มิตรเต่า(ตะพาบ)ที่ได้ ความพีคที่เจอ เซอไพรส์สุดๆ !!

สวัสดีครับบ รีวิวที่สองต่อจากเชียงดาวว
ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคร้าบบบ

กล้องที่ใช้ Canon eos 60d + Kit 18-135, Iphone 5

วันที่อยู่บนภู 19-21Jan16

3
2

.... เริ่ม !!!

18Jan16
เวลาประมาณ 3 ทุ่ม เดินทางมาถึงหมอชิตแบบเปลี่ยวๆคนเดียวเหงาจุงเบย เดินหาที่ซื้อตั๋วแอร์เมืองเลย รอขึ้นรถรอบ 4 ทุ่มครึ่งยาวๆ นั่งนิ่งๆสงบๆ ทำสมาธิไปได้ขึ้นรถปั๊บ (พยายาม)หลับยาวๆถึงจนถึงที่หมาย

19Jan16
ในที่สุดก็ถึง ผานกเค้า ร้านเจ๊กิม เวลาเกือบๆ 6 โมงเช้า แบบอึนๆมึนๆ ยังไม่รู้จะเอาไงต่อ ไปขี้ก่อนละกัน 5555 ออกมา เหลือคนนั่งร้านเจ๊กิมอยู่ 5 คน งง หนักกว่าเดิมยังไงดีล่ะทีนี้ ซักพักมีคนเข้ามาทัก หารค่ารถไปกันไหม เวลานี้ก็ต้องโอเคละแหละ ละก็ไปชวนผู้หญิงอีก 2 คน สรุปก็คือ มีคนหารค่ารถไปทั้งหมด 5 คนนั่นแหละ และมิตรเต่าภูกระดึงก็เริ่มขึ้น ณ จุดๆนี้

ประมาณ ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็มาถึงที่ทำการ ทำธุระ ซื้อน้ำ ชำระค่าเข้าอะไรให้เรียบร้อย เวลาประมาณ 7 โมงเกือบๆครึ่ง เริ่มเดิน !!
ถึงช่วงแนะนำตัวละคร ผู้ร่วมชะตากรรม ทั้ง 5 คน
บาส ตำรวจประจำกลุ่ม
พี่เก่ง นายพรานมากฝีมือ  
ผม นัท ตากล้อง
และ 2 สาวจาก ais มะปราง กับ พลอย

ผมนี่ ลูกหาบก็ไม่ได้จ้าง ไม่ได้ห้าวหรือไรนะ ไม่มีตัง 5555555

เริ่มๆเดินๆไป ตอนแรกก็มีความคิดที่ว่าไปเชียงดาวมาแล้ว น่าจะขึ้นอันนี้ไม่ยาก ใช่มันไม่ได้ยากมาก แต่มัน.. โคดไกล !! แถมทางขึ้นแบบรัวๆ ไม่มีทางลงผสม เชื่อแล้วว่ากว่าจะถึง ซำแฮก กม. แรก นั้น แฮก สมชื่อ !!! ๕๕๕๕
พักได้ซักพัก ก็เดินต่อ เหนื่อยซำไหน ก็พักซำนั้น ยิ่งตอนจะถึง หลังแป นี่โคดพีค !!! ขอนิยามว่าบันไดนรก จะปวดขาก็อีตอนนี้เนี่ยแหละะ แถมตะคริวยังถามหา เลยเฝ้าถามตัวเองว่าทำไม ตูไม่กินข้าวเช้าาา ฮาาาา เดิน กัดฟันไป จนในที่สุด...
ถึงล้าวววว 3 ชั่วโมง 30 นาที แฮ่รรร...
พักซักแปบ ให้หายเหนื่อยดี เพราะกว่าจะไปถึงที่พักต้องเดินเท้าอีก... 3.1Km !! ลุยยย
มองไปไม่เห็นปลายทาง...
เดินๆไปซักพักใหญ่ๆ และแล้วเราก็ ถึงงงง เย้
จัดจองเต๊นท์และที่นอน ทำไรต่อไรเรียบร้อย เริ่มมีแดด คุณพระ รอไร อาบน้ำสิครับบบบ
ถึงกับสบายตัว พักผ่อนซักแปบ 4 โมง เริ่มออกเดิน ไปผาหมากดูก ไกลเหมือนเดิมมม แต่ก็เดิน 55555 
ถามว่าทำไมไม่เช่าจักรยาน ยืนยันคำเดิมครับ ไม่ มี ตัง !!! 

มาถึงจะว่าแอบผิดหวังเล็กๆก็ว่าได้ เพราะเมฆเยอะมากกก แต่ก็ดียังพอได้รูปสวยๆรอไปซักพัก เหมือนความหวังจะริบหรี่ แต่ !!! เหมือนฟ้าเป็นใจ ไข่แดงโผล่มาาาา ผมนี่ ตาโตเลย 5555

เอาละ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว แยกย้ายกันนอน เดินกลับสิครับ มืดสุด ปล่าวเปลี่ยวอยู่ 5 คน จ้ำสิครับ 40 นาที ถึงที่พัก ฝากท้องร้านป้า บุญมีโอชา คุณป้าใจดีให้ฟรีขนมจีน 55555 ทานข้าวท้องอิ่ม หมอกลง อากาศเย็นแบบนี้ นอนสิครับ รอตื่นพรุ่งนี้เช้า ตี 5 ไปผานกแอ่นชมพระอาทิตย์ขึ้น ราตรีสวัสดิ์

To be continue...

วันที่สาม 20Jan16
Zzz.. เสียงสัญญาณเตือนตามด้วยเสียงเจ้าหน้าที่ ปลุกให้ตื่น... ( การจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ "ผานกแอ่น" ในตอนเช้ามืดต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไปเท่านั้นนะครับ ) ประมาณ ตี 4 ครึ่งดึงร่างออกจากถุงนอนด้วยความงัวเงียแบบที่สุด ดีที่ออกจากเต๊นท์ละเพื่อนตื่นมาพอดี ล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยคนก็เริ่มทยอยกันออกมาเรื่อยๆ เมื่อทุกคนพร้อมเตรียมตัวเสร็จจนเวลาเกือบๆตี 5 ก็เริ่มเดิน มุ่งหน้าสู่...

ผ า น ก แ อ่ น
...เดินไปเรื่อยๆมาพร้อมกับไฟฉายคาดหัว 1 อัน เสื้อหนาว 1 ตัว ดีที่อากาศไม่หนาวมากกำลังดีสบายๆ พร้อมกับบรรยากาศรอบข้างที่ มื๊ดดดมืด ต้นไม้น้อยใหญ่รอบตัวก็จินตนาการไปสิ ดีที่คนเดินเยอะและมีเพื่อนเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่งั้นคงมีหลอนกันไปบ้างแหละ 55555 จนในที่สุดเดินมาเกือบๆชั่วโมงก็มาถึงซะที ผานกแอ่นแอนแอ๊นนน.... "มืด ตึ้ด ตื๋อ" กล้องถ่ายไม่เห็น เห้อ ไม่เป็นไร นั่งรอเวลาพระอาทิตย์ขึ้นสิคับ หันไปอีกทีเพื่อนคนนึงกะพี่อีกคนหนีไปปล่อยของซะงั้น ฮาาา เหลือ 2 สาวนั่งอยู่ก็รอเวลาไป และลุ้นว่า ฟ้า จะ เปิด ไหม ....

จนแสงแรกโผล่มา บรรยากาศก็ดี แต่เสียดายที่พระอาทิตย์ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นสงสัยจะเขินจัด หึ
(แต่หมอกขนาดนี้ก็โอเคอยู่นะฮะ)

ชื่นชมบรรยากาศซักพัก รู้ซึ้งละพระอาทิตย์คงไม่โผล่มา 5 ชีวิตก็พากันเดินกลับ แต่เมื่อเจอทางแยก... หันมองหน้าเพื่อน "ไปทางไหน" เอาล่ะสิ ทำไงดียืนคิด 10 วิ มีหมาเดินมาตัวนึง (ไม่ใช่เซเลปแดงประจำภูนะฮะ) มันเดินไปทางซ้ายไอเราก็คิดกันว่า จะตามหมาไปดีไหม แต่อะไรดลใจให้ไปทางขวากันก็ไม่รู้ เดินไปซักพักถึงสำนึกกันได้.... เชื่อหมาอ่ะถูกแล้ว 555555 แต่ก็เหลือบไปเห็นป้ายพอดีว่าเป็นทางไปสู่ "พระแก้ว" ก็ดีจะได้ไหว้พระขอพรให้ท่านคุ้มครองซะหน่อย แต่บรรยากาศตอนนั้นก็.. แบบนี้อ่ะนะ


(ลานพระแก้ว หยั่งกะหิมะตก ฮาาา)

ไหว้พระเสร็จเรียบร้อย ก็เดินกลับที่พัก ดีที่ทางมันทะลุกันได้ไม่ต้องเดินอ้อมก็กว่าจะกลับมาถึงก็ 8 กว่าโมงได้ละ จัดนู่นนี่นั่นอาบน้ำ พักผ่อนซักแปบ ไปทานข้าวเช้า ฝากท้องกะป้าร้านบุญมีโอชาเหมือนเดิม พร้อมทั้งให้ป้าจัดแจงเตรียมมื้อเที่ยงแบบง่ายๆข้าวผัดใส่ถุงพลาสติก ผูกเอวไปแบบชิคๆ 55555 จนนั่นแหละไปๆมาๆก็จะ 11 โมงละ เริ่มเดินสู่ "เส้นทางลึกลับ" (จขกท บัญญัติขึ้นมาเองแหละ) เป็นเส้นทางที่จะเดินไปสู่...
  น้ำ ต ก วั ง ก ว า ง
เป็นน้ำตกที่มาแล้ว "เสียเที่ยว" มากกก น้ำแห้งเหือดจนลืมเก็บภาพ (แอบรู้สึกผิด TT) แต่ก็นะ เห็นน้ำตกละคอแห้งเลย เอาเป็นว่าเดินต่อดีกว่า...

เดินๆไป เส้นทางก็ รกบ้าง ดีบ้าง หินบ้าง แต่ที่สะดุดสุดๆคงจะเป็น "อุนจิช้างป่า" อ่ะนะ ก็แอบเสียวสันหลังนิดหน่อย จะโผล่มาป่ะฟะ บางกองนี่คือยังใหม่อยู่ด้วยนะ.. อืม.... ไม่สนใจ เดินต่อดีกว่าาา เส้นทางนี่ก็มีทั้งต้องปีนขึ้น ปีนลง เดินตามทางน้ำ ทางโล่ง ทางรก มาหมดเลย แต่ก็สนุกดี แถมเจอค่างโหนผ่านหัวไปด้วย ง่อวววว แต่ถ่ายรูปไม่ทัน เสียดายยย

(สารภาพตามตรงเลยว่า ไม่ค่อยได้กดชัตเตอร์ เพราะน้ำตกแห้งมาก แล้งมาก แล้งอะไรขนาดนั้น ทำให้บางที่แวะแต่ก็ไม่ได้ถ่ายรุป ขออภัยอย่างสูงเลอค้าบบบบ)

จนตอนนี้เวลา บ่ายครึ่งได้ละ ก็เดินมาถึง 
  น้ ำ ต ก ถ้ ำ ใ ห ญ่
ก็นะ ไหนๆก็ไหนๆละ ทานข้าวในถุงพลาสติกที่เตรียมมาซะเลยก็ละกัน 55555 ก็เป็นการกินข้าวกลางป่าที่เย็นๆดี ถึงน้ำตกมันจะไม่ค่อยมีน้ำเท่าไหร่ก็นะ (ใครไม่รู้มันอุตริมาเรียงไว้แบบนี้ ถึงมันจะดูสวยดีแต่ก็ปล่อยให้มันร่วงตามธรรมชาติดีที่สุดนะครับ)

กินข้าวทำไรต่อไรเส็ดเรียบร้อยเก็บกล้อง เดินต่อ..
ออกมาจากน้ำตกถ้ำใหญ่ เหมือนไม่เห็นท้องฟ้ามานาน เดินมาซักพักก็ถึงเส้นทางที่จะเดินไป "สระอโนดาด" แหงนมองฟ้านี่คือ ครึ้มไปอี๊กกกกก แถมเส้นทางที่เดินนี่จะเปลี่ยวไปไหน ทางไกลสุดลูกหูลูกตา เดินกันอยู่ 5 ชีวิต เปิดเพลงสิครับ เพลงงงง เดินๆๆๆๆๆๆ จะไม่รู้จะเอาอะไรไปปวดขา จนกี่โมงไม่รู้กว่าจะถึง
  ส ร ะ อ โ น ด า ด
(บรรยากาศนั้น เหมือนพายุจะเข้าตลอดเวลา)

นั่งได้แปบเดียวเท่านั้นแหละ 15 นาทีได้มั้ง เริ่มเดินต่อ ไม่ใช่เพราะรีบนะ ฝนลงเม็ด !!! พระเจ้า จ้ำดิคับ ที่ร่มๆก็ไม่ค่อยมีแต่ยังดีที่มันลงมาแค่นิดเดียว
เห้อ แอบโล่ง นั่นแหละ ก็จ้ำกันต่อไป กว่าจะไปถึง "หล่มสัก" ก็ปาเข้าไปนู่น 4 โมงกว่า..
  ผ า ห ล่ ม สั ก
มาถึงก็นะ ขอน้ำอัดลมซักป๋องกะน้ำแข็งเย็นๆซักหน่อยเถอะ เห้ออออ เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ แต่ที่มานี่ก็มีความตั้งใจอย่างนะ ว่าจะมากินบราวนี่ แต่ที่พีคคือมันปิดดด !!!! อ้าคคค ช่างมัน หันมาหาหมวกที่เหน็บมา เห้ยยย หายอีกกก โอยยยย ช่างมันอีกนั่นแหละ นั่งพักดูดน้ำต่อลมเย็นๆ ฟ้าครึ้มๆ พักซักแปบก็เดินไปถ่ายรูปริมผา บรรยากาศก็ประมาณเนี้ย

(ดูชิล แต่แอบน้ำตาตกใน บราวนี่ปิด ฟ้าก็ปิด หมวกก็หาย TT)  

(หันขวาไปเจอลูกพี่ ที่จะมาเป็นไกด์ตอนขากลับ)

นั่งเล่นซักพัก 5 โมงกว่าๆ ก็คิดกันว่าควรจะกลับ เพราะเดี๋ยวจะมืดซะก่อน ไหนๆก็ไม่มีพระอาทิตย์ละ
เดินผ่านผาแต่ละผา พร้อมกับพี่ไกด์นำทาง พอทิ้งห่างมีหยุดรอ จะฉลาดไปไหน เก่งมากเจ้าหมา เดิน(ตามหมา)ไปก็แวะบ้างไม่แวะบ้างเดินไปเรื่อยๆ ดีที่คราวนี้มีคนร่วมเดินเยอะหน่อย 10 กว่าคน จนฟ้าเริ่มมืด... เวลา ณ ตอนนั้นน่าจะทุ่มนึงได้ และสิ่งที่คิดแต่ไม่อยากให้เกิด ก็เกิดจนได้ ฝนตกกกก !!!! และตกแบบหนักมากกกก หนักจนไม่น่าให้อภัยคืออัลไลลลล ตอนนั้นน่าจะอยู่แถวๆผาเหยียบเมฆได้ จนต้องไปหลบในร้านค้ากับสมาชิกที่เดินด้วยกันมา 10 กว่าชีวิต... (พี่ไกด์นำหายไปแล้ว...)

รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ... เกือบๆครึ่งชั่วโมงที่หวังว่าฝนจะหยุดตก ไม่หยุดนะคับ ทำไงดีล่ะ เหมือนทุกคนตัดสินใจไปในทางเดียวกัน เอาฟะ เดินต่อทั้งๆแบบนี้แหละ !!! แฉะ เปียก หนาว มืด มาครบเลย เดินๆๆๆ ไปดีที่มีคนเยอะยังอุ่นใจ และเนื่องจากความมืด มีช่วงนึงเดินไปอยู่แถวๆริมผาได้ไงไม่รู้ พอรู้ตัวเท่านั้นแหละ หัวใจจะวายยยย โอยยย teen ก็เริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยๆเพราะจ้ำเอาแบบไม่บันยะบันยัง จนนั่นแหละ ทุ่มกว่าๆ ในที่สุดก็ถึง "ผาหมากดูก" โอยยย ดีใจที่สุด มาถึงก็มีกลุ่มที่ล่วงหน้ามานั่งกินข้าวอยู่รอฝนหยุด พอเรามาถึงพวกเขาก็ลุกกัน ถึงคิดกลุ่มเรานั่งพักบ้าง... สวรรค์มีจริง แค่ได้นั่งก็ฟินได้ 555555 แต่ความฟินนั้น อยู่กับเราได้ไม่นานก็ต้องเดินต่อ เพราะไม่งั้นมันจะดึกเกินไป เอ้าา เดินก็เดิน ก็เดินขบวน 10 กว่าคน เดินๆๆๆ จนถึงที่พักอ่ะ โอ้ยยย ดีใจ๊ดีใจ ได้กินข้าวซะที ระหว่างที่กำลังเดินไปร้านอาหาร...

...เพื่อน จขกท. บอกว่าวัยรุ่นกลุ่มหลังที่เดินมาเพื่อนนับได้ 5 คน แต่ตอนที่ถึงที่พักและไปคุยด้วยนั้นวัยรุ่นกลุ่มนั้นบอกว่ามากันแค่ 4 คน... อืมมมม 
มาเล่าอัลไลตอนนี้ฟะะะะ ไปกินข้าวววว หิววว ณ อารมณ์ตอนนั้นพยายามไม่คิดทุกสิ่งอย่าง พยายามปลอบใจตัวเองสุดๆ

มาถึงร้านก็ร้านเดิมน่ะแหละ บุญมีโอชา ลุงป้าผู้น่ารัก บอกป้าขอสั่งหมูกระทะจัดหนักๆเลยยยย อิ่มไปอีก 1 มื้อ นั่งๆกินอยู่เจอเพื่อนมาเยี่ยมถึงหน้าร้าน

(ใกล้ชิดสุดๆ เก่งมากเจ้ากวาง)   (ดึกๆมีมาอีกตัวมีเขาด้วย แต่ตัวนั้นอยู่ไกลร้านไปหน่อย)
  และคืนนั้นมีบอล ไทย - เกาหลี พอดีทำให้ได้ผูกมัตรกับเพื่อนโต๊ะข้างๆไปอีกกก ดีๆๆๆ แต่ตอนนี้ยังสงสัยอยู่ ลุงเชียร์ไทยหรือเกาหลีเนี่ย...

...เริ่มดึก เริ่มเพลีย เริ่มแยกย้ายกันกลับเต๊นท์กลุ่มของ จขกท. ก็มานั่งจับเข้าคุยกันที่เต๊นท์ ฟ้าเปิดพอดี นั่งไปก็ดึงดาวไป ฮาาาา แต่ก็ได้บรรยากาศและภาพพวกนี้นี้กลับมา...
(บรรยากาศฟินๆ พร้อมดวงดาว และดวงจันทร์ อ่าาาา... )

นั่งไปนั่งมา คุยไปคุยมาก็เห็นเวลาสมควรนอน ก็แยกย้ายกันนอนเก็บแรง เพราะพรุ่งนี้ต้องลงแล้ว เก็บแรง ราตรีสวัสดิ์..
วันที่สี่ 21Jan16
...ซ่าาาา เปาะแปะ เปาะแปะ งัวเงีย ตื่นมาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำชนิดที่ว่ามีน้ำฝนหยดเข้ามาในเต๊นท์... เห้ยยย ฝนตก (หนักมาก) !!! ลุกขึ้นมานั่ง มองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะทำไงดี ออกไปนอกเต๊นท์ก็ไม่ได้ เดินลงจะเดินได้ไหม คำถามทุกอย่างเทเข้ามาในหัว... แต่ก็มีวิธีแก้ปัญหาด้วยการ "นอนต่อ" 555555 ทำอะไรไม่ได้ นอกจากขยับให้พ้นจากที่น้ำมันหยดใส่ถุงนอน  พร้อมกับเพื่อนที่ยังไม่ตื่นกันดี และอากาศที่น่านอนมากกกก... คร่อกกก

...จนตื่นมาอีก 9 โมงได้ เพื่อนตื่น เราตื่น ฝนซาลงพอดี รอไรล่ะคับ เก็บของจัดอะไรต่อะไรให้เรียบร้อย วิ่งปรู้ดไปอาบน้ำที่เย็นจนวัวตายควายล้ม แต่ก็สดชื่นไปอีกแบบ 55555 ทุกคนก็เตรียมตัว เก็บข้าวของอาบน้ำไปทานข้าว จัดหนักเพิ่มพลังสำหรับการเดินลง เสร็จเรียบร้อยก็ไปเอาของที่เต็นท์ เตรียมตัวเดินลง เข่าก้เจ็บ ทางก็ลื้นลื่น กัดฟันไปดิฮะ ลุยยย !! เดินไปเรื่อย ซำไหนพักได้ก็พัก เจอทางแปลกหน่อยก็มุดลง เอาตูดไถๆไป ผมนี่ก็รั้งท้ายไปสิ จนนู่นแหละ บ่าย 2 บ่าย 3 ถึงข้างล่าง อากาศร้อนนรกเชียวแล 555555 คิดถึงข้างบนทันที แต่ก็ทำใจ นั่ง 2 แถวกลับไปร้านเจ๊กิมพร้อมเพื่อนๆ รอเวลาขึ้นรถ อีตอนรอนี่ก็ ทานข้าวพร้อมเบียร์จัดเต็ม 555555 แต่ก็ได้เพื่อนๆพี่ๆเพิ่มขึ้นอีก นั่งกินกันเฮฮาปาจิงโกะ และแต่ละคนที่นี่ ก็ทำให้เกิดทริปต่อๆไปอีก ทริปนี้คือทริปที่ทำให้เกิดนิยาม "มิตรเต่า" ขึ้นมานะฮะ (เพราะมิตรภาพมันยาวไปย่อให้เล็กลงซะเลย 555555) 

จบทริปไปกับเรื่องราวดีๆและการพบเจอ มิตรเต่าบนภูกระดึง 

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมๆแล้วอยู่ประมาณ 2400 บาท ครับ รวมทุกอย่างแล้ว