ครั้งนี้เราจะไปชมทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่และสวยที่สุด บนภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทยนั่นคือ ภูสอยดาว

ติดตามเพจท่องเที่ยวของเราต่อได้ที่ http://www.pailaew.com/

หรือ FB: https://www.facebook.com/pailaewdotcom

ภูสอยดาวในครั้งนี้เราเริ่มกันที่สถานีขนส่งหมอชิต ขึ้นรถทัวร์ กรุงเทพ – พิษณุโลก รถออกประมาณ 23.58 น. ถึงสถานีขนส่งพิษณุโลกตอนรุ่งเช้า จากนั้นจึงเหมารถเพื่อไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระหว่างทางเราได้แวะซื้ออาหารสดเพื่อไปประกอบอาหารข้างบนภูสอยดาวบริเวณตลาดเทศบาลตำบลป่าแดง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวค่ะ จากนั้นเตรียมเงินเพื่อชำระค่าเข้าอุทยาน ค่าลูกหาบ ค่าเช่าเต็นท์ อุปกรณ์การนอน ณ จุดทำการค่ะ เสร็จแล้วก็เตรียมตัวขึ้นยอดภูกันเลย ก่อนขึ้นภูสอยดาวจะมีน้ำตกภูสอยดาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ก่อนขึ้นภู อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปก่อนขึ้นกันนะคะ

เส้นทางขึ้นภูสอยดาวนั้นไม่อันตราย แต่ด้วยระยะทาง 6.5 กิโลเมตรบวกความชันที่ไม่ธรรมดา!! ทำให้ใครบางคนถอดใจ...แต่สำหรับผู้ที่ต้องการพิชิตคงไม่มีอะไรเกินความสามารถของเราค่ะ ภูสอยดาวนั้นประกอบด้วย 5 เนินด้วยกัน คือ เนินส่งญาติ, เนินปราบบเซียน, เนินป่าก่อ, เนินเสือโคร่ง และสุดท้าย เนินมรณะ ซึ่งเนินมรณะนี้เป็นเนินที่ไม่มีต้นไม้สูงบดบัง ทำให้เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเส้นทางที่เราได้เดินผ่านมา

ไม่นานเราก็มาถึงลานสนภูสอยดาวที่ระดับความสูง 1,633 เมตร และนี่คือสัญลักษณ์ที่ใครที่มาถึงต้องถ่ายรูปกัน

จากนั้นเราจะทำการเช็คอินที่พัก ซึ่งก็คือเต็นท์ที่เราได้ทำการจองไว้นั้นเอง ด้านบนจะมีอุปกรณ์ทำครัวให้เช่าไม่ว่าจะเป็น เตาแก๊สปิคนิคพร้อมแก๊สกระป๋องจำหน่าย, เตาถ่าน , หม้อสำหรับประกอบอาหาร, กระป๋องน้ำ, ขันน้ำ เป็นต้น

รูปนี้ถ่ายจากบริเวณที่กางเต็นท์ค่ะ มันก็จะฟินหน่อยๆ ตอนตื่นเช้ามาแล้วเห็นดอกหงอนนาคเต็มไปหมดเลยยยย

 

วันที่สอง ออกเดินทางสำรวจธรรมชาติ จุดแรกคือทุ่งดอกหงอนนาคอันสวยงาม หงอนนาคเป็นดอกไม้ที่หุบยามเช้า แต่จะบานในเมื่อมีแสงแดด และส่วนล่างของดอกมักจะมีน้ำค้างเกาะติดอยู่เป็นหยดใสสวยงาม จนได้ชื่อว่า น้ำค้างกลางเที่ยง

รูปนี้แอบมีน้ำค้างเกาะอยู่ ^ ^

จุดต่อไป คือ น้ำตกสายทิพย์ ทางลงไปน้ำตกนี้ค่อนข้างชัน นักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวังในการเดินขึ้นและลงด้วยนะคะ

ด้วยช่วงที่ไปเป็นปลายเดือน ต.ค. แล้ว น้ำจึงเหลือแค่นี้ค่ะ แต่ก็พอให้เราให้ชุ่มฉ่ำกันได้ค่ะ ^ ^"

จากนั้นไปต่อกันที่ หลักกิโลเมตร 2 แผ่นดิน ซึ่งเป็นหลักกิโลเมตรที่แบ่งระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ที่นี่หากเดินดีๆ จะมีสัญญาณโทรศัพท์ให้เราได้ติดต่อกับโลกภายนอกได้ด้วย

จากนั้นลัดเลาะไปตามหน้าผาซึ่งสามารถชมวิวภูเขาที่สวยงามได้สุดลูกหูลูกตาและทริปวันนี้เราจบด้วยการชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากที่สุดอีกจุดหนึ่งของเมืองไทย เป็นอันจบทริปที่สวยงามของเราในวันนี้

ในวันที่เราไปนั้นช่วงกลางคืนฟ้าเปิดสามารถมองเห็นดาวได้อย่างชัดเจน ผู้คนที่โหยหาการถ่ายภาพทางช้างเผือกจึงไม่ควรพลาดเพราะขนาดเรามองด้วยตาเปล่ายังเกือบเห็นเป็นทางช้างเผือกเลยค่ะ

คำแนะนำก่อนขึ้นภูสอยดาว
1. ยอดสูงสุดของภูสอยดาวนั้นอยู่ที่ 2,102 เมตร ใครอยากพิชิตต้องขอให้เจ้าหน้าที่นำทางเป็นพิเศษ ใช้เวลาเดินจากลานสนไป-กลับ ร่วมๆวัน โดยทางอุทยานฯ จะเปิดให้ขึ้นเฉพาะช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ของทุกปี
2. บนลานสนมีน้ำฝนสะอาดให้ดื่มตลอดช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ส่วนน้ำใช้นักท่องเที่ยวต้องไปตักจากลำธารซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับจุดกางเต็นท์ น้ำในห้องน้ำก็เช่นกัน นักท่องเที่ยวต้องตักมาใช้เอง
3. บนภูไม่มีถังขยะเพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวต้องเตรียมถุงขยะขึ้นไปและแบกลงมาเอง แต่ตอนที่เราไปก็ยังพบเจอนักท่องเที่ยวบางคนทิ้งเศษอาหารลงในลำธารซึ่งดูไม่น่ารักเลยนะคะ

 

ติดตามเพจท่องเที่ยวของเราต่อได้ที่ http://www.pailaew.com/

หรือ FB: https://www.facebook.com/pailaewdotcom