เขาแหลมหญ้า..สัญญาแห่งความผูกพัน

ใครจะไป?? ยกมือขึ้น...โยว่ โยว่ >>> ตั้งคำถามทิ้งไว้ในไลน์กลุ่ม>>>

ไปไหนเพ่? นั้นไง++ เหยื่อติดกับดักแล้ว...อิอิ>> ไปไหน ไปไหน ไปด้วย สมาชิกเริ่มส่งเสียงผ่านโปรแกรมไลน์ เจ้ใหญ่เสนอแบกเป้กางเต้นท์ไปนอนริมทะเลกันดีกว่า... เอา  เอา ไปไหนไปด้วย ขอช่วย 5 บาทนะ 555 ^-^ การประชุมปิดจบแบบง่ายๆ คือ เราจะบุกตะลุยเขาแหลมหญ้า ระยะเวลา 1 คืน 2 วัน เจ้ใหญ่เจ้าของพื้นที่การันตีความสวยงาม พร้อมกระตุ้นให้สมาชิกตื่นเต้น...แต่ดูไปดูมาเจ้ใหญ่ของเราออกจะทั้งตื่นและเต้นยิ่งกว่าสมาชิกคนอื่นอารามเหมือนจะถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก 555

เขาแหลมหญ้าหรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเพ จังหวัดระยอง ขับรถออกจากกรุงเทพมาตามเส้นทางถนนสุขุมวิท-จันทบุรี จนเจอสี่แยกตะพง เลี้ยวขวาไปหาดแมรำพึง และวิ่งตามถนนเลียบหาดไปจนสุดหาด ด้านขวามือคือทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร นัดเจอสมาชิกกันที่กรุงเทพ และไปเจอเจ้ใหญ่ที่อุทยานฯ ค่าธรรมเนียมเข้า อุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ราคา 40 บาท เด็ก 20 บาท และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ราคา 200 บาท เด็ก 100 บาท 

ครั้งนี้เราเลือกที่จะเช่าเต้นท์ของอุทยานฯ เพื่อเป็นการกระจายรายได้และร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ จำนวน 2 หลังเล็ก ราคาเช่า 150 บาทต่อหลัง (ราคาเช่าเต้นท์มีตั้งแต่ 150 - 600 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของเต้นท์) ไม่ลืมที่จะเอาเต้นท์หลังใหญ่และหลังเล็กมาเองอย่างละ 1 หลัง เป็นการประหยัดงบประมาณ เอ๊ะ !! ยังไง 555 ค่ากางเต้นท์ 30บาท/คน/คืน ใครต้องการเที่ยวแบบไม่ค้างคืนก็สามารถเข้าไปเยื่ยมชม ถ่ายรูป ชิมและกินอาหารทะเลได้เพราะอุทยานฯ เปิดให้เข้าตั้งแต่ 8:30 น.- 16:30 น. มีร้านอาหาร-เครื่องดื่มไว้คอยบริการและจำหน่ายตั้งแต่ 7:00 น.- 20:00 น. หากใครไม่ถนัดนอนเต้นท์ที่อุทยานฯ มีบริการห้องพักให้ด้วยสามารถเลือกได้ตามความสะดวกของแต่ละท่าน

การกางเต้นท์เป็นของชอบสำหรับสมาชิก งานนี้เจ้ใหญ่นำทีมลุยเอง ส่วนเราได้แต่ให้กำลังใจยืนชี้โน้นชี้นี่ให้ดูยุ่งๆ วุ่นวายเข้าไว้ 5555 

จุดกางเต้นท์มี 2 จุดใหญ่ เราเลือกกางจุดที่ใกล้หาด เพราะความจริงมาไม่ทันพื้นที่สวยๆ ถูกจับจองหมด 555 ถึงแม้พวกเราจะอยู่ห่างจากห้องน้ำก็ไม่เคยหวั่นเพราะถือว่าเราได้จุดกางเต้นท์เป็นมุมส่วนตัวเลยทีเดียว และห่างไกลกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วย อิอิ

กว่าจะเสร็จภารกิจกางเต้นท์เล่นเอาคนยืนให้กำลังใจเหนื่อย ^_^ เจ้ใหญ่ไม่พูดพร่ำตะลุยเปิดครัวยกเสบียงที่เตรียมมาจัดแจงปรุงเสร็จสรรพ อันตัวเราคอยเป็นลูกมือหยิบจับยื่นให้จนเจ้เริ่มเวียนหัวและมีอารมณ์เพราะส่งมั่วตลอด 555 ไม่ได้ดั่งใจเจ้เล้ย จนนางต้องบอก "อยู่เฉยๆ ดีแล้วค่ะคุณน้อง" สงสัยงานนี้คงเป็นสายถนัดของเรา คือการนั่งนิ่งๆ ไม่ต้องเสนอตัวเข้าไปป่วนมันคงเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด 555

ไม่นาน เมนูของเจ้ใหญ่ก็เสร็จสมบูรณ์ อืม+++ หน้าตาดูดี รสชาติก็ไม่แพ้กัน อาหร่อยสุด ๆ

สำหรับเมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์ของมื้อเลยทีเดียว ถึงหน้าตาจะขี้เหร่แต่ขอบอกกินแล้วคุณจะฟินและบอกว่าขออย่าได้พบเจออีกในชาตินี้ 5555 ความจริงรสชาติอร่อยไม่แพ้เมนูใดในโลกเลย ขออวยนิดส์หนึ่งเถอะเดี๋ยวทริปหน้าเจ้จะเกิดอาการน้อยใจไม่ทำให้กินอีก 555

อาหารปรุงเสร็จกลิ่นโชยหอมหวนกระตุ้นน้ำย่อยและน้ำลาย สมาชิกไม่รอรีไม่ถึง 10 นาทีที่เห็นเต็มหม้อเต็มถาดหายวับไปกับตาเสมือนในถาดและหม้อนั้นไม่เคยมีอาหารอยู่เลย 555 เวลาล่วงเลยปาเข้าไปเกือบ 4 โมงเย็น เพราะมัวเมาท์มอยและรื้อฟื้นความหลังกันอยู่ เราจึงขอไปเดินย่อยอาหารชมนกชมทะเล รับฟังเสียงคลื่นและสัมผัสไอเค็มกันสักเล็กน้อย

เส้นทางจากจุดกางเต้นท์ ไม่ถึง 300 เมตรก็เจอร้านอาหารสวัสดิการของอุทยานฯ ที่สามารถมองเห็นสะพานไม้ทอดยาวในทะเลเป็นจุดเช็คอินสำคัญของที่นี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากป้ายอุทยานฯ  

เราตกลงกันว่าจะเดินเที่ยวชมบริเวณรอบ ๆ สำรวจแล้วมี 2 เส้นทาง คือเลียบทะเลกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สายขาลุยชอบเพราะต้องบุกป่าฝ่าดง แต่วันนี้เรามากะเจ้ใหญ่จึงขอทำตัวกลมกลืนเดินชมชิวชิวตามทางสะพานยาวเลียบทะเลจนถึงบริเวณเขาแหลมหญ้าจะดีกว่า อิอิ ช่วงเวลานี้มุมใครมุมมันเอาที่สบายใจกันไป

มุมนี้เมื่อรวมตัวกันแล้วจึงขอสวมวิญญาณนายแบบ-นางแบบเฉพาะกิจแป๊บบบ เพราะอยู่ในสายเลือดกันทู้กคน 555

เส้นทางเดินชมธรรมชาติสลับขึ้นเขาและทางลาดชันพอให้เสียวไส้และทำให้ไขข้อได้ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เล่นเอาหอบนิดๆ จึงต้องพึ่งจุดพักเหนื่อยตามระยะทางและตามสังขารของแต่ละคน 555

ดูเอาเถอะ ใครรู้ตัวว่าแก่ สังขารไม่เข้าใครออกใครจริง จิ๊ง 555

โชคดีที่เราขึ้นมาถึงเขาแหลมหญ้าทันพระอาทิตย์กำลังตกดิน โอ้วว!! อู้!! ฮืมมมม!! เสียงอุทานผสมเสียงสบถเล็กๆเมื่อพบกับความงดงามที่เจอเบื้องหน้า ผู้คนนักท่องเที่ยวบางตาไม่เยอะเท่าที่คิด อาจเป็นเพราะบางคนถอดใจเดินกลับที่พักเพราะเกรงจะมืดแล้วค่อยย้อนกลับมาในเช้าของอีกวัน แต่สำหรับเราถึงไหนถึงกันไม่มืดเราไม่กลับไปนอน 5555

ถึงบริเวณเขาแหลมหญ้ามีหลายมุมให้ชาวเซลฟี่มาทดสอบเบ้าหน้าและความคมชัดของกล้องจัดไปคนละมุมเลยคร้า

ตะวันตกขอบเส้นฟ้าและน้ำ พวกเราจึงขอลงมาสัมผัสกับบรรยากาศตรงสะพานไม้ที่เดินผ่านไปในทีแรกเพราะแดดช่วงบ่าย 4 โมงยังแรงอยู่ ในช่วงโพล้เพล้บรรยากาศดีและสวยไปอีกแบบ

เจ้ใหญ่เห็นสะพานและทางเดินเป็นไม่ได้วิญญาณซุปเปอร์โมเดลเข้าสิงทันที

ดูนั้น!!!! นางคงกำลังคิดว่าเดินอยู่บนแคทวอล์ค 5555

ตะวันค่อยๆ ลดแสงอันแรงกล้าเหลือเพียงแสงสีทองที่ลับฟ้าสาดพื้นน้ำสีครามจนกลายเป็นสีเดียวกับท้องฟ้ายามพลบค่ำ พวกเราเดิมคือคนไม่รู้จักกันเริ่มต้นจากหัวหน้า-ลูกน้อง-เพื่อนร่วมงาน กลายเป็นเพื่อน-พี่และน้อง ยิ่งรู้จักยิ่งผูกพันแม้ความคิดเห็นต่างกันคนละมุม ทะเลาะกันบ้างโต้แย้งเพื่อความชัดเจนและลงตัวแต่ก็ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีๆ สลายหายไป เมื่อมีพบต้องมีจาก ทุกคนมีเส้นทางของตนเอง แต่ทริปเล็กๆ ทริปนี้ถึงแม้จะไม่มีกิจกรรมละลายพฤติกรรมหรือเกมส์เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ใดๆ แต่ด้วยความงดงามของธรรมชาติที่ได้สัมผัสและความผูกพันที่เพียงแค่สื่อสารกันไม่กี่ประโยคก็เข้าใจกัน เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะที่เขาแหลมหญ้ายังอยู่ในความทรงจำ สัญญาแห่งความผูกพัน จะไม่เคยลืมเธอเลย "เขาแหลมหญ้า"