ประกอบไปด้วยเกาะใหญ่น้อย 9 เกาะ เรียงตัวตามแนวทิศเหนือไปทิศใต้ ได้แก่ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมียง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง

ที่ทำการอุทยานฯ เกาะสิมิลัน อยู่ที่เกาะเมี่ยงหรือเกาะ4 เพราะเกาะนี้มีน้ำจืด หมู่เกาะสิมิลัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความงามทั้งบนบกและใต้ น้ำที่ยังคงความสมบูรณ์ของท้องทะเลอยู่อย่างมาก สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก มีปะการังที่มีสีสันสวยงามหลากชนิด ปลาหลากสีสันและหายาก เช่น กระเบนราหู ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาไหลมอนเร่ ปลาการ์ตูน เต่าทะเล หอยมือเสือ

เกาะสิมิลัน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุด ส่วนเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่มีการปิดเกาะเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติทุกปีค่ะ

ปลายฝน ต้นหนาว เป็นช่วงรอยต่อของ low กับ high season เและเป็นช่วงที่ตั๋วเครื่องบินจะถูกหน่อย แต่ก็ต้องแลกกับการลุ้นว่าสภาพดินฟ้าอากาศเอาตอนนั้น ว่าแดดจะแจ่ม หรือว่าฟ้าจะปิด

ทริปนี้เราจองตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นขากลับได้ราคา แค่ 100บาทเท่านั้น จากภูเก็ตมาดอนเมือง แต่ว่าขาไปนั้นซื้อโปรโมชั่นธรรมดาไม่แรงมาก แต่เมื่อเทียบกับขากลับ บวกลบคูณหารกันยังไงก็ถูกกว่าปกติอยู่ดี 100บาท นั่งแทกซี่ไปลงดอนเมืองยัง 160บาทเลย ยังไงก็คุ้มค่ะ

แพลนการเดินทางไว้ทั้งหมด 4วัน โดยวันแรกที่ไปถึงภูเก็ตก็หาที่พักในตัวเมืองหนึ่งคืนก่อน แล้วอีก3วันค่อยไปนอนเกาะสิมิลัน วันสุดท้ายให้รถมาส่งที่สนามบินกลับกรุงเทพ

แล้วก็ค่อยหาทัวร์ของบริษัทิต่างๆที่จัดทัวร์ไปเกาะสิมิลัน มีคนแนะนำมาให้อีกทีค่ะ เพราะไม่เคยไปก็ไม่รู้หรอกว่าดีหรือไม่ดียังไง ดังนั้นเพื่อนจึงเป็น reference ให้เราได้ดีที่สุด จึงได้มากับ Sea Star ที่นี่จัดทัวร์ดำน้ำหลายที่และหลายรูปแบบ ทั้ง One Day Trip ,2วัน1คืน, 3วัน2คืน แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ ส่วนเราแพลนไว้แล้ว จะไปติดเกาะสัก3วัน พอดีกับเวลาที่เราจองตั๋วเอาไว้ กำลังสวยเลย

ส่วนราคา หรือ รายละเอียด ดูในเวปของเค้าได้เลยนะคะ บริษัทนี้ดีค่ะ เราเป็น reference ต่อให้ได้ โดยไม่ได้ค่านายหน้าหรืออะไร อะไรดี Sandy ก็ว่าดีค่ะ ส่วนดียังไง จะเล่าให้ฟังต่อไปค่ะ
 
"ทะเลไทยไปได้ทุกฤดู" เพียงแต่ดูช่วงมรสุมให้ดี ว่าฝั่งอ่าวไทย ฝั่งอันดามัน ฝั่งตะวันออก มรสุมจะไปทิศทางไหน เดือนอะไร ควรวางแผนให้ดีว่าช่วงนี้จะไปเที่ยวทะเลแถวไหนดี แดดยิ่งแรงยิ่งดีค่ะ ไปทะเลอย่าไปกลัวแดด เพราะว่าฝนน่ากลัวกว่าเยอะค่ะ เพราะเวลาไปทะเล เราทุกคนจะวาดฝันถึงทะเลแสนสวย น้ำสีฟ้าและใสจนมองเห็นพื้นทรายขาวละเอียด ถ้าไปแล้วเจอช่วงฤดูมรสุม ไปทะเลแต่ออกเรือไปไหนไม่ได้ ฝนก็ตก คลื่นที่หาดก็แรงและซัดน้ำขุ่นคลั่กมาก ก็คงจะเซ็งกันพอดี

ประเทศไทยเรามีทะเล4โซน คือ
ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะนางยวน เกาะเต่า เขาสก) พายุเข้า ธค.-กพ. ฟ้าปลอดโปร่ง เม.ย.-ต.ค. 
ภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ เกาะพีพี เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะหลีเป๊ะ ตรัง พังงา เกาะตาชัย เกาะพยาม) พายุเข้า พ.ค.-ต.ค. ที่พักแพงแลกกับทะเลสวย พ.ย.-เม.ย. 
ภาคตะวันออก (พัทยา เกาะล้าน เกาะเสม็ด เกาะช้าง เกาะหมาก เกาะกูด สัตหีบ เกาะแสมสาร ) พายุเข้า พ.ค.-ต.ค. ท้องฟ้าสดใส พ.ย.-เม.ย. 
ภาคตะวันตก (หัวหิน ชะอำ ปราณบุรี) พายุเข้า มิ.ย.-ต.ค. และ ฟ้าปลอดโปร่ง พ.ย.-พ.ค.
เวลาที่เราเดินทาง คือ 5-8 พ.ค. 2016 ค่ะ ช่วงต้นๆของ High Season และเพิ่งจะเปิดเกาะเลยค่ะ ลุ้นให้ฝนไม่ตกหนักมากและพอมีช่วงฟ้าใสให้ได้ถ่ายรูปสวยๆได้บ้าง เอาน่า ไปตั้ง3 วัน ยังไงมันต้องมีสักช่วงแดดออกบ้างแหละน่า

ทั้งนี้ทั้งนั้น ตั๋ว 100บาทของเรา ได้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างไว้หมดแล้ว เจออะไรก็เจอ ไปลุ้นเอาดาบหน้าค่ะ

สิมิลันวันที่ฟ้าหม่นๆ แสงน้อยๆ ฝนปรอยๆ มันก็สวยไปอีกแบบนะ รูปผิวน้ำ อาจไม่สวยมาก แต่ใต้น้ำคืออีกโลกหนึ่งไปเลย ฝนตกก็ดำน้ำได้ สวยเหมือนเดิม

ทะเลหน้าฝน ก็มาดำน้ำได้ ถึงสวยไม่มากเท่าตอนฟ้าใส แต่ใต้น้ำนั้นสวยเท่ากัน ❤️  


ภาพเกาะต่างของจังหวัดภูเก็ตที่มองเห็นก่อนเครื่องจะลงจอด แพลนของวันแรกไม่มีอะไรมากค่ะ

เราจองโฮสเทลราคาไม่แพงมากตรงชิโนทาวน์ ชื่อ Fulfill Phuket Hostel เป็น Hostel ที่อยู่ใจกลางตัวเมืองภูเก็ต ถนนรัษฎา มีห้องแบบห้องพักรวม และห้องพักเดี่ยว ห้องพักเดี่ยวมีขนาดเล็ก ห้องน้ำในตัว มีสบู่และแชมพูให้ แต่อ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอกห้องน้ำอินเตอร์เน็ตมี WiFi ฟรี เหมาะสำหรับผู้ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย คุ้มค่ามาก มีห้องน้ำหลายห้องไม่แย่งกัน ไดร์เป่าผม เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ราวตากผ้า มีพื้นที่ส่วนกลางให้มานั่งเล่น ดูทีวี เสาร์ - อาทิตย์ สามารถไปเดินถนนคนเดิน ที่ถนนถลางได้ เดินจากโฮสเทลไปไม่ไกล นับว่าสะดวกสบายพอสมควรกับราคา ทริปนี้เราไม่เน้นตัวเมืองภูเก็ตค่ะ สิมิลันคือเป้าหมายหลัก รถตู้จาก SeaStar จะมารับ 6โมงเช้า นอนในเมืองไว้ก็สะดวกดีค่ะ

 


8โมงครึ่งเรามาถึง ณ ท่าเรือส่วนตัวซีสตาร์ ทับละมุ เพื่อเช็คอิน รับอุปกรณ์ดำน้ำ หน้ากากและฟิ้น(FIN) มีอาหารเช้าให้เป็นบุฟเฟต์ค่ะ กินให้อิ่มไว้เอาแรง นอกจากอาหาร เครื่องดื่มแล้ว ยังมียาแก้เมาเรือ ใส่โหลขนาดใหญ่ไว้ให้นักท่องเที่ยวกินก่อนออกเรือด้วยค่ะ ยาแก้เมาจำเป็นมากสำหรับเราในวันนี้ เพราะดูเมฆดำๆลอยต่ำในภาพสิคะ

พอได้เวลาลงเรือเท่านั้นแหละ ฝนเทกระหน่ำมาหนักมาก รอจนกระทั่งฝนซาเม็ด แล้วก็ไปลงเรือกันค่ะ สมาชิกทัวร์สิมิลันเรามีหลายแบบ แยกกันตามสายรัดข้อมือ เพราะมีทั้งแบบ One Day Trip แบบค้างคืนวันเดียว และแบบค้าง2คืนแบบเรา หัวหน้าทัวร์สิมิลันของเรา ชื่อว่า เวย์ น้องน่ารักมาก มองน้องพูดภาษาอังกฤษให้ชาวต่างชาติแล้วก็มาพูดไทยให้กับคนไทย ฟังเพลินๆดีค่ะ

อ้อ! เราไม่เคยไปเที่ยวกับทัวร์ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลย มันเลยดูแปลกสำหรับเรามั้งคะ ปกติเที่ยวเองแพลนเองทั้งหมด มีสิมิลันนี่แหละค่ะ ที่ดูยากสำหรับเราสักหน่อย เพราะต้องนั่งเรือออกไปไกลและต้องพักกับอุทยาน การจองผ่านทัวร์ก็ลดความยุ่งยากลงไปได้เยอะค่ะ เค้าจัดการให้ทั้งหมด ทั้งที่พัก การเดินทาง และอาหารการกิน การดำน้ำ ตลอด3วันของเรา

ไกด์ SeaStar ดูแลเราดีมากๆค่ะ กินอิ่ม นอนหลับ ไม่ได้เอาสเปรย์กันยุงไปก็เอาของส่วนตัวมาให้ ประทับใจสเปรย์กันยุงขวดนั้นมากๆ เพราะยุงที่นี่ตัวเท่าผึ้งและดูพอๆกับงูเห่าค่ะ

 


หลังจากนั่งเรือสปีดโบ้ท โต้คลื่นแรงๆ กระแทกจนตับไตไส้พุงมากองรวมกันและขย้อนเอาอาหารเช้าออกมาหมด เราก็มาถึงแล้วค่ะ ที่นี่คือเกาะ4 เป็นฐานของเราในทริปนี้ เราพักที่นี่ทั้ง 2คืนค่ะ

ดำน้ำจุดแรกที่หน้าหาดใหญ่ของเกาะ4 ปะการังสวยมาก จากนั้นก็เข้าฝั่งเพื่อไปกินข้าวกันบนฝั่งค่ะ  


กินข้าวกลางวันกันแล้วก็แยกย้ายกับน้องเวย์ที่นี่ เจอกันอีกสองวันข้างหน้า เพราะน้องดูแลทัวร์ที่เป็น One Day Trip ค่ะ 
ส่วนเรานั้นถูกส่งต่อให้อีกทีม ซึ่งเป็นทีมที่เป็นไกด์ประจำอยู่ที่หมู่เกาะสิมิลันนี้

เก็บของใส่เต้นท์ที่พัก ให้เรียบร้อย แล้วก็ออกไปดำน้ำกันค่ะ Let's GO!  


เมฆฝนลอยต่ำ มืดครึ้มเหมือนพร้อมจะตกอยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควรค่ะ ไม่มากไม่น้อย รีบถ่ายรูปก่อนจะขึ้นเรือเพื่อออกไปดำน้ำจุดอื่นรอบบ่ายกันต่อค่ะ

 


นั่งเรือแพยางติดเครื่องยนต์เพื่อไปขึ้นเรือใหญ่ เป็นเรือ 3ชั้นที่จะพาเราไปดำน้ำเกาะต่างๆของหมู่เกาะสิมิลัน เรือใหญ่ดีกว่าเรือเล็กตรงที่มันไม่โครงเครงมากเหมือนกับสปีดโบ้ท เรือนี้มีห้องน้ำ ห้องครัว มีWifi มีเสียงเพลงให้เราเพลินๆด้วยค่ะ

 


เตรียมตัวให้พร้อม ลงดำน้ำกัน เนื่องจากเราไม่มีกล้องสำหรับถ่ายใต้น้ำ รูปเลยมีแต่วิวทะเลนะคะ

คนขับเรือชำนาญพื้นที่ จนรู้ว่าตรงไหนดำได้สวย และไม่อันตราย ในช่วงเวลาที่ฝนพร้อมจะตกแบบนี้ ไกด์แนะนำเราได้ว่าจุดไหนมีสัตว์อะไร ให้เราคอยมองหา ลากเราไปด้วยได้ ถ้าเราหมดแรง

บางจุดที่ดำน้ำ เราเจอปลาหมึกตัวอ้วนๆ เจอเต่าตัวใหญ่ๆ เจอปลาการ์ตูน จนเบื่อ ปลานกแก้วตัวใหญ่มากจนน่ากลัว ปลามากมายที่ไม่รู้จักชื่อ หอยมือเสือ และ ปะการังสวยๆมากมาย จนพูดไม่หมด แค่เอาหน้าจุ่มน้ำไปก็กลายเป็นอีกโลกหนึ่งไปเลยค่ะ  


มื้อเย็นเรากินข้าวกันบนเรือค่ะ อิ่มหนำสำราญ อาหารอร่อยมากกกกก

ชิลกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว 
 
และดูพระเอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไปค่ะ เมฆเยอะมาก เดาๆเอาค่ะ ว่าตกไปหรือยังนะ ตกไปตอนไหนก็ไม่รู้เพราะมองไม่เห็นเพราะอาทิตย์เลย  


จากนั้นก็นั่งเรือเล็กเข้าฝั่ง ไปนอนเต้นท์ที่ทางทัวร์ได้เตรียมไว้ให้ ความสะดวกสบายไม่มีค่ะ มีแต่ใจที่อยากสัมผัสธรรมชาติล้วนๆ

ยุงและหนูคือศัตรูอันดับหนึ่ง ยุงนั้นน่ากลัวกว่าหนู เพราะหนูจะมาเมื่อเรามีอาหารอยู่ในเต้นท์ แก้ไขได้ด้วยการไม่เอาอาหารไว้ในเต้นท์เด็ดขาดค่ะ ไม่งั้นมันจะกัดเต้นท์เราเข้ามา ทีนี้หล่ะต้องมาไล่จับหนูกันอีก

เราได้รับการย้ำเตือนหลายรอบมากเรืองหนูผีมาเจาะเต้น แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่มีอาหารอะไรให้กินแน่นอน เพราะเราไม่ได้เตรียมมาด้วย และไม่มีที่ให้ซื้อนอกจากของอุทยาน ซึ่งราคาก็เหมาะสมกับโลเคชั่นไกลโพ้นทะเลแบบนี้ค่ะค่ะ เราจึงมีแต่ขวดน้ำเปล่าเท่านั้น เลยรอดจากหนูไปค่ะ ส่วนยุงก็รอดบ้างไม่รอดบ้าง ตัวใหญ่แบบนี้แค่มันแลนดิ้งลงบนผิวเราก็รู้สึกแล้วค่ะ ยิ่งเอาปากเจาะลงมานี่สะดุ้งยังกับโดนไฟช๊อตเลย​

นี่คือหมู่เต้นท์ที่เราพักค่ะ มีเพื่อนนอนเต้นข้างๆอยู่ไม่กี่หลัง ข้ามพุ่มไม้ไป ก็เป็นหน้าหาดค่ะ นอนฟังเสียงคลื่นทั้งคืน ไม่ได้ชิลอย่างที่คิดนะ เพราะเสียงมันดังมาก จนอยางจะหาสวิสท์ปิดเสียงมันเลยแหละค่ะ  


การนอนเต้นท์ชายทะเล ไม่ได้ชิลอย่างที่เราและหลายๆคนคิดไว้หรอกค่ะ เต้นท์จะชิลเมื่อนอนบนเขาในฤดูหนาว นอนในถุงนอนอุ่นๆ อะไรแบบนั้น แต่นี่.....เต้นท์ที่ถึงแม้จะเปิดหน้าต่างไว้ แต่ก็ไม่มีลมเข้าแม้แต่น้อย นอนพัดไปค่ะ จนเพลียและหลับไปเอง จะว่าหลับก็ไม่ได้ เรียกว่าหลับๆตื่นๆดีกว่า คืนแรก นอนทรมานมาก เพราะร้อนและยังไม่ชิน ไม่ได้เตรียมใจมา ทุกอย่างคือสิ่งใหม่สำหรับเราค่ะ เช้าวันใหม่ตั้งนาฬิกาปลุกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น โดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขึ้นด้านไหน ออกไปจากเต้นท์ก่อนก็ยังดี

ชายหาดใหญ่เกาะ4 ที่ไร้ผู้คน คุณต้องมาค้างคืนเท่านั้นถึงจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ เพราะสายๆหน่อย นักท่องเที่ยวก็มาเต็มหาดแล้วค่ะ  


ไปดำน้ำเข้าวันใหม่ เวลานัดหมายคือ 8โมงเช้าค่ะ ขึ้นเรือเล็กกันอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย ถ้าขึ้นลงบ่อยๆ คุณจะมีสกิลไปเอง ไม่ใช่ง่ายๆด้วย เพราะคลื่นแรงที่ซัดเข้ามาตลอดเวลา ต้องดูคลื่น หาจังหวะขึ้นเรือและรักษาบาล้านของเรือ จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย จะว่ายากก็ยาก ต้องฟังไกด์แนะนำอย่างตั้งใจค่ะ การตกน้ำ หรือ เรือคว่ำ ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้ของไกด์ทุกคนค่ะ เค้าอยากให้เราปลอดภัย และแฮปปี้ทุกคน มีความทรงจำที่ดีๆกลับไป ดังนั้นเค้าพูดอะไรก็ควรจะฟังและทำตามค่ะ

กินอาหารเข้าเอาแรงกันบนเรือค่ะ เมื่อพร้อมแล้วก็ออกเรือไปจุดดำน้ำต่อไป  


เก๊กท่าถ่ายรูปกับตีนตบ หรือ Fin และหน้ากากดำน้ำ ปกติที่เคยไปดำน้ำ เค้าจะให้แค่หน้าการดำน้ำค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ใส่ Fin เจ้าหน้าที่แนะนำว่าถ้าไม่เคยใส่มาก่อน จะเป็นตระคริวได้ เราคิดว่า คนเราต้องมีครังแรกค่ะ ตะคริวไม่ใช่มะเร็งสักหน่อย เป็นได้ก็หายได้ การเรียนรู้และลองสิ่งใหม่ๆสิน่าสนุก ซึ่งคิดไม่ผิดจริงๆที่เอามาด้วย มันทำให้เราว่ายได้เร็วและแรง ไปดูตรงนั้นตรงนี้และต่อสู้กับกระแสน้ำที่แรงๆเวลาฝนตกได้สบายๆ

ปลาเยอะมากๆ แต่ไม่สามารถถ่ายรูปใต้น้ำมาให้ดูได้ค่ะ ไม่มีกล้องถ่ายใต้น้ำ ที่จริงเราไม่ได้คิดด้วยว่ามันจะสวยมากขนาดนี้ นึกแล้วก็เสียดาย  


เราเป็นคนที่ชอบน้ำ ชอบทะเล ชอบแม่น้ำ ชอบฤดูฝน ชอบเวลาฝนตก (ยกเว้นตอนซ้อนมอไซกลับบ้าน) เวลาไปเที่ยว จะชอบลงใต้มากกว่าขึ้นเหนือ

ไปดำน้ำ snokeling มาก็หลายที่แล้ว ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน (หลีเป๊ะ ตรัง กระบี่ สุราษ ประจวบ ชุมพร ชลบุรี นับเป็นจังหวัดดีกว่า ถ้านับเป็นเกาะ จะจำชื่อเกาะไม่ได้)

สิมิลัน จ.พังงา ทะเลสวยที่สุด ปะการัง และ สัตว์ ต่างๆตามธรรมชาติ สมบูรณ์ ที่สุด ประทับใจที่สุด อยากให้เวลา 40นาที ที่เข้าให้ในแต่ละจุดนั้น เป็นสัก 3ชั่วโมง

สิมิลันทั้ง 9เกาะนั้น เราจำไม่ได้จริงๆ ว่าจุดที่สวยคือเกาะไหน ตรงไหน เพราะ 3วัน2คืน ที่ไปนั่น ดำน้ำทั้งวันจริงๆ จนจำไม่ได้ว่าไปไหนมาบ้าง

เสื้อผ้าที่เอาไป เหลือชุดเดียวที่แห้ง คือชุดที่ใส่กลับกรุงเทพ นอกนั่นเปียกทุกชุด

ฝนตกทุกวัน การดำน้ำทั้งๆที่ฝนตก กระแสน้ำจะแรงมาก ตีขาจนเหนื่อย บางทีก็ปล่อยตัวให้ลอยไป มีแรงก็ตีขากลับมาใหม่ มองดูปลาข้างล่าง พวกนางก็ว่ายสู้กับกระแสน้ำเหมือนกัน เพราะทุกตัวหันหัวว่ายทวนน้ำไปทางเดียวกันหมด รวมทั้งเราด้วย (ด๊อกแด๊กๆ พร้อมกันหมด น่ารักดี)

 


เมฆจะขาวและลอยต่ำยังไง แต่น้ำก็ยังใสค่ะ

แห้งๆ เปียกๆ ตากแดดและขึ้นมาจิบกาแฟอุ่นๆ รอบบ่ายเรากลับเข้าฝั่งมาค่ะ กลับมาที่เกาะสี่ เพื่อที่จะขึ้นไปดูจุดชมวิวมุมสูงบนเขา ที่จะเห็นวิวทะเลของเกาะ4และเกาะเล็กๆน้อยใหญ่รอบๆ ยิ่งเห็นอากาศช่วงบ่ายฝนยังไม่ตก ยิ่งดีสำหรับการปีนเขาค่ะ
 


ทางเดินไปขึ้นเขาคือทางเดินเดียวบนเกาะที่เดินทะลุระหว่างหาดน้อยและหาดใหญ่ได้ นักท่องเที่ยวเดินกันตลอดค่ะ ไม่มีเหงา

ปีนขึ้นมาด้วยความลำบาก เพราะทางชุ่มไปด้วยน้ำ ทำให้ดินลื่นมาก ล้มก้นจ้ำเบ้าก็หลายที ดีที่ยังมีเชือกให้เราเกาะตลอดทาง ไต่ไปเรื่อยๆค่ะ รองเท้าแตะสำหรับมาทะเล กับการปีนเขา มันเข้ากันไม่ได้เลยค่ะ แต่ก็ต้องลุยต่อไป วิวสวยๆคือจุดหมาย สวยมากค่ะ คุ้มค่า ที่เสี่ยงต่อการก้นกระแทก เพื่อปีนขึ้นมาถึงจุดนี้ แล้วก็กลับลงมาค่ะ ขาลงนั้นอันตรายกว่าขาขึ้นมาก ต้องระวังมากกว่า เพราะพื้นจะลื่นเหมือนรองเท้าติดล้อสเก็ต เกร็งทั้งแขนที่จับเชือกและเกร็งทั้งขาที่ก้าวเดิน ลื่นมั่งไถลมั่ง ถึงด้านล่างเร็วเชียวค่ะ (มิน่าขาขึ้นเห็นรอยรองเท้าเป็นทางเลย มีคนลงแล้วลื่นลงมาเหมือนเรานี่แหละ)  


ด้านที่ไกลทางขึ้นเขาคือหาดน้อยค่ะ เป็นชายหาดอีกด้านของเกาะ4

คลื่นแรงมาก และเป็นคลื่นดูดค่ะ ดูดเอาคนและทุกสิ่งทุกอย่างลงทะเล เวลาขึ้นและลงเรือจึงลำบากขึ้นไปอีกหลายเท่า ต้องดูหัวคลื่นให้ดี ต้องเร็ว และ เร็ว และ เร็ว เท่านั้นค่ะ ไม่มีอย่างอื่น
ส่วนเราก็ถ่ายรูปชิลๆกันไป  


เดินกลับมาเดินเล่นที่หาดใหญ่หน้าเกาะ ถ่ายรูปเล่นกันต่อค่ะ

จบวันนี้ด้วยความฟิน และทางไกด์นัดเรากินข้าวตอน 6โมงเย็นค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้กินข้าวเย็นบนเรือ (เพราะช่วงครึ่งวันบ่ายเรากลับฝั่งมาปีนเขาค่ะ)

 

คืนนี้นอนหลับสนิทค่ะ หลับดีกว่าคืนแรก อาจจะด้วยความเพลีย หรืออดนอนสะสมมาจากคืนก่อน เช้านี้เรารู้แล้วว่า พระอาทิตย์ขึ้นทางหาดน้อย เลยตื่นแต่เช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันค่ะ อากาศวันนี้แย่กว่าเมื่อวาน ฝนตั้งเค้ามาแต่เช้าเลย ดูอึมครึม

วันนี้ฟ้าปิด เลยไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ
 

เราได้รับการนัดหมายขึ้นเรือเพื่อไปดำน้ำ 8โมงเช้า ทานข้าวบนเรือเหมือนเดิมค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานัด เลยยังมีเวลาให้ถ่ายรูปเล่นได้อีกสักพัก ใกล้เวลานัดหมายแล้ว เราก็เดินไปด้านหน้าเกาะเพื่อไปขึ้นเรือกันค่ะ

 
วันนี้คลื่นลมแรงมาก ขึ้นเรือลำบากมาก เพราะคลื่นจะคอยดูดเรือให้ออกไปข้างนอกตลอด แรงมากขนาดที่คลื่นซัดมาแล้วยืนไม่อยู่เลยแหละค่ะ ไกด์ของเราพยายามดูแลนักท่องเที่ยวเราอย่างเต็มความสามารถ ให้เราคอยฟังสิ่งที่เค้าแนะนำและปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดค่ะ มันคือสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และอาจเกิดอันตรายได้ตลอดเวลา จนถึงขนาดที่ไกด์ให้เราฝากกล้องใส่ถุงกันน้ำไว้กับเค้าค่ะ เผื่อว่าเลวร้ายที่สุด เราเรือคว่ำไป สิ่งมีค่าของเราจะได้ไม่เสียหาย ไกด์ดูแลเราดีมากๆค่ะ พอได้จังหวะคลื่นให้เรารีบก้าวขึ้นเรือและขยับไปด้านหน้า คนต่อไปก็ก้าวตามขึ้นมา ตามมาจนครบ แล้วคนขับเรือก็รีบออกเรือไปด้านนอกออกห่างจากบริเวณหัวคลื่น ให้เร็วที่สุดค่ะกินข้าวเช้าบนเรือแล้วออกเรือไปดำน้ำรอบเช้ากันค่ะ จุดดำน้ำเช้านี้คือบริเวณหาดน้อย ด้านหลังเกาะ4 ที่เรามาถ่ายรูปกันเมื่อเช้าค่ะ ถึงวันนี้ฟ้าปิด และอากาศอึมคลึมทั้งวัน แต่น้ำก็ยังใสมากๆ มากจนเรามองเห็นประการัง เห็นปลาได้จากบนเรือเลยค่ะ  


เมื่อดำน้ำเสร็จ กินข้าวกลางวันเรา เราก็กลับเข้าชายฝั่งค่ะ เพื่อไปต่อโปรแกรมทัวร์กับน้องเวย์ที่มาส่งเราตอนขามา ด้วยสปีดโบ้ท และเดินทางกลับกันค่ะ

 


โปรแกรมรอบบ่ายคือไปจุดดำน้ำ 1จุด และขึ้นเกาะไปดูหินเรือใบ อีก 1จุด แต่ทางไกด์ตัดสินใจว่าเราจะไม่ขึ้นเกาะค่ะ เพราะคลื่นแรงมากจริงๆ อาจเป็นอันตรายกับนักท่องเที่ยวได้ เราเลยได้ดำน้ำ 2จุด และดูหินเรือใบ กับหินสนู๊ปปี้อยู่บนเรือแทน

ดำน้ำหน้าฝน กระแสน้ำจะแรงไปสักหน่อย สำหรับคนที่แรงตีขาน้อยๆ อาจลอยกับน้ำไปไกลๆเรือโดยไม่รู้ตัวได้ ต้องคอยดูทิศทางด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่าเงยหน้ามาอีกที เรืออยู่ไกลมากจนว่ายกลับไม่ไหว แต่ก็ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าว่ายกลับไม่ไหวจริงๆ เค้าก็เอาเรือไปรับเรากลับมา คงไม่ปล่อยให้เราลอยตุ๊บป่องอยู่ที่สิมิลันตลอดไปแน่นอนค่ะ  
หลังจากจบโปรแกรมทัวร์ก็นั่งเรือสปีดโบ้ทกลับ ท่าเรือส่วนตัวซีสตาร์ ทับละมุ ด้วยความปลอดภัย เมื่อถึงแล้วก็อาบน้ำแต่งตัว นั่งรถรับส่งกลับไปที่สนามบินภูเก็ต เพื่อกลับกรุงเทพด้วยความสุข และประทับใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เจอมาตลอด 3วัน จะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไปค่ะ

ถ้าไปทะเลไทยจนทั่วแล้ว ไม่มีที่ไหนให้ไปแล้ว เราจะกลับมาที่นี่อีก ถ้ามีโอกาสจะไปเรียนดำน้ำลึก scubadiving แล้วมาดำที่นี่ใหม่ อยู่แค่ผิวน้ำ เห็นแค่2มิติ มันเริ่มไม่พอแล้ว มาสิมิลันแล้วเกิดความอยากดำลงไปดูใกล้ๆ มันคงสวยมากกว่านี้ 100เท่าแน่ๆ 
 
ฝากติดตามเพจน้อยๆ เป็นเพจแชร์ประสบการท่องเที่ยวด้วยรูปภาพ และบอกเล่าความประทับใจ
https://www.facebook.com/sandysohappy/

"แสนดีแฮปปี้ คนอ่านก็แฮปปี้"