๒๕๕๙ : 12-13 พฤศจิกายน ภูสอยดาว...

นี่เป็นการเริ่มต้น....

เป็นการขึ้นภูครั้งแรก "ภูสอยดาว"

(หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยจ้า)

 

การเดินทางของเรา คือ ไปร่วมทริปกับคนที่มาโพสในแบกเป้เที่ยวทริป โดยรถตู้ VIP ยิงยาวจาก กทม. ไปถึงอุทยานกันเลยทีเดียว และมีแวะตลาดที่ อำเภอชาติตระการ ก่อนขึ้นอุทยานฯ

ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท 

ลูกหาบกิโลละ 30 บาท

เราเช่าถุงนอนด้านบน ถุงละ 120 บาท ส่วนเต๊น อาศัยน้องผู้จัดทริปเอา แหะๆ

 

รถรับ-ส่ง จากที่ทำการอุทยานฯ ไปถึง จุดเริ่มต้นการเดินขึ้นภูสอยดาว

เริ่มต้นเดินกันได้ ณ บัดนี้ (เวลา 09.30 น.โดยประมาณ)

จุดเริ่มต้นจะเป็นน้ำตกภูสอยดาว

 

ไหว้ศาลเจ้าปู่ภูสอยดาว ให้ท่านช่วยปกป้องอันตราย 

 

ระยะแรกๆ จะเป็นการเดินเลาะริมน้ำตก ไปเรื่อยๆ

 

บางช่วงก็มีบันไดให้ขึ้น

 

ช่วงแรกก็เดินเป็นกลุ่มไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเนินแรก....เนินส่งญาติ

 

หลังจากเนินแรกผ่านไป กลุ่มเริ่มแตกแล้วจ้าาาาา เลยแยกกลุ่มออกมา ค่อยๆเดินไปทีละนิด

 

เนินสอง...เนินปราบเซียน

 

พี่ลูกหาบนั่งพักเหนื่อย ดูของบนหลังสิ !! ขนาดเราจ้างลูกหาบของส่วนตัว แบกแค่กล้อง ข้าวกลางวัน และน้ำ ต้องขอคารวะจริงๆ จ้า

 

เนินสาม...เนินป่าก่อ

ระวังโดนหลอกนะจ้ะ เพราะระหว่างทางเดินมีป้ายเนินป่าก่อ ซัก สองสามป้ายได้ แรกๆ เราก็หลงดีใจว่าถึงเนินสามแล้ว ที่ไหนได้ หลอกให้เราดีใจเล่น T^T

 

ระหว่างทางเดิน มีวิวป่า เขียวๆ ให้เราได้เดินชมกันไปเพลินๆ บรรยากาศดีเลยล่ะ เพราะตอนเราขึ้นนี่ไม่มีฝนเลย มีแต่แดดและลมพัด สบายยยยยยยย

 

ต้นไม้ใหญ่ในป่า แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา

 

เนินสี่...เนินเสือโคร่ง เนินนี้รู้สึกทางเดินจะมีต้นหญ้าขึ้นสูงพอสมควร ให้อารมณ์เหมือนป่า ที่อาจจะมีเสือโคร่งดักซุ่มอยู่ก็ได้ แฮ่..... 

 

วิวป่า เขียวๆ สวยๆ ให้ชมก่อนที่เราจะเข้าสู่เนินสุดท้าย !!

 

และแล้ว เราก็มาถึงเนินสุดท้าย !!! เนินมรณะ

 

ทางขึ้นเนินมรณะนี่ สุดยอดของการขาล้ามาก เพราะต้องเดินก้าวขึ้นตลอด แต่มีจุดพักเป็นระยะๆ เดินขึ้นชนิดที่ว่า ขึ้นสามก้าวพัก กันเลยทีเดียว 5555

แต่ความยากลำบากก็มีรางวัลให้เช่นกัน ให้หันกลับไปมองข้างหลังสักนิด...

วิวดี สวยงามมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 

วิวเขา เห็นแล้วสดชื่นขึ้นมาทันที เหมือนเป็นการเติมพลังให้ก้าวข้ามเนินมรณะไปให้ได้ !!!

 

ในที่สุด !!! เราก็ก้าวผ่านเนินมรณะมาได้ เราได้เป็น "ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว" แล้ว (เวลา 14.30 น.)

 

 

มีดอกหงอนนาคบานรออยู่นะ

 

ดอกขี้ครอก ก็บานต้อนรับเราเช่นกัน

  ถึงแล้ววววว ลานกางเต๊น จับจองพื้นที่ได้ตามสบายยยยยยยย

 

ถ้าใครไม่มีเต้นมาเอง ก็สมารถเช่าเต้นของอุทนยานฯได้จ้า

 

ที่เห็นไกลๆ เขียวๆ นั่น คือห้องน้ำจ้าาาา

 

เมื่อลูกหาบเรามาถึง ก็จัดแจงกางเต้นกัน แยกย้ายกันไปอาบน้ำ

ห้องน้ำที่นี่ ต้องตักน้ำจากลำธารมาใช้เองนะจ้ะ ธรรมชาติไปอีกแบบนึง

 

เมื่อหัวหน้าทริปมาถึงก็จัดแจงทำอาหารเย็น

เวลาล่วงเลยไป พระอาทิตย์ก็ตกลงเรื่อยๆ

เสียดายเราไม่ได้ไปดูที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก เพราะว่าต้องไปอาบน้ำพอดี 

ที่นี่ห้องน้ำไม่มีไฟนะจ้ะ จะต้องพกไฟฉายเอาไปส่องกันเอาเอง...

 

ทำกับข้าวเสร็จ ก็ได้เวลากิน !! ร่วมกันพูดคุยเฮฮามาก แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน ทั้งๆ ที่เราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก  ^^

และแล้วก็ถึงเวลาที่ดาวออกมาทักทายพวกเรา แต่ ณ คืนนั้นเป็นเวลาที่พระจันทร์เต็มดวง ใกล้วันลอยกระทง เลยทำให้อดเห็นช้างเผือกออกมาเดินเล่นเลย >.< (มีน้องบนนั้นบอก ช้างเผือกออกมาตอน ตี 3 !!)

 

ค่ำคืนที่มีดาว ยามที่พระจันทร์นั้นเต็มดวง

และก็แยกย้ายกันเข้านอน 

 

ตื่นเช้ามาไปเดินเล่น ดูพระอาทิตย์ขึ้นกันดีกว่า   "พิชิตภูเดียวเที่ยวสองแผ่นดิน"   เดินเล่นไปเรื่อยๆ ชมแสงสีส้มๆ ที่ค่อยๆ ขึ้นมาจากขอบฟ้า   ทางเดินจะสามารถเดินไปเรื่อยๆ เป็นวงกลมได้  ต้องเลี้ยวซ้ายเท่านั้นนะ ห้ามตรงไปเด็ดขาด เพราะอาจจะมีกับระเบิดหลงเหลืออยู่นอกทางเดินที่ทางอุทยานฯ ทำไว้ให้   วิวยามเช้าอันสวยงาม        เดินไปเรื่อยๆ จนถึง จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก   ทางเดินเป็นวงกลม กลับมาที่ลานกางเต๊น   เดินกลับมากินข้าวเช้า และได้เวลาเก็บของเตรียมตัวกลับล่ะ ท้องฟ้าก็ช่างสวยงามเป็นการส่งกลับที่ประทับใจมาก    

  เราเริ่มเดินลงกันเวลา 09.30 น. มาถึงด้านล่างตอน 13.00 น. ตอนขึ้นว่าโหดแล้ว ตอนลงนี่กลัวใจมาก เพราะบางจุดทางมันชัน ถึงขั้นถามกันว่า "เมื่อวานเราเดินขึ้นกันมาได้ยังไง" ตอนขาลงเราลื่นหลายรอบมาก ลื่นทั้งทราย ใบไม้แห้ง 55555 คงเพราะรองเท้าไม่เหมาะกับการเดินแบบนี้ แนะนำให้ใส่รองเท้าที่มีดอกยางดีๆ หน่อยนะจ้า จนตอนนี้ ขายังไม่แข็งแรงร้อยเปอร์เซ็นต์เลยยยยยยยย แต่ก็ไม่อาจจะหยุดการเดินชมธรรมชาติแบบนี้ เตรียมตัวหาทริปต่อไป.......แล้วพบกันใหม่ "ภูสอยดาว"   ปล. ประสบการณ์ครั้งนี้ไม่อาจลืมเลือนได้ เพราะเป็นการมาร่วมทริปคนเดียว ได้พบเจอพี่ๆ น้องๆ อีก 9 ชีวิต ช่างโชคดีเหลือเกิน ^^ ได้มีกลุ่มเดินป่า ขึ้นเขา เป็นหลักเป็นแหล่งแล้ววววววว 55555  

-:- ภูสอยดาว อยากมาหา ตั้งนานแล้ว

เพราะเสียงแว่ว ดังกังวาน ว่าดาวสวย

ถึงเดินล้า ขาหมดแรง อ่อนระทวย

แต่ดาวสวย อยากมาเห็น ด้วยสองตา

ถึงครานี้ ทางช้างเผือก อดเห็นหน้า

แต่คราวหน้า เราจะมา พบกันใหม่

อยากจะเห็น ทางช้างเผือก ให้สมใจ

จากลาไป เพื่อพบกันใหม่ นะภูสอยดาว -:-