ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
One day trip พิชิตน้ำตกเอราวัณ (คนเดียวก็เที่ยวได้ ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้) อุทยานแห่งชาติเอราวัณ (Erawan National Park) จ.กาญจนบุรี
    • โพสต์-1
    แป้งเจอนี่เจอนั่น •  ตุลาคม 25 , 2558

    One day trip พิชิตน้ำตกเอราวัณ (คนเดียวก็เที่ยวได้ ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้)

    วันหยุดสิ้นเดือน อยากไปเที่ยวต้องเกรงใจเงินในกระเป๋า!

    ด้วยงบประมาณที่มีไม่มากเลยหา One day trip งบเบาๆ แบบไม่ต้องมีคนมาช่วยหาร (เพราะเราไปคนเดียว)

    แต่ขอลุยๆ ในแบบที่เราชอบ!

    คำตอบของทริปนี้จึงมาหล่นที่ “น้ำตกเอราวัณ” จังหวัดกาญจนบุรี

    การเดินทางไปง่ายมาก ตื่นมาเลยเช้าๆ เที่ยวแบบ One day trip ห้ามตื่นสาย จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ

    นาฬิกาปลุกเราดีมากๆ  ไม่ตื่นมีตบ...แม่เราเอง ดี๊ดี แม่มาปลุกให้ไปเที่ยวด้วย ^^ (ความจริงแม่คิดว่าไปทำงาน จุ๊ๆ นะ)

    จุดหมายแรกที่ต้องไปคือ บขส.กาญจนบุรี

    ปัจจุบันรถตู้ จากกรุงเทพไปกาญจนบุรี ย้ายไปจอดที่ขนส่งสายใต้ใหม่ (ปิ่นเกล้า) แล้วนะคะ

    -  จากอนุสาวรีย์ชัยฯ เท่าที่หาข้อมูลไว้มีรถตู้ไปถึง บขส.กาญจนบุรีมี 3 ที่  

    1. เกาะพญาไทหลังป้ายรถเมล์

    2. มุมเกาะดินแดง บจ.ขวัญชีวี ทัวร์ ผ่าน ท่าม่วง ท่ามะกา บ้านโป่ง นครปฐม นครชัยศรี พุทธมณฑล รพ.รามาฯ รพ.พระมงกุฎฯ ราชวิถี อนุสาวรีย์ชัยฯ

    ท่าหมอชิต โทร. 0852645544, 0815705550 (04.00 – 19.00)

    ท่าอนุสาวรีย์ชัยฯ โทร. 0871540006 (05.00 – 19.00)

    ท่ารถกาญจนบุรี (บขส. กาญจนบุรี ช่อง A1) โทร. 0852993232, 0922616133 (04.00 – 19.00) พี่คนขายบอกว่าถ้าไปน้ำตก จะกลับมาตอนเย็นๆ ประมาณ 5 โมงเย็นให้โทรมาถามก่อน

    3. ตรงข้างล่างบีทีเอส ก่อนขึ้นห้างเซ็นจูรี่ เพื่อนเราที่เคยไปกาญจนบุรี แนะนำวินแฮปปี้ เพราะไม่จอดรับคนตามทาง จากขึ้นอนุสาวรีย์ชัยฯ โทร.0822437387 ถ้าขึ้นจากท่ากาญจนบุรี โทร.0844145885

    - แต่เราว่าเราตื่นเช้าไม่พอ เลยตัดสินใจนั่งรถเมล์ไปลงรังสิต เดินข้ามมาฝั่งเมเจอร์ ระหว่างเมเจอร์กับฟิวเจอร์จะมีเกาะอยู่ตรงกลาง ใต้สะพานลอย มีวินมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ ตรงนั้นจะมีท่ารถไปถึงลาดหญ้า ถ้าหาไม่เจอถามวินมอเตอร์ไซด์แถวนั้นก็ได้ค่ะ เพราะโต๊ะขายตั๋วเล็กมากๆ เราเดินไปถามว่ารถรอบต่อไปออกกี่โมง คนขายตั๋วตอบกลับมาว่า เหลืออีก 3 ที่เต็ม แสดงว่ารอคนเต็มถึงออก จ่ายไป 130 บาท โชคดีที่เราไม่ต้องรอนาน รถตู้ล้อหมุนประมาณ 7 โมงแวะรับ ผู้โดยสารตามทาง วิ่งเส้น บางเลน กำแพงแสน 

    เราถึง บขส.กาญจนบุรี 08.55  รีบเดินไปซื้อตั๋วรถเพื่อต่อไปน้ำตกเอราวัณเลย โต๊ะขายตั๋วจะอยู่ต้นๆ พี่คนขายตั๋วบอกว่ารถรอบก่อนหน้านี้เพิ่งออกไป เราต้องรอรอบถัดไป คือ 09.50 มีเวลาเกือบชั่วโมง เลยเดินหาของกินก่อน ห่วงแต่เที่ยว ลืมกินข้าวเลย ถ้าจะลดความอ้วน คงต้องออกเที่ยวๆ บ่อย ๕๕๕ อ่อ...ถ้าใครใจร้อนอยากไปถึงน้ำตกเร็วๆ ก็มีรถสองแถวเหมาขึ้นไปนะคะ ราคาต้องลองต่อรองกันดู

    รองท้องเสร็จก็เดินไปดูตารางรถขากลับจากเอราวัณ ได้คุยกับคุณลุงคนขับรถที่ไปน้ำตก บอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง ถ้ากลับทันรอบบ่ายสามโมงเย็นก็กลับเลย เพราะเที่ยวสุดท้ายคนจะแน่น 

    ตารางการเดินรถจากบขส.กาญจนบุรี  - น้ำตกเอราวัณ

    จาก บขส.กาญจนบุรี >>> 08.00 - 08.50 - 09.50 - 10.45 - 11.50 - 13.30 - 15.00 - 16.20 - 17.40

    จากน้ำตกเอราวัณ  >>> 05.40 - 06.20 - 07.00 - 8.00 -  10.00 - 12.00 - 14.00 - 15.00 - 16.30

    ใช้เวลาประมาณ 1.30 ช.ม. ในการเดินทางนะคะ อย่าลืมเผื่อเวลาตรงนี้ในการคำนวณเลือกรอบรถกลับกรุงเทพฯ นะคะ คนขับจะบีบแตรรับคนไปตลอดทาง หวานเย็นจริงๆ เราชอบนะ นั่งรถไปเรื่อยๆ ยิ่งเป็นรถพัดลมแบบนี้ สัมผัสกับทิวทัศน์สองข้างทางได้ถนัดดี เราใช้เวลา ความเงียบ  ความหวานเย็นของรถคันนี้ใช้ทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต

    เรื่องที่น่าเขินเล็กน้อยของเราคือ รถออกไปได้สักพักก็มีผู้หญิง (ไม่ค่อยแน่ใจแต่ผมยาว) ขึ้นมาแล้วเขายืน เราเลยเรียกเขามานั่งข้างๆ เขาบอกไม่เป็นไร...สักพักเอากระเป๋าออกมาถามว่า ใครยังไม่ได้ซื้อตั๋ว ><

    ปัญหาในการนั่งรถเมล์ไปเอราวัณของเราคือ ความกว้างของที่นั่ง เราสูง 170 ซ.ม. เข่าชนกับเบาะหน้าเลย ไม่สามารถยืดขาได้ จะนั่งเอียงก็กินที่อีก ฝรั่งก็น่าสงสาร บางคนต้องนั่งกอดเข่าเลยทีเดียว กลับบ้านมาปวดขา ก็ไม่แน่ใจว่าปวดขา ปวดเข่าเพราะเดินขึ้นน้ำตก หรือ เป็นเพราะนั่งรถเมล์เอราวัณหวานเย็นกันแน่!

    ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

    รถเมล์จะไปส่งเราหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเลยค่ะ ตอนถึงทางเข้าที่ต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานฯ จะมีพี่เจ้าหน้าที่เดินขึ้นมาบนรถแล้วเก็บ เงินผู้ใหญ่คนละ 100 บาท  เด็กคนละ 50 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาทค่ะ แต่! ถ้าใครมีบัตรนักเรียน นิสิต  นักศึกษา ลดได้ 50% เหลือ คนละ 50 บาท ตอนนี้มีนโยบายท่องเที่ยววิถีไทย ลด 50% สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ในวันจันทร์ - ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

    ค่าบริการพาหนะ

    รถจักรยาน 10 บาท / รถจักรยานยนต์ 20 บาท / รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท/ รถยนต์ 6 ล้อ 100 บาท

    เวลาทำการ เปิด 07.00 - 16.30

    รถจะจอดตรงลานจอดรถแถวๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ใครที่มี Passport ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ สามารถเดินเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ปั้มตราอุทยานฯ ได้ที่นี่ค่ะ  ใครที่อยากหาอะไรรองท้องร้านค้าตรงลานจอดรถมีให้เลือกเยอะมาก ข้างบนก็มีนะคะเป็นร้านค้าสวัสดิการจะเป็นอาหารที่ทำไว้แล้วเมนูข้าวกล่อง ของทานเล่น ส้มตำ และน้ำดื่ม จากป้ายอุทยาน ฯ ต้องเดินเข้าไปสักพักจะถึงน้ำตกชั้นแรก แต่ถ้าใครไม่อยากเดินระยะทางช่วงนี้มีบริการรถกอล์ฟค่ะ  แต่เราสายถึกอยู่แล้วเดินเองค่ะ ทางสบายๆ มีแต่คนมาด้วยกันเป็น คู่ เป็นกลุ่ม เป็นครอบครัว มีใครมาคนเดียวเหมือนเราไหมเนี่ย?

    *** ขอดอกจันตรงนี้ไว้เลย!!! การเข้ามาเที่ยวอุทยานแห่งชาติ ที่เที่ยวธรรมชาติแบบนี้ กรุณาอ่านและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ ว่ามีข้อห้ามอะไรบ้าง เพื่อความสวยงามจะได้มีไปนานๆ และเป็นการท่องเที่ยวด้วยกันอย่างมีความสุข พฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการรบกวนผู้อื่น ถึงไม่ได้ระบุไว้ในกฎระเบียน แต่ก็ควรใช้จิตสำนึกในการท่องเที่ยวพิจารณาว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ใจเขาใจเรานะคะ ขอฝากตรงนี้ไว้ด้วย ขอบคุณมากๆ เลย

    ทางเดินช่วงนี้เดินสบายๆ ค่ะ แต่เราจะไม่สบายตรงที่มีกระเป๋ากับขาตั้งกล้องมาด้วย แหะๆ มาหัดถ่ายน้ำตก อยากได้น้ำตกแบบนุ่มๆ

    ใกล้ๆ กับน้ำตกชั้นที่ 1 และ 2 จะมีร้านค้าสวัสดิการค่ะ เป็นอาหารกล่องที่ทำไว้แล้ว มีแต่ส้มตำที่ทำครกต่อครก ที่นี่ไม่ใช้กล่องโฟมค่ะ ห้ามเลยแหละ กล่องใส่อาหารจะเป็นกล่องพลาสติกใสๆ อาหารน่าทานมากๆ ถ้าต้องการซื้ออาหารต้องแลกคูปองก่อนค่ะ

    ราคาอาหารก็เป็นราคาตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป จะมีป้ายบอกเมนูและราคาไว้

    พิซซ่า 65 บาท/ ไก่ย่าง 60-80 บาท /คอหมูย่าง 60 บาท/ ยำรวม  50 บาท/ เมนูส้มตำ 40 บาท/ ผัดซีอิ้ว บะหมี่แห้ง ผัดไทย 30 บาท/  เมนูของกินเล่น  เช่น ปอเปี๊ยะ ไข่นกกระทา แซนวิช มันฝรั่งทอด ฯ 25 บาท/ เส้นลวก ขนมจีน ถั่วต้ม  ไข่ไก่ต้ม แคบหมู ฯ 20 บาท/ ลูกชิ้น Popcorn ข้าวเหนียว 10 บาท/ น้ำเปล่า 10 บาท ประมาณนี้นะคะ ^^

    แต่เราไม่ได้กินแวะกินอะไร ใจไปอยู่ที่น้ำตกแล้ว^^ ซื้อน้ำเปล่าขวดเดียวแล้วลุยเลย!

    น้ำตกชั้นที่ 1 “ไหลคืนรัง”

    จากน้ำตกชั้นที่ 1 ไปถึงน้ำตกชั้นที่ 2 ระยะทาง 100 เมตร เพิ่งเริ่มต้นแรงยังดี ฮึๆ

    น้ำตกชั้นที่ 2 “วังมัจฉา”

    ชั้นนี้คนค่อนข้างเยอะ เพราะมาสามารถซื้ออาหารจากร้านค้าสวัสดิการมานั่งทานได้ น้ำตกชั้นนี้ก็สวยด้วย มีปลาพลวงน่ารักๆ ว่ายไปมา ใครอยากทำสปาปลาก็ลองเอาเท้าหย่อนลงไปดูนะ แล้วเท้าคุณก็จะหายไป! ล้อเล่นค่ะ น้องปลาพลวงจะมาตอด ให้เราจั๊กจี้เล่น แต่บางตัวนี้ โอ้โหหหห! ใหญ่มาก ว่ายมาทีต้องยกเท้าหนีเลย

    ชั้นที่ 1 กับ ชันที่ 2 เหมาะกับการมานั่งเล่นพักผ่อนแบบครอบครัว พาผู้สูงอายุมาได้ เพราะทางเดินไม่ลำบาก แถมมีรถกอล์ฟบริการ ชั้น 3 เป็นต้นไป จะเริ่มมีทางชัน ต้องขึ้นบันได ^^

    หลังจากชั้นที่ 2 จะมีจุดตรวจของอุทยานฯ ในการนำสิ่งของเข้าไปน้ำตก หลังจากจุดนี้...ห้ามนำ อาหาร ขนม ถุงพลาสติกและขวดน้ำเข้าไป สามารถฝากไว้ที่จุดตรวจค่ะ แต่ไม่รับฝากสัมภาระนะคะ ถ้าใครจะนำขวดน้ำดื่มขึ้นไป ต้องลงชื่อว่านำเข้าไปกี่ขวด แล้วเจ้าหน้าที่จะเอาขวดของเราไปเขียนหมาย พร้อมจ่ายมัดจำขวดละ 20 บาท ตอนกลับออกมาก็เอาขวดมาคืน เจ้าหน้าที่ก็จะให้เซ็นชื่อ พร้อมกับขอดูเลขที่ขวดน้ำของเราค่ะ เรียบร้อยแล้วพี่เจ้าหน้าที่ก็คืนเงินค่ามัดจำให้

    พ้นจากจุดตรวจมาจะเจอบันไดแบบนี้ ยังเดินได้สบายๆ สำหรับผู้หญิงสายถึกแบบเรา

    ระหว่างทางก็จะมีน้ำตกเล็กๆ 

    น้ำตกชั้นที่ 3 "ผาน้ำตก" 

    จากชั้นที่ 2  มาชั้นที่ 3  ระยะทาง 150 เมตร เดินมาเพลินๆ ก็ถึงแล้วค่ะ เคยมาเมื่อสามปีที่แล้ว ปลาพลวงเยอะกว่านี้นะ 

    ออกจากชั้นที่ 3 จะต้องขึ้นบันไดชันๆ สูดหายใจลึก กระชับเป้ให้มั่น ดูขาตั้งกล้องให้ดีๆ แล้วค่อยๆ จับราวบันใดไต่ขึ้นไป มีรูปความชันมาฝากด้วย 

    ขึ้นมาได้ก็จะเจอกับจุดชมวิว อาจแวะพักดื่มน้ำก่อนก็ได้นะ แต่อย่านั่งนาน ยืนพักก็ได้ เรารู้สึกว่าถ้านั่งพักแล้วแรงจะหายไปเลย จะล้าขาทันที และน้ำก็จิบๆ เอานะคะ อย่าดื่มรวมเดียวเดี๋ยวหมดไม่มีกินต่อเหลืออีกตั้ง 4 ชั้น ^^

    มีทางขึ้นและก็ต้องลง เราว่าเดินเขาทำทางเดินไว้ให้เดินง่ายดีนะ 

    น้ำตกชันที่ 4 “อกนางผีเสื้อ”

    เดินเข้ามาไกลแล้วนึกว่าจะไม่มีคน ที่ไหนได้ชั้นนี้คนเยอะไม่แพ้ชั้นอื่นๆ เลย ลักษณะหินเหมาะกับการเล่นสไลเดอร์มากๆ

    เราถามพี่เจ้าหน้าที่แถวนั้นว่า ชั้น 5 ไปอีกไกลไหม ‘ประมาณ 1  กิโล’ ลุยต่อ!

    ยังไม่ทันถึงไหนเจอบันไดอีกแล้ว T0T สายถึกอย่างเรา ขาก็สั่นได้นะคะ -__-

    สลับกันไปกับทางขึ้นเนินเตี้ยๆ ห๊ะ! บันไดมาอีกแล้ว

    สะพานตรงนี้มีเรื่องที่ทำให้เราอมยิ้ม เนื่องจากเราได้ยินนักท่องเที่ยวคุยกัน

    'รู้ป่ะ นี่เขาเรียกสะพานอะไร?' 

    คนโดนถามส่ายตัว

    น้องคนถามเลยเฉลยว่า...'สะพานพระรามไก่ไง!'

    ๕๕๕ ที่ขำไม่ใช่เพราะฮาหรอก เราขำเพราะมันไม่ฮาเนี่บแหละ น้องคนที่โดนถามก็ทำหน้าไม่เข้าใจ ๕๕๕

    ระยะทางระหว่างชั้นที่ 4 กับชั้นที่ 5 เดินนานกว่าชั้นอื่นๆ ทางเดินเริ่มจะไม่สบายเท่ากับตอนแรก

    ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ฝนตกหรือเปล่า แต่ทางเริ่มเละๆ แฉะๆ เราใส่รองเท้าแตะหูหนีบมาเดินลำบากมาก ดอกยางรองเท้าก็ไม่ค่อยมี ต้องเดินระวังมากๆ  ขอแนะนำเรื่องรองเท้าเลยนะคะ ใส่แตะก็เดินได้แหละ แต่ไม่ค่อยคล่องตัว มีโอกาสเดินลื่นหรือเท้าพลิกสูงมาก ทางที่ดีใส่รองเท้าที่รัดกุมหน่อย ที่สามารถลุยได้  จะได้เดินสะดวก...

    น้ำตกชั้นที่ 5 "เบื่อไม่ลง"

    ชั้นนี้นักท่องเที่ยวไม่มากเท่าชั้นที่ผ่านๆ มา

    จากชั้น 5 ไปชั้น 6 ระยะทาง 300 เมตร เป็น 300 เมตรที่เรารู้สึกว่าไกล บางทีก็เดินอยู่คนเดียว มองไปข้างหน้าก็ไม่เห็นใคร หันไปข้างหลังก็ไม่เจอใครตามมา แล้วบางจุดจะผ่านต้นไม้ที่มีชุดไทย มีดอกไม้ มันน่ากลัวไหมละ!!! ใส่แตะเดินก็ลำบากอยู่แล้ว ยังต้องคอยมองหลังอีก T0T

    ระยะทางช่วงนี้จะไม่ค่อยมีทางเดินที่สร้างขึ้นมา แต่จะเป็นทางเดินธรรมชาติบางช่วงอาจจะต้องค่อยๆ นั่งลง แล้วค่อยๆ ก้าวขาไป

    ถ้านึกไม่ออกมีภาพประกอบค่ะ

    เดินไปเจอป้ายๆ หนึ่ง จะให้เราเลือก เดินไปทางขวาจะเป็นน้ำตกชั้น 6  เดินไปทางซ้ายจะเป็นชั้น 7

    เราไม่ลังเลที่จะไปชั้น 6 นะ พอเลี้ยวขวาไป สะพานที่ใช้ข้าวลำธารเล็กๆ ประมาณ 3 ก้าว มันพัง

    ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามา วันที่เราไปใส่กางเกงสกินนี่ กับ เสื้อยืด เราจะไม่ยอม เปียกยอมเลอะอะไรเด็ดขาด

    ถ้าเปียกหรือเลอะมา เราจะกลับยังไง?

    เเต่ ณ จุดๆ นั้น เสื้อเราสภาพไม่ไหวแล้ว เพราะเปียกเหงื่อจนสีตกอ่ะ เราก็เหลือแต่กางเกงที่มันเปียกแต่ปลายขา

    เรามาถึงชั้นนี้แล้ว คงต้องยอม...ก็ค่อยๆ เดินลุยน้ำไปพับขากางเกงให้สูงๆ เขาไว้

    ...ไม่มีคน ไม่เห็นน้ำ... มีแต่ป้าย ก็ยังเข้าข้างตัวเองอยู่นะ 'หรือว่าต้องเดินเข้าไปอีก'

    แล้วทางเป็นโคลนแล้วอ่ะ โคลน vs รองเท้าแตะ

    รองเท้าก็ติดโคลนซิจ๊ะ เราก็พยายามยกเท้า เท่านั้นแหละ รองเท้าดีดโคลนขึ้นมา หมดเลย ทั้งเสื้อทั้งกางเกง T0T กรี๊ดดดดด กลับบ้านไงเนี่ย?

    สุดท้ายก็ต้องเอามือดึงขึ้นมา อีกมือถือขาตั้งกล้อง อีกมือถือรองเท้า เดินเข้าไปต่อ (แอบหันไปมองข้างหลังก่อนว่ามีใครเห็นไหม? ซึ่งก็ไม่มีใครเลย TT) ใครนึกภาพไม่ออกมีภาพประกอบแต่ไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่นะคะ ขออภัยด้วย

    มาดูดีกว่าว่าน้ำตกชั้นที่ 6 จะสวยงามขนาดไหน

    น้ำตกชั้นที่ 6 'ดงพฤกษา'

    น้ำตาจะไหล มันใช่น้ำตกชั้นที่ 6 จริงๆ ใช่ไหม ถึงว่าไม่มีใครเข้ามาเลย

    ลองเดินเข้าไปใกล้อีกนิด เจอฝรั่งคนหนึ่ง เอาผ้าปูนอน ครอบครองน้ำตก ชั้น 6 อยู่เพียงผู้เดียว

    ว่าจะย่องไป ต๊ะเอ๋ สักหน่อย ก็กลัวว่าจะได้รับอันตราย (เขาจะได้รับมากกว่านะ!!!)

    ความรู้สึกเหมือนอกหัก รีบโบกมือบ๊าย บาย เดินลุยขี้ดินกลับไปชั้น 7 ต่อดีกว่า

    ระหว่างทางเดิน...

    ระหว่างเดินไปชั้นที่ 7 เราเริ่มมองเห็นน้ำเป็นสีฟ้า ชัดกว่าทุกชั้นที่ผ่านมา

    บันไดยังไม่หมดจ้าาาาา บันไดตรงนี้ลื่นมากๆ ต้องจับราวบันไดไว้ให้ดี กว่าจะถึงชั้น 7 มีบันไดให้ขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 อัน ในที่สุด...เราก็สามารถลุยเดี่ยวพิชิตน้ำตกเอราวัณได้ครบทั้งหมด 7 ชั้น ^^

    น้ำตกชั้นที่ 7 'ภูผาเอราวัณ'

    น้ำตกใหญ่ล่ำ สมคำล่ำลือจริงๆ... ฟินไปเลย ^^

    น้ำเป็นสีฟ้าแบบนี้จริงๆ นะ เราไม่ได้แต่งรูป

    เราเริ่มเดิน 11.30 มาถึงชั้น 7 บ่ายโมงเกือบบ่ายสอง

    ขอพักดื่มน้ำและถ่ายรูปเซลฟี่กับน้ำตกก่อน จะเอาไปลง Facebook ให้เพื่อนๆ ได้รู้ว่าเราถึกแค่ไหน

    พอพับหน้าจอกล้องมาจะถ่ายเซลฟี่ เห้ย! มนุษย์ป้านี่ไหนเนี่ย? ๕๕๕๕

    สภาพไม่ไหวมากๆ จากที่จะเอาลง Facebook เลยขอเก็บไว้ดูคนเดียวดีกว่า

    เรามีเวลานั่งพักไม่นาน เพราะคิดว่าจะกลับให้ทันรถรอบบ่ายสามโมงเย็น

    เลยรีบเดินลง เดินขึ้นมาเหนื่อยยังไง เดินลงเหนื่อยแบบนั้นแหละ แถมอาการขาสั่นให้อีกด้วย

    พอถึงจุดตรวจ เราเอาขวดน้ำของเราที่จ่ายมัดจำไว้ไปรับค่ามัดจำคืน

    เราชอบวิธีนี้นะ ขยะข้างในน้อยมาก ทั้งๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยอะ

    ถ้าเดินเข้าไปแล้วเจอก็ช่วยๆ กันหยิบออกมาเน๊อะ

    คนทิ้งไม่มีจิตสำนึก แต่เรามี...ช่วยกันนะคะ

    มาถึงอีกปัญหา...เราจะกลับยังไง ชุดที่ใส่มาไม่สามารถใส่กลับได้จริงๆ ทั้งเปียก ทั้งเลอะ ทั้งเหม็น

    เราเลยไปซื้อสื้อยืดของอุทยานฯ กับกางเกงเจเจใส่กลับ

    ซื้อตรงร้านค้าสวัสดิการมีขาย เสื้อตัวละ 130 บาท กางเกงตัวละ 100 บาท

    กลับมันชุดนี้แหละ อ่อ ห้องน้ำ...ก็อยู่หลังร้านค้าสวัสดิการค่ะ เข้าฟรีไม่เสียเงิน

    เราเดินกลับไปถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ่ายสามโมงหน่อยๆ

    ถามคนที่อยู่แถวนั้น บอกว่ารถเพิ่งออกไปแป๊ปเดียวเอง TT

    ต้องรอรอบสุดท้ายอีกชั่วโมงครึ่ง (รอบสุดท้าย 16.30 น.)

    พอรถมาก็ซื้อตั๋วที่คนขับเลยค่ะ รถออกตรงเวลา ต่อให้เต็มก่อนเวลาเขาก็ไม่ออกนะคะ

    การเดินทางกลับ

    ตอนมาลองสอบถามข้อมูลจากคนขับ หรือนายท่าจุดที่เราขึ้นรถที่กรุงเทพมาก่อน ว่ามีเบอร์โทรติดต่อท่ารถที่กาญจนบุรีไหม เพราะเบอร์โทรศัพท์อาจมีการเปลี่ยนแปลง​ 

    จุดขึ้นรถกลับก็จะมีที่...

    1.บขส. กาญจนบุรี เป็นรถเข้ากรุงเทพ ก็นั่งรถเมล์จากน้ำตกไปลงสุดสายที่ บขส.กาญจนบุรีเลย รถตู้เข้ากรุงเทพฯ หมดประมาณ 1 ทุ่ม

    2.ลาดหญ้า จะมีรถเข้ากรุงเทพฯ เหมือนกัน ท่ารถชื่อ สว. 82

    3.สะพานลอยก่อนถึงลาดหญ้า จะมีรถตู้กลับรังสิต รถรอบสุดท้ายหมด 18.00 น. โทรถามได้ที่ 0871576336 ถ้านั่งรถเลยมา ลงที่ลาดหญ้าก็ได้นะคะ แล้วนัดให้เขามารับที่หน้าเซเว่นตรงลาดหญ้า ถ้าใครสะดวกขึ้นในเมือง จุดนัดพบคือหน้า ธ.คารกรุงศรี แต่ต้องโทรจองก่อนนะคะ

    เราถึงรังสิตก่อนสามทุ่ม...

    ทริปนี้เราจัดให้ตัวเองจริงๆ อยากคิดอะไรไปเรื่อย อยากเหม่อ อยากมีวันๆ หนึ่ง ที่เป็นตัวของตัวเอง มีความคิดที่เป็นของตัวเองจริงๆ

    ถ้าถามว่า...ทำไมต้องการเป็นตัวของตัวเองขนาดนั้น

    เราจะได้รู้ไง...ว่าสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราทำอยู่ มันใช่สิ่งที่เราอยากทำหรือเปล่า!

    เราทำเพื่อคนอื่น... แล้วก็ทำเพื่อตัวเองบ้าง ไม่เห็นแก่ตัวหรอกเพราะไม่ได้เดือดร้อนใคร

    เดินทางคนเดียวก็ได้อะไรหลายอย่างนะ...เรากล้ามากขึ้น เรายิ้มให้คนแปลกหน้าบ่อยขึ้น ได้มิตรภาพ ที่สุดคือได้ความทรงจำและประสบการณ์

    ขอบคุณที่ติดตามการเดินทางของเราค่ะ หวังว่ารีวิวนี้คงจะมีประโยชน์นะคะ ^^

    ค่าใช้จ่าย...

    ค่ารถเมล์ไปรังสิต 15 บาท

    ค่ารถตู้ไป บขส.กาญจนบุรี 130 บาท

    ค่าขนมรองท้อง 50 บาท

    ค่ารถหวานเย็นไปน้ำตกเอราวัณ 50 บาท

    ค่าเข้าอุทยาน 100 บาท

    ค่าน้ำ 45 บาท (เหนื่อยจนไม่อยากกินอะไรเลยนอกจากน้ำ)

    ค่าเสื้อกับกางเกง 220 บาท (พี่คนขายลดให้ 10 บาท)

    ค่ารถเมล์จากน้ำตกไปลาดหญ้า 50 บาท

    ค่ามาม่ากับโออิชิ 31 บาท (เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหิว)

    ค่ารถตู้กลับรังสิต 150 บาท

    ค่ารถตู้กลับบ้าน 20 บาท

    รวมทั้งสิ้น 861 บาท ถ้าเตรียมเสื้อผ้าไป ก็เหลือแค่ 641 บาท ^^

     

    สามารถติดตามการเดินทางของเราได้ที่ >>> https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/

    • อิสสรา  เก่งมากเลยนะคะ...แถมเล่าได้สนุกด้วย...ชื่นชมมากค่ะ....^___^ 04 เมษายน 2559 23:12:21
    • Nisaraphorn  ขอบคุณคะ 04 พฤศจิกายน 2558 22:36:14
    • แป้งเจอนี่เจอนั่น  ไปมาเมื่อวันที่ 23 ตุลาค่ะ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าปีนี้น้ำไม่ค่อยเยอะ แต่ก็อย่างที่เห็นตามรูปเลยค่ะ แทบไม่ได้แต่งเลย ถ้าไปแนะนำว่าให้ไปเช้าๆ นะคะ ^^ 29 ตุลาคม 2558 14:02:02
    • Nisaraphorn  อยากไปคนเดียวบ้างจัง...เก่งมากคะ
      ม่ทราบว่าไปมาช่วงไหนคะ
      29 ตุลาคม 2558 09:44:58
    • แป้งเจอนี่เจอนั่น  ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องราวการเดินทางนะคะ เลือกได้ก็ไม่อยากไปคนเดียวหรอกค่ะ แต่ถ้าเราจะไปแล้วต้องรอใครสักคน เมื่อไหร่จะได้ไป ว่างๆ ลองไปดูนะคะ เดนสนุกมากค่ะ ^^ 28 ตุลาคม 2558 22:58:50
    • CheChai  สุดยอดคับ นับถือ ผมชอบธรรมชาติ เหมือนกันแต่ผมไม่เคยเดินทางคนเดียวเรย คุณเก่งมากคับ 28 ตุลาคม 2558 20:45:11
    • โพสต์-2
    แป้งเจอนี่เจอนั่น •  ตุลาคม 25, 2558
    เส้นทางบางเส้นทางมันก็ต้องลองเดินคนเดียว...
    แป้งเจอนี่เจอนั่น