ะ 
และด้วยเป็นคนที่จำอะไรไม่ได้นาน เลยจำชื่อน้ำตกไม่ได้แล้วค่ะ (ขอโทษค่ะ)

แต่น้ำใสมากๆ เลยล่ะค่ะ

และสิ่งที่น่าปวดใจ รอบที่ 2 คือ "ใบเมเปิ้ล" ที่เราได้เห็น คือได้เห็นแค่นี้จริงๆ ค่ะ 
มัวแต่ไปเดินเล่นตรงไหนไม่รู้ พลาดไปแล้ว 

เดินไปเรื่อยๆ ค่ะ และที่ต่อไปที่เราจะแวะกัน ก็คือ "สระอโนดาต" ค่ะ
ถ่ายป้ายมาให้ดู คิดอะไรอยู่ไม่รู้ตอนนั้น 55+ ไม่ได้ถ่ายวิวน้ำมาเลย
แต่สระน้ำกว้างมากนะคะ นั่งพักตากลมเย็นๆ ตรงนี้สักพัก ชื่นใจดีค่ะ

สภาพแวดล้อมบนนี่ มีหลายแบบนะค่ะ เราเดินเจอทั้งต้นไม่ใหญ่ 
แต่พอเดิอนไปเรื่อยๆ ก็เป็นทางราบ มีทุ่งหญ้าด้วยค่ะ

เดินไปเรื่อยๆ ก็สังเกตเห็นว่า..เดินมาเรื่อยๆ พวกเราก็เห็นร้านส้มตำค่ะ คือควันย่างไก่ลอยมาเลย..
รอไรอยู่ค่ะ วิ่งไปหาเลยค่ะ แล้วเช่นเคย ของกินมา ทุกอย่างก็ไม่ได้ถ่ายไว้ค่ะ

เมื่อกินอิ่มเลยสังเกตรอบๆ อ้าว ตรงนี้คือ "ผาเหยียบเมฆ"

บรรยากาศดี และฟินมากค่ะเป็นอีกจุดของการถ่ายรูปเลยค่ะ 

จากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ แล้วก็เจอกับ "ผานาน้อยค่ะ" ค่ะ

เจอโน้น เจอนี่ไปเรื่อย ค่ะ

และนี่ค่ะ

เดินกันมาทั้งวันแล้ว ดูเวลาอีกทีก็จะเย็นแล้วค่ะ
จึงเดินต่อไปอีกนิดที่ "ผาหมากดูก" เพื่อมารอดูดวงอาทิตย์ตกค่ะ

ครั้งนี้พวกเรา 6 คน ไม่ได้ไปถึง "ผาหล่มสัก" นะคะ
เพราะ ไม่ทันจริงๆ เลยได้แค่ดูดวงอาทิตย์ตกตรงนี้นะคะ

ช่วงเดินกลับ เริ่มหนาวมากแล้วค่ะ เพราะ ไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์แล้ว
เมื่อถึงเต้นแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำค่ะ
(การอาบน้ำทรมานที่สุดแล้ว น้ำเย็นมาก)

ตะวันลับขอบฟ้าแล้วค่ะ...
จากนั้นก็เดินทางกลับเต้นกันค่ะอาบน้ำเสร็จก็ไปหาอะไรกินกันค่ะ 
แต่เพื่อนเราผู้หญิงทั้งหลาย มื้อเย็นก็จะกินน้อยๆ หน่อยค่ะ

แต่เรากับแฟนเลยไปกิน "หมูกะทะกัน" คืออยากบอกว่ามันฟินมากค่ะ
ไปบนนี้ ห้ามพลาดหมูกะทะเด็ดขาดค่ะ

เติมพลังงานเรียบร้อย ก็นอนพักเอาแรง ค่ะ นอนดูดาวกันแปบนึง 
เพราะไม่มีแสงไฟ ดาวเลยสวยมากค่ะ เห็นชัดมากค่ะ

เพิ่มเติมนิดนึงค่ะ จุดบริการนักท่องเที่ยว มีบริการชาร์จแบตนะคะ
ถ้าจำไม่ผิด ถ้าเราชาร์จโทรศพท์ราคา 20 บาท แต่ถ้าเป็นแบตสำรอง ราคา 40 บาท ค่ะ

เช้าวันต่อมา หมดเวลาแล้วสินะ เฮ้ย! นี้ต้องกลับมาทำงานอีกแล้วใช่มั้ย 55+
พวกเราอาบน้ำ จัดของ และคืนอุปกรณ์ต่างๆ ที่เรายืมมานะคะ
โดยพับเก็บแล้วไปแลกบัตรประชาชน คืนมานะคะ

จากนั้นก็เริ่มเดินกลับกันค่ะตอนเดินกลับชิลล์ มากค่ะ เพราะ เริ่มเดินกัน ก็เกือบจะ 9 โมงแล้วค่ะ

และเช่นเคย แวะกินของกินข้างล่างทุกซำ เหมือนเดิมเดิม
จริงๆ ค่าอาหารในแต่ละซำไม่ได้แพงเลยนะคะ
รู้สึกเหมือนจะปกติเลยค่ะ เหมือนน้ำชาเย็นที่เรากิน ก็ 30 บาท
ข้าวจานนึงก็ 35 บาทค่ะ แต่ที่จะแพงหน่อย ก็จะเป็นน้ำเปล่าค่ะ
แต่ก็ไม่มากนะคะ บวกราคาเพิ่มมา 10 บาทน่าจะได้
แม่ค้าทุกคนที่เราแวะไปกิน น่ารักมากค่ะ ยิ้มแย้มตลอด ^^

เราใช้เวลาไม่นานมากเหมือนขาขึ้นนะคะ  เพราะประมาณ 
บ่ายโมงครึ่งเราก็ลงมาถึงข้างล่างกันแล้วค่ะ

จากนั้นก็หารถ 2 แถว เพื่อไปผานกเค้านะคะพวกเราได้รถรอบ 4 โมงเย็นค่ะ  
สามารถ อาบน้ำ ทานข้าว ได้อีกนะคะ ถ้าหิว ^^ ที่ร้านเจ๊กิม
และข้างๆ ร้านเจ๊กิม ก็มีคาเฟ่ น่ารักๆ อยู่ค่ะ สามารถไปนั่งเล่นได้

เดินทางถึงกรุงเทพ สถานีขนส่งหมอชิต 2 เวลา เกือบเที่ยวคืนได้มั่งค่ะ
จากนั้นพวกเราเรียกแท็กซี่เพื่อแยกย้ายกันกลับบ้านนะคะ

เริ่มต้นเช้าวันทำงาน ฮะ !! ทำงาน ใช่แล้ว และสภาพในตอนเช้าก็เดินขาลากไปทำงานค่า

--

MOOMiKE-P