สันหนอกวัว ยอดเขา ผืนป่าและทะเลหมอกที่สูงที่สุดในกาญจนบุรี
" แค่อยากรู้ว่า ... "
ในตอนที่เท้ายังพอมีแรง ยังสามารถก้าวไหว
เท้าคู่นี้จะพาเราไปถึงไหนกัน?
และทุกวันนี้ผมก็ยังคงหาคำตอบอยู่
ณัฐพล
ผมเป็นนักเดินทางธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแค่มีวันสำหรับพักผ่อน 2-3 วัน ก็สามารถสะพายเป้และกระเป๋ากล้องเดินทางออกจากเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องไปโอบกอดธรรมชาติที่สวยงามในสถานที่ต่างๆทั่วไทยได้
ในการเดินทางในแต่ละครั้งผมได้ทำการบ้านโดยการศึกษาข้อมูลสถานที่นั้นๆก่อนที่จะออกเดินทาง เพื่อที่จะได้เก็บเกี่ยวความประทับใจและประสบการณ์ให้มากที่สุด
อีกการเดินทางหนึ่งที่แสนสุดจะประทับใจของผมคือ การพิชิตยอดเขาสันหนอกวัว ยอดเขา ผืนป่าและทะเลหมอกที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี ...
การจอง
สำหรับการจองเราเริ่มต้นจากโทรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม 034-510-431 (เวลาราชการ) เรียนเจ้าหน้าที่ว่ามีความประสงค์จะเดินทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกลเขาสันหนอกวัว ระบุวันที่ที่จะเดินทาง จำนวนสมาชิกในทีม รวมถึงจำนวนลูกหาบครับ
โดยปกติแล้ว เจ้าหน้าที่นำทาง 1 คน จะดูเเลนักท่องเที่ยว 5 คนครับ (ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง วันละ 500 บาท/คน/วัน) และค่ารถพาเราไปยังจุดเริ่มเดินเหมาทางอุทยานไป-กลับ 1000 บาทครับ
สำหรับการพิชิตยอดสันหนอกวัว เราสามารถค้างบนจุดกางเต๊นท์บริเวณยอดได้ 1 คืนเป็นอย่างน้อยครับ จะได้เห็นทั้งพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น
การเดินทาง
การเดินทางสามารถเดินทางด้วยรถส่วนตัว รถตู้ หรือรถทัวร์ก็สะดวกครับ
เริ่มต้นจากเมืองกาญจน์ ผ่าน ไทรโยค แล้วตรงอย่างเดียวครับ ก่อนจะเข้าอำเภอทองผาภูมิก็เลี้ยวขวาไปทางสังขละบุรีครับ ตรงไปอย่างเดียวจะเห็นป้ายตลอดทางว่า อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ครับ
เนื่องจากทางอุทยานจะให้เรารวมพลขึ้นรถไปยังจุดเริ่มเดินก่อน 9 โมง เพราะจะได้ไม่ร้อนระหว่างเดินทางขึ้นเขาครับ เพราะฉนั้นการเดินทางไปก่อนล่วงหน้า 1 คืน เเล้วไปพัก/การเต๊นท์ที่อุทยาน เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกครับ ส่วนกลุ่มผมเลือกเดินทางไปก่อน 1 คืนแล้วไปกางเต๊นท์ที่ ป้อมปี่ เลยที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลมไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร
ข้อควรรู้ นิดๆหน่อยๆ
-ระยะทางเดินเท้าจากจุดเริ่มต้นเดินไปยอดยอดเขาสันหนอกวัวปประมาณ 9 กิโลเมตร ตาม GPS ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 6 ชั่วโมง และเดินลงประมาณ 5 ชั่วโมงครับ
- มีช่วงที่ชัน ชันชัน และชันมากๆ โดยตลอดทางจะมีเชือกให้ไต่ขึ้นไปยังบนยอด
- มีทากเป็นบางช่วงระหว่างการเดินทาง และมีตัวคุ่น แมลงกินเลือดหน้าตาคล้ายแมลงวันบนบริเวณยอด กัดไม่เจ็บเเค่คัน และเลือดซิบๆ
- อาหารการกิน และน้ำ ต้องเตรียมขึ้นไปเองนะครับ
- ห้องน้ำเป็นห้องน้ำธรรมชาติ ไม่มีน้ำนะ
- ทางเดินลำบากกว่าเขาช้างเผือก และเหนื่อยกว่ามากๆ

นั่งรถเจ้าหน้าที่ประมาณ 20 นาที ก็จะถึงจุดเริ่มต้นการเดินเท้าครับ (เวลาประมาณ 08.50 น.) 

มอสที่สามารถพบเห็นในตลอดระหว่างการเดินทาง
เหนื่อยเราก็พักครับ หนทางอีกยาวไกล
เดินไปเรื่อยๆก็จะได้เห็นอะไรแปลกๆระหว่างทาง
ป่าช่วงแรกๆจะชื้นมากๆครับ จะสามารถพบเห็นมอสและเฟินได้ตลอดทางเดิน
และระหว่างทาง เราก็จะได้เพื่อนร่วมทางมาเรื่อยๆครับ น้องทากนั่นเองครับ
ระหว่างเดินทางประเภทของป่าก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ จากป่าดิบชื้นกลายเป็นป่าไผ่ป่าเบญจพรรณ
เดินไปได้สักพัก ก็พักทานอาหารกลางวันกันครับ (ประมาณ 11 โมง) เพราะจากจุดนี้ไป...เราจะไม่รู้จักกับทางราบกันอีกเเล้ว


ทางเริ่มชัน และชันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
มีจุดพักที่ไหนควรใช้บริการให้ได้นะครับ เพราะหนทางข้างหน้าอาจจะไม่มีอีกแล้ว



ระหว่างทางเราก็จะเห็นดอกโคลงเคลงสีชมพูสดใสบานต้อนรับนักเดินทางตลอดทางครับ
ป้ายแรกที่เขียนว่า "สันหนอกวัว" ก็ทำให้เรามีกำลังก้าวเดินต่อไปครับ
จากจุดกางเต๊นท์ เราสามารถเห็นยอดสันหนอกวัวได้
ถึงยอดเเล้วก็พักเดินถ่ายรูปกันสักหน่อย
วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นครับ เมฆมากและฝนก็กำลังจะมาทักทายพวกเรา
แต่ไม่เป็นไรครับ การที่ฝนตกเป็นสัญญาณว่า....คืนนี้จะหนาวมากๆ และพรุ่งนี้เช้าเราจะพบกับทะเลหมอกแน่นอนครับ


พอเริ่มมีแสงเราก็เดินเท้าขึ้นไปบนยอดจริงๆกันเลย 
เมื่อถึงยอดเราก็จะเห็นป้ายอุทยานต้อนรับผู้พิชิตครับ


กับทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา แบบเกือบ 360 องศา





เก็บภาพบรรยากาศความประทับใจบนยอดก่อนลงครับ

ถึงเวลาต้องบอกลาแล้วครับ เดินทางกลับสู่พื้นราบ
ทางชันที่เราเดินขึ้นมาว่าลำบากเเล้ว ตอนเดินลงไม่ต้องเดาเลยครับ
รู้สึกเหมือนมาผจญภัย เดินๆปุ๊บไหลเลย
ก่อนเดินทางกลับก็เเวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกครับที่ป้อมปี่ 