ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    อุ้ม •  ตุลาคม 22 , 2558

    เกาะหลีเป๊ะ Low season ไม่น่าเที่ยว? จริงเร๊อะ?

    เกาะหลีเป๊ะอยู่ในเขตจังหวัดสตูล ห่างจากแผ่นดินจังหวัดสตูลประมาณ 62 กิโลเมตร (ข้อมูลจากวิกิพิเดีย) เป็นเกาะเล็กๆ  รูปร่างคล้ายๆบูมเมอแรง ถ้าขยันเดินหน่อยก็สามารถเดินเล่นได้ทั่วเกาะเลยค่ะ ไปช่วงโลวซีซั่นผู้คนเลยไม่เยอะมากทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัว ถ้าคุณคิดว่าจะมาพักผ่อนหรือคลายเครียด คุณมาถูกที่แล้ว ^^

    วิธีการเดินทาง

    เริ่มต้นจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สามารถขึ้นรถตู้สาย "หาดใหญ่-ปากบารา" ที่ตลาดเกษตร (บขส.2) โดยจะเดินทางไปยังท่าเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล (บอกคุณพี่คนขับด้วยว่าลงท่าเรือ) ราคา 110 บาท ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เมื่อถึงท่าเรือปากบารา รถตู้จะจอดให้ลงบริษัทที่ขายตั๋วเรือเพื่อไปยังเกาะหลีเป๊ะ มีทั้งสปีทโบ๊ทและเฟอร์รีขึ้นอยู่กับว่าไปทันรอบไหน เราได้สปีดโบ๊ทขาไป และได้เฟอร์รีขากลับ ในราคา 1,200 บาท(ไป-กลับ) ที่ทางเข้าท่าเรือต้องเสียค่าธรรมเนียม 20 บาท จากนั้นเดินเข้าไปรอเรียกขึ้นเรือตามหมายเลขที่ได้ ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือปากบาราถึงเกาะหลีเป๊ะประมาณ 2-2:30 ชั่วโมง สปีดโบ๊ทจะเร็วกว่าเฟอร์รีนะคะ ถ้าขาไปนั่งสปีดโบ๊ท เรือจะพาแวะเกาะไข่ค่ะ ลงไปถ่ายรูปเล่นประมาณ 5-10 นาที จากนั้นอีกแป๊ปเดียวก็ถึงเกาะหลีเป๊ะ

    สปีทโบ๊ทจะจอดเทียบที่โป๊ะ เราต้องซื้อตั๋วนั่งเรือหางยาวไปขึ้นฝั่งอีกที ค่าเรือหางยาวคนละ 50 บาท และค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะหลีเป๊ะ 20 บาท (เก็บตั๋วไว้ให้ดี จะมีเจ้าหน้าที่มาขอเก็บเวลาออกไปดำน้ำค่ะ บางคนได้ควักตังค์จ่ายสดทั้งๆที่จ่ายแล้วแต่ไม่ได้พกตั๋วไป) ก่อนถึงฝั่งควรโทรบอกที่พักที่จองไว้ว่าเรากำลังจะถึง ทางที่พักจะส่งคนมารับ(บางโรงแรมดีหน่อย มีคนมารับที่โป๊ะเรือ) ถ้าที่พักไม่สามารถหารถมารับได้ เค้าก็จะบอกให้เรานั่ง taxi ไปที่พักได้เลย ส่วนค่า taxi เค้าจะจ่ายให้ (ใจดีเนอะ^^) เมื่อถึงฝั่งจะเป็นหาดชาวเลค่ะ ตรงด้านหน้าจะเป็นโรงเรียน taxi จะอยู่ด้านซ้ายมือ ข้างๆโรงเรียน พี่ๆtaxiน่ารัก ใจดีและฮาค่ะ(คิดภาพตามนะ ชาวเล หน้าโหดๆ ผิวคล้ำๆ แต่ใจดีมากกก หลังรักเลยเนี่ย) 

    ขากลับ ไปรอขึ้นเรือหางยาวที่เดิมค่ะ ถ้าได้เรือเฟอร์รี มีโป๊ะสำหรับเฟอร์รีอีกที่นึง ไม่ต้องไปเบียดเสียดผู้คนที่จะขึ้นสปิดโบ๊ท ดี๊ดี :)

    สถานที่ต่างๆบนเกาะ

    เกาะหลีเป๊ะ จะมี 3 ฝั่งหลักๆ คือ 1. หาดพัทยา(บันดาหยา)เป็นหาดที่มีรีสอร์ทและร้านอาหารเยอะ คึกคักดีค่ะ  

    2. หาดซันไรส์ เป็นฝั่งที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น สงบดี และ 3. หาดซันเซ็ท คือหาดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม

     

    นอกจากนี้บนเกาะยังมีถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านนม+โรตี ร้านนั่งดื่ม บาร์ ร้านขายของที่ละลึก ร้านนวด ร้านขายแพคเกจทัวร์เกาะต่างๆ และมีเซเว่น 1 แห่ง แต่ขอบอกก่อนว่าของบางอย่าง ราคาสูงกว่าบนฝั่ง 2 เท่า แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดจนเกินไป ส่วนร้านอาหารก็เลือกร้านดีๆนะคะ บางร้านก็แอบแพง ผัดคะน้าน้ำมันหอยจานละ 150 มีแต่ผัก แต่ก็ไม่ว่ากันเพราะเราเลือกเอง 55555

    ที่ต้องลองคือน้ำมะพร้าว(มาเป็นลูกเลย)กับโรตี คืนสุดท้ายที่อยู่บนเกาะไปลองกินร้าน bungroon(บังรุณ)  อาหารอร่อยสมราคา ดนตรีสดก็ฟังเพลินเคล้ากับเสียงคลื่น คนในร้านก็อัธยาศัยดี กินไปเยอะลุงเลยแถมน้ำแข็งให้ฟรี ใจดีจรุง :) กลางคืนก็จะมีคุณตำรวจมาเดินตรวจความเรียบร้อยตตามหาด บรรยากาศแบบนี้นี่มันสุดยอดเลยล่ะ

    ดำน้ำเกาะต่างๆ

    สามารถไปซื้อทัวร์ดำน้ำตามร้านต่างๆในถนนคนเดินได้ค่ะ บางรีสอร์ทก็จะมีทัวร์ขายเช่นเดียวกัน แต่เราเลือกซื้อทัวร์ในถนนคนเดิน มีหลายร้านให้เลือก และมีให้เลือกหลายแพคเกจ ดำแบบสน็อคเคิล หรือสคูบา ดำน้ำเกาะรอบนอก กับโซนใน ราคาก็จะแตกต่างกันไป เราเลือกโซนในค่ะ ได้แก่ เกาะหินงาม เกาะราวี เกาะยางและเกาะอาดัง ในราคา 550 บาท พร้อมอาหารกลางวัน+น้ำ 1 ขวด(แนะนำให้เอาน้ำไปด้วยก็ดีค่ะ เพราะดำน้ำเสร็จจะคอแห้ง) ดำน้ำกันให้หนำใจ จนเหนื่อย และจนกว่าจะพอใจ กัปตันเรือค่อยพาไปดำเกาะอื่นต่อ  ถ้าไปกันหลายคนสามารถเหมาได้สบายๆเลย 

    แต่ละเกาะก็มีจุดเด่นและความสวยงามแตกต่างกันไปค่ะ ไม่ขอสปอยล์จนเกินไปก็แล้วกันเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น เอาเป็นว่าปะการังที่นี่สวย สมบูรณ์และเยอะมากก ก.ไก่ล้านตัว ปลาก็เยอะมากเช่นเดียวกัน หอยมือสือก็มีหลายสีหลายขนาด ปลานกแก้วที่เคยเห็นแต่ในตู้ในพิพิธภัณฑ์อยู่นี่พี่แกว่ายมาทักทายกันเลยทีเดียว บางชนิดก็มากันเป็นฝูงลอยลอดใต้ท้องเราไป แอบกลัวว่าจะมาตอดพุง(คิดในใจว่านี่เราพะยูนไงจำไม่ได้หรอ 555)แต่ต้องระวังหอยแม่นหน่อยนะคะ อย่าไปยุ่งกับกับพี่แก ปูเสฉวนเดินเล่นเกลื่อนหาดเลย ส่วนเกาะหินงามก็ควรใส่รองเท้าด้วยค่ะเพราะหินร้อน และมีซากปะการังรึฟองน้ำหินที่คมๆมันจะบาดเท้าเป็นแผล เดี๋ยวหมดสนุก อย่างที่บอกไปว่าเราไปช่วงโลวซีซั่น ข้อดีอย่างแรกคือ คนไม่เยอะมาก เงียบดี เหมาะแก่การพักผ่อน แต่สิ่งที่ฟินมากอีกอย่างหนึ่งคือ เกาะอาดังเพิ่งเปิด 2 วันก่อนเราไป ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปดำน้ำหลังจากที่ปิดพักฟื้นฟูมาหลายเดือน ปะการัง ดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ นี่ยังสดใหม่ เป็นภาพที่อยากให้ทุกคนได้เห็นจริงๆ น้ำก็ใส ทรายก็สวย ใต้น้ำยิ่งสวยไปใหญ่ ปรบมือให้รัวๆเลย 

    สิ่งที่ควรเตรียมใจเผื่อไว้นิดนึง

    1. สภาพอากาศ : ทุกเช้าตอนที่เราไปจะมีฝนตกปรอยๆค่ะ จนคิดว่าคงไม่ได้ไปดำน้ำแล้วมั้ง ปรากฏว่าสายๆนี่แดดเปรี้ยงมาก ถามลุงกัปตันเรือที่พาไปดำน้ำ แกบอกว่าเมื่อเช้ามีพายุ คลื่นแรง วันที่เรากลับ ฝนก็ตกค่ะ ท่าทางจะตกนานด้วย เพราะฉะนั้นควรเผื่อวันสำหรับฝนฟ้าด้วย
    2. เศษกิ่งไม้+ขยะ : เจอตอนนั่งเรือออกไปดำน้ำค่ะ (แอบตกใจ มันเยอะนิดนึง) แต่เป็นผลมาจากพายุค่ะ ตามชายฝั่งก็มีเยอะตอนเช้าๆ แต่จะมีคนมาเก็บตลอด เช่น นักท่องเที่ยวเองนี่แหละเก็บ รึว่าคนของรีสอร์ท ก็จะช่วยๆกันเก็บใส่ถุงดำ แล้วจะมีรถอุทธยานมาเก็บอีกที 
    3. ราคาอาหาร : เครื่องดื่ม เครื่องใช้ จะค่อนข้างแพง ทางที่ดีคือ ควรซื้อตั้งแต่อยู่บนฝั่ง แถวท่าเรือจะมีเซเว่นค่ะ จัดมาให้หมด อยากกินอะไรซื้อตุนไว้เลย 
    4. เมาเรือ : ถ้าเป็นสภาพอากาศแย่ คลื่นจะแรงหน่อย สำหรับใครที่เคยเมาเรือเป็นทุนเดิม ก็ควรเตรียมยาให้เรียบร้อย

     

    ขอฝากไว้ในใจนักท่องเที่ยวคนต่อไป อย่าไปแตะต้องปะการัง อย่าจับสัตว์ขึ้นมาถ่ายรูป และห้ามทิ้งขยะลงทะเล เพื่อให้สิ่งสวยๆงามๆตามธรรมชาติอยู่กับเราแบบนี้ไปนานๆเนอะ ^^   หวังว่าข่อมูลเหล่านี้คงเป็นประโยชน์สำหรับคนที่จะไปหลีเป๊ะในครั้งต่อไปค่ะ  
    • โพสต์-2
    sanit •  กันยายน 08, 2561
    • จุดเด่น:
    • จุดด้อย:
    • ข้อสรุป:
    คะแนน