หลีเป๊ะ (Koh Lipe) เกาะในฝันที่ใครๆ ก็อยากไปเยือนสักครั้ง..

ลมหนาวพัดไปแล้ว....ลมร้อนก็ตามมา  อากาศแบบนี้ก็นึกถึงทะเล๊...ทะเล....เราจะออกไปกอดเมืองไทยกันที่ @ หลีเป๊ะ เกาะในฝันที่ใครๆ ก็อยากไปเยือนสักครั้ง

ทริปนี้จองตั๋วไว้กับพี่สิงโต (Lion air) ทั้งไปและกลับ ได้มาคนละ 3,150 บาท หากใครจะไปหลีเป๊ะที่เดียวโดยไม่ได้แวะที่ไหน แนะนำให้หาไฟทล์เช้า มาลงที่สนามบินไม่เกิน 08.00 น. จะได้ทันเรือรอบเช้า เพราะต้องนั่งรถตู้ต่อไปที่ ท่าเรือปากบาราอีก เพื่อให้ทันรอบเรือที่จะไปเกาะ รอบเรือมีหลายรอบ ประมาณ 09.30 น. 10.30 น. 11.30 น. และ 15.00 น. จองรอบเรือแล้วต้องเผื่อเวลา นั่งรถตู้อีกประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงถึงท่าเรือด้วยนะค่ะ ท่าเรืออยู่ปากคลองละงู ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล  แต่หากมาแวะอย่างทริปเราคือเที่ยวสงขลาก่อนแล้ว ขับไปนอนแถวท่าเรือ (พอดีแฟนอยู่ที่นั่นค่ะ เลยมีรถใช้) เพื่อขึ้นเรือรอบเช้าของอีกวันก็ลงเวลาไหนก็ได้ค่ะ วันแรกจองไฟทล์ 11.00 น. ถึงหาดใหญ่ประมาณ 12.30 น. พลขับมารอรับพาแวะเที่ยวเมืองเก่าสงขลาก่อน  เสร็จจากเที่ยวสงขลาแล้ว ถึงขับรถยาวไปสตูลกันโล๊ดด...หาที่พักเอาวันนั้นเลยค่ะ ได้ที่พักชื่อ “ฟาร์มสุข เรสสิเดนท์ รีสอร์ท” https://th-th.facebook.com/farmsuk.resort  อยู่ใกล้ท่าเรือประมาณ 10 กว่าโล คืนละ 650.-บาท เห็นชาวต่างชาติรีวิวเยอะ เลยลองดู ปรากฎว่าพอเห็นสถานที่จริง คือ....ดีงามมากกก  ถ้าใครมาหลีเป๊ะแล้วหาที่นอนแล้วท่าเรือฯ แนะนำที่นี่เลยค่ะ ถูกและดีมีด้วย ได้บ้านพักเป็นหลังเจ้าของเทคแคร์ดีมาก  บอกรายละเอียดการเดินทางเสร็จสรรพ....ได้เวลาก็ขอตัวไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้เช้า...

 

วันที่สอง...ออกจากที่พักประมาณ 8 โมงเช้า หาอาหารเช้าทานแถวที่พัก  เป็นร้านรวมอาหารเช้าทุกอย่าง เป็นร้านของมุสลิม  แวะที่เดียวจบ ทานกันอิ่มแปล้  7 คน ทั้งหมด  415.- บาท เสร็จแล้วก็เดินทางสู่ท่าเรือปากบารา  ไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ด้านหน้าให้ชำระค่าธรรมเนียมของท่าเรือคนละ 20 บาท  เดินไปที่ท่าเรือจะมีหลายช่องทางออกของแต่ละเรือ เราจองของเรือไหนไว้ ให้ดูที่ป้ายเลยค่ะ จะมีป้ายติดไว้ ทริปเราใช้บริการของ “หลีเป๊ะ เฟอรี่ แอนด์สปีโบ๊ท” ค่าบริการผู้ใหญ่ไปกลับ คนละ 1,000.-บาท เด็กคนละ 700.-บาท  เวลาเรือออก 10.30 น. แต่ให้มาถึงก่อน 10.00 น. นะค่ะ เพราะถ้ามาเร็วได้คิวเร็วได้ลงเรือเลือกที่นั่งก่อน มีเสื้อชูชีพให้ทุกที่นั่งค่ะ  เรือเต็มคนครบก็ออกเลยค่ะ 10.15 น.ออกจากท่าเรือ  ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง  

ถ้านั่งสปีดโบ๊ทเรือจะแวะที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา  และเกาะไข่กันก่อนเพื่อให้ถ่ายรูป และส่งนักท่องเที่ยวที่นอนที่อุทยานฯ ก่อนเข้าเสียค่าธรรมเนียมคนละ 50 บาท ถ้าใครไม่เข้าก็ไม่ต้องเสีย  ให้รอแถวๆ ท่าเรือ ส่วนบัตรเข้าฯ ให้เก็บไว้เพราะวันที่ไปดำน้ำและขึ้นที่เกาะราวี  จะได้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแล้วค่ะ (ถ้ามากับทัวร์ทางทัวร์จะจัดการให้หมดแล้ว)

เมื่อเรือมาถึงบริเวณก่อนถึงเกาะหลีเป๊ะ ประมาณ 500 เมตร เรือทุกเรือจะให้ขึ้นเทียบท่าโป๊ะ  บริเวณหน้าหาดพัทยา (หาดบันดาหยา)  หลังจากลงจากเรือสปีดโบ๊ทที่โป๊ะ ให้ซื้อคิวเรือหางยาวและต่อคิวรอเรือได้เลย ค่าเรือหางยาวคนละ 50 บาท จากนั้นต้องลงเรือหางยาวจากโป๊ะไปยังเกาะ  ซึ่งขากลับก็จะต้องจ่ายค่าเรือหางยาวตอนออกมายังโป๊ะด้วย เพื่อรอขึ้นเรือใหญ่อีกทอดหนึ่งเช่นเดียวกัน (ค่าเรืออีกคนละ 50 บาท) 

ถึงหน้าหาดแล้วก็เดินเข้าถนนคนเดิน ที่พักของเรา 2 คืนกัน  เดินไปประมาณ 50 เมตร ก็ถึงแล้วค่ะ  ถนนคนเดินจะอยู่หน้าหาดพัทยา  ที่พัก “ลีลาวดี รีสอร์ท” จองผ่าน agoda คืนละ 2876.-บาท (รวมอาหารเช้า) 2 คืน  ถือว่าราคาไม่แพงมากถ้าเทียบกับที่พักริมหาด และของกินหาซื้อง่าย ที่สำคัญใกล้เซเว่นด้วย  แต่ถ้าชอบความสงบแนะนำ หาดซันไรส์ หรือซันเซ็ทค่ะ  เข้าที่พักเก็บสัมภาระไว้ในห้อง แล้วก็ออกไปสำรวจแถวๆ นั้นกันค่ะ

ถนนคนเดินช่วงกลางวันของมีขายแต่ยังไม่เยอะเท่าไหร่  ราคาอาหาร น้ำดื่ม จะแพงกว่าทั่วไป ถ้าตุนเสบียงมาได้จากบนฝั่งจะดีมากกกก....มื้อกลางวันมื้อแรกบนเกาะขอฝากท้องไว้ที่ “ร้านจ่ายาว”  ถ้าพักที่ลีลาวดี มีส่วนลดให้ด้วยค่ะ  สั่งอาหารจานเดียว ราคาจะอยู่ประมาณ 120-150 บาท มื้อนั้น 830 บาท  ทานข้าวเสร็จก็เช่ารถ taxi บนเกาะ จะเป็นรถซาเล้ง หรือรถพ่วงข้าง  รอบละ 50 บาท ให้ไปส่งที่หาดซันไรส์  ตอนบ่ายๆ เย็นๆ ที่หน้าหาดมีต้นไม้ พอร่มให้เด็กๆ เล่นน้ำกันได้ไม่ร้อนมากค่ะ ส่วนเราก็เดินลัดเลาะไปตามหาด เพื่อขึ้นไปถ่ายรูปวิว ที่ “เมาเท้นท์ รีสอร์ท” รีสอร์ทที่วิวสวยที่สุดบนเกาะเลยละค่ะ ขึ้นไปถึงมองลงมาเห็นวิวนี่ถึงกับร้องว้าวววว...ยาวมากกก 555  มันสวยจริงๆ  เคยเห็นแต่ในรูปของคนอื่น ขอขึ้นมาถ่ายด้วยตัวเองสักครั้งนึง ^^  ระหว่างเดินกลับก็สำรวจบ้านพักเค้าไปด้วย ที่นี่ได้เปรียบเรื่องที่ตั้ง ห้องพักที่หันหน้าเข้าทะเล จะได้เห็นเวิ้งทะเลสวยมากมาย..กลับมาคราวหน้าคงต้องมาจองแล้วละค่ะ

ขากลับก็โทรเรียกรถซาเล้งให้มารับที่จุดเดิม นัดกันหนึ่งทุ่มเจอกัน ไปลุยอาหารเย็นกัน ตอนแรกกะว่าจะไปทานที่ร้านรักษ์เล ตามรีวิวเยอะมาก  ไปถึงคิวยาวมากกก เลยลองหาร้านอื่นดูมาเจอ “ร้านฅนเล”  ราคาอาหารค่อนข้างสูง  สั่งข้าวผัดกุ้งจานเปลใหญ่  ปลากระพงนึ่งซีอิ๊ว  ปลาหมึกนึ่งมะนาว กุ้งชุบแป้งทอด ผัดแขนง อีกอย่างจำไม่ได้แล้ว 555 พอเรียกคิดเงิน เจอราคานี่ถึงกับอึ้ง..งงง.. มื้อนั้น 2370 บาท ข้าวผัดกุ้งจานเดียว 800.-บาท (อันนี้ไม่ได้ถามราคา ส่วนรายการอื่นมีราคาแจ้งหมด) พลาดๆ เราพลาดเอง T_T  รสชาติก็กลางๆ  แต่ก็งงว่าทำไมคนมาต่อคิวเยอะจัง...กะไว้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปลองชิมที่ร้านรักษ์เล ดูว่าจะอร่อยสมกับที่มีคนรีวิวไว้หรือเปล่า  ทานข้าวเสร็จก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยแถวถนนคนเดินพอเริ่มค่ำจะเริ่มครึกครี้น  ชางต่างชาติเยอะจนเรานึกว่ามาประเทศเค้าหรือเปล่าเนี่ย..ที่นี่มีโรงพยาบาลด้วยนะค่ะ เจ็บป่วยบนเกาะไม่ต้องห่วง ^^  เดินกลับที่พัก แยกย้ายพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะไปดำน้ำกัน...เย้!!! 

วันที่สาม...ตื่นกันแต่เช้าเตรียมตัวให้พร้อม  คนขับเรือนัดมารับที่รีสอร์ทเวลา 09.30 น. ทานข้าวเช้าเสร็จก็เดินออกไปขึ้นเรือที่หน้าหาดพัทยากันเลย เรือที่ทริปเราจะไปเป็นเรือหางยาว ลำละ 2800บาท เหมาลำ ดำโซนใน และโซนนอก  มีแค่ทริปเรา รวมหน้ากากดำน้ำ  แต่อาหารกลางวันต้องเตรียมไปเอง ก็สั่งอาหารแถวรีสอร์ทให้ใส่กล่อง ซื้อน้ำขนมเอาไปให้พร้อม  พร้อมแล้วก็ลุยยยย....เด็กๆ สนุกสนานกันมาก พอเรือเริ่มออกไปสักพัก วันที่ไปคลื่นลมค่อนข้างแรง  เรือก็ขับไป โคลงไปโคลงมาคนขับเรือเก่งมากยังเด็กอยู่เลย  เราก็กลัวนะไปดำน้ำมากี่ทริปยังไม่เคยนั่งเรือหางยาวออกทะเลอย่างนี้  นั่งไปประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงจุดดำน้ำจุดแรก คือเกาะยาง พออยู่ตรงชายหาด  น้ำนิ่งมาก  คลื่นแทบไม่มี ฟ้าและอากาศเป็นใจมาก  น้ำใส สวยมากมาย คนขับเรือปล่อยอิสระ ไม่มีกำหนดเวลา จะไปเวลาไหนก็ได้ เพราะเราเหมาลำมาแล้ว ตามสบายยยย..^^

เสร็จจากจุดแรกไปจุดที่สอง  ตรงนี้ปะการังสวย  (เสียดายไม่มีกล้องถ่ายรูปใต้น้ำ) ระหว่างที่เด็กๆ ลงไปดำน้ำเรานั่งคุยกับคนขับ ถามว่าทำไมคลื่นมันสูงจัง  น้องเค้าบอกว่าช่วงนี้มันเป็นแบบนี้มา 2-3 วันแล้ว นี่ถือว่าน้อยแล้วนะครับ เราเลยถามว่าถ้าไปโซนนอก เช่น เกาะรอกลอย นั่งไปนานมั้ย น้องบอกประมาณเกือบชั่วโมง เห็นคลื่นแบบนี้เลยขอยกเลิกโซนนอกดีกว่า เอาแค่โซนในพอ....

จุดที่สาม เกาะราวี  เราจะแวะทานข้าวกลางวันกัน  ทัวร์เกือบทุกทัวร์จะแวะทานที่นี่ อย่าลืม!!! พกบัตรเข้าอุทยานฯ ที่เสียค่าเข้าไปแล้วเมื่อวานมาด้วยนะค่ะ  ทางอุทยานฯ มีจุดบริการห้องน้ำ ขายอาหาร น้ำดื่ม  แวะเกือบ 2 ชั่วโมง ให้เด็กๆ เล่นน้ำกันเต็มที่   เพราะช่วงบ่ายเราจะไปอีก 2 จุด คือ เกาะหินงาม และร่องน้ำจาบัง 

จุดที่สี่...เกาะหินงาม  งามสมชื่อจริงๆ  ตอนนี้เค้ารณรงค์ไม่ให้ซ้อนหิน เพราะเวลาหินมันหล่นลงมา จะแตกเสียหายได้  จุดนี้จะแวะให้ถ่ายรูป  ไม่ค่อยเห็นมีคนเล่นน้ำเท่าไหร่   

ตอนนี้เค้ารณรงค์ไม่ให้เรียงหินแบบในรูปนะค่ะ  เพราะเวลาลมพัดหินมันจะหล่นลงมาแตก มีป้ายด้วยแต่นักท่องเที่ยวไทยก็ยังจะเรียงกันค่ะ (ในรูปถ่ายมาให้ดูค่ะไม่ได้เรียงเอง) 

จุดที่ห้า ร่องน้ำจาบัง น้องคนขับเรือบอกว่าวันนี้คลื่นลมมันแรง ถ้าดำได้จะแวะให้  พอถึงจุดที่จะให้ลงเราก็มองหน้ากันว่าไม่ลงดีกว่า  เพราะน้ำแรง  กลัวว่าระหว่างที่ดำแล้วจะลอยตามน้ำไปไกล  เชื่อคนขับเรือเค้าอยู่กับทะเลเห็นมามากกว่าเราๆ  หลังจากนั้นก็แล่นกลับเกาะกัน  กว่าจะถึงนั่งกันใจหายใจคว่ำ คลื่นแรงมากกก  เรือโคลงยิ่งกว่าตอนขาไปอีก   ถึงเกาะประมาณ บ่ายสามโมงปล่อยให้เด็กๆ เล่นกันหน้าหาดพัทยาพักนึง  ก็เรียกให้ขึ้นไปอาบน้ำ เพราะวันนี้เราจะทานข้าวเย็นกันที่ ร้านรักษ์เล ไปเร็วได้คิวเร็ว ไปถึงร้านประมาณห้าโมงกว่ายังไม่มีคิวเข้าไปนั่งได้เลย (วันนี้ไม่มีหน้าตาอาหาร) มาให้ชม เพราะหิวกันมาก สั่ง หอยหลอดผัดฉ่า  โป๊ะแตกทะเล กุ้งผัดกะปิ   ปลากระพงทอดน้ำปลา  ทอดมันกุ้ง  มื้อนี้หมดไป 2060 บาท อร่อยมากกก..สมกับที่รีวิวไว้เลย ราคาไม่ต่างกันมาก แต่วันนี้ไม่กล้าสั่งข้าวผัดเลย..555  อิ่มหนำกันก็ไปต่อที่โรตี สั่งไป 3 ชิ้น ชาชัก 2 แก้ว 280 บาท  เดินเลียบถนนคนเดินไปเรื่อยๆ ก็ทะลุชายหาดพัทยา  ช่วงประมาณ 19.00-20.00 น. ร้านอาหารริมหาดจะมีควงกระบองไฟโชว์ ด้วยค่ะ  เห็นนักท่องเที่ยวบางกลุ่มซื้อของกินมานั่งกันริมหาด  บ้างก็นั่งดูดาว  ดูทะเล กินบรรยากาศกันจนอิ่ม ^^

พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว ยังไม่อยากกลับไปเผชิญเรื่องวุ่นวายในเมืองหลวงเลย  แต่ในความเป็นจริงก็ต้องกลับอยู่ดี...แต่เราเชื่อเสมอนะ ว่าการเดินทางทำให้เราลืมความทุกข์  ความวุ่นวายใจ บางอบ่างได้ ไม่เชื่อคุณลองเดินทางกันดู...แล้วจะเจอ ^^

สรุปค่าใช้จ่าย รวมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ  ต่อคน ๆ ละประมาณ  7 พัน ++ นิดๆ  อยากบอกว่าหลีเป๊ะไปเองถูกกว่าไปกับทัวร์เยอะ ติดต่อเอง ติดขัดนิดหน่อยแต่ก็ถูไถไปได้  อาหารก็เลือกทานตามที่เราชอบ  แต่ถ้าชอบความสะดวกสบาย แนะนำทัวร์ดีกว่าค่ะ ^^

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้นะค่ะ  ติดตามทริปต่อไปได้ที่ www.facebook.com/Natenapa.nate