ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
พิชิตสันหนอกวัว พิชิตใจตัวเอง กับเส้นทางการเดินป่า 2 วัน 1 คืน อุทยานแห่งชาติเขาแหลม (Khao Laem National Park) จ.กาญจนบุรี
    • โพสต์-1
    Namee •  กุมภาพันธ์ 27 , 2559

    เที่ยวแบบ Backpack เดินป่ากาญนะจ๊ะบุรี

    ทริปนี้พวกเราเลือกเที่ยวแบบ Backpack เที่ยวแบบเดินทางด้วยตนเอง
    ไม่พึ่งพาบริษัทนำเที่ยว แต่มีการเตรียมแผนการเดินทางล่วงหน้า
    เป็นการออกเดินทางท่องเที่ยวแบบง่ายๆ สบายๆ
    พร้อมด้วยกระเป๋าเป้สะพายหลังหนึ่งใบที่ยัดสิ่งของที่จำเป็นเต็มกระเป๋า
    และสัมภาระครัวเรือน รวมถึงอาหารสดและแห้งที่ใช้ทำกินประทังชีวิตทั้งหมด 3 วัน ขึ้นรถทัวร์จร้า

     

    ทริปนี้ต้องทำการติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานเพื่อจองวันขึ้นเขาอย่างน้อย 15 วัน
    พร้อมแจ้งวันที่จะขึ้นเขา จำนวนคน (กลุ่มหนึ่งได้ไม่เกิน 7 คน ต่อเจ้าหน้า 1 คน/รถ 1 คัน)
    จำนวนลูกหาบ พวกเราใช้ 2 คน  รวมถึงสิ่งของที่จำเป็น เช่น เต็นท์ ถุงนอน ทางอุทยานมีให้เช่า
    พวกเราไปกันทั้งหมด 6 คน (มี 1 คน ดันติดงานด่วนๆ ต้องขับรถตามไปทีหลัง)

     

    เลือกไปเที่ยวกันในวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2559 (อาทิตย์สุดท้ายก่อนอุทยานประกาศปิดเขา)
    เดินทางโดยรถทัวร์ ขึ้นรถที่หมอชิต รถทัวร์สาย กรุงเทพ-สังขละบุรี  (มี 2 รอบ 06.30 น. กับ 09.30 น.)
    สอบถามรายละเอียดเส้นทางรถเพิ่มเติมได้ที่ >> โทร. 02-872-1777

     

    พวกเราเลือกรอบ 09.30 น. ขึ้นชานชาลาที่ 114 ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า...
    ปล. ด้วยความผิดพลาดในการซื้อตั๋วเนื่องจากพนักงานบอกผิด ทำให้เราต้องซื้อตั๋ว 2 รอบ
    คือจาก กรุงเทพ-ทองผาภูมิ ราคา 223 บาท และต้องทำการซื้อตั๋วเพิ่มจาก
    ทองผาภูมิ-สังขละบุรี ราคา 80 บาท (เปลืองโดยใช่เหตุ)
    จึงขอแนะนำว่าให้ซื้อตั๋วลงที่ สังขละบุรี เลยราคาจะถูกกว่า และแจ้งเจ้าหน้าบนรถว่าขอลงหน้า

    “อุทยานแห่งชาติเขาแหลม”


    จริงๆ แล้วทริปนี้เที่ยว 3 วัน 2 คืน เพราะจากการคำนวณการเดินทางแล้ว
    พวกเราเดินทางกันเองต้องใช้เวลาเกือบ 1 วันในการเดินทาง เลยต้องลางาน 1 วัน เพื่อใช้ในการเดินทาง
    เพราะรอบรถไม่สามารถไปทันขึ้นเขาช่วงเช้าได้ จึงต้องไปกางเต็นท์นอนกันที่ป้อมปี่ 1 คืน
    เพื่อเตรียมตัวขึ้นเขาในวันถัดไป ทริปการเดินป่าของพวกเราจึงอยู่ที่ 2 วัน 1 คืน

     

    การเดินทาง : จากหมอชิต รถทัวร์วิ่งผ่านเส้นบางบัวทอง - บางเลน  - กำแพงแสน  -  พนมทวน  จนถึงสถานีขนส่งที่ตัวเมืองกาญจนบุรี จากนั้นวิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนถึงตัวอำเภอทองผาภูมิ มีสามแยก เลี้ยวขวาไปทางอำเภอสังขละบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์) จะผ่านวัดท่าขนุน น้ำตกเกริงกระเวีย น้ำตกไดช่องถ่อง หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาแหลม (จุดลงรถทัวร์ อุทยานจะอยู่ด้านขวามือ) เลยจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบทางเข้าจุดชมวิวป้อมปี่อยู่ทางซ้ายมือ

    สอบถามรายละเอียดการเดินป่าเพิ่มเติมได้ที่ >>  อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทร. 086-131-3443 (ป้อมปี่) 034-546-819, 034-532-099

    • โพสต์-2
    Namee •  กุมภาพันธ์ 27 , 2559

    ป้อมปี่ สวรรค์บนดินของคนติดดิน

    >> พวกเราออกจากหมอชิต 9.40 น. พร้อมด้วยสมาชิกทั้งหมด 5  คน (อีกคนตามมาที่หลัง)

    ด้วยเส้นทางเดินรถ จากหมอชิต -  บางบัวทอง - บางเลน  - กำแพงแสน รถจะแวะจอดรับผู้โดยสารที่กำแพงแสน 1 จุด  พวกเราถึงตัวเมืองกาญจน์ ประมาณ 12.20 น. และเข้าเขตไทรโยค ประมาณ 13.30 น. รถทัวร์จะแวะพักให้กินข้าวกลางวัน (ฟรีรวมอยู่ในค่ารถ) ที่ร้านเรณู  ให้เวลาในการกินแค่ 20 นาที  (กินกันอย่างรีบเร่ง)

     

    มีให้เลือกกินแค่ 2 เมนู คือ ข้าวผัด กะ กระหมู

     

    >> พวกเรามาถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ประมาณ 15.40 น.  ก็ถ่ายรูปเล่นหน้าป้ายกันไป ก่อนเดินเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่  เจ้าหน้าที่เขาจะถามว่ากางเต็นท์นอนที่อุทยานหรือที่ป้อมปี่ เลือกที่ป้อมปี่กันเพราะที่นั้นวิวสวยกว่าเยอะ เจ้าหน้าที่เขาก็จะขับรถมาส่งที่ป้อมปี่  

     

    จุดที่ทำการเพื่อเข้าไปติดเจ้าหน้าที่

     

    >> ระยะทางจากอุทยานไปป้อมปี่ หากกันประมาณ 2 กิโล ก่อนเข้าเขตป้อมปี่ ต้องเสียค่าเข้าคนละ 70 บาท ถ้าเอารถส่วนตัวมาเสียเพิ่ม 30 บาท ค่าจอดรถ

     

    >> มีบริการรถขนของให้ใช้ฟรี ในการขนสัมภาระไปยังลานกางเต็นท์ หากอยากแบกกันเองก็ไม่ต้องใช้มีร้านอาหาร 1 ร้าน เปิดให้บริการ ตั้งแต่ 7.00 – 16.00 น. (ถ้าจำไม่ผิด) หากไม่ได้เตรียมอะไรมาทำกินกันเองมีบริการบ้านพักให้เช่า หากไม่อยากใช้บริการเช่าเต็นท์และถุงนอน หรือไม่อยากนอนแบบสัมผัสธรรมชาติมีห้องอาบน้ำไว้ให้บริการ ณ จุดนี้สะดวกสบายไม่ต้องกลัวเรื่องความลำบาก หากขึ้นเขาแล้วต้องตัดสิ่งเหล่านี้ทิ้งซะ เพราะเราจะไปสัมผัสกับธรรมชาติล้วนๆ

    ผู้ชายชี้นิ้วสั่ง แต่ทำหน้าที่ขนของ

     

    มีห้องอาบน้ำให้บริการ เป็นทางลงไปห้องน้ำฝั่งซ้ายห้องน้ำผู้ชาย 

     

    ร้านอาหาร เปิดบริการ 7.00 - 16.00 น.

     

    จุดลานกางเต็นท์

     

    จุดชมวิว

    จุดกางเต็นท์ของพวกเรา เลือกใกล้จุดชมวิว

     

    พวกเราเตรียมกับข้าวมาทำกินกันเองจร้า ตลอด 3 วัน

     

    เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ณ อ่างเก็บน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ์ 

    • โพสต์-3
    Namee •  กุมภาพันธ์ 27 , 2559

    ที่นี่ “สันหนอกวัว” หุบเขาที่สูงที่สุดในกาญจนบุรี

    >> เช้าวันเสาร์ ที่ 13 ก.พ. 59     พวกเราตื่นตี 5 กันเพื่อมาทำอาหารมื้อเช้า และอาหารกลางวันไว้กินระหว่างเดินป่า 

    ก็กินข้าวกินปลา และก็เก็บข้าวของกันไป

     

    >> เจ้าหน้าที่นัดรวมตัวกันตอน 8.30 น. ณ ลาดจอดรถ เพื่อทำการลงทะเบียน (กรุณาเขียนชื่อ-นามสกุลให้ชัดเจน เพราะคุณจะได้ใบประกาศติดมือกลับมาด้วย) พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้านำทาง รถรับส่ง และลูกหาบให้แต่ละกลุ่มนักเดินทางตามจำนวนที่เราแจ้งไว้แต่สามารถขอเพิ่มลูกหาบได้ถ้าสัมภาระมีเยอะ

    พี่เภา หัวหน้าแก๊งของพวกเรา และต้องทำหน้าที่เป็นตากล้องสมัครเล่นให้กับพวกเราด้วย

     

    ไม่สามารถเอาไข่ขึ้นเขาได้เพราะมันคงแตกหมด เลยต้องมานั่งตอกไข่ใส่ขวด

     

    >> พวกเรามาถึงตรงจุดทางขึ้น บริเวณเชิงเขาหัวโล้น ประมาณ 9.15  น. พร้อมเจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบ ลูกหาบอย่างไวมาถึงขนของใส่หลังแล้วเดินขึ้นกันเลย

     

    >> เริ่มออกเดินกัน ประมาณ 9.30 น.  ระยะทางในการเดินเท้าประมาณ  9  กม. ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง  ในการเดินถึงจุดหมายหรือตั้งแค้มป์ เพื่อนอนค้างบนสันหนอกวัว 1 คืน (ไม่สามารถเดินทางไปกลับภายในวันเดียวได้)

    เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง...

     

    >> เส้นทางระหว่างเดินจะว่าโหดก็โหดอยู่นะ มีทั้งเดินทางเรียบ ขึ้นเขา ลงเขา สลับกันไป เดินเลาะสันเขา ร้อนบ้าง ร่มบ้าง แต่ที่โหดสุดคือจุด “หมาถอย” จุดนี้โหดจริงต้องใช้เชือกช่วยในการเดินขึ้น

    หมาถอย แต่คนไม่ถอย ณ จุดๆ นี้ ถือว่าโหดสุดๆ

     

    >> เลยจุดโหดนี้ไปได้ ก็ได้พักกันแล้วจร้าา เพราะจะเป็นจุดพักกินข้าวกัน ถ้าใครไม่อยากพักก็เดินต่อโลดดด

    พักกินข้าวกันจร้าาา จะได้มีแรงเดินต่อ แค่ครึ่งทางเอง หุหุ

     

    >> วิวระหว่าง 2 ข้างทาง เป็นอะไรที่สวยงาม คุ้มค่ากับเหงื่อที่ต้องเสียไป

     

    >> พวกเราถึงจุดกางเต็นท์ ประมาณ 13.30 น.  พี่ๆ ลูกหาบกางเต็นท์และทำกองไฟไว้ให้เรียบร้อย (น่ารักสุดๆ)

     

    >> ระหว่างรอขึ้นไปสันหนอกวัวเล็ก ก็นั่งชิลๆ หาที่หลบแดดกันไปเรื่อยๆ ที่หลบแดดมีน้อย แต่มันร้อนจริงอะไรจริง ช่วงกลางวันอย่างร้อน ช่วงกลางคืนอย่างหนาว 555++ (ร่างกายไม่พร้อมป่วยแน่นอน) แต่ก็ฟินกับการไปถ่ายภาพเล่นกัน วิวสวยมากๆ ทำให้ลืมความร้อนของแดดยามบ่ายไปเลย

    และนั้นคือเป้าหมายการพิชิตยอดสันหนอกวัวเล็ก ของพวกเราในเย็นวันนั้น

     

    >> พวกเราเดินขึ้นไปจุดชมวิวแรกคือ สันหนอกวัวเล็ก เพื่อชมพระอาทิตย์ตก เดินขึ้นเขากันช่วง 5 โมงเย็น ระยะทางไม่ไกลมากจากจุดพัก ทางขึ้นเขาไม่ยากเกินความสามารถ ส่วนพี่ๆ ลูกหาบ พวกเราก็วานให้ช่วยหุงข้าวมื้อเย็นไว้ให้ (ดีงาม) ส่วนเรื่องกับข้าวเดี๋ยวพวกเราลงมาทำกันเอง คริๆ

    หุงข้าวรอ

     

     

    “เขาสันหนอกวัว” คำว่าสันหนอกวัว มาจากลักษณะของยอดเขาที่นูนออกมา รูปร่างคล้ายกับส่วนที่เป็นสันนูนบนหลังของวัว ที่เรียกว่าโหนก หรือหนอก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีระดับความสูงที่ 1,767 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งอยู่ทางเหนือของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอสังขละบุรี ในแนวเทือกเขาเขียว ที่เป็นป่าฝั่งตะวันตกของพื้นที่อุทยานฯ มีส่วนที่ติดต่อกับพื้นที่ป่าในเขตทุ่งใหญ่นเรศวร

    แด่ผู้พิชิตสันหนอกวัวเล็ก ส่วนข้างหลังคือสันหนอกวัวใหญ่ เป้าหมายในวันพรุ่งนี้

     

    อยู่กับบรรยากาศ อยู่กับพระอาทิตย์จนลับขอบฟ้า

    อย่างกะที่โบราณกล่าวไว้ ยิ่งสูงยิ่งหนาว จริง

    • โพสต์-4
    Namee •  กุมภาพันธ์ 27, 2559
    • โพสต์-5
    Namee •  กุมภาพันธ์ 27 , 2559

    ที่นี่ “สันหนอกวัว” หุบเขาที่สูงที่สุดในกาญจนบุรี (ต่อ)

    >> เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 ก.พ. 59 (วันแห่งความรัก พวกเรามาบอกรักป่า รักสายลม รักแสงแดด รักธรรมชาติ) พวกเราตื่นกันตอนตี 5 เช่นเดิม เพื่อเตรียมตัวขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่ยอดเขาสันหนอกวัวใหญ่  จริงๆ สันหนอกวัวเล็กกับใหญ่ อยู่ใกล้กัน แต่สันหนอกวัวใหญ่จะไกลกว่าและสูงกว่า แต่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ทั้ง 2 จุด

    นั้นคือ ยอดเขาสันหนอกวัวเล็ก ถ่ายจากยอดเขาสันหนอกวัวใหญ่

     

    >> ระหว่างรอชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่สันหนอกวัวใหญ่ อากาศสบายๆ ไม่หนาวมาก

     

    >> หลังจากอยู่ชมบรรยากาศกันพักใหญ่ จากสักหนอกวัวใหญ่ ไม่หนำใจไปต่อสันหนอกวัวเล็ก 

    เส้นทางจุดเชื่อมต่อระหว่าง สันหนอกวัวใหญ่ กับ สันหนอกวัวเล็ก ซึ่งตอนขึ้นสันหนอกวัวใหญ่ ขึ้นอีกเส้นหนึ่ง

     

     

    >> พวกเราลงจากเขากันตอน 8 โมงเช้า (เป็นกลุ่มสุดท้ายที่ลง) เพื่อรีบลงมาทำกับข้าวกินกัน และเตรียมตัวลงเขา ลงมาหลายกลุ่มเดินลงเขากันไปหมดละ เหลือประมาณอยู่ 4 – 5 กลุ่มได้ ที่ใช้ชีวิตกันแบบชิลๆ ไม่เร่งรีบ

     

    >> ณ เวลา 9.09 น. คือฤกษ์ออกเดินทางของพวกเรา  เป็นเหมือนกันทุกที่ เมื่อขาขึ้นเขาผ่านความลำบากมามากแล้ว ขาลงเขาย่อมสบายกว่าเยอะ ช่วงขาลงเขาจะลงเร็วกว่าช่วงขาขึ้นเขา เพราะทุกเส้นทางล้วนผ่านประสบการณ์และได้สัมผัสเส้นทางมากันแล้วทั้งนั้น สบายๆ

     

    >> แต่มีอยู่หนึ่งจุด จุดนี้พีคสุดๆ “หมาถอย” จำกันได้มะ ขึ้นว่ายาก ลงว่ายากกว่า ยืนมอง ณ จุดลง ทำไมมันชันแท้ ต้องใช้กำลังแขนในการจับเชือกและรูดตัวลงมา ส่วนขาคือกำลังสำคัญ คือฮีโร่ของพวกเราที่ใช้ในการเบรก เบรกกันฝุ่นตลบเลย ผ่านจุดนี้ไปชีวิตก็มีขึ้นๆ ลงๆ ตลอดๆ แต่สนุกจร้า

     

    >> ลงมาถึงตีนเขา ประมาณ 11.50 น. ถือว่าเป็นกลุ่มที่ลงมาพร้อมกันอย่างพร้อมเพียงทั้งพวกเรา และพี่ๆ ลูกหาบ แถมรถคันที่มาจอดรอรับยังเป็นคันเดียวกันกับคันที่มาส่งพวกเราขึ้นเขาซะด้วย เหมาะเจาะมากๆ 555++ 

     

    >>พร้อมด้วยเจ้าหน้ามาค่อยอยู่ปากทางเข้า เพื่อรอแจกใบประกาศให้กับผู้พิชิตยอดเขาสันหนอกวัวทุกท่าน ที่ได้ลงทะเบียนกันไว้ รวมถึงการจ่ายเงินเกี่ยวกับค่าจ่ายใช้จ่ายทั้งหมด   ไม่ว่าจะเป็นค่าเจ้าหน้าที่นำทาง ค่าลูกหาบ ค่ารับไปรับไปส่ง ค่าเช่าเต็นท์และถุงนอน ทุกอย่างจ่ายในวันลงเขา แถมยังมีบริการขายน้ำเย็น และน้ำโค้กซ่าๆ ให้พวกเราได้ดื่มด่ำแก้กระหายกันซะด้วย เยี่ยมจริงๆ

    เจอของดำเข้าไปชื่นใจเลยทีเดียว

     

    ของแถมที่ได้ติดมือกลับบ้านไปด้วย

     

    ก็ขึ้นรถเพื่อลงเขาไปอาบน้ำกันที่ป้อมปี่จร้า 

     

    สรุปค่าใช้จ่ายในการพิชิตสันหนอกวัว  (ทริป 3 วัน 2 คืน หมดไปคนละ 1,950 บาท)

    - ค่าอาหารที่ต้องเตรียมไปกันเอง + พร้อมอุปกรณ์เครื่องครัว รวม 2,500 บาท/ 3 วัน

    - ค่ารถทัวร์ ไป คนละ 303  บาท / ขากลับอาศัยกลับช่วยจ่ายค่าน้ำมัน

    - ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1 คน คิดเป็นรายวัน ( 500 บาทต่อวัน) รวม 1,000 บาท

    - ค่าเช่าถุงนอน 30 บาทต่อถุง เช่า 2 ถุง/ 1 คืน รวม  60 บาท  (ถ้ามีเอาไปเองได้ ถ้าเช่าเต็นท์ 200 บาทต่อหลัง)  

    - ค่าลูกหาบ 2 คน เราต้องคำนวณน้ำหนักของทั้งหมด คิดเป็นรายคนรายวัน/1 คน ไม่เกิน 30 กิโล  คนละ 700 บาท    ต่อวัน ทั้งหมด 2 คน /2 วัน รวม 2,800 บาท

    - ค่ารถรับส่งจากอุทยานไปถึงทางเดินขึ้นเขา (ไป-กลับ)  รวม 1,000  บาท

    - ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

     

    พวกเราเดินทางกลับบ้านกันโดยสวัสดิภาพ

    ------------------------------------------------------------------------

     

    ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านจร้าาา

    By Namee Be Bear

    ขอฝากเพจน้องใหม่ของเจ้าของรีวิวด้วยนะจ๊ะ ถ้าชอบให้กดไลน์ ถ้าถูกใจช่วยกดแชร์

    Fanpage : https://www.facebook.com/KanXengStudio/

    • โพสต์-6
    Namee •  กุมภาพันธ์ 27, 2559
    • โพสต์-7
    Somchai •  กุมภาพันธ์ 29, 2559

    สุดยอดเลยคับ

    • จุดเด่น:
    • จุดด้อย:
    • ข้อสรุป:
    คะแนน