เผลอใจไปเกาะล้าน

ทริปนี้เกิดจาก ความอยากเปลี่ยนบรรยากาศสังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง โจทย์คือใกล้กรุงเทพ ฯ มีทะเล ราคาต้องไม่แพงมาก

ก็เลยตกลงปลงใจกันที่พัทยา - เกาะล้าน  ด้วยความตื่นเต้นของเรา ไปสแตนบายรอเพื่อนๆที่พัทยาตั้งเเต่เย็นวันศุกร์เลย จุดหมายของคืนวันศุกร์หรรษานี้เราแวะกันที่ถนนคนเดินบางแสน พิกัดอยู่บริเวณแหลมแท่น ที่นี่ตลาดจะวายประมาณ 5 ทุ่ม ขับรถชิวๆจากกรุงเทพไงก็มาเดินทันค่ะ

ปกติตลาดนี้จะมีน้องๆมานั่งขายของ handmade เยอะพอสมควร  แต่ช่วงที่เราไปน่าจะเป็นช่วงปิดเทอมเลยไม่ค่อยมีร้านของน้องๆเยอะซักเท่าไหร่


หรือใครไม่อยากเดินช๊อปปิ้ง ก็มานั่งดูน้องๆเล่นดนตรีได้

ตลาดกว้างพอควร เดินกันจนตลาดวายเราก็มุ่งหน้าไปพัทยาเพื่อไปหาที่พักสำหรับค่ำคืนนี้กันค่ะ ความต้องการของเราคืออยากหาห้องพักที่ราคาไม่แพงมาก แต่ก็ไม่ได้ถูกจนไม่น่านอน เพราะนอนแป๊ปเดียว เช้าก็ต้องไปเกาะล้านกันแล้ว วนหากันซักพักใหญ่ ก็มาเจอห้องพักรายวันชื่อ “ สุขสันต์รีสอร์ท “ พิกัดอยู่ที่ เส้นพัทยาใต้ที่จะออกมาสุขุมวิทค่ะ ที่พักประทับใจมากค่ะ มีระบบคีการ์ด มีที่พอจอดรถได้ ห้องพักสะอาด แอร์เย็นๆเตียงนุ่มพอใช้ได้ และมี wifi ฟรีในห้องด้วยนะ ราคาอยู่ที่คืนละ 600 บาท

เวลาล่วงเลยมาจะตี 1 แล้ว ท้องร้องโหยหาอาหาร ขัดใจความอยากของร่างกายไม่ได้ ต้องมาสนองร่างกายให้ที่ “ร้านข้าวต้มประจัญบาน” ร้านนี้มาพัทยาในตอนดึกๆทีไรต้องมาทุกครั้งเลยค่ะ ที่ชอบมาเพราะอาหารถูกปาก ราคาถูกใจ  รู้จักร้านนี้จากคำแนะนำของคนพื้นที่พัทยานี่แหละ ร้านนี้เปิดถึงเช้า เรียกว่ากินกันยันหว่างไปเลย

เมนูเด็ดที่มาแล้วเราต้องสั่งคือ หมึกผัดไข่เค็ม กับ ทอดมันกุ้ง  แต่ที่ร้านก็มีเมนูอีกมากมายหลากหลาย

ค่าอาหารมื้อนี้ 595 บาท ทานกัน 4 คน อิ่มเลยนะจะบอกให้

เช้าวันเสาร์  พร้อมออกเดินทางไปเกาะล้านกันแล้ว  ถ้าใครขับรถมา มีบริการจอดรถบนตึก (ตอนไปปิดปรับปรุง) แต่ก็ยังมีลานจอดรถให้จอด
ค่าบริการ 200 บาท ต่อคืน แนะนำให้เอาของและคนมาลงที่ท่าเรือก่อนนะคะ จากนั้นจะมีพี่วินนำเราไปลานจอดรถ
และพาเรากลับมาที่ท่าเรือ ในราคาค่าบริการ 50บาท
แพลนของเราระหว่างอยู่ที่เกาะล้านคือ
9 โมงเช้า พร้อมกันที่ท่าเรือ > เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในที่พัก > ขับรถไปเที่ยวหาดต่างๆ + หาข้าวกิน > ถ่ายรูปๆๆๆ > กลับมาเปลี่ยนชุดไปเล่นน้ำที่หาดตาแหวน > ซื้ออาหารทะเล >  ล้อมวงกินเหล้า เอ้ยย กินข้าว แบบยาวๆๆๆ

นัดกันที่ท่าเรือ 9 โมง แต่ด้วยความเป็น Professional ของพวกเรา นัด 9 โมง แต่เอาเข้าจริง 10 โมง เพิ่งจะรวมตัวกันได้ เยี่ยมไปเลย !!!  แต่ไม่เป็นไร เพราะเรือมาแบบลำต่อลำ ของเรานั่งไปลงที่ ท่าหน้าบ้าน (ถ้าใครจะไปหาดตาแหวน เค้าบอกว่าเรือจะมีตอนหลัง 10 โมงเช้านะคะ )   ค่าเรือคนละ 30 บาท

หลังจากนั่งเรือกันประมาณ 45 นาที ก็มาถึงจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อย สามารถโทรเรียกรถของทางรีสอร์ทให้มารับไปที่พักได้เลย  ที่พักของเราคืนนี้ชื่อ ราชาวดีมูลไลท์ รีสอร์ท

ตัวรีสอร์ทน่ารัก สีสันสดใส อยู่ติดทะเลพอดี บรรยากาศดูสบายๆ  First Impression .เอาไปเลย 5 ดาว แต่แล้วเรื่องก็บังเกิด เมื่อทางรีสอร์ทบอกว่า ไม่มีbookingของพวกเรา ตึง!!! สะตั๊นไป 10 วิ เราจองไปทั้งหมด 5 ห้อง คนดูแลมาบอกว่าเค้าดึงกลับมาให้ได้ 4 ห้อง
ซึ่งเป็น standard 3 นอนได้ 2 คน , Deluxe 1 ห้อง นอนได้ 3 คน สรุปแล้วคือนอนได้เต็มที่ทั้งหมด 9 คน แต่เราไปกัน 12 คน  ทางที่พักบอกว่ามันเป็นกฎห้อง standard ไม่สามารถนอนมากว่า2 และ deluxe ไม่สามารถนอนมากกว่า 3 ได้ เค้าเสนอว่าคนที่เกินให้ไปนอนอีกที่หนึ่ง ซึ่งไกลจากที่นี่มาก แล้วก็ไม่ได้ติดทะเลเลย ใครจะยอมไปล่ะจริงไหม มาด้วยกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ ต่อรองกันอยู่นานมาก สุดท้ายเค้าก็ยอมเสริมเตียงให้ แต่ปัญหายังไม่จบ ทางที่พักคิดราคาเต็ม โอ้วแม่เจ้า จอง 5 ได้ 4 นอนเบียดกัน ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดพวกเรา การเจรจาเกิดขึ้นอีกครั้ง สุดท้ายทางที่พักลดให้ 1000  บาท ตามความเป็นจริงเราควรจะได้คืนเงิน 1 ห้องเต็มๆ แต่ไม่ไหวแล้วค่ะ คุยกันประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่ได้ไปไหนสักที จบปัญหาด้วยการ ช่างมัน  เสียอารมณ์ในการมาเที่ยว แต่คงไม่มาพักที่นี่อีกแล้ว คิดซะว่า สปิริตในการแก้ปัญหาเค้าคงได้เท่านี้จริงๆ  ครั้งเดียวพอค่ะกับทีนี่ แอบไปเซอเวย์ที่อื่นมาเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องของความสะอาดและบรรยากาศ และบริการของพนักงานก็ยังให้ 5 ดาวอยู่นะคะ
ภายในห้องแบบนอน 2 คน  ทุกห้องจะมีระเบียงนั่งด้านนอก และชั้นดาดฟ้า ขึ้นไปนั่งชิวนอนดูดาว รับลมทะเลได้เลย




บริเวณรอบๆรีสอร์ท



มีตาข่ายให้เราถ่ายรูปเก๋ๆด้วยนะ เพื่อนอีกคนเรียกตะแกรง ฮือออออ เค้าไม่ใช่หมูนะที่ลงไปปิ้งย่าง

จบเรื่องที่พักไปหาข้าวกินกันดีกว่า จากที่พัก เดินออกมาหน้าซอยไปด้านขวา จะมีร้านอาหารค่อนข้างเยอะอยู่ มื้อนี้ขอฝากท้องที่อาหารตามสั่งล่ะกันเนอะ อารมณ์ตอนนั้นแบบหิวมาก อะไรก็กินได้หมดรสชาติโอเค แต่ราคาเมื่อเทียบกับปริมาณเราคิดว่าราคาสูงไปหน่อย สั่งอาหารตามสั่ง 13 จาน กับยำทะเล 1 จาน  ราคามื้อนี้อยู่ที่ 1030 บาท

 

ได้เวลาไปแว๊นซ์มอ’ไซต์ กันแล้ว ค่าเช่าเหมาทั้งวัน 400 บาท  เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ แต่เราสามารถติดต่อกับทางรีสอร์ทได้ค่ะ เค้าหามาให้ได้ในราคา 300 บาท  สรุปได้จากทางรีสอร์ทมา 3 คัน และไปเช่าเอง 3 คัน หาดแรกที่เราจะไปกันคือหาดนวล


ออกมาจากที่พักให้เลี้ยวซ้าย และขี่มาตามทางเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทาง ไม่ต้องกลัวหลงนะ
บรรยากาศแตกต่างจากแถวที่พักมาก ได้สัมผัสธรรมชาติ หาดนี้น้ำค่อนข้างนิ่ง มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ



งานนี้ต้องมี theme มาเที่ยวทะเลก็ไม่พ้นสีคราม indigo


ถ่ายรูปหนำใจล่ะ พร้อมสำหรับหาดถัดไป ชื่อ หาดแสม  ไม่ไกลจากหาดเทียนมากเท่าไหร่ค่ะ แต่ทางอาจจะมีชันบ้างโค้งบาง
ต้องขี่แบบระมัดระวังนิดหนึ่ง
หาดนี้น้ำใสมากกกกกกก ทรายก็ละเอียด อยากจะเล่นน้ำเดี๋ยวนี้เลย



 

ถ่ายรูปเล่นกันสักพัก ก็พร้อมที่จะไปเล่นน้ำที่หาดตาแหวน  แต่ด้วยความที่พวกเรามีความเยอะ เลยต้องกลับไปที่พักเพื่อแต่งตัวใหม่ ใส่ชุดว่ายน้ำ
และอีกเยอะแยะมากมาย ทั้งหมดนี่ก็เพื่ออยากจะได้ถ่ายรูปสวยๆ พอไปถึงที่หาด โอ้โห้ คนเยอะมากกกแบบเยอะสุดๆ แม่ค้าแถวนั้นบอกว่านี่ยังเรียกว่าไม่เยอะนะ ถ้าเป็นเทศกาลคนเยอะกว่านี้หลายเท่าไม่อยากจะคิดสภาพ

วิวระหว่างทางไปหาดตาแหวน

มาถึงที่นี่สิ่งต้องทำคือเล่น บานาน่าโบ๊ท    ราคาคนล่ะ 100  เล่นได้ 1 รอบ  จะล้มกี่ครั้งก็แล้วแต่เราเลย
แถมได้นั่งเก้าอี้ตรงชายหาดฟรีด้วยนะ คุ้มไหมแบบนี้ 555


เล่นไปเล่นมาชักหิวข้าว ได้เวลากลับไปกินข้าวกันแล้วสินะ ทางกลับที่พักจะมีตลาดนัดตอนเย็นอยู่ มีของขายค่อนข้างเยอะพอควร
ทั้งกับข้าว อาหารทะเล แต่มาถึงทะเลทั้งที่ จะกินไก่ทอดก็ไม่ใช่ถูกไหม มุ่งตรงไปหาของทะเลกินกันดีกว่าค่ะ

มีร้านขายอาหารทะเลเยอะอยู่ประมาณ 3-4 ร้าน  ซึ่งขายของเหมือนๆกัน  แต่จะเลือกร้านไหนดีต้องมาดูที่ของค่ะว่าสดไหม

วิธีดูดังนี้เลย
-ปลาหมึก หนังปลาหมึกต้องขาวๆใสๆ  ถ้ามันแดงๆแสดงว่ามันจะเน่าแล้ว ซึ่งเราแอบเห็นร้านหนึ่ง แดงทั้งแผงเลยคร่า น่ากลัวมาก
-ปลา  ให้ดูที่ตาและเหงือกค่ะ ตาต้องใส เหงือกต้องแดง  แสดงว่าปลาสด แต่ถ้าตาแดงเหงือกคล้ำแสดงว่าไม่สด ผ่านมาการตายมานานมากแล้วจริงๆ
-กุ้ง (ในรูปนี่คือกุ้งแม่น้ำ) ดูตัวที่หัวมันไม่หลุด หรือเวลายกแล้วหัวขาดง่าย นั่นแสดงว่ามันไม่สดแล้วค่ะ
-ปู ต้องจับตัวที่มันแน่นๆ ถ้าบีบแล้วมันจะแน่นๆ หยิบใส่ตะกร้าโลด
-หอย อันนี้ต้องพิสูจน์โดยการดมค่ะ ดมมันไปค่ะ ตัวไหนไม่มีกลิ่นคือใช้ได้ แต่อันนี้เข้าใจว่ามานั่งดมทีละตัวคงไม่ไหว ก็ปนๆกันไปเนอะ
มื้อนี้ค่าเสียหาย 1300 บาท ได้กุ้งแม่น้ำมา 2 โล ปลาหมึก 1 โล หอยแมลงภู่  1 โล นิดๆ หอยหวาน อีก 1 โล
ราคาถือว่าไม่ถูกไม่แพง  บริการปิ้งย่างให้อีกด้วย

ระหว่างนั่งรออาหารก็มานั่งชมวิว ริมทะเล อากาศเย็นสบาย

และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง กินค่ะ

อ่อลืมบอกที่พักอยู่ใกล้กับ ร้านมาหารัก เลยได้นั่งฟังดนตรีจากร้านเค้าฟรีๆ

เช้าวันอาทิตย์กับบรรยากาศตอนเช้าที่ท้องฟ้าสีชมพู ควงมือคนข้างๆไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ประทับใจสุดๆ รูปนี้เวลาประมาณ ตี5 ครึ่ง
แต่อารมณ์เหมือน 6 โมงเย็นมากกว่า (ขอย้ำว่ารูปนี้เป็นรูปออริจินัลจากกล้อง Fujixm1 ไม่ได้แต่งอะไรเลย )

ได้เวลาทานอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่จะมาเป็นเซตแบบนี้เลยค่ะ ค่อนข้างธรรมดา
เดินไปสั่งที่พนังงานได้เลย แต่ขนมปังและแยมให้แบบไม่อั้นมีน้ำส้มเสริ์ฟพร้อมกับอาหารเช้าด้วย

ที่นั่งทานอาหาร

 

ก่อนจะกลับจากที่นี่ก็ขอไปแวะร้านกาแฟ สักหน่อย อยู่ไม่ไกลจากที่พักเลยค่ะ ออกหน้าที่พักแล้วขับไปทางซ้าย ชื่อร้าน  Sea Space
ร้านนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน บรรยากาศเริ่ดอยู่นะเนี่ย คิดว่าถ้าเป็นตอนกลางคืนคงโรแมนติกไม่เบา


 

เมนูของที่ร้านก็มีประมาณนี้เลยค่ะ

 

มาดูเมนูที่เราสั่งกันดีกว่า
รสชาติขนมยังไม่โดนเท่าไหร่ แต่น้ำโอเคเลย

 

หลังจากรองท้องกันเสร็จ ก็ได้โบกมือลาเกาะล้านกันแล้ว เดี๋ยวเราจะไปกินข้าวเที่ยงแบบจริงจังกันที่พัทยากันค่ะ
ร้านนี้เรียกได้ว่าเป็นร้านดังร้านหนึ่งในพัทยาเลย หาได้ไม่ยากค่ะ อยู่ในซอยมารีวิทย์ ชื่อร้านป้าณี เข้าซอยไปนิดเดียวร้านอยู่ซ้ายมือ
ถ้าใครมาไม่ถูกเปิด Google Map รับรองไม่หลงค่ะ  ร้านหยุดทุกวันจันทร์นะคะ เปิดตั้งแต่เวลา 9.00 -16.00 น.
เมนูของทางร้านตามนี้เลย ราคาไม่แพงเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับอยู่ในเมืองท่องเที่ยว

จานแรกตำมะม่วงปลาร้ากุ้งสด เมนูเด็ดที่เด็ดแซบทรวง สั่งจานแรกต้องขอเบิ้ลอีกจาน อร่อยจนหยุดไม่อยู่ขนาดนี้
ขอยกให้เป็นเมนู Recommend เลย

 

Recommend จานที่ 2 เมนูตำมะระปูม้า แทบจะไม่มีความขมของมะระเลย มะระกรอบทานคู่กับปูม้าสดๆ

 

Recommend จานที่3 ไก่ทอดที่ทอดร้อนๆ ทานคู่กับข้าวเหนียว เป็นเมนูที่ทานรออาหารอื่นได้ดีทีเดียว เพราะสั่งปุ๊ปเสริ์ฟปั๊ป

 

นอกจากเมนู recommend แล้ว ส้มตำของทางร้านก็อร่อยทุกเมนูเลยนะ ส้มตำปูที่นี่ใส่แต่ปูม้า ไม่มีพวกปูนา ปูดองอย่างที่เราเคยทานที่ร้านอื่นๆ

 

ทางร้านไม่ได้มีแต่ส้มตำนะ ปลาดุกย่าง ยำต่างๆ หน้าตาของอาหารดูไม่จัดจ้าน แต่รสชาติกลมกล่อมสุดๆเลยแหละ

มื้อนี้อิ่มอร่อยมาก ค่าเสียหายอยู่ที่ 1,640 บาท  ราคาดีงามสุดๆ  เพราะไก่ทอด ยำ และส้มตำ สั่งเบิ้ลไปตั้งหลายรอบ
แถมที่นี่บริการดีไม่เหวี่ยง เริ่ดเลอมาก

เมื่อท้องอิ่มก็พร้อมเดินทางต่อ ยังไม่ยอมกลับ กทม. กันง่ายๆ ฮ่าๆ  สถานีที่จะไปต่อคือ "เหมืองหินคีรีนคร หรือ แกรนแคนยอนชลบุรี"
วิธีเดินทางของเราคือเปิด google map ไปที่ซอยคีรี 8 จากนั้นวิ่งตรงไปเรื่อยๆ จะเจอทางรถไฟ ให้เลี้ยวขวาเลียบทางรถไฟ ก็จะเจอลานจอดรถ เป็นบ้านคนค่ะ ค่าจอด 20 บาท  และเดินเท้าไปอีกนิดหนึ่งก็จะพบกับวิวแบบนี้

สถานที่นี้มาเพื่อถ่ายรูปกันอย่างเดียวเลยค่ะ

 

อีกด้านเป็นทางรถไฟที่ใช้งานตามปกตินะ โปรดระวังเป็นพิเศษ อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลินนะคะ

ใช้เวลาถ่ายรูปที่นี่ ชั่วโมงกว่าๆได้ ก็เวลากลับพระนครกันแล้ว  พัทยา-เกาะล้าน ถือเป็นอีกหนึ่งทริปที่สนุกเเละอิ่มมาก
และยังทำให้เราได้เก็บความทรงจำดีดีต่างๆมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันอีกด้วย แล้วเจอกันทริปหน้านะคะ ^^

Facebook : https://www.facebook.com/getalongwell.net/

IG : getalongwell