ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    Preeyamas •  ธันวาคม 13, 2559

    ป่าไม่มีเรา เขาอยู่ได้ เราไม่มีป่า เราอยู่ไม่ได้ 

    • โพสต์-2
    Preeyamas •  ธันวาคม 13 , 2559

    อ่างเก็บน้ำ บางคนอาจคิดว่าก็ที่เก็บน้ำธรรมดา แต่มันธรรมดาซะที่ไหนล่ะ!!!

    ครั้งนี้เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว กระบะ D-Max บรรทุกจักรยานเสือภูเขาไปอีก 2 คน เริ่มต้นเดินทางจากจังหวัดกำแพงเพชร มุ่งสู่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยตาม GPS วัดพุน้ำร้อน พอไปถึงก็เกือบจะ 17.00 น.แล้ว ก่อนทางเข้าอ่างเก็บน้ำ จะมีจุดรับบัตรผ่านเข้า-ออก อ่างเก็บน้ำ รถยนต์คันละ 20 บาท ลุงคนที่เก็บบัตรเข้า-ออกบอกว่า ขับไปตามป้ายเล้ยยย ทางลูกรัง 9 กม.นะ ไม่หลงแน่นอน สภาพข้างทางเป็นป่าอ้อย สลับกับข้าวโพดบ้าง ทางเข้าไปทางลูกรังแคบๆ มีทั้งหลุมและบ่อ แต่รถเก๋งก็สามารถขับเข้าไปได้ สิ้นสุดการเดินทางผ่านทางลูกรัง 9 กม. ถึงกับร้องว้าวววว... ถึงแล้ว "อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง"

    • โพสต์-3
    Preeyamas •  ธันวาคม 13 , 2559

    ถึงแล้ว มา Check in กันเลย !!

    ระบบเชคอินที่นี่ไม่มีคอมพิวเตอร์หรือคีย์การ์ดอะไรนะ มีแต่คุณป้าที่ละมือจากการจัดเตรียมอาหารให้ลูกค้า แล้วหยิบปากกามาจดลงในสมุดบันทึกสีน้ำเงิน ว่าวันนี้มีใครเข้าพักบ้าง สำหรับที่อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง มีทั้งแบบให้เช่าเต็นท์หรือจะเอาเต็นท์มากางเองก็ได้นะ ส่วนตัวเราเลือกแบบนอนแพละกัน แพที่พักมีอยู่ประมาณ 8-10 หลัง อยู่ริมน้ำ มีเสื่อ หมอน ผ้าห่ม มุ้ง ไว้ให้ จะบอกก่อนนะว่า มาที่นี้ ไฟฟ้าไม่มี สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่่มี ถ้ามีก็มีบางจุดแต่อ่อนมากกกกจริงๆ คือคุณได้อยู่กับธรรมชาติและอยู่กับตัวเองในค่ำคืนนี้แน่ๆ 

    • โพสต์-4
    Preeyamas •  ธันวาคม 13 , 2559

    ถึงกับร้องว้าววว!! ทำไมมันสดชื่นแบบนี้เนี้ยยยยยยยย

    บรรยากาศรอบๆอ่างเก็บน้ำยามเย็น ลุงๆป้าๆ เขามีบริการให้พายเรือแคนนู และเรือถีบด้วยนะ ชั่วโมงละ  50 บาท (อย่าลืมสวมชูชีพล่ะ) ลุงเขาบอกว่าน้ำลึกพอสมควร คืนนี้ีมีคนเข้ามาพักเกือบเต็มทุกแพ บางกลุ่มก็เข้ามากางเต็นท์และทำอาหาร ร้องเพลง ดีดกีต้าร์ แต่ที่นี่เขามีกฏว่าห้ามส่งเสียงดังหลังเวลา 21.00 น. นะ เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนผู้อื่น 

    • โพสต์-5
    Preeyamas •  ธันวาคม 13 , 2559

    คืนนี้นอนแพ ..

    ใช่แล้ว ...เราเลือกนอนบนแพ นี่ถ้ามองจากแพจากเรา โอ๊ยยยย...มันฟินมาก แพหลังเล็กจะราคาอยู่ที่ 400 บาท แพใหญ่หลังละ 700 บาท ค่าเช่าเต็นท์หลังละ 150 บาท (มั้งนะไม่แน่ใจ)ตอนหัวค่ำคุณลุงก็จุดตะเกียงมาให้ทุกแพ เพื่อใช้เป็นแสงสว่าง ยิ่งดึกยิ่งหนาว ยิ่งเห็นดาว มีความสุขสุดๆไปเล้ยยยยย นี่มองจากแพของเรา แอบเอาเบ็ดมาตกปลา (ไม่ได้ซักตัว)
    • โพสต์-6
    Preeyamas •  ธันวาคม 13 , 2559

    ขันโตกมื้อเย็น

    อาหารเย็นสำหรับที่นี่มีทั้งอาหารจานเดียว ราคาเบาๆ 30-35 บาท เป็นพวกกระเพราไข่ดาว ไข่เจียว แบบนี้ แต่เราเลือกอาหารชุดขันโตก ในราคา 300 บาท มันเยอะมาก อร่อยมากกกก และอิ่มมากกกกก อาหารแบบบ้านๆ ผักจิ้มน้ำพริก น้ำพริกตาแดงอร่อยมากขอบอก ต้มยำไก่บ้าน ปลาเผาเกลือ ฟินสุดๆ เรายกมากินที่แพ มันได้บรรยากาศจริงๆ หรือถ้าใครไม่อยากยกมากินที่แพ ก็นั่งกินที่ร้านค้าสหกรณ์ชุมชนของอ่างเก็บน้ำก็ได้นะ (ที่เดียวกับที่เราเชคอินนั่นล่ะ) 

    • โพสต์-7
    Preeyamas •  ธันวาคม 13 , 2559

    แดดอ่อนๆยามเช้า

    เราตื่นแต่เช้า ตี5 ล้างหน้าแปรงฟัน ห้องน้ำมีอยู่ประมาณ 8 หลัง คว้าจักรยานออกไปปั่นรอบๆอ่างเก็บน้ำ สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมมาเลยคือไฟฉาย แบตสำรอง และยากันยุง แต่ยิ่งดึกไม่มียุงแฮะ หรือเพราะหนาวกันแน่ อาหารเช้าสำหรับที่นี่ ลุงๆป้าๆเขาก็มีอาหารง่ายๆนะ ข้าวต้ม ข้าวไข่เจียว กระเพราแบบนี้ จะไปหาพิซซ่า สเต็กมาจากไหนล่ะ ปัดโถ่!! ในป่าแบบนี้ แต่อาหารบ้านๆแบบนี้นี่ละ คืออาหารชั้นดีที่ได้กินแล้วจะติดใจ สำหรับอาหารเช้า เราเลือกทานข้าวต้มหมูกับข้าวผัดกะเพราไข่ดาว มีส้มตำอีกจานนึง กินเสร็จเราก็กลับไปแพ ดริปกาแฟกินบนแพอีก เพราะอุตส่าห์หอบหิ้วมา ^^ ขาดไม่ได้แก้วกาแฟที่ทำมาจากกระบอกไม้ไผ่ ที่เราไปซื้อมาในราคา 15 บาท เพิ่มความเก๋ในการดื่มกาแฟที่เราทำเอง ฟินนนน2 วัน 1 คืนสำหรับทริปนี้ หลังจากดริปกาแฟกินกันเสร็จ ก็นั่งมองภูเขา มองน้ำ ชมวิวไปเรื่อยเปื่อย มันสดชื่นจริงๆแบบบอกไม่ถูก ธรรมชาติจะสวยไม่สวยบางทีขึ้นอยู่กับจังหวะนะ เช่น เวลาพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกแบบนี้ ยังไงมันก็สวย จะมาคิดว่าถ้าไปถึงแล้วต้องสวยแบบที่คิดไว้ มันคงไม่ใช่หรอก เพราะธรรมชาติก็คือธรรมชาติ มันมีจังหวะเวลาสวยไม่เหมือนกัน 

    • โพสต์-8
    Preeyamas •  ธันวาคม 13, 2559