ภูกระดึง ภูเขารูปหัวใจ

11.01.18

หลังเลิกงานวันนี้ รีบตรงกลับห้องไม่เถลไถลที่อื่น เพราะมีนัดกับเพื่อนที่หมอชิต เราจะไปภูกระดึงกัน พอถึงห้องอาบน้ำ-สระผมให้เรียบร้อย เพราะอากาศที่นั่นกำลังหนาว เราคงไม่อาบแน่ๆ อาบแห้งๆทาแป้งไป ฮาาาาา

รถทัวร์ที่จองไว้ได้รอบ 20.00 น. ทำให้เราต้องรีบเร่ง เพราะการจราจรที่ กทม. เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ เผื่อเวลาไว้ดีกว่าเนอะ สองทุ่มเป๊ะ รถออกตรงเวลา ไม่เลท ไม่รอ ใครตกรถ ซื้อใหม่อย่างเดียวจ้า 

ครั้งนี้เราจองของ บขส.999 กรุงเทพ-เชียงคาน ไม่ได้นั่งรถทัวร์มานาน เห้ยยย!!! มันสะดวกสบายจริงๆนะแกรร คุ้มค่าราคาหลักร้อย เบาะเอนได้ประมาณ 130 องศา มีหนอนหนุน ผ้าห่ม ขนม-น้ำ เบาะนวดด้วย และที่สำคัญ ชาร์จโทรศัพท์ได้ นอนสบายยาวไป มาตื่นตอนจุดพักรถ สีคิ้ว โคราช เกือบเที่ยงคืนได้ ตํ่วรถ มีคูปอง มูลค่า 25 บาท ไปแลกซื้อได้ตามสบาย ตีสี่กว่าๆ มาถึง ผานกเค้า กับร้านเจ้กิมที่นักเดินทางที่มาภูกระดึงคงรู้จักกันเป็นอย่างดี

ของว่างบนรถเป็นขนมปัง+น้ำเปล่า+กาแฟซอง

12.01.18

ตอนเช้ามืดหน้าร้านเจ้กิม ไม่ได้มารถคันนี้นะ คันที่เรามาเลยไปเชียงคานแล้ว

ลงจากรถมาเจออากาศเย็นมากกกกก เข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ใครหิว มีอาหารให้เลือกกินเยอะแยะ ข้าวราดแกง ไข่กระทะ ข้าวต้ม ขนม ชา กาแฟ แล้วแต่สะดวกเลยจ้า หลังจากนั้น ต่อรถแดงจากที่นี่ไปยังที่ทำการอุทยาน นั่งรถไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย อย่าลืมชำระค่าเข้าอุทยานด้วยนะ

ขั้นตอนต่อไป (โดยประมาณเน้อ)

- ใครมีเตนท์มาเอง เสียแค่ค่าพื้นที่ ใครไม่มีต่อแถวจองโลดดด

- ทำประกันกับอุทยาน คุ้มครองนาน 7 วัน (แล้วแต่นะ อันนี้ไม่ได้บังคับ)

- มัดจำค่าขยะ เอาน้ำไปกี่ขวด ขนมไปกี่ถุง เอาลงมาคืนให้ครบ ได้ค่ามัดจำคืน

- ลูกหาบ ไปซื้อบัตรสัมภาระ นับจำนวนประเป๋าไป 1 ชิ้น/1 บัตร เขียนชื่อ เบอร์โทรให้เรียบร้อย แล้วห้อยที่กระเป๋าแล้วไปชั่งน้ำหนัก จ่ายเงินเมื่อรับกระเป๋าข้างบน 

- ลงชื่อ สแกนบัตรประชาชน ตรงป้อมก่อนขึ้น แล้วก็ Let's go

ระยะทางดูจิ๊บๆ ไปเจอของจริงกัน

จากตีนภูไปถึงปางกกค่า ส่วนมากจะเป็นเนิน กับบันได เดินชิว แต่หลังจากนั้นแหละ คือของจริง ทางชันมาก มีแต่ปีนๆๆๆก้อนหิน ทางราบหายไปไหนหมด ไม่มีรูปนะ เหนื่อย มือสั่น ขอพยุงตัวเองขึ้นไปก่อน ผลของการไม่ค่อยออกกำลังกายไง จนมาถึงซำแฮก แฮกสมชื่อ แต่วิวสวยมาก

ซำแฮก มีร้านค้า มีห้องน้ำ เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย

แล้วก็เดินๆๆ ปีนๆๆ ต่อไปอย่าหยุดยั้ง จนกว่าเราจะถึงข้างบน (เล่นใหญ่ไปม่ะ พักบ้างก็ได้)

ทางชันๆ ช้านนมาทำอารัยที่นี่

อุโมงค์ไผ่ 

เห็นปลายทางไหม ตอบเลยว่าไม่

เมเปิ้ลต้นแรกที่เจอ เย้

บางต้น บางกิ่ง หลายคนก็ใช้ยึดใช้เหนี่ยว จนต้นเลี่ยมเลย

ต้นไม้ใหญ่ๆ ยังคงมี

ระยะทางจากซำแฮก มาถึงซำแคร่ ก็เป็นทางราบบ้าง ชันบ้าง สลับๆ กันไป จนมาโหดอีกครั้งช่วยซำแคร่ ถึงหลังแป ทางชันมากกกก ปีนอย่างเดียว สติห้ามหลุด จนในที่สุด ก็มาถึงแล้ว หลังแป แต่หลังเรานี่แป้เลย 55555

แต่ๆๆๆ ยังต้องเดินทางราบอีกประมาณ 3 กิโลกว่า จะไปถึงจุดกางเตนท์ เดินชิวๆ ไป

เมื่อมาถึงจุดกางเตนท์ ไปรอรับของจากลูกหาบ จ่ายตังค์ กางเตนท์ เช่าหมอน ถุงนอน ผ้าห่ม ตามสบาย ตามใจชอบ ทำเลแล้วแต่ชอบ ใกล้ห้องน้ำ ใกล้ร้านค้า 

ส่วนทางเรานั้นกางเตนท์เสร็จ จัดของเรียบร้อย ขอสลบแพพ นอนตุนสะสมพลังงาน ตื่นมา ตอนแรกตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก แต่เปลี่ยนแผนล่ะ ไปหาอะไรกินดีกว่า มาจบที่ มาม่าหม้อไฟเกาหลี แถมฟรีข้าว ปาท่องโก๋จิ้มนม ชาจีนร้อนๆ

กินเสร็จ พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินดี ความหนาวก็เริ่มเข้ามาแทนที้่ ทางเราก็รีบไปอาบน้ำก่อนที่จะหมกกันข้ามวัน น้ำนี่เย็นเหมือนน้ำแข็งที่ออกมาจากช่องฟรีซ ล้างหน้าไปหน้าชา อาบทีตัวชา เลยใช้เวลาเร็วกว่าทุกครั้ง เสร็จแล้วเราก็ไปหลอกเพื่อนว่าไม่หนาวหรอกแกรร 555555

เวลาเพิ่งจะหัวค่ำเพียงเล็กน้อย ยังไม่ง่วง เพราะเคยชินกับการนอนดึก ติดจนเป็นนิสัย ไม่มีอะไรทำ ก็เลยเดินวนๆ ไปดูร้านขายของที่ระลึก ได้โปสการ์ดมา 3-4 ใบ กะว่าจะเขียนถึงเพื่อน และที่สำคัญเขียนถึงตัวเอง สนุกดีนะ กับการที่ได้โปสการ์ดประทับตราไปรษณีย์ของแต่ละจังหวัดที่ได้เดินทางไปเยือน ผสมกับความลุ้นว่าเมื่อไหร่เราจะได้รับ จะหล่นหายกลางทางหรือเปล่านะ 

บรรยากาศภายในร้านออกแนวเหมือนแกลลอรี่แสดงผลงาน และเกือบทุกภาพ จะเป็นภุกระดึงในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป เจ้าของร้านใจดี ให้แผนที่บนภูมาฟรีด้วย แต่เสียดายเราทำมันเปียกน้ำค้าง จนเปื่อย เลยไม่ได้เก็บกลับมา 

ก่อนนอนคืนนี้ ได้ยินเสียงตามสายจากจ้าหน้าที่ ประกาศว่า วันพรุ่งนี้ นักท่องเที่ยวท่านใดจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ให้มาพร้มที่ทำการวังกวาง ตอน 5.00 น. จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไป เราก็เลยรีบซุกตัวเข้าไปในถุงนอนใต้ผ้านวมอีกชั้นเก็บเรี่ยวแรงไว้ลุยวันพรุ่งนี้ 

13.01.18 สวัสดีวันเด็กแห่งชาติ มาฉลองวันเด็กบนที่สูง 

ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 4.30 น. กว่าจะตื่นจริงก็ 4.50 น. ตื่นมา กำไฟฉาย กระชับเสื้อกันหนาว พอโผล่หัวออกมาจากเตนท์เท่านั้นแหละ อยยากจะมุดกลับเข้าถุงนอนไปใหม่ อากาศหนาวมากกก น้ำค้างแรง ลมแรงยิ่งกว่า เเต่เพื่อพระอาทิตย์ ไปค่ะ ออกเดินตามคนอื่นไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 2 กิโลกว่า ทางมืดสนิท เห็นแต่เเสงจากไฟฉายเรา ไฟฉายคนข้างหน้า จนเดินมาถึงผานกแอ่น จับจองที่นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น

ระหว่างทางเดินกลับมาที่วังกวาง เราเดินคนล่ะทางกับที่มาเมื่อเช้า มันจะมาโผล่ทางด้านหลัง เอาง่ายๆนะ คือ เราเดินหลง แต่ ทำให้เราได้มาไหว้พระขอพร คุ้มครองเราไง

เมื่อแสงสว่างเริ่มมี ทำให้เราเห็นอะไรได้ชัดขึ้น หมายถึง ต้นไม้แปลก ต้นเล็กๆ นะ เรียงตามรูปด้านล่าง ดอกกระดุมเงิน ลูกสน หม้อข้าวหม้อแกงลิง ต้นหยาดน้ำค้าง และที่ขาดไม่ได้ใบเมเปิ้ล (ตามหาใบเมเปิ้ลยังง่ายกว่าตามหาใครบางคน ฮิ้ววววว)

กลับมาเติมพลังจนอิ่ม ออกลุยต่อ เราไปแค่เส้นทางเลียบหน้าผา ไม่ได้ไปทางน้ำตก เพราะมาช่วงนี้น้ำน้อย ใบเมเปิ้งก็น่าจะล่วงจนเปื่อยไปล่ะ 

ผาหมากดูก-ผาจำศีล-ผานาน้อย-ผาเหยียบเมฆ-ผาแดง ไปไม่ถึงผาหล่มสักนะ คำนวณเวลาแล้วเราน่าจะไปไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินแน่ๆ มัวแต่เรื่ยเปื่อย เดินชมวิว กินขนม เลยลับมาดูพระอาทิตย์ตกที่ผาเหยีบเมฆแทน 5555 ไว้เราจะกลับมาซ่อมแน่ๆ

แล้วหลังจากนั้นพระอาทิตย์ก้เริ่มจะหมดแสง

หลังจากนี้ เร่งฝีเท้ากลับวังกวาง ระหว่างทางก็มืดสนิท แต่ที่นี่ดาวสวยมากกก เยอะมากด้วย แต่ถ่ายไม่เป็นอ่ะ ถ่ายมาล่ะไม่สวนเหมือนที่ตาเห็นเลย 55555 เราจึงก้มหน้าเดินดูทางต่อไป เด่วสะดุด ยิ่งมืดอยู่ บางคนเช่าจักรยานมาก็ปั่นแซงหน้าเราไป บางทีเราก็เดินแซงหน้ากลุ่มอื่นไป ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กับระยะทางเกือบ 5 กิโล เดินกันจนขาลาก ปวดฝ่าเท้าเลยทีเดียว 

มื้อเยนวันนี้ถึงเราจะเหนื่อยมาก แต่เราก็หิวมาก จัดไปชุดใหญ่ หมูจุ่ม (แถมฟรีข้าวผัด ชาจีนร้อน) ไปซื้อเครปอีก ปังปิ้งด้วย 

กินกันจนสามทุ่มกว่า จนร้านเกือบปิด และแน่นอนว่า ดึกขนาดนี้ หนาวขนาดนี้ ไม่อาบน้ำจ้า 5555 เรื่องนี้เราสามัคคีกันทั้งกลุ่ม ไม่ไหวแล้วแค่ล้างหน้าแปรงฟันยังสั่น ไม่อาบล่ะจ้าา มุดเข้าเตนท์ ซุกตัวในถุงนอน แล้วก็หลับไปอย่างรวดเร็ว

14.01.18 

วันนี้ให้อภิสิทธิ์ในการนอนตื่นสาย ทางเราจะไม่รีบล่ะ ตื่นล้างหน้า แปรงฟัน เก็บข้าวของ เอาไปฝากลูกหาบ ถ้าช่วงไหนคนขึ้นมาเยอะ ต้องรีบไปฝาก เด่วลูกหาบหมด มันจะต้องแบกลงเอง บันเทิงแน่ๆ

แล้วค่อยมาหาข้าวเช้ากิน ข้าวนี้รับไข่กระทะ ปาท่องโก๋จิ้มนม น้ำเต้าหู้(เค็มแปลกๆ ที่นี่เขาใส่เกลือหรอ) 

เวลายังเหลือ เพราะจองรถไว้รอบมืด ออกจากเชียงคาน 18.30 น กว่าจะมาถึงผานกเค้าก็เกือบสามทุ่ม เลยเดินมาร้านโปสการ์ดร้านเดิม มานั่งขีดๆเขียนๆ แล้วก็ฝากที่ร้านส่ง ยังไม่พอ หยิบสมุดที่ติดมาด้วย มากาง ปั๊มตรางยางเกือบจะทุกอัน เอาไว้เป็นระลึกว่าครั้งหนึ่งเราขึ้นมาแล้วนะ แค่นี้ก็แฮปปี้ล่ะ

ออกจากวังกวางเกือบเที่ยง ลงจากหลังแปประมาณบ่ายโมง ขาลงภู มันช่างทำร้ายข้อเข่ามาก กระแทกๆ ช่วงไหนชันมาก บางทีก็ต้องวิ่ง เบรกกับต้นไม้ที่ปลายทางเอา สนุกสนานกันไป กว่าจะลงมาถึงพื้นราบได้ ขาพังเป็นที่เรียบร้อย เดินขึ้นเดินข้างบนยังไม่พังเท่านี้เลย ไหนใครว่าขาพังง่ายๆ ไง ไม่จริงง่ะ

ลงมาถึงข้างล่างรับกระเป๋าจากลูกหาบ ไปอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วก็นั่งรถแดงกลับไปร้านเจ้กิม รอขึ้นรถกลับ กทม. 

 

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

- ค่ารถทัวร์ บขส.999 ไป-กลับ 796 บาท

- ค่ารถสองแถวเที่ยวละ 30 บาท (คนขับอาจต่อรองเป็น 35-40 บาท ได้ ถ้าคนไม่ครบ 10 คน แบบมี 8-9 คน เพื่อที่จะออกรถเลย)

- ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท

- ค่าพื้นที่กางเตนท์ 30 บาท/คน/คืน

- ค่าเช่าแผ่นรองนอน 20 บาท/คน/คืน

- ค่าเช่าผ้าห่มใหญ่ 50 บาท/คืน

- ของกินระหว่างแต่ละซำ ยิ่งสูงขึ้นยิ่งแพง เช่น ซำแรก แตงโมชิ้นละ 10 บาท ซำสุดท้าย ชิ้นละ 20 งี้ แต่ให้เขาเหอะ กว่าจะแบกขึ้นมาถึง 

- ของกินด้านบนภู อาหารจานเดียวเริ่มที่ 60 บาท มาม่าหม้อไฟเกาหลี/หมูทะ/ชาบู ชุดเล็ก 300 บาท ชุดใหญ่ 500 บาท โอวัลติน/น้ำเต้าหู้/ปังปิ้ง1แผ่น อย่างละ 25 บาท น้ำเปล่าขวดเล็ก 30 บาท (ไปหลายวัน หลายคน แนะนำซื้อเป็นแกลลอนใหญ่ดีกว่า 180 บาท) 

*****ไปเหอะ ไปลองดูสักครั้ง ไม่แน่มันอาจจะมีครั้ง 2 3 4 ... ตามมา*****